หากมองพุทธฯ ในฐานะศาสนาแ้ล้ว
จากดั้งเดิมที่เป็น พรหมจรรย์
(สิ่งบางสิ่ง ที่เป็นหนทางเข้าถึงธรรมล้วนๆ)
หรือต่อมาเรียกเป็น ธรรมวินัย
และมาหลังปรินิพพานที่ดูมีเค้า
มองเห็นเป็นองค์กรสังฆะขึ้นมาแล้ว
ปัจจุบันแม้จะกลายเป็นศาสนาพุทธ
ก็ไม่ขัดแย้งแต่อย่างใด
หากดำเนินไปตามธรรมวินัย
และแม้สิ่งใดจะไ่ม่มีบอกไว้ หรืออนุญาตให้ทำ
ก็อาศัยหลักตัดสินธรรมวินัยมาพิจารณาได้
ความเป็นศาสนาไม่ใช่สิ่งเลวร้าย
เช่นอย่างที่ มอดปลวกแห่งศาสนาในยุคปัจจุบัน
ได้เข้าไปทำลายและยัดเยียดความเป็นมิจฉาทิฏฐิแฝงเข้าไป
มองให้ง่ายที่สุดก่อนก็ได้ครับ
1. เรื่องศีลเป็นพื้นฐาน แม้ทุกคนไม่ได้กล่าวสมาทานฯ ก็สงบสุขได้
มองให้ง่ายที่สุดเลยว่า
ศีล 5 ข้อ หากทุกคนมีใจจะรักษาอย่างสมบูรณ์แน่นแฟ้น
และยังรวมไปถึงหลักของศีล
อันว่าด้วยเรื่องของ 'การไม่เบียดเบียน
(ทั้งกฎหมายและธรรมเนียมทางโลก)
เช่น เว้นจากการฝ่าไฟแดง, ข้ามถนนตรงทางม้าลาย,
ไม่แซงคิว, เอื้อเฟื้อที่นั่งสตรี เด็ก คนชรา,
เสียภาษีอย่างซื่อตรง, วิจารณ์สังคมอย่างสร้างสรรค์ ฯลฯ
เรื่องศีล หาใช่เพียงแค่มิติว่า
เราจะไม่เบียดเบียนผู้ใดผู้หนึ่งทางกาย
แต่หากเข้าใจให้ลึกซึ้งแล้ว จะเข้าใจเลยว่า
"จะเว้นเบียดเบียนตัวเอง และผู้อื่นทั้งทางกาย วาจา
และการเบียดเบียนใดๆ ที่จะทำให้ผู้อื่นนั้นรู้สึกเชิงลบ
ที่แม้จะส่งผลในทางใจด้วย"
2. สิ่งอื่นดีงามจะตามมา หากว่าศีลงดงาม และทำตามอย่างเข้าใจแล้ว
สมาธิและปัญญา ก็เกิดขึ้นได้ไม่ยากเลย
เว้นเอาไว้ในฐานะที่ต้องฝึกฝนกันครับ