ความคิดเห็นที่ 1 อ่านได้  ไม่มีปัญหา ไม่บาปอะไร ... การอ่านหนังสือในห้องน้ำนั่นแหละ  ปกติจะได้สมาธิดีด้วย แม้จะเวลาสั้นๆ.... จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 08:17:03

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่บาปแต่ประการใดครับ การถือว่าบาป เป็นเพียง คติความเชื่อของบางท่าน บางกลุ่มเท่านั้น แต่ข้อเท็จจริงคือ ไม่บาปครับ จะเป็น บุญเป็นกุศลด้วยซ้ำ หากการอ่านนั้น นำไปสู่ปัญญา มีสัมมาทิฏฐิ การนับถือพระรัตนตรัย นับถือพระพุทธองค์ ไม่ได้อยู่ที่ขนบ ประเพณีเท่านั้นครับ การนับถือสูงสุด คือดำรงสติ  ทำตามที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอน นั่นถึงจะเป็นการให้ความเคารพอย่างถูกต้อง ขอให้ท่านเจ้าของกระทู้สบายใจได้ครับ      จากคุณ : สุบรรณภักดิ์ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 08:26:26

ความคิดเห็นที่ 3 กิเลสเกิดไม่เลือกที่ ธรรมะจึงควรให้เกิดในใจได้ไม่เลือกที่เช่นกัน จากคุณ : พูเก็จ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 08:37:50

ความคิดเห็นที่ 4 อ่านได้แต่ระวังสองอย่าง อย่างแรก การอ่านหนังสือขณะขับถ่ายเป็นเหตุให้เกิดริดสีดวง หมอบอกมา อย่างสอง อ่านแล้วเอาออกมา อย่าทิ้งไว้ คนอื่นเข้ามาเห็น เพราะ เขาอาจมีความคิดที่ทำให้จิตเขาเองขุ่นมัว เป็นอกุศลจิต ด้วยเราเป็นสาเหตุ กรรมนิดหน่อย ที่จะทำให้คนอื่นได้รับ ด้วยตัวเราเป็นสาเหตุ อย่าไปทำ มีเท่านี้แหละ จากคุณ : น้องต๋าว เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 08:39:19

ความคิดเห็นที่ 5 ผมก็อ่านประจำครับ ธรรมมะไม่มีเวลาและสถานที่ จากคุณ : บันทึก..การเดินทาง เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 09:06:29

ความคิดเห็นที่ 6 อ่านประจำเช่นกัน  ครับ จากคุณ : sivaree เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 09:11:30

ความคิดเห็นที่ 7 บาป คง ไม่ แต่ผมว่ามันไม่เหมาะ เวลาอ่านที่อื่น ๆ  มีมากมาย  หรือ ว่าต้องอยู่ห้องน้ำทั้งวัน อันนี้ไม่ว่า ปล.อย่าพึงมองข้ามแม้เพียงสิ่งเล็ก             น้อย หากมีคนตำหนิแม้เพียงคน     เดียว เราก็ควรนำมาพิจารณา     ด้วยความเคารพรัก จากคุณ : พระจันทร์คืนแรม เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 09:19:44

ความคิดเห็นที่ 8 อ่านอย่างเดียวไม่บาป แต่เวลาทิชชู่หมดขอให้ใช้น้ำเท่านั้น ห้ามฉีกหนังสือเด็ดขาด!!! กระดาษมันแข็ง จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 09:24:43

ความคิดเห็นที่ 9 อันนี้ไม่ใช่เรื่องของความรู้แล้ว เป็นเรื่องของความรู้สึกของพ่อแม่ และเป็นเรื่องที่ต้องเข้าใจความรู้สึกท่าน ต้องให้ปากพระพูด ปากลูกยังไม่แข็งแรงพอ วางและอ่านหนังสือในห้องน้ำ หากได้ประโยชน์บ้าง วางหนังสือไว้บนที่สูง สู๊งงงงซะจนลืมหยิบมาอ่าน "_" จากคุณ : หน้ากาก ธรรมะ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 09:29:12

