PANTIP.COM : Y12499146 ผมมีคนรู้จักอยู่คนหนึ่ง นิสัยดี หน้าตาดี การศึกษาดี ฐานะดี แต่ผิดหวังในความรักทุกครั้ง ในทางศาสนา เป็นเพราะอะไรครับ []

ความคิดเห็นที่ 9

คำถามทำนองเดียวกันนี้คือ "ทำไมชาตินี้เป็นคนดี ทำดีมาตลอด
แต่ทำไมได้รับผลร้ายนานา"
คำตอบคือ  ภพชาติของมนุษย์มีมากมายจนนับไม่ถ้วน สะสมบุญ-บาป มาปนเปกันไป
จึงจะมาเอาผลเพียงการกระทำเพียงชาติปัจจุบันเป็นหลักไม่ได้ ทั้งผลดีและผลชั่ว
(หลายคนประสบความสำเร็จในชาตินี้ก็ยังไปดูถูกของเก่าอีกว่าพึ่งทำมาในชาติเดียว ไม่เกี่ยวกับอดีต)
จะเอาอะไรกับชาติเดียวไม่ได้

(เพื่อให้รู้ให้เข้าใจตามหลักธรรม ) ท่านคิดดูสิว่า พระพุทธองค์ยังตรัสว่า ....
_____________________________________________________________

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้าที่ 188

น้ำในมหาสมุทรทั้งสี่ยังมีปริมาณน้อย ความ
เศร้าโศกของนรชนผู้ถูกทุกข์กระทบแล้ว น้ำของน้ำ
ตามิใช่น้อย มีปริมาณมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔
นั้นเสียอีก แม่เอย เหตุไร เจ้าจึงขังประมาทอยู่เล่า.

_______________________________________________________________

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่ 526

  [๔๔๘] พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถูกละ ๆ พวกเธอทราบธรรม
ที่เราแสดงแล้วอย่างนี้ ถูกแล้ว โลหิตที่หลั่งไหลออกของพวกเธอ ผู้
ท่องเที่ยวไปมาซึ่งถูกตัดศีรษะโดยกาลนาน นี้แหละมากกว่า ส่วนน้ำใน
มหาสมุทรทั้ง ๔ ไม่มากกว่าเลย เมื่อเธอทั้งหลายเกิดเป็นโค ซึ่งถูกตัด
ศีรษะตลอดกาลนาน โลหิตที่หลั่งไหลออกนั่นแหละมากกว่า ส่วนน้ำใน
มหาสมุทรทั้ง ๔ ไม่มากกว่าเลย เมื่อเธอทั้งหลายเกิดเป็นกระบือ ซึ่งถูก
ตัดศีรษะตลอดกาลนาน โลหิตที่หลั่งไหลออกนั่นแหละมากกว่า. . . เมื่อ
เธอทั้งหลายเกิดเป็นแกะ . . . เกิดเป็นแพะ. . . เกิดเป็นเนื้อ . . . เกิด
เป็นสุกร. . . เกิดเป็นไก่. . . เมื่อพวกเธอถูกจับตัดศีรษะโดยข้อหาว่า
เป็นโจรฆ่าชาวบ้านตลอดกาลนาน โลหิตที่หลั่งไหลออกนั่นแหละมาก
กว่า. . . ถูกจับตัดศีรษะโดยข้อหาว่าเป็นโจรคิดปล้น. . . ถูกจับตัดศีรษะ
โดยข้อหาว่าเป็นโจรประพฤติผิดในภรรยาของผู้อื่นตลอดกาลนาน   โลหิต
ที่หลั่งไหลออกนั่นแหละมากกว่า     น้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ไม่มากกว่าเลย
ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลาย
ไม่ได้. . . พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้.

