PANTIP.COM : Y12516369 ขอสอบถามเรื่องคนมีองค์หรือเทวดารักษาตัว []

ความคิดเห็นที่ 13

ที่มันเป็นปัญหาคือเทพฮินดูนี่แหละค่า เพราะว่าคติของฮินดูเข้ามาปนกับพุทธศาสนามากมายในช่วงหลังๆ จนแทบดูไม่ออกเลย เขาครอบพุทธศาสนาในอินเดียได้น่ะนะ ส่วนที่จะลามมาเมืองไทย ก็เป็นปกติ คนไทยชอบรับเละอยู่แล้ว ประสมมาไว้ในวิถีชีวิตประจำวันเป็นความหลากหลายอย่างหนึ่ง สำหรับคนไทย จะว่าไปก็เทพฮินดูแหละ ขลังสุด..

เราโอเคกับเทพฮินดูนะคะ สมัยก่อนจะมาพุทธจ๋า ก็นับถือมา กราบไหว้บูชามาบ้าง เทพทางตะวันตกก็ชอบศึกษามาก่อน แต่ไม่เคยกราบไหว้.. เพราะไม่มีประเพณีอ่ะนะ

หลังจากภาวนาจริงจัง ชัดเจนมั่นคงในพระรัตนตรัยดีแล้ว เรื่องจะยึดเทพเป็นที่พึ่งก็หายไปจากใจเอง เป็นไปตามธรรมชาติ แต่ไม่ลืมหรอก ว่าวันนึงก็เคยยึดถือเป็นที่พึ่งทางใจ ถึงไม่มากมาย แต่ก็มีบ้าง ดังนั้นก็ไม่ได้มองว่ามันเลวร้ายอะไร คนเราอ่ะ มันชอบพึ่งพา.. ก็พึ่งตัวเองไม่ได้ ก็ต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นธรรมดา พึ่งเทพก็ยังดีกว่าพึ่งอย่างอื่นที่แย่กว่าเทพน่ะนะ.. ที่น่าห่วงก็คือพวกโดนผีหลอกหรือโดนคนหลอกมากกว่า

คุณโลกสีน้ำเงิน สงสัยเหมือนเราเลย เทพมีหลายชาติพันธุ์ แต่รู้สึกเทพทางกรีก-โรมันจะไม่นิยมประทับเข้าร่างใคร...

เทพของไทยโบราณ ก็ดูจะไม่มีข่าวว่าจะมาประทับร่างผู้ใด เช่นพระแม่ธรณี ท้าวสักกะเทวราช ก็ไม่เคยมีข่าว ถ้าศึกษาคติโบราณ จะเข้าใจได้ว่า เทพศักดาสูงๆ เขาไม่มาใกล้มนุษย์หรอก มนุษย์สกปรก อิอิ.. เขาเป็นพลังงานบริสุทธิ์ ไฉนจะต้องมาอาศัยร่างกายมนุษย์ที่ไม่บริสุทธิ์ล่ะ (นี่ว่ากันตามคติ ตามทฤษฏีที่เขาบันทึกไว้เป็นหลักฐานนะ)

ปัญหาเรื่องเทพๆ เรื่ององค์ๆ นี่ น่าจะเกียวพันกับ ตำหนักทรง ร่างทรง ที่ว่ามีองค์นี่ เกี่ยวกับการทรงเจ้าหรือเปล่าไม่รู้นะคะ ซึ่งส่วนมากก็มั่ว หลอกลวงประชาชน แต่ส่วนที่ไม่มั่วก็มี ก็สร้างปัญหาสังคมไปอีกแนวนึง คือพากันหลงน่ะค่ะ

ตามทฤษฏีแล้ว เทพจริงๆ เขาไม่ต้องมาเข้าทรงใครหรอก เขาไม่ได้มีปัญหาจะต้องมาใช้ร่างคนสร้างบารมีอะไรหรอก แต่จะสนับสนุนให้พร ดลจิตใจให้ทำความดี ช่วยเหลือเกื้อกูล หรือมาสอนอะไรก็พอจะมีรายงานให้อ่านบ้าง

