ความคิดเห็นที่ 1 ชาวบ้านทั่วไป  จิตใจลังเล ย่อมจะแสวงหาที่พึ่งที่วางใจได้  จึงอยากรู้ว่าใครบ้างที่ได้สำเร็จคุณธรรมระดับสูงขนาดนั้น  แต่ก็ไม่มีเครื่องมือใดๆมาวัดได้ เหมือนคนตาบอดอยู่ในถ้ำที่ก้นเหวลึก ไม่รู้ทางออก   ... แต่ยังไงก็ต้องหาทางให้ได้ละ ไม่ยอมๆๆ..  ...ก็มีวิธีหนึ่งคือ มาดูที่กระดูกหรือซากที่เหลือ ว่า มีอะไรแปลกๆพิเศษบ้าง ... เพราะจะได้แน่ใจ ความมั่นใจในคำสอนจากผู้ที่ตนเชื่อว่าได้สำเร็จธรรมระดับสูงจริงๆ  ว่าคำสอนที่ออกมาจากผู้ที่สำเร็จคุณธรรมระดับนั้น ย่อมไม่ผิดพลาด  เชื่อถือได้แน่นอน เพราะคนที่ภูมิใจต่ำกว่า  จะไม่มีทางล่วงรู้คนที่ภูมิใจสูงกว่าได้.....แล้วจะรู้ได้ยังไงหน๊ออ  ?ว่าใครสำเร็จธรรมระดับอรหันต์กันบ้าง มีทางเดียวที่พอจะดูได้  ก็มาดูกันที่พระธาตุ นี่แหละ... จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 04:53:12

ความคิดเห็นที่ 2 คนวัดเค้าก็วัดกันตามภูมิธรรมของตนเอง รู้น้อยก็วัดด้วยวิธีของคนรู้น้อย รู้มากก็วัดด้วยวิธีของคนรู้มาก แย้งกันก็เป็นธรรมดาเพราะรู้ไม่เท่ากัน แต่ถ้าเราคิดว่าเถ้ากระดูกของพระ จะเป็นแก้วหรือไม่เป็นแก้วก็ตาม ย่อมเป็นเครื่องโยงจิตให้ผู้บูชานึกถึงความดีของพระอริยสงฆ์ได้ คิดแบบนี้ทำแบบนี้ก็เป็นประโยชน์เป็นบุญเป็นกุศล มองหามุมที่มีประโยชน์ดีกว่านะ แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 55 06:45:41 จากคุณ : แมวเปอร์เซีย เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 06:45:27

ความคิดเห็นที่ 3 จุดเริ่มต้นของความเบี่ยงเบนไปจาก พระธรรม และจะมากขึ้นเรื่อยไป จะเป็นความดี ถูกตรงได้อย่างไร ไม่เป็นสัมมาทิฏฐิ ความเห็นความเข้าใจที่ถูกตรง มรรคาแรกในอริยมรรคมีองแปด แล้วมรรคาที่เหลือจะเกิดตามมาได้อย่างไร จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 07:32:12