_______________________________________________________________

  พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่ 521

[๔๔๑] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
สงสารกำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯ ล ฯ เมื่อบุคคลหนึ่งท่อง
เที่ยวไปมาอยู่ตลอดกัปหนึ่ง พึงมีโครงกระดูก ร่างกระดูก กองกระดูก
ใหญ่เท่าภูเขาเวปุลละนี้ ถ้ากองกระดูกนั้นพึงเป็นของที่จะขนมารวมกันได้
และกระดูกที่ได้สั่งสมไว้แล้ว ก็ไม่พึงหมดไป ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เพราะว่า สงสารกำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯ ล ฯ พอเพื่อจะ
หลุดพ้น ดังนี้.
_______________________________________________________________

    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่ 524

เหมือนทุคตบุรุษ

[๔๔๓] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มี-
พระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย. . . แล้วได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มี
อวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่
ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ   เธอทั้งหลายเห็นทุคตบุรุษผู้มีมือและเท้าไม่
สมประกอบ พึงลงสันนิษฐานในบุคคลนี้ว่า เราทั้งหลายก็เคยเสวยทุกข์
เห็นปานนี้มาแล้ว โดยกาลนานนี้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า สงสารนี้
กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯ ล ฯ พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้.

_____________________________________________________________

อีกเยอะครับ เอามาไม่หมด .......

จากคุณ : Olive2004

เขียนเมื่อ : 11 ส.ค. 55 16:33:10

ความคิดเห็นที่ 30

ขอคิดต่างกับคุณ Smiling-girl คห.3 นิดนึงครับ

การจะวัดว่า ใคร "มีบุญ" หรือไม่นั้่น ให้วัดที่สองจุด ได้แก่ 1) วิบากกรรมที่ได้รับ กับ 2) โยนิโสมนสิการครับ

ถ้าวิบากที่ได้รับเป็นผลพวงมาจากอกุศล ก็จะทำให้ผู้นั้นได้รับรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่เป็นความทุกข์ ความไม่สบาย ความผิดหวัง ความบกพร่องต่างๆ ในขณะที่ถ้าเป็นผลมาจากกุศลกรรม วิบากที่ได้รับก็จะนำแต่ผัสสะต่างๆ ที่เป็นความสุข (สุขเวทนา) มาให้ ทีนี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยว่าเมื่อคนผู้หนึ่งประสบแต่ความล้มเหลว ผิดหวัง เจอแต่สิ่งตัดรอนความสำเร็จในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่เขามีความปรารถนาอย่างยิ่งยวดต่อสิ่งนั้นจะเป็นเรื่องของอานิสงส์ผลบุญนำส่งไปได้ อันนี้ข้อหนึ่ง

เพราะ ถ้าใช้ตรรกะว่า คนที่เจอแต่ความผิดหวังในความรัก เป็นผู้มีบุญ เป็นคนโชคดี ก็ต้องกล่าวด้วยมาตรฐานเดียวกันว่า
ผู้ที่มีสุขภาพย่ำแย่ ป่วยเ็ป็นโรคร้ายแรงต่างๆ เช่น มะเร็ง เบาหวาน ภูมิแพ้ ไมเกรน ฯลฯ เป็นผู้มีบุญ รวมถึง
ผู้ที่มีฐานะยากจน มีความลำบากในการใช้ชีวิต ขาดแคลนสิ่งต่างๆ ไม่มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ทำธุรกิจก็เจ๊งอยู่ตลอด ก็ต้องเป็นผู้มีบุญเช่นกัน

ทั้งที่ในความจริงแล้ว คนที่สุขภาพแข็งแรงแล้วประสบความสำเร็จในทางธรรมก็มี
คนที่ร่ำรวยแล้วเจริญในธรรม บรรลุมรรคผลก็มี
ในขณะที่คนที่สุึขภาพอ่อนแอ และคนยากจนแล้วเสื่อมถอยทางธรรมก็มีอยู่กลาดเกลื่อน เผลอๆ จะมากยิ่งกว่าด้วยซ้ำ
ปัจจัยที่ตัดสินว่าใครมีบุญหรือไม่อีกข้อที่สำคัญมากๆ จึงอยู่ที่ "โยนิโสมนสิการ" ว่าคนผู้นั้น "จะคิดเร้ากุศล" สามารถพิจารณาสภาพของตนให้น้อมไปทางธรรมได้อย่างแยบคายได้หรือไม่

