ความคิดเห็นที่ 1 จริงหรือ เรื่องลิงตัวผู้ กับลิงตัวเมีย เป็นต้นกำเนิดมนุษย์โลก คำถามคือ  ทำไมคนทั้งโลกไม่มีหาง จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 12:10:06

ความคิดเห็นที่ 2 มันต้งแต่รุ่นแรกๆ แล้วครับ Bible ก็เคยบันทึกไว้เกี่ยวกับบุตรของโนอาร์ ที่มีสามเชื้อชาติ ก็คือคนทั้งสามเผ่าในโลก จากคุณ : นายสาระแน เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 12:13:24

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าต้นตระกูลเพียงเซลเดียวสามารถจะกลายพันธุ์เป็นพืช เป็นสัตว์ ล้านๆสายพันธุ์ได้ตามความเชื่อนัก(อ้าง)วิทยาศาสตร์บางคน ความหลากหลายสีผิว และหน้าตา ภายใต้เผ่าพันธุ์มนุษย์เดียวกัน จากต้นกำเนิดมนุษย์ด้วยกันเอง มันจะน่าสงสัยตรงไหนครับ? เทียบกันไม่ได้เลย จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 12:39:35

ความคิดเห็นที่ 4 ทำใมคนทั่วโลกไม่มีสีผิวเดียวกัน จริงๆ แล้วน่าถามห้องโต๊ะเครื่องแป้ง หว้ากอ สวนลุมฯ จะเจอคำตอบที่ละเอียดมาก เอาแบบง่ายๆ คนแอฟริกาผิวดำเนื่องจากมีเมลานีนในผิวหนังในปริมาณที่สูง ส่วนคนยุโรปมีผิวขาวจนซีดเพราะมีเมลานีนในผิวหนังน้อย จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 12:43:09

ความคิดเห็นที่ 5 จริงหรือ พระเจ้าสร้างโลกและสรรพสิ่ง จริงหรือ น้ำท่วมโลก จริงหรือ โมเสสแยกทะเลแดง จริงหรือ อีลายาห์เรียกไฟจากฟ้าสวรรค์ได้ จริงหรือ โยนาห์ อยู่ในท้องปลาใหญ่ 3 วัน จริงหรือ พระเยซูทรงกำเนิดจากหญิงพรมหจรรย์ จริงหรือ พระเยซูทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน และฟื้นพระชนม์ในวันที่สาม จริงหรือ พระเยซูแท้จริงคือ พระเจ้าผู้ทรงสภาพมนุษย์ เรื่องการอัศจรรย์มีมากมายในไบเบิล และไบเบิลไม่สามารถแยกการอัศจรรย์ออกไปได้ คริสเตียนเป็นศาสนาที่ยึดความเชื่อเป็นหลัก พูดเสริมประเด็น เอวา อาดัมนิดหนึ่ง หลายๆคนอาจไม่ทราบ ทำคำนายแรกเรื่องการเกิดของพระเยซู ก็เิกิดขึ้นตั้งแต่ในสมัยเอวาอาดัมโดนพิพากษา นั่นคือ มีการพูดถึงพงษ์พันธ์ของหญิง ซึ่้งปกติในพระคัมภีร์จะนับพงษ์พันธ์ทางชายเท่านั้น ประการต่อมา คือเรื่องของความบาป ถ้าสังเกตให้ดี จะเห็นว่า ความบาปคือการที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ดังนั้นคนที่มาแก้บาป จึงเป็นคนที่เชื่อฟังพระเจ้าจนมรณา(พระเยซูคริสต์) เรื่องราวของคริสเตียน จึงเป็นเรื่องราวที่เรียงร้อยกันไว้ ตั้งแต่พันธสัญญาเดิม จนถึงพันธสัญญาใหม่ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 55 12:45:15 จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 12:43:40

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าเป็นจริง     แล้วใครให้กำเนิด อาดัมกับอีวา ? ถ้าตอบว่าพระเจ้า เป็นผู้สร้าง-ผู้ให้กำเนิดอาดัมกับอีวา   แล้วใครให้กำเนิดพระเจ้าล่ะ ? พ่อกับแม่ของพระเจ้าหรือ ? คนที่ให้กำเนิดพ่อแม่ของพระเจ้า ก็คือ ปู่ย่า ตายาย ของพระเจ้าหรือ ? หรือถ้าไม่ใช่ทั้งหมดที่กล่าวมา   พระเจ้าจะจัดเป็นพวกโอปปาติกะ (ผุดขึ้นมาเอง)  ได้หรือไม่ ? จากคุณ : มีดกรีดใจ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 12:45:09