ความคิดเห็นที่ 4 เหมือนคนที่กล่าวว่าเขารักผู้หญิงงามในชนบทคนหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครเมื่อถูกถาม ? ชืออะไร สูง ต่ำ ดำ ขาว อยู่แถวไหน ก็ไม่รู้ คำพูดเขาย่อมเป็นสิ่งที่เลื่อนลอย ? โดยเปรียบเทียบอาศัยที่เขาเห็นว่า อัญมณีที่เกิดขึ้นอย่างบริสุทธิ์แปดเหลี่ยม เจียรไนอย่างดีคือหญิงงามนั้น แต่อัญมนีนั้นเมื่ออยู่คู่กับหิ่งห้อยในตอนกลางคืน หิ่งห้อยนั้นกลับส่องสว่างกว่า ตะเกียงในยามราตรี ก็สว่างกว่าหิ่งห้อย กองไฟใหญ่ก็สว่างกว่าตะเกียง ดาวศุกร์ก็สว่างกว่ากองไฟใหญ่ ดวงจันทร์เต็มดวงก็สว่างกว่าดาวศุกร์ ดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงก็สว่างกว่าดวงจันทร์ (เกี่ยวกับ เวขณสสูตร) ความเห็นของชายผู้นี้จึงเป็นความเห็นที่ผิดเสียแล้ว  เป็นทิฏฐิที่ผิด การได้ยินได้ฟังมาอย่างผิด ทิฏฐิที่เกิดขึ้นกับเรื่องที่ได้รับมานั้นย่อมผิด แม้แต่คิดจินตนาการสร้างเอาเองโดยไม่ได้ยินได้ฟังมา  ก็ยังสามารถผิดได้ กระดูกจะเป็นแก้วใส ๆ หรือ เป็นเถ้าถ่านดำปิ้ดปี๋ ก็ยังมีธรรมและวินัยที่เป็นศาสดา ? ผู้ไม่ประมาทเมื่อยังไม่รู้ชัดตามจริง ก็ไม่จำเป็นต้องสร้างทิฏฐิว่า นี่เป็นอย่างนั้น นี่เป็นอย่างนี้ ให้เป็นสังโยชน์ จะเป็นการดีกว่าถ้าพิจารณาให้รู้ชัด ปรากฏด้วยปัญญาตนเสียก่อน ? ถ้าไม่รู้ว่าตะเกียงสว่างกว่าหิ่งห้อย ก็อาศัยหิ่งห้อยส่องแสงให้ ถ้าไม่รู้ว่ากองไฟใหญ่สว่างกว่าตะเกียง ก็อาศัยตะเกียงส่องแสงให้ ถ้าไม่รู้ว่าดาวศุกร์สว่างกว่ากองไฟใหญ่ ก็ใช้กองไฟใหญ่ส่องแสงให้ ถ้าไม่รู้ว่าดวงจันทร์เต็มดวงสว่างกว่าดาวศุกร์ ก็ใช้ดาวศุกร์ส่องแสงให้ ถ้าไม่รู้ว่าดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงสว่ากว่าดวงจันทร์  ก็ใช้ดวงจันทร์ส่องแสงให้ ถ้าได้รู้แสงจากแหล่งต่าง ๆ แล้ว ก็ไม่ลำบากเลยถ้าจะพิจารณาตามความเหมาะสม? หมายเหตุ. พระธาตุเป็นที่ระลึกเพื่อละอกุศลนำไปสู่กุศลธรรม.ดี จากคุณ : นายอิ่ม เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 08:02:55

ความคิดเห็นที่ 5 ตัวพระท่านไม่ได้วัดกันครับ  แต่ลูกศิษย์ลูกหาต่างหากครับที่วัดกันเอง อวดอ้างกันเอง  ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ ครับเรื่องสรีระสังขารหลังจาก ครูบาอาจารย์ท่ามรณะไปแล้ว  ก็เหล่าลุกศิษย์ลูกหาไม่ใช่เหรอครับที่อ้างเอาคำว่า เคารรพรัก หรืออะไรก็แล้ว  บ้างก็เก็บไว้ในโลงแก้ว โลงอะไรต่อมิอะไรบ้าง   กลารยเป็นหาเงินหาทองของวัดกันไป ปกติของพระสงฆ์ที่เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิติชอบแล้วหากท่านปฏิบัติไปในระดับหนึ่ง  ท่านจะรู้กันเองครับว่าใครอยู่ในระดับไหน  เหมือนขึ้นตึกนะครับ  เมื่อปฏิบัติไปก็เหมือนขึ้นตึกสูงขั้นหนึ่ง ก็จะมอเห็นวิวทิวทัศน์ในระดับหนึ่ง แล้วก็สามารถมองได้เห็นว่าใครอยู่ในระดับใด   ไม่ต้องเถียงกันให้มากความไปครับ  พระท่านจะรู้กันเอง คราวนี้เรื่ออัฐฐิธาตุ  มันอยู่ที่เราด้วยครับว่าเราจะมองเป็นอย่างไร  มองในมุมไหน บางท่านเขาบูชาครูของเขา  หากเราไม่เกี่ยวข้องก็มองให้เป็นกลาง ๆ ครับ  อย่าไปยึดติดอะไรเลย จากคุณ : กระจอกจัง เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 08:07:43