คนสุขภาพไม่ดี ที่มีโยนิโสมนสิการ ก็อาจใช้อาการเจ็บป่วยเรื้อรังของตัวมาเจริญเวทนานุปัสสนา หรือกระตุ้นให้ตัวเองเร่งทำความเพียร ใช้เวลาทุกลมหายใจให้คุ้มค่าก่อนชีวิตจะหาไม่ ส่วนคนที่มีสุขภาพแข็งแรงที่มีโยนิโสมนสิการก็เกิดความยินดีว่า เรานี้มีร่างกายที่สมบูรณ์เพราะบุญที่เคยทำมาในอดีต จึงเกิดความศรัทธาต่อกฏแห่งกรรม เร่งทำบุญยิ่งๆ ขึ้นไปเพื่อสร้างปัจจัยในทางบวก จากนั้นเมื่อร่างกายแข็งแรง จิตใจของเขาก็พลอยแจ่มใส เื้อื้อให้สมาธิและปัญญาเจริญได้ง่ายด้วย อันนี้ก็ได้เหมือนกัน

...แต่ถ้าเขาอยากสุขภาพดี แต่ดันป่วย อันนี้ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องของความมีบุญ เหตุเพราะตัวเขาไม่ได้ปรารถนาสิ่งนี้ และสิ่งนี้ก็ไม่ได้เ็ป็นปัจจัยให้เขาเกิดโยนิโสมนสิการพอที่จะใช้ระลึกในเชิงกุศล จนเกิดปัญญาได้

ทำนองเดียวกับคนจนที่มีโยนิโสมนสิการ ก็อาจมองว่า ในเมื่อเรามีทรัพย์น้อย เราก็ไม่ต้องห่วงกังวลในการดูแลรักษาทรัพย์นั้น จึงทุ่มเทความสำคัญให้กับความสุขที่่เป็นเรื่องภายในแทน ในขณะที่เศรษฐีที่มีโยนิโสมนสิการก็อาจจะคิดว่า ในเมื่อเขามีทรัพย์มากมายก่ายกองอยู่แล้ว อิสรภาพในชีวิตทั้งหมดย่อมเป็นของเขา ถ้าเขาอยากจนเมื่อไหร่เขาก็แ่ค่เอาเงินทั้งหมดไปบริจาคให้องค์การกุศลทันที แถมการมีทรัพย์มากทำให้เขาไม่ต้องมีห่วงในเรื่องปากท้องหรือการเลี้ยงดูคนในครอบครัว จึงสามารถเอาเวลามาปฏิบัติธรรมและทำประโยชน์ให้สังคมได้เต็มที่ เป็นต้น

ฉันใดก็ฉันนั้น เรื่องความรักก็เช่นกัน จะวัดว่าใครมีบุญหรือไม่มีบุญ อยู่ที่
- ความต้องการของเขาว่า อยากมีแฟน หรืออยากอยู่สันโดษคนเดียว
- เรื่องการมีแฟน หรือไม่มีแฟน เป็นปัจจัยให้เขา เจริญทางธรรมได้หรือไม่ ซึ่งจุดสำคัญตรงนี้ อยู่ที่โยนิโสมนสิการของแต่ละคน

