 |
จขกท. ตั้งประเด็นว่า มีผู้โจมตีท่านพุทธทาส ที่ท่านไม่เห็นด้วยกับพระไตรปิฏกบางส่วน จึงโดนกล่าวหาว่า เป็นคนนอกศาสนาพุทธ
แล้วก็ทำ "พูดดี" ( ฮ่าๆๆๆ ^_^ ) ว่า ศาสนาพุทธก็ไม่เคยสอนว่า เราต้องเชื่อทุกๆ ถ้อยคำ ในพระไตรปิฏกนะ ..
พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนว่า จะต้องเชื่อทุกๆ คำที่แสดงไว้ คนที่ไม่เห็นด้วยกับพระไตรปิฏกบางส่วนนั้น ถ้าไม่เห็นด้วย แล้วก็แสดงเหตุผลหักล้าง เหตุผลที่แสดงไว้ในพระไตรปิฎก ก็ว่าไป ไม่มีปัญหา เช่น พระไตรปิฎกแสดงไว้ว่า ผู้ที่ทำสมาธิได้ฌานอภิญญา ก็จะมีความสามารถที่เหนือธรรมชาติของมนุษย์ทั่วไป ที่ไม่ได้ฌานอภิญญา
เราดูโอลิมปิก ก็เห็นๆ กันแล้วว่า ผู้ที่ฝึกฝนตนเองอย่างมาก ก็จะมีความสามารถที่เหนือ ธรรมชาติของมนุษย์ทั่วไปที่ไม่ได้ฝึก เรื่องการได้สมาธิแล้วได้ฌานจึงไม่ใช่เรื่องแปลก อะไรเลย ถ้าใครไม่เห็นด้วย ไม่เชื่อ ก็อธิบายไปเลยว่า สมาธิที่แนบแน่น ไม่มีจริง ไม่จริงเพราะอะไร และอำนาจของสมาธิก็ไม่มีจริง เพราะเหตุใด
แต่ที่ จขกท. อุทานว่า .. "อย่าบอกนะว่า คุณเชื่อว่า พระพุทธเจ้าเหาะได้ แล้วไปหาพระมารดาบนสวรรค์จริงๆ" -_-"a จึงไม่มีอะไรมากไปกว่าการประจานความเขลาของตัวเอง ฮ่าๆๆๆ ^_^
------------------------
ในโอลิมปิกปี 1896 โธมัส เบิร์ค จากสหรัฐ ทำสถิติโลกวิ่ง 100 เมตรชายที่ 12 วินาที -_-"a แต่โอลิมปิก 2012 ครั้งนี้ ยูเซน โบลท์ มนุษย์สายฟ้าชาวจาไมก้า ทำลายสถิติโอลิมปิกวิ่ง 100 เมตรของตัวเองที่ทำไว้ในปักกิ่งเกมส์เมื่อ 4 ปีก่อน ในเวลาเพียง 9.63 วินาที -_-"a
นี่ถ้าคนสมัยเมื่อ 100 กว่าปีก่อน จะเย้ยหยันว่า "มนุษย์ที่ไหนมันจะไปวิ่งร้อยเมตรภายในเวลาไม่ถึง 10 วินาทีได้เล่า" ก็ไม่แปลกเลย.. เพราะโลกเพิ่งจะมีรถยนต์เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อนหน้านั้นเอง และเป็นรถซาเล้ง ฮ่าๆๆๆ ^_^ (ปี 1886, คาร์ล เบนซ์ ชาวเยอรมัน ได้จดสิทธิบัตรรถยนต์หมายเลข 37435 ที่สำนักงานสิทธิบัตรเบอร์ลิน)
มนุษย์เพิ่งจะตื่นตาตื่นใจกับรถซาเล้ง ความเร็วสูงสุด 16 กม./ชม. ฮ่าๆๆๆ ^_^ ดังนั้น วิ่ง 100 เมตรใน 12 วินาทีก็หรูแล้ว ฮ่าๆๆๆ ^_^ ก็ใครมันจะไปคิดว่า ต่อไป คนจะวิ่งเร็วขนาดวิ่งเข้าเส้นชัย 100 เมตรไปแล้ว แต่มนุษย์ที่วิ่งเร็วที่สุดในโลกในขณะนั้นเพิ่งจะวิ่งไปได้แค่ 80 เมตรเอง ฮ่าๆๆๆ ^_^
-------------------------