ความคิดเห็นที่ 6 ปุถุชน ไม่มีทางรู้ได้ว่าสงฆ์องค์ไหนเป็นพระอริยะ  และส่วนมากมีความเชื่อกันว่า กระดูกของพระอริยะจะต้องเป็นแก้วผลึก  จึงไม่แปลกที่เขาจะคิดกันอย่างนั้น จากคุณ : nuch_tre เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 08:31:10

ความคิดเห็นที่ 7 หลวงตามหาบัวเคยพูดไว้ว่า  ถ้าพระรูปใด อัฐิกลายเป็นพระธาตุแล้ว  ตีตราได้เลยว่า เป็นอรหันต์ แต่ท่านไม่ได้หมายความว่า  พระอรหันต์  อัฐิจะต้องกลายเป็นพระธาตุ เพียงแต่ว่า  ถ้าได้ลงว่า  อัฐิกลายเป็นพระธาตุแล้ว  ยืนยัน ฟันธงว่า ใช่........ มันเป็นเหมือนตรรกะที่ว่า  ถ้าฝนตก ดินจะต้องเปียก  แต่ดินเปียก ไม่ได้หมายความว่า ฝนตกเสมอไป ความเข้าใจของผมคือ  พระอรหันต์อาจไม่ได้มีอัฐิกลายเป็นพระธาตุเสมอไป เพียงแต่หากอัฐิของพระรูปใดกลายเป็นพระธาตุแล้วไซร้.......นั่นคือพระอรหันต์อย่างแน่นอน จากคุณ : อ้ายเซียงจ่อย เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 09:10:10

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่องการบูชาพระธาตุของพระอรหันต์นั้น  ไม่ใช่ชาวบ้านริเริ่มทำกัน  แต่พระพุทธเจ้าผู้เป็นองค์ศาสดาท่านพาทำ  ตอนพระสารีบุตรนิพานพระจุนทะน้องชายนำอัฐิธาตุไปถวายพระพุทธเจ้า พระองค์ก็ทรงตรัสสั่งให้สร้างเจดีย์อยู่ในเชตวันมหาวิหาร  เพื่อบรรจุอัฐิธาตุของพระสารีบุตรไว้บูชาต่อไป การบูชาอัฐิธาตุของพระอรหันต์จึงเป็นการบูชาคุณอย่างหนึ่ง....พระพุทธเจ้าทรงพาทำ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านพาทำ....อย่าได้ดูเบาด้วยความไม่รู้ของตนเอง ส่วนการที่พิสูจน์ความเป็นอรหันต์ด้วยพระธาตุนั้น....ก็เป็นเพราะว่าเฉพาะพระอรหันต์เท่านั้นที่อัฐิจะเกิดเป็นพระธาตุขึ้นมาได้....อริยะบุคคลชั้นอื่นไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นได้.....เพราะจิตที่ครองธรรมขั้นอรหันต์เป็นจิตที่บริสุทธิ์  เป็นธรรมธาตุเต็มส่วน  จิตที่บริสุทธิ์เป็นธรรมธาตุเช่นนี้จะซักฟอกธาตุขั้นให้บริสุทธิ์อยู่ตลอดเวลาที่ท่านยังครองขันธ์อยู่ ยิ่งหากองค์ใดบรรลุอรหันต์และยังครองธาตุขันธ์มายาวนาน  จิตที่บริสุทธิ์ก็จะซักฟอกธาตุขันธ์เป็นเวลานานเกิดเป็นพระธาตุขึ้นได้แม้องค์ท่านจะยังครองธาตุขันธ์อยู่.....เช่น องค์ท่านหลวงตาพระมหาบัว  ธาตุขันธ์ขององค์ท่านเกิดเป็นพระธาตุตั้งแต่เวลาที่ท่านยังไม่ละสังขาร เป็นต้น แต่ก็ใช่ว่าอัฐิของพระอรหันต์จะเป็นพระธาตุทุกองค์เสมอไป....บางองค์ก็อธิษฐานกำหนดจิตมิให้อัฐิของตนเองเป็นพระธาตุก็ได้....เพราะจิตที่บริสุทธิ์เป็นจิตที่มีกำลัง  ย่อมกำหนดให้เป็นไปหรือไม่เป็นไปอย่างไรก็ได้... ดังนั้น....การที่ชาวบ้านบูชาอัฐิธาตุของพระอรหันต์จึงมิใช่เรื่องงมงายขาดปัญญา....แต่เป็นการบูชาคุณอย่างหนึ่งที่พระพุทธเจ้าทรงพาทำ.....หากเป็นเรื่องงมงายไร้สาระพระพุทธองค์ท่านทรงไม่พาทำเป็นแน่....สิ่งใดคู่ควรจะบูชาท่านก็สอนให้สาวกทั้งหลายบูชา  สิ่งใดที่ไม่คู่ควรจะบูชาท่านก็สอนให้ละเสีย.... อนึ่ง....ปัจจุบันมีการแอบอ้างพระธาตุปลอมในลักษณะต่างๆ เพื่อเรียกศรัทธามากมาย  เช่น เอาวัตถุที่คล้ายพระธาตุไปใส่ในกองเส้นผมแล้วก็อ้างว่าพระรูปนั้นรูปนี้อัฐิเป็นพระธาตุแล้วก็มี....ต้องพิจารณาให้ดี จากคุณ : ดอกหญ้าสีนวล เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 09:29:10