ความคิดเห็นที่ 7 # 6 เพราะคุณยึดติดกับมิติเวลา จึงคิดว่าสิ่งต่างๆต้องมีการเกิด ถ้าพูดแบบนี้ ผมสงสัยได้ไหมว่า นังหลับตาใต้ต้นไม้เฉยๆ แล้วจะเกิดความรอบรู้โดยไม่เรียนได้อย่างไร จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 12:47:21

ความคิดเห็นที่ 8 ทุกศาสนา ล้วนไม่สามารถพิสูจน์ จุดกำเนิดแห่งสรรพสิ่งได้ พุทธบอกเป็นเรื่องเวียนว่ายตายเกิด มานานนักหนา....พิสูจน์ไม่ได้จริงไหม คริสต์บอก พระเจ้าดำรงอยู่แต่แรก...ก็พิสูจน์ไม่ได้เช่นกัน จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 12:50:38

ความคิดเห็นที่ 9 สงสัยจะเป็นคำถาม เชิงอภิปรัชญา ไปแล้วล่ะครับ จากคุณ : ความเชื่อ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 12:50:51

ความคิดเห็นที่ 10 กระทู้ลักษณะนี้ เป็นการถามแบบจงใจตีความเชื่อของคริสเตียน ซึ่งจะอย่างไรเสีย มันก็หาคำตอบมาโต้เถียงกันทั้งสองฝ่าย และก่อการวิวาท...อย่างที่กำลังดำเนินไป อีกฝั่งการใช้ทฤษฎีวิวัฒนาการมาโต้ อีกฝ่ายก็ปฎิเสธทฤษฎีวิวัฒนาการ ต่างคนก็ต่างยีัดความเชื่อของตนเป็นหลัก พอตีเข้ามามาก อีกฝ่ายก็ต้องย้อนรอยด้วยข้อเชื่อของอีกฝ่าย สุดท้าย...วิวาทแน่นอน จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 12:59:28

ความคิดเห็นที่ 11 เรื่อง ผิวพรรณ เป็นไปตาม สภาพภูมิประเทศและการสืบทอดพันธุืกรรมครับ จขกท ถ้าหากนำเด็กทารกผิวดำหรือคนป่า ไปไว้ในเมืองหลวง เลี้ยงดู เขาจะกลายเป็นเด็กเมือง พฤติกรรมต่าง ๆ จะเปลี่ยนไปแต่ยังคงพันธุกรรมเดิม ๆ อยู่บ้าง จากนั้นเมื่อมี การถ่ายทอดสู่ลุกหลาน พันธุกรรมจะเริ่มเปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อมที่ตนเองอาศัย ครับ เช่นสีผิว จะเริ่มไม่ดำเข้ม นัก จะเริ่มออกเหลืองอ่อน ผมที่เคยหยิก ๆ เพราะสภาพภูมิประเทศเดิมเช่นเคยร้อน พอมาอยู่ในประเทศที่หนาว เมื่อสืบทอดรุ่นต่อรุ่น ผม ผิว และ สีตา ต่าง ๆ ก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลง อ่อนนุ่มลง ครับ และเมื่อสืบทอดต่อไปเรื่อย ๆ หลายรุ่นเข้า ความเป็นคนดำจะหายไปและอาจดำได้อีกในรุ่นสู่รุ่นที่เรียกว่า ตกทอดทางพันธุกรรม ที่บางที จะกลับมาเจอได้ในอีกหลายชั่วอายุคน แต่ทั้งหมดนี้อาศัยเวลาครับ ไม่ใช่ว่าจะแค่เรากับแฟนเราย้ายไปอยู่ภูมิประเทศเหล่านั้น จะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้เลย จะยังไม่ส่งผลครับ คุณลองเองก็ได้นะครับ พาแฟนไปอยู่กินที่อเมริกา มีลูก และลูกก็มีแฟนสืบทอด ไปเรื่อย ๆๆๆ เด็วลักษณะทางพันธุกรรมจะเปลี่ยนแปลงไปเองครับ ตามสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย เพราะเมื่ออากาศหนาวการหายใจนั้นจะไม่แรงและไม่ต้องใช้ออกซิเจนเยอะมากเหมือนเขตร้อนชื้นอย่างเรา ผิวก็ไม่โดนแดดแรง และอื่น ๆ มีผลหมดครับ จากคุณ : powerinvincible เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 13:05:44