ทีนี้มาว่าถึงชายที่ ท่าน จขกท. กล่าวถึงมั่ง
ถ้าเขาอยากมีแฟนมากๆ แต่ทำยังไงก็ไม่มี ราวกับโลกทั้งโลกพยายามสร้างอุปสรรคขัดขวางเพื่อไม่ให้สมหวัง หรือแม้จะสบโอกาสที่จะได้มีแฟนกับเขาซักที แต่ก็เหมือนมีเหตุการณ์ต่างๆ มาตัดรอนให้ความสัมพันธ์ต้องจบสิ้นไปอย่างน่าเวทนา จะด้วยจังหวะเวลาที่ไม่อำนวย ความห่างไกล หรือกว่าจะเจอคนที่ใช่อีกฝ่ายก็ดันแต่งงานไปแล้ว เป็นต้น อันนี้ เป็นผลจากบาปแน่นอนครับ ... ซึ่งมาได้จากหลายเหตุหลายปัจจัยทั้งอดีตและปัจจุบัน โดยต้องแยกวิเคราะห์ให้ละเอียดเป็นเคสๆ ต้องมีการสอบถามพูดคุยกันในจุดนี้ว่า น่าจะมีสาเหตุที่แท้จริงจากอะไร

จะเป็นเพราะนิสัยหรือปมปัญหาส่วนตัวที่เปิดเผยให้ใครฟังไมไ่ด้ หรือจะเป็นเพราะในอดีตไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร ไม่เคยช่วยเหลือใคร ไม่เคยให้ความรักความอบอุ่นกับคนใกล้ชิด หรือมีนิสัยชอบเมินเฉยต่อผู้ที่กำลังเดือดร้อน ขาดการทำทาน ขาดการทำบุญในแง่บริวาร หรือเคยทำผิดศีลข้อ 3 ทำไม่ดีกับพ่อแม่อยู่สม่ำเสมอ ...ในกรณีที่มีความรักแล้วถูกหลอกจนเสียเงินเป็นอันมาก แสดงว่าต้องเคยหลอกลวงใครในทำนองเดียวกันมาก่อน เพราะคนเราจะรับผลเช่นใดก็ล้วนมาจากเหตุของการกระทำในอดีตทั้งสิ้น

สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นจากเคสนี้ก็คือ ท่าน จขกท. มองว่า ชายผู้นี้สมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง แต่จริงๆ แล้วคุณสมบัติที่เรียกว่า qualify สำหรับการมีแฟนหรือสมหวังในความรักนั้น มักจะไม่ใช่ "ปัจจัยภายนอก" อย่างรูปร่างหน้าตา ฐานะ สถานภาพการศึกษา หรือแม้แต่เทคนิคในการจีบหญิง แต่ 80% จะอยู่ที่ทัศนคติเกี่ยวกับความรัก และึสิ่งที่เป็น inner มากกว่าครับ ขอให้ตรวจสอบชายผู้นี้ว่า เขามีปัญหาดังนี้หรือไม่

- มี self esteem สูงไหม?
- มีความกล้า และมั่นใจในตัวเองเรื่องผู้หญิงไหม?
- เขาโหยหาความรักแค่ไหน? อยากได้จนเคร่งเครียด หรือใช้่ชีวิตไปสบายๆ ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่ได้?
- เขามั่นใจว่าเขาเจ๋งและดีพอสำหรับผู้หญิงทุกคนหรือไม่?
- เขาเป็นแนว nice guy ที่เวลาเจอคนที่ถูกใจก็ ยอมตามผู้หญิงหมด เพื่อหวังให้อีกฝ่ายเกิดความรัก ความประทับใจหรือไม่?
- และจากข้อบน เขาจะเป็นผู้ยอมอ่อนข้อให้ตลอดเวลา ทั้งที่อีกฝ่ายทำตัวไร้เหตุผล ทำไม่ดี และไม่ให้เกียรติเราหรือไม่?
- เขาเสียความเป็นตัวของตัวเอง มีอาการเกร็ง ขี้อาย ไม่เป็นธรรมชาติ เวลาเข้าหาผู้หญิงหรือไม่?
- เขาเป็นคนเคร่งเครียด จริงจัง คิดมาก ชอบตั้งเงื่อนไขแบบผิดๆ กับมนุษย์เดินดินหรือไม่?
- เขาเป็นคนชอบวางแผนเกินเหตุเวลาจะสร้างสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามหรือไม่?
- ตอนนี้เขามองเรื่องแฟนเป็น priority อันดับหนึ่งในชีวิตโดยไม่สนใจเรื่องสำคัญอื่นๆ หรือคนที่ควรจะให้ความสำคัญ เช่น พ่อแม่ หรือไม่?
- เขามีปม หรือมีรสนิยมที่ไม่อาจเปิดเผยต่อผู้อื่นให้รับรู้ได้หรือไ่ม่?
- เขามีความอิจฉา ริษยา ต่อผู้อื่นที่มีแฟนหรือไม่? และเมื่อเห็นคู่รักคนอื่น เขาสวีทกระหนุงกระหนิงกัน เขามีความคิด ความรู้สึกใดๆ ที่เป็นลบเกิดขึ้นหรือไม่?
- เขา treat ผู้หญิงสไตล์ที่เขาชอบ กับสไตล์ที่ไม่ชอบเท่าเทียมกันหรือไม่ อาทิเช่น เจอคนสวยก็ดูแลดี พูดจาดี แต่พอเจอคนที่ไม่ใช่แนวก็มีขีดความอดทนต่ำ ไม่ใส่ใจ พูดจาและแสดงกิริยาไม่ค่อยดี เป็นต้น