ความคิดเห็นที่ 10 ดิฉันก็อ่านหนังสือธรรมะในห้องน้ำประจำ รวมถึงเข้าห้องศาสนาในห้องน้ำด้วย เพียงแต่เลือกหนังสือที่ไม่มีรูปพ่อแม่ครูอาจารย์เข้าไป เพราะรู้สึกไม่สมควรเหมือนกัน  จะหยิบเล่มที่ไม่มีรูป  โดยเฉพาะหน้าปก หลังปก  แต่ในเล่ม ไม่เป็นไร นอกจากอ่านหนังสือธรรมะในห้องน้ำแล้ว บางทีก็จะเปิดวิทยุ ช่องหลวงตา หรือช่องธรรมะอื่นๆ ฟังด้วย  เสียดายช่วงหลังๆ วิทยุชุมชนคลืนแรงนัก ฟังอย่างอื่นไม่ค่อยได้เลย เคยได้ยินหรืออ่าน ว่าหลวงตาเคยพูดไว้ ไม่แน่ใจว่าจากที่ไหน   ท่านว่า จะอ่านจะฟังในห้องน้ำ ยิ่งดี ให้ธรรมะชำระล้างสิ่งสกปรกออกไปจากกายจากใจเรา จากคุณ : แม่น้องปัน เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 09:38:43

ความคิดเห็นที่ 11 ชอบพิจารณากาย ในห้องน้ำเวลาทำธุระ ผมว่าเวลาเข้าห้องน้ำสมาธิสูงนะครับ เพราะจะไม่ค่อยว่อกแว่ก พิจารณากายเวลาเข้าห้องน้ำทำธุระมันชัดดี  บางทีก็ วาบ  เลยล่ะ แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 55 09:50:42 จากคุณ : กันดั้มตัวนี้สีชมพู เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 09:49:45

ความคิดเห็นที่ 12 บาปคงไม่บาปครับ แต่ของสูงอย่างหนังสือธรรมะ เอาไว้ในห้องน้ำคงไม่เหมาะ เวลาจะเข้าไปทำธุระ ค่อยถือติดมือ เข้าไปด้วยน่าจะดีครับ จากคุณ : บ่าวบ้านบาก เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 10:09:42

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่เป็นการเคารพธรรมครับ.....พ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านไม่พาทำเช่นนี้ครับ สมัยที่พระอาจารย์มั่นท่านยังมีชีวิตอยู่...องค์ท่านจะบูชาธรรมมาก....หนังสือซึ่งเป็นเครื่องบรรจุซึ่งพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าองค์ศาสดา พระอาจารย์มั่นท่านจะยำเกรงมาก....ท่านจะบุชาในที่ๆ เหมาะสมเสมอ  หากไปที่ใดที่วางหนังสือธรรมมะต่ำกว่าศรีษะท่านๆ จะไม่ล้มตัวลงนอนเป็นอันขาด  ท่านจะต้องเอาหนังสือเหล่านั้นไปวางในที่ๆ สูงกว่าศรีษะของท่านเสมอ แม้แต่กระดาษที่มีตัวอักษรไม่ว่าจะเป็นภาษาของชนชาติใดปรากฎอยู่  พระอาจารย์มั่นท่านก็ไม่เหยียบยำหรือนำไปเช็ดห่อสิ่งปฎิกูล....ท่านกล่าวว่าตัวอักษรไม่ว่าของชนชาติใดล้วนแล้วแต่บรรจุธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าได้  ท่านจึงให้ความเคารพแก่ตัวอักษรเหล่านั้น การนอบน้อมต่อธรรม  บูชาธรรมอย่างสุดใจ  จึงเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของผู้ปฎิบัติภาวนาที่รู้ซึ้งถึงคุณค่าแห่งธรรมนั้น...เพราะธรรมมิใช่เป็นของที่ได้มาโดยง่าย  พระพุทธเจ้าสลบไสลถึงกี่ครั้งกว่าจะทรงได้ธรรมอันประเสริฐมามาสอนโลก  พ่อแม่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายต่างเอาชีวิตเข้าแลกมากี่ครั้งกว่าจะได้รู้ธรรมเห็นธรรมเหล่านั้น....ดังนั้นการศึกษาธรรมจึงต้องทำด้วยความเคารพนอบน้อมต่อธรรมนั้น..... ดังนั้น....การนำหนังสือธรรมมะไปอ่านในห้องน้ำจึงเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง.....ขับถ่ายอุจาระปัสสาวะไปอ่านธรรมะของพระพุทธเจ้าไป  ช่างเป็นสิ่งที่น่าทุเรศสิ้นดี   เวลามากมายตลอดทั้งวันแต่กลับเลือกเอาเวลาขับถ่ายของเสียเป็นเวลาอ่านหนังสือธรรมะ  ช่างเป็นผู้ที่ไม่รู้คุณค่าของธรรมเลยแม้แต่น้อย   ไม่เป็นไปเพื่อการบูชาธรรมเลยแม้แต่น้อย.....ปฎิบัติเช่นนี้อย่าคิดเลยว่าชาตินี้จะได้รู้ธรรมเห็นธรรม....อย่างมากก็ได้แค่รู้จำ คือจำได้ว่าสิ่งเหล่านี้เค้าอ่านว่าอะไร เขียนว่าอย่างไร มีชื่อเรียกว่าอะไร  แต่จะไม่มีวันได้สัมผัสธรรมรสแห่งธรรมนั้นเลย.... ลองพิจารณาดูครับ จากคุณ : ดอกหญ้าสีนวล เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 11:00:44