ส่วนที่ว่ามีองค์กันได้ แบบสิงสู่ในใจคน มักเป็นเรื่องวุ่นๆ ของเจ้าพ่อเจ้าแม่มากกว่านะคะคุณ เรื่องทรงๆ นี้ ส่วนใหญ่มันเป็นพวกไสยศาสตร์ ผีบ้างอะไรบ้าง ปนลัทธิฮินดูบ้าง ปนกันมั่วน่ะค่ะ

สมัยเรียนมหาลัย มีเพื่อนมาเล่าว่าไปตำหนักทรงเสด็จพ่อ มาประทับร่างทรงสอนลูกหลาน ไอ้ตอนแรกก็ฟังดูน่าตื่นเต้นดี แบบแม่นอะไรอย่างนั้น เขาเล่าว่าท่าทางเสียงนี่ออกแมนเลย น่าเชื่อถือมาก แต่พอว่ามากอดจูบมเหสีให้ดูด้วย กร๊ากก..วงแตก ตัดสินง่ายๆ บูรพมหากษัตริย์ท่านไม่มาทำอย่างนั้นหรอก.. จบข่าว วงพิสูจน์เสด็จพ่อเลยไปเตะบอลแทน..

เรื่องจิตมันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ จะอธิบายต้องเข้าใจเรื่องพลังงาน จิตของคนที่มีพลังงานเข้มข้น สามารถดึงดูดหรือ ครอบงำจิตใจของคนที่มีพลังงานเบาบาง หรือที่เรียกว่าจิตอ่อน เป็นต้นว่า โน้มน้าวให้เชื่อ คล้อยตาม นี่จิตคนต่อจิตคนก็ทำได้ เซลล์แมนเก่งๆ ก็ทำได้แล้ว เรื่องสะกดจิตให้ซื้อของเนี่ยค่ะ.. กิเลสเรามี เขาปลุกขึ้นมาได้

แต่จิตที่ไม่ใช่คนก็มี เหอๆ ก็หลักการเดียวกันแหละ ครอบงำได้ โน้มน้าวได้ พวกสติอ่อน จิตอ่อน ต้องระวัง เรามีเชื้อโลภะ โมหะ หรือเปล่าล่ะ ถ้ามีก็ปลุกได้

ก็ถ้าเราชอบทางนี้ เขาพูดนิดนึง เราแสดงอาการชอบ เขาก็โน้มน้าวเราได้ไงคะ โน้มน้าวไปในทางดีก็ดีไป แต่โชคร้ายโน้มน้าวไปในทางงมงาย เสียเงินเสียทองก็ซวยไปค่ะ

แต่เราก็เจอมาไม่น้อย เป็นผู้ปฏิบัติ ที่มีเทพฮินดูเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ใช่ว่าเขาไปเป็นร่างทรง แต่ว่าเขาอาจเคยนับถือเทพองค์นั้นเป็นครูอาจารย์ในอดีต พวกเทพฮินดูนี่เขาอายุยืนหนา เราอาจจะเคยเกิดเป็นแขกนับถือเขามาก่อนก็ได้นะ หุหุ ตอนนี้เรามาเกิดเป็นคนไทยกันแล้วแต่จิตใจอาจจะเคยนับถือกันมาไง (อันนี้เราคิดเอาเอง)

จิตเราบันทึกทุกสิ่งไว้เหมือนฮาร์ดดิสก์นะคะ เมื่อเราภาวนาบางทีเหมือนเราไปรื้อสัญญาเก่าๆ น้องหลายคนภาวนาไปช่วงนึง มีนิมิตบ้าง ฝันบ้างถึงเทพฮินดูให้หลอนเล่น เป็นปรากฏการณ์ที่เราศึกษาเก็บข้อมูลส่วนตัว ปัจจุบันเขาไม่ได้เคยสนใจ ไม่ได้นับถือแต่ไหงมีภาพมา เขาลองตามหาดู เอ้อ..เป็นองค์นั้นองค์นี้ มีชื่อมีภาพอยู่จริง ยิ่งใจเต้นอ่ะ..