ความคิดเห็นที่ 9 เป็นเรื่องของ "ความเชื่อและความศรัทธา" อย่าพยายามพิสูจน์ทราบเลยค่ะ จากคุณ : ต้นแมกโนเลีย เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 09:30:39

ความคิดเห็นที่ 10 .. แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 55 09:45:34 แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 55 09:44:41 แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 55 09:44:26 จากคุณ : มังกรจักรวาล เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 09:43:27

ความคิดเห็นที่ 11 ความคิดเห็นที่ 9     เป็นเรื่องของ "ความเชื่อและความศรัทธา" อย่าพยายามพิสูจน์ทราบเลยค่ะ จากคุณ : ต้นแมกโนเลีย     เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 09:30:39 ------------------------------------------------ โอ้ทราบแล้วครับ ไม่พิสูจน์แล้วครับ จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 11:05:18

ความคิดเห็นที่ 12 ก็เข้าใจนะว่าธรรมอยู่ภายในยากที่จะเข้าใจจาก ตามองหูได้ยิน จึงต้องหาอะไรที่ตามองเห็นได้มาวัดกันนะ ผมเองก็มีเพื่อนที่บรรลุแล้วแต่ว่าบอกใครด้วย ปากเปล่าใครจะเชื่อล่ะ คงจะต้องเอาผมของเค้ามาเก็บ ให้กลายเป็น พระธาตุ บ้างจะดีกว่านะ เพราะจะทำให้หลายๆคนคงจะยอมเชื่อและศรัทธาน่ะ จากคุณ : trialuck เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 11:34:49

ความคิดเห็นที่ 13 รอดูกระดูกก็ช้าไปแล้วครับ พระอริยะเจ้าท่านมีไว้ให้เข้าใกล้ฟังธรรมจากท่านแล้วปฏิบัติตาม จึงจะถือเป็นประโยชน์กับตนเองและคนรอบข้าง ถ้าไม่แน่ใจว่าใครเป็นพระอริยะหรือไม่ก็เข้าไปใกล้ฟังธรรม ถ้าพิจารณาแล้วดีถูกจริตก็ปฏิบัติตาม ได้ผลดีตามท่านบอกก็ของจริง ไม่ดีก็ของไม่จริง อย่างนี้น่าจะดีกว่าแห่ตามไปดูพระธาตุนะ จากคุณ : หลังเขา เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 13:00:18

ความคิดเห็นที่ 14 อัฐิครูบาศรีวิชัยก็กลายเป็นธาตุ ทำไมท่านไม่เห็นเป็นพระอรหันตืเลย อีกอย่างในสมัยพุทธกาลไม่เห็นอับิธษตุพระสาวกองค์ไหนจะกลายเป็นแก้วแบบปัจจุบันเลย อย่างมากก็รวมกันแข็งเป็นหิน จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 13:13:00

ความคิดเห็นที่ 15 พระธาตุ บางทีก็เป็นเพียงแค่ ก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ คนธรรมดาก็มี แต่ เพราะไม่ศรัทธา คนจึงไม่สนใจ ถ้าเป็นพระที่มีชื่อเสียง ก็จะกลายเป็นว่ามี พระธาตุ เพราะคนมีศรัทธา และให้ความสนใจกันมาก จากคุณ : 13th friday เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 13:29:27