ความคิดเห็นที่ 14 สงสัยว่า ที่ว่าบาป นั้น บาป อย่างไร  ครับ ด้วยเหตุผล อย่างไร ถึง เรียกว่า บาป ครับ จากคุณ : a235 เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 12:25:00

ความคิดเห็นที่ 15 การศึกษาปฏิบัติธรรมะ สามารถทำได้ ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น เดิน ยืน นั่ง นอน กิน ดื่ม อาบ ถ่าย ไม่จำเป็นต้องมีข้อยกเว้น ของแบบนี้อยู่ที่เจตนา ถ้าเรามีเจตนาที่ดี การกระทำนั้น มีความมุ่งหมาย ที่เป็นไปเพื่อการดับทุกข์ จะเวลาไหนก็ไม่สำคัญ พระพุทธเจ้ากล่าวว่าธรรมทั้งปวงเป็น อนัตตา รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ก็เป็น อนัตตา จะอุจาระ ปัสสาวะ ก็เป็น อนัตตา ตัวเราเองต่างหาก ที่ไปรังเกิยจมัน ไปปรุงแต่งมัน ไปยึดมั่นถือมั่นกับมัน ไปคิดว่า มันเป็นของต่ำ ไม่ดีไม่งาม แล้วก็เป็นทุกข์กับมัน ถ้าทำไปแล้ว กิเลสลดลง ความทุกข์ลดลง ก็ทำไปเถอะ ไม่ผิดบาป แต่อย่างใด แต่ถ้ามีคนเข้าใจผิด ก็อธิบายให้เขาฟังอย่าง เป็นเหตุ เป็นผล อย่าให้ถึงกับต้อง ทะเลาะกัน อันไหนยอมได้ก็ยอมไป เดินตาม ทางสายกลาง เข้าไว้ครับ แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 55 12:29:08 จากคุณ : 13th friday เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 12:25:30

ความคิดเห็นที่ 16 ผมหิ้วไปอ่านในห้องน้ำประจำ ตอนกำลังนั่งอ่าน ก็ตั้งใจและสำรวมไปด้วยครับ จากคุณ : M_moshi เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 12:52:52

ความคิดเห็นที่ 17 ศาสนาพทธเค้าสอนให้ภาวนากันทุกที่ทุกเวลาไม่ใช่หรือ วิปัสนาตอน อึ บุญนะไม่บาป จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 13:00:08

ความคิดเห็นที่ 18 เวลาเข้าห้องน้ำทำความรู้สึกในร่างกายสบายกว่า เป็นการปฏิบัติอย่างดีเลย และได้ผลดีมาก อ่านไป ทำธุระไป รู้โน่นที มารู้นี้ที จะดีเหรอ รู้จักร่างกายดีเเล้วเหรอถึงมีเวลาอ่าน จากคุณ : นั่นซินะ (Higherforce) เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 13:05:28