จะบอกว่ามีองค์ มันก็ไม่ใช่หรอก เพราะท่านไม่ได้มาสิงสู่ มันเป็นรอยของสัญญาที่เราบันทึกไว้ในจิตเราเองนั่นแหละ

วิธีที่แนะนำไปแล้วก็ใช้ได้ดี ก็คือ ขอลาพวกท่านเสีย ถ้าเคยเป็นครูอาจารย์กันมา ก็ขอลา เพราะว่าปัจจุบันนี้ เรารับไตรสรณคมน์แล้ว เรามีพระรัตนตรัยเต็มใจ เคยเป็นครูอาจารย์กันมาอย่างไร ก็ขอลาเสีย คือบอกกับจิตเราเองนั่นแหละ ขอขมา ขออโหสิกรรม ขอลา แต่ก็นับถือกันต่อไปเสมือนญาติผู้ใหญ่ เป็น "เทวตานุสติ" ไปก็แล้วกัน

จะไม่ลาก็ได้ ละสัญญาเสีย เราก็เพียรภาวนาของเราไป แต่บางคนหลอนไง หลอนก็ต้องแก้หลอน เอ้า..ไปขอลาขอขมาท่านเสีย สบายใจก็เลิกฝัน

เหมือนขออโหสิกรรมเจ้ากรรมนายเวรน่ะ ทำแล้ว มันได้กับตัวเอง แบบล้างความรู้สึกไม่ดี หรือสัญญาที่ไม่ดีออกจากจิตเราเองนี่แหละ เจ้ากรรมนายเวรจะมีตัวตนจริงๆ หรือไม่ก็อีกเรื่องนึง แต่เราทำบ่อยๆ เราล้างจิตเราเอง ทำบ่อยๆ จิตก็เบาขึ้นนะ

คือศาสนาอื่นนั้น เทวดาหรือเทพ เป็นสุดยอดแล้วนะคะ สูงสุดแล้ว คนจึงกราบไหว้บูชา ขอไปอยู่กับเทพ เทวดา ขอไปอยู่กับพรหม หรือขอเกิดเป็นเทพเป็นพรหมก็ยังดี ขอเป็นลูกเป็นทาสบริวารก็ยังดี

แต่พระพุทธศาสนา หากภาวนาถึงแก่น จิตวิวัฒน์ได้จนเลยเทพเลยพรหมไงคะ

การเข้าถึงสัจธรรมทางพุทธศาสนา จากการวิปัสสนาสามารถพัฒนาภูมิจิต เหนือชั้นยิ่งกว่าเทพและพรหมตามคติของพรามหณ์ เป็นจิตวิสุทธิ ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก เหนือพรหมที่ว่าสูงสุดแล้วในจำนวนเทพทั้งหลาย

แต่พระพุทธศาสนาก็ไม่ได้ปฏิเสธความเชื่อในเรื่องเทพเทวดา แต่ท่านสอนว่ามันไม่ใช่ทางไปสู่จุดสูงสุดของศาสนา คือพระนิพพาน

ส่วนตัวเองปัจจุบัน เทพชาติไหนก็เทวดาน่ะค่ะ ท่านเป็นเทวดาได้เพราะท่านทำความดี ไม่งั้นคนก็คงไม่นับถือกัน เราก็เคารพท่านเหมือนผู้ที่ทำความดีโดยมาก ไม่ประมาทปรามาส ในคุณความดีของผู้อื่น ไม่ประมาทความเชื่อของผู้อื่น แม้ว่ามันจะไม่ตรง ถ้าพอจะแนะนำได้ก็แนะนำ ถ้าเห็นท่าว่าจะหลงมาก ก็ไม่ยุ่ง ทางใครทางมัน อวยพรให้ตรงไวๆ ก็พอ

ส่วนเรื่องเคารพนับถือกราบไหว้บูชา เรามี "บรมครู" อยู่กลางใจแล้ว.. จบข่าว
แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 55 22:26:03

จากคุณ : chaosy

เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 55 22:16:34