ฉะนั้น เรื่องนี้จึงได้ข้อคิดว่า มนุษย์ที่จมอยู่แต่ในกะลาแห่งการรับรู้ของตัวเองนั้น มันมีทุกยุคทุกสมัย และมีอยู่ทุกสังคมเรื่องราว ฮ่าๆๆๆ ^_^
จขกท. จะเข้าใจคำว่า ฌาน อภิญญา หรือเปล่าก็ไม่รู้นะ ฮ่าๆๆๆ ^_^ แต่พยายามยกตัวอย่างเปรียบเทียบที่ง่ายที่สุดแล้ว ฮ่าๆๆๆ ^_^
การที่ไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาที่บันทึกอยู่ในพระไตรปิฎก แล้วโจมตีพระไตรปิฎก หาว่าพระไตรปิฏกถูกแต่งเพิ่มเติมขึ้น เสร็จแล้ว พระที่เป็นนักเขียนศิลปิน ก็ใส่ความเห็นของ ตนเองลงไป โดยใช้พรรณาโวหาร ว่า นรกภูมิ แปลว่า สภาวะความทุกข์, การเวียนว่ายตายเกิด แปลว่า การเกิด
โดย จขกท. บอกว่า "ก็กล่าวไว้ถูกต้องแล้วนี่คะ" -_-"a จขกท. ใช้หลักฐานยืนยันความเห็นของตน "ก็กล่าวไว้ถูกต้องแล้วนี่คะ" คือ .. ความคิดเห็นของ "บุคคล" คนนั้นบ้างคนนี้บ้าง ในนิตยสารอะเดย์ ?!
จขกท. พูดอย่างนี้ นึกถึงคำของท่านระนาดเอกเลย แต่ขอเปลี่ยนคำข้างหน้าซะหน่อยว่า "ยัยเด็กเห่อหมวยเอ๊ยยยย!" (ฮ่าๆๆๆ ^_^)
ในโลก ในสังคมมนุษย์ ในร้านข้าวแกง ในร้านหนังสือ มันไม่ได้จะมีแต่หนังสือ โลกสวย ประเภทเปิดโลกทัศน์ พัฒนาตนเอง ให้กำลังใจงุงิ หรืออะไรที่ไม่ใช่การด่ากัน แต่มันมีชีวิตจริง มีคนเลวอยู่จริงๆ มีสังคมที่มีปฏิกิริยาต่อคนเลว มีการวิพากษ์วิจารณ์
การแข่งขันชิงเหรียญโอลิมปิก มันเป็นเรื่องสมมติ มันเป็นเรื่องที่ไม่มีแก่นสารสาระอะไรเลย ถ้ามองโดยพวกโลกสวยห้องศาสนา ต่อให้ได้เหรียญทองกลับมาบ้าน พวกโลกสวยห้องศาสนา ก็จะบอกว่า มันเป็นเรื่องสมมติ มันเป็นเรื่องที่ไม่มีแก่นสารสาระอะไรเลย ไม่เป็นไปเพื่อหน่ายทุกข์ ไม่เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อมรรคผล (รำคาญจริง ให้ตายha ฮ่าๆๆๆ ^_^) นักกีฬาเทควันโดจะต้องนอนพัก เพื่อลงแข่งชิงชัยเหรียญมาให้คนทั้งชาติ ก็จะมีนักกีฬาผีพ่อผีแม่มัน โทรคุยเสียงดังทะลุฝาห้องจนโค้ชเทควันโด เขามาเคาะประตูเตือน มันก็ยังไม่เลิก สุดท้ายทั้งโค้ชทั้งนักกีฬาเทควันโดก็อดนอนตาโหลไปตามๆ กัน ต้องไปลงแข่งอย่างซอมบี้ เมื่อหนังสือพิมพ์ลงข่าวโค้ชเทควันโดออกมาตำหนิ ออกสื่อกระจาย ที่ไม่ว่าโค้ชจะพูดสุภาพยังไง นี่ก็คือการ "ด่า" คือด่าพ่อล่อแม่ไอ้นักกรีฑาไม่มีหัวคิด ที่รบกวนนักกีฬาเทควันโดนั่นแหละ สังคมก็พร้อม สังคมเต็มใจ ที่จะรับฟังรับรู้การด่านั้น และยินดีมีส่วนร่วมวิพากษ์วิจารณ์ สหบาทาไปด้วย