ความคิดเห็นที่ 19 ถาม – เอาหนังสือธรรมะไปอ่านขณ ะทำธุระในห้องน้ำ เป็นบาปไหมครับ? ถ้าถามว่าบาปไหม? ไม่บาป เพราะจิตไม่ได้เป็นอกุศล ตรงข้าม อาจเป็นมหากุศลก็ ได้ ถ้าถามว่าผิดไหม? ไม่ผิด เพราะไม่มีใครเดือดร้อน แถมจะมีคนได้ดีด้วยซ้ำ แต่ถ้าถามว่าเหมาะไหม? อันนี้จำเป็นต้องตอบว่า ไม่เหมาะ เพราะของสูงคู่ควร กับสถานที่ที่สว่างทาง ความรู้สึก พูดง่ายๆว่าธรรมะคู่ควร กับที่แจ้ง ที่สว่าง ที่เปิดเผย และควรคู่กับของสะอาด ของหอม ของไร้มลทิน ลองถามใจตัวเองเถิด เมื่อมีเจตนางดเอาหนังสือธร รมะ เข้าห้องน้ำเพื่ออ่านฆ่าเวลาเล่ นแล้ว ความรู้สึกเกี่ยว กับการรับธรรมะแตกต่างออ กไปไหม? อย่างน้อยก็ ต้องเห็นว่าเรารู้จักเอาแก้วล้ำ ค่าไปวางถูกที่ แก้ว นั้นก็ดูมีค่าควรแก่เนื้อแท้ แค่อดใจรอสองนาที หรือห้านาทีค่อยออกมาอ่าน มงคลก็เพิ่มขึ้น ในใจเราอักโขแล้วครับ เป็นการฝึกให้ใจรู้จักที่ควร และที่ไม่ควร กับ ทั้งส่งใจเคารพธรรมไปในตัว ธรรมะนั้น แม้พระพุทธเจ้า ยังทรงให้ ความเคารพเหนือพระองค์ท่า น หลัง จากที่ท่านแผ่พระญาณไป ทั่วอนันตจักรวาลแล้ว ไม่เห็นใครที่ท่านควรให้ ความเคารพ ท่านก็เลือกที่ จะเคารพธรรมนั่นเอง แม้เราอาจจะไม่มีจิต เป็นอกุศลขณะอ่านธรรมะ ในห้องน้ำ แต่ลองเผื่อใจ ให้คนอื่นๆในบ้าน ถ้า เขาเห็นเราถือหนังสือ เข้าห้องน้ำ หรือหนักกว่า นั้นคือเห็นเราวางลืม ไว้บนชั้นในห้องน้ำ ใจ เขาคงตีค่าทันทีว่าหนังสือธร รมะคง ‘ไม่เท่าไหร่’ เอาไปอ่านที่ไหนก็ได้แม้ ในขณะทำกิจอันควรซ่อนเร้ นและคนมักเอามาล้อเลียน กันเป็นเรื่องตลก คงไม่ ใช่เรื่องงามหากใครถามว่าเร าเข้าใจธรรมะข้อนั้นข้อนี้ ได้อย่างไร แล้วเราจำ ต้องตอบว่ากระจ่างเรื่องนี้ขณ ะอ่านหนังสืออยู่บนส้วม เคยมีคนรีบร้อนอยาก ให้พระพุทธเจ้าแสดงธรรมข ณะท่านเสด็จบิณฑบาต ท่านก็ห้ามไว้ เป็นตัวอย่างว่ากาลเช่นนั้น ไม่เหมาะสมที่จะแสดงธรรม ขอให้ไปรอฟังที่วัด แสดง ให้เห็นว่าการส่ง และการรับธรรมะนั้น ควรคำนึง ถึงกิริยาอันเหมาะควร ทั้งสถานที่และอิริยาบถ ถ้าให้เหมาะกับห้องน้ำ ก็ควร เป็นหนังสืออ่านเล่นมากกว่า ครับ หรือหากอยากได้ธรรมะ จากห้องน้ำ ก็เจริญสติไปเลย เช่นพิจารณากายโดยความ เป็นอสุภะขณะขับถ่าย หรือขณะชำระล้างคราบสกป รกด้วยน้ำและสบู่ จะ ได้เห็นตามจริงว่ากาย เป็นของสกปรก ลด ความยึดมั่นถือมั่นว่าน่าใคร่ หลงลงเสียได้.... จากเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ของอ.ดังตฤณ dungtrin.com/prepare/archieve/prepare048.html แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 55 13:11:46 แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 55 13:11:43 แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 55 13:11:37 จากคุณ : Up_To_You เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 13:09:05