ความคิดเห็นที่ 12 มะม่วงยังกลายพันธ์ได้เลย จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 13:07:32

ความคิดเห็นที่ 13 มนุษย์สร้างนิทานมาหลอกกันเอง จนเชื่อกันไปทั่วโลก ที่สร้างก็เพราะมนุษย์หาคำตอบด้วยตัวเองไม่ได้ จึงเบี่ยงเบนสร้างพระเจ้าขึ้นมาเป็นสิ่งสมมุติให้สร้างทุกสิ่ง เสร็จแล้วสบายใจ ปล่อยให้ ลูก หลาน เหลน โหลน มีพระเจ้าเป็น ของเล่น ไปได้ตลอดเป็นร้อย เป็นพันปีมาแล้ว ช่างเจ้าความคิด ดีจังบรรพบุรุษของมนุษย์เรานี่ ท่านฉลาดนะ แต่ ลูก หลาน เหลน โหลน ไม่ค่อยฉลาดเลย จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 13:11:52

ความคิดเห็นที่ 14 แต่ผมว่า ศาสนาที่มนุษย์เอะอะอ้างว่าตนคิดได้ขึ้นมาเอง หรือสมมติปั้น พระเจ้า เทพเจ้า รูปลักษณะต่างๆขึ้นมากราบไหว้นี่ ไม่ฉลาดหรอกครับ วิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้าก็มีช่องโหว่มากมายให้จับติดกันไม่หวาดไม่ไหว จับติดทีไรอ้างนิทานตลอด ถามแนวเหตุผลก็ตอบเพียงรู้ได้เฉพาะตน ไม่ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะไปรู้มัน ลูก หลาน เหลน โหลน ก็ขานรับต่อๆกันมา เป็นการอ้างเหตุผลที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลยนะครับ Faraday แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 55 13:19:25 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 13:17:35

ความคิดเห็นที่ 15 คุณระลิก เรื่องมนุษย์มีบรรพบุรุษเป็นลิง หรือ ลิงเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ ใน ทฤษฏีวิวัฒนาการ เป็นเรื่องที่เข้าใจคลาดเคลื่อน และ เป็นจุดเริ่มของประเด็นทางศาสนาที่เชื่อในพระเจ้า กับ วิทยาศาสตร์เรื่องวิวัฒนาการตลอด จริงแล้ววิทยาศาสตร์บอกว่า มนุษย์มีบรรพบุรุษร่วมกันกับลิง แล้วทำใมคนไม่มีหางเหมือนลิง สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด มีหางใว้เพื่อประโยชน์หลักคือปิดรูทวาร และ ประโยชน์รองที่ต่างกัน เช่น ใช่สื่อสารในฝูง ปัดแมลง ช่วยในการทรงตัว ฯลฯ มนุษย์มีก้นในการปิดรูทวาร เลยไม่จำเป็นต้องมีหาง แต่ก็มีร่องรอยของหาง หาก  x-ray  กระดูกก้นกบจะพบว่ามีลักษณะปลายกระดูกที่เรียงตัวกันแบบหางของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ป.ล. โพสรูปไม่ได้ เล่นผ่าน tab 7+ แถมเผื่อใครอยากดูว่า กระดูกก้นกบเป็นยังไง http://www.oknation.net/blog/Mustafa/2012/02/13/entry-1 แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 55 13:28:18 จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 13:21:18

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ Lamelez ผมเพียงตั้งคำถามง่ายๆกลับไปยัง จขกท.ครับ ไม่ได้ต้องการคำตอบตามนั้นหรอก ตอบจริงจังขนาดนี้แสดงว่ายังเชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการสินะครับ อะไม่เป็นไร จะแย้งว่าแค่มีบรรพบุรุษร่วมกัน ผมก็เอารูปย้อนไปถึงเลื้อยคลาน ถึงเซลเดียวมาแล้วงัยครับ สายตรงเลย จะอ้างเหตุผล ปิดรูทวารไปก็ปล่าวประโยชน์ครับ ยังงัยเค้าเดิมของบรรพบุรุษก็ห่างไกลกับผลิตผลปลายทางอย่างเทียบกันไม่ได้ ทฤษฎีนี้เอาไว้ทำสารคดี animation หลอกเด็ก กับ ผู้ใหญ่บางคนได้เท่านั้นเองครับ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 55 13:30:31 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 13:26:37