กรุณาสำรวจตัวเองว่ามีปัญหาทางใจเหล่านี้หรือไม่ แล้วเคลียร์ให้สำเร็จก่อนครับ เพราะขยะทางความคิดที่สั่งสมในจิตใต้สำนึกเหล่านี้ ล้วนเป็นพิษร้ายที่จะขัดขวางให้คนผู้หนึ่งผิดหวังในความรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่อให้ภายนอกจะหล่อเหมือนโดมปกรณ์ลัมก็ตาม เมื่อใจและความคิดมีแต่เรื่องลบๆ คุณก็จะสร้างมโนกรรมที่เป็นลบอยู่ตลอดเวลา และในเมื่อสร้างมโนกรรมที่เป็นลบจนเคยชิน วาจาและการกระทำของคุณก็จะโน้มเอียงไปทางนั้นด้วย ทีนี้เมื่อกรรมทาง กาย วาจา และใจ อย่างไร โลกรอบตัวคุณก็จะหมุนไปทางนั้น หากคิดลบมากๆ ใจเป็นโลภะและโทสะอยู่เสมอ ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จิตอกุศลเหล่านั้นจะดึงดูดความสุขสมหวังมาให้คุณได้ ... ตามหลักปฏิจจสมุปบาทน่ะนะครับ สร้างภพอย่างไรก็เสวยชาติอย่างนั้น

การที่เขาเคยโดนหลอกจนเกือบหมดตัวถึง 2 รอบ มันสะท้อน "ปัญหา" บางอย่างค่อนข้างชัดนะครับ เพราะถ้าเป็นคนที่รักอย่างมีสติสัมปชัญญะ หรือบริหารความสัมพันธ์เป็น ไม่น่าจะพลาดถึงขนาดโดนหลอกจนเกือบหมดตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าครับ อันนี้ต้องยอมรับให้ได้และสืบค้นดูให้ดี ... ทุกปัญหาแก้ได้ ขอให้สู้ๆ ครับ หากอยากปรึกษาเพิ่มเติมก็หลังไมค์มาคุยกันได้ครับ ยินดีแลกเปลี่ยน

*** ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ชี้ทางสว่างให้กับผู้ี่ที่มีปมปัญหาทางด้านควา่มรัก ความสัมพันธ์ ขอให้ผลบุญนี้เป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้ามีแฟน มีคู่ครองสมหวังตามรสนิยมสมใจทุกประการด้วยเถิด อิอิ :P ***
แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 55 19:15:01
แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 55 14:21:38
แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 55 14:12:17
แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 55 11:59:48
แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 55 11:12:53
แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 55 11:08:52
แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 55 11:02:36
แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 55 10:58:35

จากคุณ : Gow27

เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 55 10:50:05