ความคิดเห็นที่ 20 ผมอะ สวดชินบัญชร ขณะที่เบ่งขี้อยู่ และสวดอย่างอื่นด้วย คือตอนนั้นเราว่างไง ฝึกสติบ้าง วิปัสสนาบ้าง   ฟังธรรมะของพระพรมคุณาพร บ้าง ดีกว่าให้เวลาเสียเปล่า ทำไปแล้วมีแต่สิ่งดีๆเกิดขึ้นทั้งนั้น คุณอย่าไปงมงายกับเรื่องไร้สาระมากเกินไป ดูที่แก่นสาร ที่เป้าหมายของสิ่งที่คุณทำดีกว่า ถ้ามัวคิดอยู่ว่าจะบาปไม่บาปมันก็ได้แค่นั้น แต่ถ้าคิดถึงธรรมะ มันสามารถมีธรรมะได้ทุกที่ทุกเวลา ทุกขณะหายใจ จงใช้ศรัทธาเพื่อแสวงหาปัญญา  ไม่ใช้ศรัทธามาเพื่อขวางปัญญา แก้ไขเมื่อ 08 ส.ค. 55 13:48:13 จากคุณ : มังกรจักรวาล เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 13:35:23

ความคิดเห็นที่ 21 ผมว่าหลายคนแยกไม่ออกระหว่าง "การศึกษาธรรม" กับ "การตรึกธรรม"   เช่นเดียวกับที่หลายคนแยกไม่ออกระหว่าง "การสวดมนต์" กับ "การบริกรรมบทสวด" การศึกษาธรรมนั้นควรทำด้วยความเคารพ นอบน้อม บูชา ต่อธรรมเหล่านั้น.....ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาด้วยวิธีการฟัง (เช่น ฟังเทศ)  การอ่าน (เช่น อ่านหนังสือธรรมมะ) การพูด (เช่น สนทนาแลกเปลี่ยน) เพราะธรรมเป็นของสูง  การศึกษาถ่ายทอดบรรยายธรรมเหล่านั้นจึงต้องปฎิบัติให้เหมาะสม....ในบางครั้งหากกาลเวลาสถานที่ไม่เหมาะสมที่จะแสดงธรรม ศึกษาธรรม ท่านก็งดไว้ก่อนก็มี แต่การตรึกธรรม (คือการนำธรรมต่างๆ ที่ได้ศึกษามาพิจารณา) นั้นท่านสามารถทำได้ตลอดเวลาทุกลมหายใจ....ไม่ว่าจะเวลากินหรือเวลาขับถ่ายทำได้หมด....ไม่ว่าจะยืนเดินนั่งนอนทำได้หมด ไม่เลือกเวลาสถานที่ กระทู้นี้ทำให้ผมนึกถึงกระทู้เก่าๆ ที่มีคนถามว่า "การสวดมนต์หากเราไม่นั่งสวดจะนอนสวดได้มั้ย".....ซึ่งการสวดมนต์ก็เป็นการบูชาคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างหนึ่งหากไม่เจ็บไข้ได้ป่วยล้มหมอนนอนเสื่อ หรือพิการลุกไม่ได้ ก็สมควรที่จะปฎิบัติบูชาให้เหมาะสม  มิใช่ปฎิบัติเหมือนคนขี้เกียจ  ปฎิบัติอย่างมักง่ายไม่เหมาะสม.....แต่ก็มีหลายคนไม่เข้าใจอ้างว่านอนสวดก็ได้ไม่ผิดอะไร  โดยเข้าใจว่าการบริกรรมบทสวดกับการสวดมนต์เพื่อบูชาพระรัตนตรัยเป็นอย่างเดียวกัน ซึ่งกระทู้นี้ก็เช่นเดียวกัน...หลายคนแยกไม่ออกระหว่าง "การศึกษาธรรม" กับ "การตรึกธรรม" โดยเอาสองอย่างมาปะปนกันแล้วพากันปฎิบัติผิดๆ.....ซึ่งจริงๆ เรื่องเช่นนี้หากเป็นผู้ปฎิบัติธรรมจริงๆ น่าจะเข้าใจได้โดยสามัญสำนึกของตนว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นมันถูกต้องเหมาะสมหรือไม่....มันคู่ควรเหมาะสมกับธรรมที่ตนกำลังศึกษาหรือไม่ จะขับถ่าย ก็ควรขับถ่ายไปให้เสร็จก่อนแล้วจึงมาอ่านหนังสือธรรมมะต่อก็ได้  ซึ่งมันก็คงไม่ทำให้เสียเวลาไปมากสักเท่าไร......แต่การขับถ่ายอุจาระปัสสาวะไปอ่านหนังสือธรรมมะไป สวดมนต์ไป สนทนาธรรมกับห้องข้างๆ ไป มันเหมาะสมแล้วหรือ....ผู้มีปัญญาลองพิจารณาดูให้ดี จากคุณ : ดอกหญ้าสีนวล เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 14:11:20

