Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ขบวนการแบ่งแยกดินแดนภาคใต้มีจริงหรือ ? โกหกมั้ง [ย้ายจาก : ] ติดต่อทีมงาน

ประวัติความเป็นมาของ ขบวนการแบ่งแยกดินแดนภาคใต้

ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐไทยกับรัฐปัตตานี มีรากเหง้าของปัญหามาอย่างยาวนานในช่วงสมัยต่างๆ
ก่อนที่จะมาถึงยุคปัจจุบัน ความขัดแย้งและความไม่พอใจจากการกระทำของรัฐไทยต่อชาวมุสลิมในสี่จัง
หวัดภาคใต้ที่สะท้อนออกมาเป็นระยะๆ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงที่พวกเขาถูกกระทำ จนไม่อาจจะ
เยียวยาให้พวกเขามีความรู้สึกที่ดีกลับคืนมาได้ จากการคบคิดกบฏกลุ่มเล็กๆ จนในที่สุดก็บานปลายเป็น

ขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ใหญ่ขึ้นและมีอยู่หลากหลายกลุ่ม ส่วนการจัดการของรัฐไทยที่แล้วมา ก็
ใช้วิถีทางเดียวในการจัดการปัญหาคือการปราบปรามให้สิ้นซาก การจัดการปัญหาด้วยวิธีเช่นนี้จึง
ไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหา ในทางตรงกันข้ามกลับทำให้ปัญหายิ่งบานปลายออกไปมากขึ้น ตราบจน
กระทั่งปัจจุบัน

ประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐไทยกับหัวเมืองทางภาคใต้: บ่อเกิดแห่งความขัดแย้ง

จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นระยะเวลา 700 ปี
มาแล้ว จนกระทั่งเมื่อ พ.ศ.1837 ได้มีการเรียกหัวเมืองชายแดนภาคใต้ว่า "หัวเมืองมาลายู" ซึ่งประ
กอบด้วย เมืองไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู และเมืองปัตตานี (รวมจังหวัดยะลา และนราธิวาส) ต่อมาเมื่อ
ประมาณพ.ศ.2310 ไทยเสียกรุงศรีอยุธยาให้กับพม่า หัวเมืองมาลายูทั้ง 4 จึงตั้งตัวเป็นอิสระ

กระทั่ง พ.ศ.2328 สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 ทรงให้เดินทัพไปตีหัวเมืองปัตตานี และรวบ
รวมหัวเมืองทางใต้ ทั้ง 4 เข้ามาอยู่ในความปกครองของไทยอีกครั้งหนึ่ง โดยให้มีการปกครองแบบ
อิสระ แต่ต้องส่งเครื่องบรรณาการให้กับเมืองหลวง (กรุงเทพ) 3 ปีต่อครั้ง หากไม่ส่งจะถือว่าเป็นกบฏ
และได้จัดระเบียบการปกครองบริหารราชการแผ่นดินขึ้นใหม่สำหรับหัวเมืองทางใต้ ในขั้นต้นให้เมือง

ไทรบุรีและเมืองกลันตัน อยู่ในความควบคุมดูแลของเมืองนครศรีธรรมราช เมืองปัตตานี ตรังกานู อยู่
ในความควบคุมดูแลของเมืองสงขลา

จากกรณีนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นความไม่พอใจของ ตวนกูราบิดิน[1] (เชื้อสายสุลต่าน เมืองปัตตานี)
ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองปัตตานีต่อมาตวนกูราบิดินได้ไปชักชวน องค์เชียงสือ กษัตริย์ญวน
ในสมัยนั้นให้ยกทัพมาตีไทย แต่ได้รับการปฏิเสธ ตวนกูราบิติน จึงได้ไปสมคบกับ โต๊ะสาเยก (มาจาก
ประเทศอินเดีย) ก่อการกบฏ และยกกองทัพของเมืองปัตตานีมาตีเมืองสงขลาได้สำเร็จ

พ.ศ.2334 หลังจากเมืองสงขลาตกอยู่ภายใต้อำนาจของเมืองปัตตานี ทางกรุงเทพฯได้ยกทัพ
ของเมืองนครศรีธรรมราชไปทำการปราบปราม และยึดเมืองสงขลากับคืนมาได้ พร้อมทั้งได้มีการแต่ง
ตั้งให้พระยาเมืองสงขลายกกองทัพไปตีเมืองปัตตานีกลับคืนมาอยู่ภายใต้ความปกครองได้ดังเดิม และ
เพื่อเป็นการริดรอนกำลังของเมืองปัตตานี รัชกาลที่ 1 ทรงได้แยกเมืองปัตตานีออกเป็น 7 หัวเมือง คือ

(1) เมืองปัตตานี (2) เมืองยะหริ่ง (3) เมืองหนองจิก (4) เมืองสายบุรี (5) เมืองยะลา (6) เมืองรามัน
และ (7) เมืองระแงะ โดยได้ทรงแต่งตั้งให้ข้าราชการไทย และมาลายูที่มีความจงรักภักดีเป็นเจ้าเมือง
แต่ภายหลังเจ้าเมืองต่างๆ ได้ก่อความยุ่งยากมาโดยตลอด รัชกาลที่ 1 จึงทรงเปลี่ยนแปลงตัวเจ้าเมือง
ทั้ง 7 เป็นคนไทยทั้งหมด และทรงยกระดับเมืองสงขลาขึ้นเป็นหัวเมืองเอก โดยขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ มี

อำนาจควบคุมดูแลเฉพาะเมืองไทรบุรีด้านฝั่งมหาสมุทรอินเดียเพียงเมืองเดียว เนื่องจากมีพื้นที่กว้าง
อยู่แล้วเหตุการณ์ได้สงบมาโดยตลอด

จนกระทั่ง พ.ศ.2374 สมัยรัชกาลที่ 3 ระหว่าง พ.ศ.2381 เมืองไทรบุรีได้ทำการกบฏ 2 ครั้ง แต่ไม่
ประสบความสำเร็จ สามารถปราบปรามได้โดยง่าย การก่อการร้ายสงบมาโดยตลอดจนถึงสมัยรัช
กาลที่ 5

จากคุณ : Faraday
เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 55 15:56:19




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com