ความคิดเห็นที่ 16 พระธาตุมีลักษณะต่างๆ ไม่ใสเหมือนแก้วเสมอไป บ้างเหมือนข้าวสาร บ้างเหมือนเม็ดงา บ้างเหมือนกรวด และรูปแบบต่างๆ ส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะบ่งบอกอะไร นอกจากองค์ประกอบทางเคมีในกระดูกแต่ละคน นับถือพระอริยะเจ้าในจริยวัตรอันงดงาม มากกว่าเชิงเปรียบเทียบจะดีกว่า จากคุณ : กอดเข่าคุย เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 14:47:41

ความคิดเห็นที่ 17 กระดูกคนธรรมดา กระดูกหมาแมว  บางทีในกระบวนการเผา เกิดเหตุปัจจัยพอเหมาะก็เป็นใส ขึ้นมาได้...   คนเรามีไม่มีธาตุประกอบกัน ก็มี คารบอน  ไฮโดรเจน  ไนโตรเจน  สังกะสี เหล็กบ้าง จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 16:25:20

ความคิดเห็นที่ 18 คิดไม่แปลกหรอกครับ ที่เขาวัดอริยะกันที่เถ้ากระดูกเป็นแก้วนั้น เพราะเขามีความคิดผิดคับ มิจฉาทิฏฐิ เห็นผิด จากคุณ : โอ่อี๊โอ (oiooo) เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 18:08:03

ความคิดเห็นที่ 19 จากความเห็นที่ ๗ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า... สิ่งที่หลวงตาบัวพูดนั้นเป็นความจริง อาจจริงหรือไม่จริงก็ได้ นี่แหละปัญหา... จากคุณ : ว่าไงล่ะ (เตาฟืน) เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:13:18

ความคิดเห็นที่ 20 พระอรหันต์ท่านก็นิพพานไปแล้ว ไม่ม่าสนใจว่ากระดูกท่านจะเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ใครจะว่าท่านเป็นพระอรหันต์หรือไม่ใช่พระอรหันต์ เพราะกระดูกเป็นแก้วหรือไม่เป็นแก้ว ท่านก็ไม่สนใจ มีคนคอยแต่มานั่งสงสัยว่า พระองค์โน้นองค์นี้ ใช่หรือไม่ใช่พระอรหันต์ เพราะกระดูกใช่แก้วไม่ใช่แก้ว แล้วยังมีคนมานั่งสงสัย คนที่คอยแต่มานั่งสงสัยอีกทีว่า ที่ตัดสินว่า พระอรหันต์ เพราะกระดูกเป็นแก้วนั้น ถูกต้องหรือไม่ ใยไม่ไปดูคำสอน วัตรปฏิบัตร ของท่านที่ะสังขารเหล่านั้นแทนเสียล่ะ ว่าคำสอนของท่านเหล่านั้น วัตรปฏิบัตรของท่านเหล่านั้น เป็นไปเพื่อละ เพื่อวางหรือไม่ แล้วมันน่าสงสัยไหม จากคุณ : chum เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:19:20

ความคิดเห็นที่ 21 ผมว่านะอยากรู้ทำไมไม่ไปหาอ่านพระไตรปิฎกที่ว่าด้วยเรื่อง   พระธาตุล่ะครับ  จะได้รู้แล้วไม่ต้องมาตะแบงเถียงกันอย่างนี้    คนรู้อธิบายไอ้คนไม่รู้ก็เถียงจัง   ไปดูพระไตรปิฏกเลยดีกว่าจะได้หมดสงสัย     และใครเถียงพระไตรปิฎกก็พิจราณาตัวเองได้แล้วครับแล้วโปรดไปตั้งลัทธิใหม่ได้    โดยอ้างว่าเนื้อหาในพระไตรปิฎกเป็นของปลอมเอา   ทิฎฐิของพวกผมดีกว่า   ดีมั๊ยครับ จากคุณ : wutthitham เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 20:23:14

ความคิดเห็นที่ 22 http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12473214/Y12473214.html แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 55 22:44:55 แก้ไขเมื่อ 05 ส.ค. 55 22:31:58 จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 55 22:29:21