ความคิดเห็นที่ 22 ขออนุญาตุถามคุณดอกหญ้าสีนวล ครับ ว่า คุณเข้าใจคำว่า บาป หมายถึงสิ่งใดครับ และองค์ประกอบใดถึงจะทำให้ บาป นั้นสมบูรณ์ ค่อยๆ คิดนะครับ ขอมาจากความเข้าใจนะครับ ผมย้ำว่า บาปนะครับ ไม่ได้ถามว่าควรหรือไม่ควร เพราะกระทู้นี้ท่านเจ้าของกระทู้ถามว่าบาปหรือไม่? และผมอยากทราบว่าถ้าหากมีคนคนหนึ่งมีเวลาจำกัด ป่วยเป็นโรคร้ายแรง จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่ทราบ เขาต้องถ่ายท้องเกือบตลอดเวลา แต่เขารักและเคารพพระพุทธเจ้ามาก เวลาถ่ายท้อง ทรมาณมาก เขาอาศัยสวดมนต์ (สาธยายมนต์) น้อมระลึกถึงพระพุทธองค์ จนจิตเป็นสมาธิ แบบนี้จะถือว่าชายคนนี้ ทำกุศล หรือ เป็นกระทำที่ไม่สมควร หลู่พระพุทธองค์ อะไรเป็นตัวแบ่งว่าชายคนนี้ ทำเป็นกุศล หรือ อกุศลครับ กรุณาตอบด้วยครับ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : สุบรรณภักดิ์ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 15:14:42

ความคิดเห็นที่ 23 การกระทำทุกๆ การกระทำ ถ้ามองแบบกลางๆ มันก็เหมือนๆ กันหมด เป็นเรื่องของกิริยาอาการ เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย พระพุทธทรงสอนให้เราอยู่เหนือของที่เป็นคู่ๆ จะดีจะชั่ว จะบุญจะบาป จะสุขจะทุกข์ จะเหมาะสม ไม่เหมาะสม จะน่ารังเกียจหรือน่าพอใจ ของเหล่านี้ ล้วนแต่มีกิเลสเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายดี หรือฝ่ายไม่ดี ท่านสอน ให้อยู่ตรงกลาง ไม่ควรไปยึดติดกับมัน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะกลายว่า เป็นการสุดโต่งเกินไป แล้วก็เกิดความทุกข์ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่อง เล็กน้อย เป็นเพียงกิริยาอาการ ที่เป็นไปตามธรรมชาติ ที่คนเราทุกคนก็ต้องขับถ่าย ไม่เว้นแม้แต่พระพุทธเจ้า เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้ต่ำ หรือน่ารังเกียจอะไรเลย เราไปสมมุติมันขึ้นมาเอง การไม่ยึดติดกับเรื่องพวกนี้ ก็เป็นบุญกุศลแล้ว เป็นการ ละได้ ปล่อยวางได้ ยิ่งได้อ่านได้ศึกษา ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ตาม ก็ยิ่งดีขึ้นไปอีก ด้วยความเคารพครับ จากคุณ : 13th friday เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 15:35:56

