ผมมีความเห็นในแต่ละข้อดังนี้ครับ 1. "วิญญาณ" ใน ข้อที่ ๔๔๐ - ๔๔๕ เป็นการนิยาม "วิญญาณ" เพื่อโต้แย้งสัสสตทิฏฐิ ของสาติภิกษุ ใช่หรือไม่."
ท่านอธิบายวิญญาณตามความเป็นจริง...ที่...วิญญาณต้องมีเหตุให้เกิด..จึงจะเกิดขึ้นครับ...ส่วนจะแก้ทิฐิของสาติภิกษุได้หรือไม่...ขึ้นอยู่กับสาติภิกษุ...ท่านไม่ได้โต้แย้งอะไรครับ
2. ผมเห็นพุทธศาสนิกชนบางท่านพิจาณา "วิญญาณ" ใน ปัจจัยแห่งความเกิด ข้อที่ ๔๔๖ - ๔๔๘ และ ปัจจัยแห่งความดับ ข้อที่ ๔๔๙ - ๔๕๐ ว่าเป็น "วิญญาณ ณ ปฏิสนธิขณะ" ดังนั้น "วิญญาณ" ในใน ปัจจัยแห่งความเกิด ข้อที่ ๔๔๖ - ๔๔๘ และ ปัจจัยแห่งความดับ ข้อที่ ๔๔๙ - ๔๕๐ เป็นการนิยาม "วิญญาณ" เพื่อโต้แย้งอุจเฉททิฏฐิ ใช่หรือไม่
ข้อนี้ตอบไม่ได้ครับ..ขึ้นอยู่กับพุทธศาสนิกชนบางท่านนั้นๆ..มีจิตโต้แย้งหรือไม่(เป็นกิเลส..ที่ชื่อว่า..ทิฐุปาทานหรือความยึดมั่นถือมั่นในความเห็นตน..หากจิตประกอบด้วย..ทิฐุปาทานนี้...ย่อมไม่เกิดประโยชน์ในการสนทนาธรรมนั้นๆครับ)
3. การมี "วิญญาณ" สองลักษณะอยู่ในพระสูตรเดียวกัน แต่ในพระสูตรเองก็ไม่ได้อธิบายชี้แบ่งประเภทลงไปให้ชัดเจน ว่าวิญญาณตำแหน่งนี้คือประเภทหนึ่ง วิญญาณตำแหน่งนี้คืออีกประเภท มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า การตีความว่า "วิญญาณ" มีสองลักษณะ อาจคลาดเคลื่อน ใช่หรือไม่
เป็นสองลักษณะอย่างไรครับ...แต่หากหมายถึง ๒ ลักษณะดังนี้คือ ๑.เพราะสังขารเป็นปัจจัยจึงเกิดวิญญาณ...และ ๒.วิญญาณอาศัยปัจจัยใดๆ เกิดขึ้นก็ถึงความนับด้วยปัจจัยนั้นๆ วิญญาณอาศัยจักษุและรูปทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า จักษุวิญญาณ วิญญาณอาศัยโสตและเสียงทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า โสตวิญญาณ วิญญาณอาศัยฆานะและกลิ่นทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า ฆานวิญญาณ วิญญาณอาศัยชิวหาและรส ทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่าชิวหาวิญญาณ วิญญาณอาศัยกายและโผฏฐัพพะทั้งหลายเกิดขึ้นก็ถึงความนับว่ากายวิญญาณ วิญญาณอาศัยมนะและธรรมารมณ์ทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่ามโนวิญญาณ
จริงๆแล้ว..ในข้อที่ ๒ นั้นคือการเกิดขึ้นของสังขาร(กายสังขาร)..ซึ่งทำให้มีอายตนะครบ ๖ ...ทำให้เกิดการรับรู้ของวิญญาณ..และวิญญาณก็เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปวนอยู่ในวัฎสงสารนี้...จึงเกิดทุกข์..วนเวียนอยู่อย่างนี้...แม้แต่พระอรหันต์เองที่ยังไม่ปรินิพพานก็ยังต้องรับทุกข์จากกายสังขารที่ได้เกิดขึ้นมาแล้วนี้(ทุกข์ที่ต้องกิน..ขับถ่าย..เจ็บป่วย..อื่นๆที่เกี่ยวเนื่องจากกายสังขารนี้)...ฉนั้นหากเป็นในสองลักษณะนี้...ไม่มีการตีความที่คลาดเคลื่อนแต่อย่างไรครับ
4. "วิญญาณ" ในพระสูตรดังกล่าวมีสองนิยาม คือ วิญญาณที่โต้แย้ง สัสทิฏฐิ และ วิญญาณที่โต้แย้ง อุจเฉททิฏฐิ ใช่หรือไม่
วิญญาณ..มีอย่างเดียวครับ..คือมีสังขารเป็นปัจจัยจึงเกิดวิญญาณ...ในส่วนที่เป็นอายะตะ ๖ พร้อมรูปแล้วเกิดวิญญาณนั้นๆ..ก็เป็นเพราะการได้เกิดมามี..กายสังขารนี้ครับ
5. หากตีความว่า "วิญญาณ" ในพระสูตรดังกล่าว มีสองลักษณะ คือ วิญญาณที่โต้แย้ง สัสทิฏฐิ และ วิญญาณที่โต้แย้ง อุจเฉททิฏฐิ เช่นนี้ แล้วการนิยาม "วิญญาณ" ในพุทธศาสนา ถือเป็นการนิยามที่ขัดแย้งกัน หรือไม่
ในพระสูตรดังกล่าว..ไม่มีการโต้แย้งอะไรครับ...แต่เป็นการอธิบายสภาวะธรรมของเกิดขึ้นของวิญญาณครับ
จากคุณ |
:
โกวิทย์ (โกวิทย์)
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ส.ค. 55 13:18:16
|
|
|
|