ความคิดเห็นที่ 17  ความคิดเห็นที่ 13    มนุษย์สร้างนิทานมาหลอกกันเอง จนเชื่อกันไปทั่วโลก ที่สร้างก็เพราะมนุษย์หาคำตอบด้วยตัวเองไม่ได้ จึงเบี่ยงเบนสร้างพระเจ้าขึ้นมาเป็นสิ่งสมมุติให้สร้างทุกสิ่ง เสร็จแล้วสบายใจ ปล่อยให้ ลูก หลาน เหลน โหลน มีพระเจ้าเป็น ของเล่น ไปได้ตลอดเป็นร้อย เป็นพันปีมาแล้ว ช่างเจ้าความคิด ดีจังบรรพบุรุษของมนุษย์เรานี่ ท่านฉลาดนะ แต่ ลูก หลาน เหลน โหลน ไม่ค่อยฉลาดเลย จากคุณ : Faraday    เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 13:11:52  เหมื่อน Faraday เลย ถ้าอธิบายเรื่องกลับชาติมาเกิดได้ ค่อย มาป่วน คนนับถือพระเจ้านะ Faraday จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 13:32:35

ความคิดเห็นที่ 18 ผมเข้าใจครับ คุณระลิก ที่คุณพิมพ์มา มุสลิมหากเชื่อเรื่อง วิวัฒนาการ หรือ ไม่เชื่อว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์คู่แรก ถือว่าตกศาสนา และถ้าเชื่อในวิทย์ก็ต้องเชื่อสอดคล้องกับอัลกรุอาน ผมยังไม่เชื่อในวิวัฒนาการหรอกเพราะมันยังพิสูจน์ไม่ได้ รอยต่อของหลักฐานพวกฟอสซิลก็ยังไม่พบครึ่งคนครึ่งลิง ยังมีอีกเยอะ หลายเรื่องที่วิทย์ยังพิสูจน์ไม่ได้ จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 13:38:07

ความคิดเห็นที่ 19 เปล่าครับ ไม่ใช่ไม่เชื่อเพราะกลัวตกศาสนา ไม่เชื่อเพราะมันไร้สาระเกินไป และมีคำว่า "บังเอิญตามธรรมชาติ" กับ "ค่อยเป็นค่อยไปแบบ...นาาาาาาาานนนนนนนมากๆๆ" เป็นคำพูดตบตา อีกอย่างเดี๋ยวนี้เขาจับเท็จได้มากมาย โดยเฉพาะวิทยาการใหม่ๆทางพันธุกรรมที่ห่างไกลสมัยดาร์วินมาก อย่าง DNA ซึ่งสุดท้ายข้อมูลวิทยาศาสตร์มันก็ย้อนไปตรงกับเหตุผลตั้งต้นเรื่องผู้สร้างที่พิสูจน์ได้ด้วยตรรกะสากลง่ายๆที่คนใช้สติปัญญาจะเข้าใจได้ตรงกัน จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 13:43:51

ความคิดเห็นที่ 20 อีกอย่าง วิทย์ที่ได้ข้อสรุปชัดเจนจากทฤษฎี พิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริงที่ประจักษ์ชัดแล้ว ไม่มีสักชิ้นที่ขัดกับกุรอานครับ มีแต่ส่งเสริมความจริงของกุรอ่านทั้งสิ้น ซึ่งเป็นข้อแตกต่างที่สำคัญจากคัมภีร์ศาสนาอื่นๆ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 13:51:26

ความคิดเห็นที่ 21 เรื่องน้ำท่วมโลกหรือโมเสส แยกน้ำทะเล หากจินตนาการ ก็มีความเป็นไปได้ แต่เรื่องเผ่าพันธุ์มนุษย์ ที่มีสีผิวต่างกัน อีกทั้งหากเป็นเชื้อสายใกล้เคียงผสมพันธุ์ ลูกหลานต้องเป็นปัญญาอ่อน มันขัดต่อหลักธรรมชาติ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 13:57:54

ความคิดเห็นที่ 22 เรื่องสัตว์เซลเดียวเป็นต้นกำเนิด ยังน่าเชื่อถือกว่ามาก ซึ่งสัตว์เซลเดียวนั้น สามารถวิวัฒนาการไปเป็นเผ่าพันธุ์อื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งบรรพบุรุษของเผ่าพันธุ์สัตว์ต่างๆ ก็มาจากสัตว์เซลเดียวต้นกำเนิด จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 14:00:48