ความคิดเห็นที่ 24 ตอบคุณ สุบรรณภักดิ์ นะครับ คุณควรแยกให้ออกระหว่างการ "ถ่ายท้อง" อันเป็นอาการของโรคภัยไข้เจ็บซึ่งมันเป็นของมันเอง  มันไหลออกมาเอง  เป็นอาการของธาตุขันธ์ที่มันเป็นไปของมันเอง  ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของจิตใจว่าอยากจะถ่ายหรือไม่อยากถ่าย กับการ "ขับถ่ายอุจาระ" อันเป็นธรรมดาของสัตว์โลกซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของจิตใจที่พอจะอดทนอดกลั้นกันได้....สองสิ่งนี้ต่างกันอยู่ แต่หากคุณไม่สามารถแยกสาระของแค่เรื่องการถ่ายอุจาระได้ว่ามันต่างกันอย่างไร....แยกไม่ออกว่าการถ่ายอุจาระออกมาเองเพราะอาการโรคภัยไข้เจ็บ กับ การถ่ายอุจาระซึ่งเป็นการขับถ่ายปกติ มันต่างกันอย่างไร ผมเองก็ยากที่จะเสวนาด้วยนะครับ.....เพราะเรื่องอุจาระสาระมันไม่มีอะไรมาก จะนำมาแจกแจงมากไปกว่านี้คงไม่ไหว....เรื่องแค่นี้วิญญูชนพึ่งรู้หมายได้ด้วยสามัญสำนึกของตนเองว่าสิ่งใดควรมิควร ส่วนเรื่องบาปหรือไม่นั้น....ถ้าใช้ภาษาให้ถูกก็คือการทำเช่นนี้มันจะเป็นกรรมหรือไม่.....เป็นอกุศลกรรมหรือไม่.....ก็ตอบได้ว่าเป็น อกุศลกรรม แน่นอน  ต้องได้รับกรรม(ชั่ว) แน่นอนครับ.....เพราะกฎแห่งกรรมไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าผู้กระทำจะรู้หรือไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนทำลงไปนั้นมันเป็นความผิด.....แต่เมื่อสิ่งที่ทำไปมันเป็นความผิด ก็ต้องรับผลแห่งกรรมในความผิดที่ตนได้ทำลงไป (แม้จะไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ทำไปนั้นมันผิดก็ตาม) การถ่ายอุจาระ(ที่มิใช่อาการของความเจ็บป่วย)ไปสวดมนต์บูชาพระไป....สาธยายธรรมไป.....ฟังเทปธรรมมะไป....อ่านหนังสือธรรมะไป....ล้วนแต่เป็นการลบหลู่ธรรมทั้งสิ้น....เป็นการปฎิบัติอย่างไม่เหมาะสมกับธรรมทั้งสิ้น....ซึ่งกรรมที่ทำไปนั้นจะทำให้ภาวนาไม่ขึ้น ภาวนาติดขัดไม่ก้าวหน้า ลองไปพิจารณาให้ดีนะครับ...กรรมใครกรรมมัน....กรรมบางอย่างมันยังไม่ย้อนมาในวันนี้ (คือ วันที่ไม่รู้สาระคุณในพระรัตนตรัย) หรอกครับ  แต่มันจะมาย้อนคืนสนองในวันที่ได้ลงมือปฎิบัติภาวนาจริงจังนั่นแหละครับ...ถึงวันนั้นแล้วจะเข้าใจว่าการภาวนาไม่ขึ้น การภาวนาไม่ก้าวหน้านั้นเป็นอย่างไร จากคุณ : ดอกหญ้าสีนวล เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 17:42:19