นี่คือโลกจริง ชีวิตจริง ของสังคมมนุษย์จริงๆ
แต่ข่าวอย่างนี้ พวกโลกสวยทำไง? โลกสวยก็จะบอกว่า อยากให้มีหนังสือพิมพ์นิตยสารที่เปิดโลกทัศน์ การพัฒนาตนเอง การให้กำลังใจ ฯลฯ หรืออื่นๆ ที่ไม่ใช่การด่ากันมาเป็นหนังสือป๊อบปูล่า ขึ้นหิ้งแทนที่ไอ้ข่าวด่ากันน่ะค่ะ เพราะเราอ่านแล้ว ไม่เห็นอะไรเลยในข่าวในกระทู้ด่านักกีฬาคนนั้น แต่ที่แน่ๆ เราเห็น ข้อความหยาบคาย ข้อความล่วงละเมิด สะใจ ที่ได้เถียงได้ด่าคนอื่น เราเข้าใจว่า ต้องการลงโทษคนทำผิด ไม่รู้จักคิด ทำให้นักกีฬาอดนอน แต่เอาพอประมาณไหมคะ ? นี่มีกี่กระทู้แล้วคะ ? มันจะจบไหมคะ ?
จขกท. ย้อนถามว่า คุณคิดว่า ตัวคุณเองหรือคนอื่นๆ ได้รับประโยชน์อย่างไร จากกระทู้คนด่ากันคะ ? เช่น ประโยชน์ว่า ทีหลังจะได้ไม่มีใครกล้าต่อปากกับพวกพ้อง ของตนอีก เพราะพวกเราด่ากันแบบจริงจัง และเป็นคนแน่จริง อะไรแบบนี้หรือเปล่าคะ ? . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ตอบโดยอาศัยวาทะท่านระนาดเอกอีกทีนะ "ยัยเด็กเห่อหมวยเอ๊ยยยย!" (ฮ่าๆๆๆ ^_^) กระทู้ที่ไปหาว่าเขาด่ากันน่ะ คนที่ถูกด่า มันเป็นอย่างที่ จขกท. ก็เห็นอยู่แล้ว คนที่เขาตำหนิไปจนถึงด่าให้นั้น อย่างไรก็ยังเป็นความสุจริต ไม่ใช่การใส่ร้าย ใส่ความ
จขกท. อยากโลกสวยก็สวยไปเถิด จะว่ากระทู้คนด่ากันมันเลวอย่างนั้นอย่างนี้ มันก็สิทธิของ จขกท. แต่ที่น่าอนาถก็คือ จขกท. คิดว่าการจรรโลงบรรยากาศการสนทนาในเวปบอร์ด ห้องศาสนาทำได้ง่ายๆ โดยการ เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น -_-"a วิธี "ซันไลต์" อย่างนี้น่ะหรือ คือการจรรโลงเวปบอร์ดห้องศาสนา -_-"a
การโกหก โม้เหม็น แต่งเรื่องให้ร้าย ใส่ความผู้อื่น บิดเบือนเรื่องราวอย่างหน้าไม่อาย ที่ประจานอยู่ในกระทู้ที่ จขกท. กำลังเหยียบย่ำเพื่อเสนอหน้าให้ตนเองเป็นคนดีขึ้นมานั้น
การเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ไม่ได้ดีไปกว่าพฤติกรรมของคนหน้าด้านคนนั้นเลย
คนประเภทนี้แหละที่โชว์ความเขลา ให้ความหมาย "ล็อคอินต่าง ๆ กว่า 1,000 ความเห็น" เป็นเช่นเดียวกับ "ความเห็นต่าง ๆ กว่า 1,000 ล็อคอิน"!
หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า พวกฉลาดไม่คิดชีวิต !!
จากคุณ |
:
Bg-view
|
เขียนเมื่อ |
:
วันแม่แห่งชาติ 55 17:47:18
|
|
|
|
 |