ความคิดเห็นที่ 23 ้เพราะวิทย์ยังไม่สามารถพิสูจน์ทุกสิ่งได้ จะมีการค้นพบสิ่งใหม่ชึ่งจะมาล้มล้างของเก่าอยู่ตลอดเวลา เช่น อะไรคือสิ่งมีชีวิตแรกบนโลก และกำเนิดมาได้อย่างไร http://www.pttplc.com/TH/flashevent.aspx ปีแล้วเราค้นพบกับแบบนี้ ปีต่อๆไปอาจจะเจอข้อมูลใหม่ที่น่าเชื่อกว่าก็ได้ จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 14:04:17

ความคิดเห็นที่ 24 ความคิดเห็นที่ 1     จริงหรือ เรื่องลิงตัวผู้ กับลิงตัวเมีย เป็นต้นกำเนิดมนุษย์โลก คำถามคือ  ทำไมคนทั้งโลกไม่มีหาง จากคุณ : laliklalee   ----------------------------------------- การวิวัฒนาการบางเผ่าพันธุ์ใช้เวลานานถึงล้านปี บางเผ่าพันธิ์ก็หมื่นปีบ้าง   อาจจะมีบางเผ่าพันที่ใช้เวลาวิวัฒนาการน้อยมากเพียงแค่ในหนึ่งวัน บางเผ่าพันธุ์ที่วิวัฒนาการจนถึงปัจจุบัน เพียงเปลี่ยนแปลงด้านกายภาพเพียงเล็กน้อย บ้างก็เปลี่ยนแปลงไปจนไม่เหลือเค้าโคลงเดิม จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 14:09:08

ความคิดเห็นที่ 25 การวิวัฒนาการ ย่อมมีส่วนเป็นไปได้ที่กายภาพจะเปลี่ยนแปลง ซึ่งตรงข้ามกับโอปปาติกะ อาศัยแต่อดีตกรรมอย่างเดียว เกิดแล้วก็สมบูรณ์เต็มตัว จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 14:26:16

ความคิดเห็นที่ 26 อีวาไม่ใช่ผู้หญิงคนแรก ลิลิธต่างหาก จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 14:28:52

ความคิดเห็นที่ 27 ความคิดเห็นที่ 26     อีวาไม่ใช่ผู้หญิงคนแรก ลิลิธต่างหาก จากคุณ : ยองเจียงใหม่   --------------------- ผมไม่รู้จริงๆ ลิลิธ เป็นใคร แล้วทำไมถึงมีก่อนอีวา ครับคุณยองเชียงใหม่ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 14:37:42

ความคิดเห็นที่ 28 คุณจันตรีบุตร ผมบอกแ้ล้วไงว่า คริสเตียนเราอยู่ในความเชื่อ พระคัมภีร์บันทึกอย่างไร ก็เืชื่อเช่นนั้น พระเจ้าไม่ได้ให้เรารู้ทุกอย่างดังที่พระองค์รู้ เรื่องการแยกผิวสี ตามพระคัมภีร์บอกเพียงว่า โนวาห์มีบุตรสามคน ซึ่งเข้าใจว่านั่นคือจุดที่แยกคนไปตามผิวสี ก็ประมาณนั้น แล้วคุณจันตรีบุตร คิดอย่างไร เกี่ยวกัย ครุฑ แล้วพญานาค ซึ่งผมก็ไม่เคยได้ยินว่ามีขุดพบสิ่งเหล่านี้ และในทางพุทธศาสนา ก็มีบางชาติที่พระพุทธเจ้าเกิดเป็นนาค ถ้าแบบนี้ แสดงว่า คำสอนของพระพุทธเจ้าก็เป็นการโกหกหรือไม่ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 14:47:07

ความคิดเห็นที่ 29 รบกวนคุณจันตรีบุตร และผู้ที่ยังเชื่อถึอ ทฏษฎี โอปปะปาติกะ และ ความเป็นไปได้ในการกลายพันธุ์จากสัตว์เซลเดียวมาเป็นมนุษย์ แต่ไม่เชื่อเรื่องการแตกต่างทางสีผิว และความปกติจากการผสมสายเลือดใกล้กัน  เปิดโลกทรรศน์ตนเองในบทความนี้เพื่อปรับพื้นฐานความรู้กันก่อนนะครับ http://www.mureed.com/article/charls_davin.htm จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 14:51:45