ความคิดเห็นที่ 25 ใจเย็นๆนะครับคุณดอกหญ้าศรีนวล กำหนดสติ ค่อยๆคิดพิจารณา อย่านำเอาอารมณ์และอคติมาใช้ในขณะศึกษาธรรมมะ เพราะมันอาจจะทำให้คุณพลาดโอกาส คำถามของผมง่ายๆ นั่นคือบาปและองค์ประกอบบาปคืออะไร เพราะถ้าคุณยังเข้าใจคำว่าบาปคลาดเคลื่อนคุณย่อมจะกำหนดท่าทีในเรื่องอื่นๆผิดไปด้วย การเสวธรรมเราควรมีเมตตาให้แก่กัน ส่วนเรื่องการถ่ายท้องกับการอุจาระที่ผมถามเพียงต้องการชี้ให้เห็นว่า การกระทำต่างๆสำคัญที่เจตนา อันเจตนาที่ถูกต้องย่อมมาจากทิฏฐิที่ถูกต้อง หากคนเราเคารพในพระพุทธองค์และไม่ประมาทในชีวิต เขาผู้นั้นไม่ว่าจะทำกิริยาหรืออาการใดๆความเคารพนับถือก็ยังอยู่ในใจเสมอ คนเราไม่รู้จะดับเมื่อไหร่ หากคนผู้หนึ่งได้ศึกษาธรรมมะไม่ว่าวินาทีใดๆ ย่อมคุ้มค่าจะคิดจะเขียนอะไรให้ท่องไว้ในใจ พิจารนามหาพิจารนาไม่ต้องรีบ ขอให้เจริญในธรรมครับ จากคุณ : สุบรรณภักดิ์ เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 19:05:41

ความคิดเห็นที่ 26 หนังสือธรรมะเป็นของสูง ??? ปรุงแต่งและยึดติดกับสิ่งสมมติมากเลยนะคะนี่ คุณลองเอาหนังสือธรรมไปวางกองบนดินนะคะ ดูสิปลวกจะแทะมั้ย หากเป็นของสูง ย่อมมีอานุภาพต่อการทำลายล้างของปลวกสิคะ ที่พูดนี้มิได้ไม่เคารพอรรถ เคารพธรรม เพียงแต่ขอให้พิจารณาหน่อยค่ะ อย่าเอาแต่หลับตาคิดเอง หากมีครูบาอาจารย์ที่นับถือ  ช่วยนำเรื่องนี้ไปสอบถามท่านนะคะ แล้วนำคำตอบมาโพสต์อีกครั้งว่าพระท่านว่าอย่างไร  เรารออ่านค่ะ   จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 19:05:48

ความคิดเห็นที่ 27 มาแล้วววว  อ้างเรื่อง กรรม แล้ว เฮ้ออออ เนี่ยแหละหนา จะไม่ให้คนอื่นเขาค่อนขอดได้อย่างไร ขณะที่คำสอนของพระพุทธเจ้าใช้อธิบายได้หมด รู้แจ้งแทงตลอด แต่พอหาความเป็นเหตุเป็นผลไม่ได้ อ้างเรื่อง กรรม มาขู่กันซะง้านนน เวรจริงเลย --" จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 19:09:10

ความคิดเห็นที่ 28 อ่านได้ครับ ไม่บาป แต่จะเป็นบุญหรือเปล่ายังไม่แน่ จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 55 21:02:31

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่รู้ว่าบาปไหม แต่จากความรู้สึกส่วนตัว ไปอ่านขณะขับถ่าย ก็จะมีกลิ่น..ตุตุ....ติดหนังสือมา รักหนังสือมาก ไม่อยากให้มีกลิ่น..อุนจิ ติดหนังสือค่ะ จากคุณ : จิตรพร เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 55 01:07:40

ความคิดเห็นที่ 30 ในห้องน้ำจริงๆ เป็นช่วงที่ควรเจริญสติ ให้มาก ดูกาย ดูใจตัวเองให้มาก เพราะเป็นช่วงเวลาที่อยู่คนเดียว ไม่มีคนมารบกวน การอ่านหนังสือ ทำให้จิตออกไปอยู่กับหนังสือ ตัวหนังสือ และความคิด ทำให้เสียโอกาสที่จะทำการเจริญสติครับ ผมว่า เลิกเอาไปไว้ในห้องน้ำก็ดีครับ แล้วเปลี่ยนเป็นการเจริญสติในห้องน้ำแทน จะได้ผลดีมากกว่า หนังสือธรรมมะ อ่านจนหมดตู้ ไม่ว่าอ่านที่ไหน ก็ไม่บรรลุธรรมครับ ถ้าไม่ได้กลับมาดูกายดูใจตัวเอง จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 55 14:18:30