ความคิดเห็นที่ 30 อีกประการ เมื่อเล่นเรื่อง วิทยาศาสตร์ ผมก็จะเล่นด้วย พระเตมีย์ใบ้ แกล้ง ใบ้ แกล้ง่ ง่อย ตั้งนาน โดยหลักการแพทย์แล้ว ร่างกายส่วนไม่ได้ใช้ ควรอ่อนแอหรือแข็งแรง ผมเคยอ่านตอนเด็กๆ พอวันที่จะสำแดงฤทธิ์เดช ก็ยกเกวีัยนได้ทั้งคัน แบบนี้ ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์หรือไม่ หรือตอนเด็กๆ ที่เรียนหนังสือ โดนครูกรอกหูว่า เกิดแล้วเดินได้ 7 ก้าว อันนี้ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์หรือไม่ ผมว่าก่อนที่จะกล่าวว่าศาสนาผู้อื่น ขาดความน่าเชื่อถืออย่างไร ก็น่ากลับไปศึกษาของตัวเองก่อน ว่ามีรอยรั่วหรือไม่ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 55 14:52:50 จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 14:51:49

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าเอาความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์มาจับหลักการที่สอนในคัมภีร์ศาสนาตนเอง จะเยอะเพียงใด? http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=15&A=1577&Z=1609 http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=562 http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=20&A=5985&Z=6056 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:08:18

ความคิดเห็นที่ 32 ท่านเกลือจืด ผมอยู่ที่โรงพยาบาล คามิเลี่ยน เมื่อเช้า คุณพ่อบาทหลวง มาเยี่ยม ผมก็เลยเปิดห้องศาสนานี้ให้ดู ท่านตกใจ ว่า ชาวคริสต์โดนถล่ม เหมือนสมัยพระเยซู  ผมก็เลยบอกว่า เป็นธรรมดาครับ เราอยู่ในบ้านนี้เมืองนี้ คนเค้าย่อมเกรงว่า ศาสนานับถือพระเจ้า จะมีอิทธิพล ในประเทศไทย ก็ต้องเตะสกัด เป้นธรรมดา ผมก็เลยไปค้น ของMEN OF The DAY  มาให้ชม ท่านบอกว่า สงสัยต้องเข้ามาเยี่ยมบ้างแล้วละ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:10:04

ความคิดเห็นที่ 33 เราว่าทุกคนควรยอมรับว่า วิทยาศาสตร์ยังไปไม่ถึงไหน แค่จะไปดาวอังคารใกล้ๆแค่นี้ก็หืดขึ้นคอ จะไปพูดอะไรถึงกำเนิดเอกภพ ความเป็นมาของโลกและจักรวาล การใช้วิทยาศาสตร์ในการพิสูจน์ว่ามีพระเจ้า หรือพิสูจน์ว่าไม่มีพระเจ้า ก็บ้าและโง่พอกัน จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:10:11

ความคิดเห็นที่ 34 ความคิดเห็นที่ 28     คุณจันตรีบุตร ผมบอกแ้ล้วไงว่า คริสเตียนเราอยู่ในความเชื่อ พระคัมภีร์บันทึกอย่างไร ก็เืชื่อเช่นนั้น พระเจ้าไม่ได้ให้เรารู้ทุกอย่างดังที่พระองค์รู้ เรื่องการแยกผิวสี ตามพระคัมภีร์บอกเพียงว่า โนวาห์มีบุตรสามคน ซึ่งเข้าใจว่านั่นคือจุดที่แยกคนไปตามผิวสี ก็ประมาณนั้น แล้วคุณจันตรีบุตร คิดอย่างไร เกี่ยวกัย ครุฑ แล้วพญานาค ซึ่งผมก็ไม่เคยได้ยินว่ามีขุดพบสิ่งเหล่านี้ และในทางพุทธศาสนา ก็มีบางชาติที่พระพุทธเจ้าเกิดเป็นนาค ถ้าแบบนี้ แสดงว่า คำสอนของพระพุทธเจ้าก็เป็นการโกหกหรือไม่ จากคุณ : เกลือจืด   ----------------------------------------------- ผมเป็นคนรุ่นใหม่ สนใจเรื่องปรัชญา ศาสนา อีกทั้งแนววิทยาศาสตร์ ดวงดาว มนุษย์ต่างดาว และการวิวัฒนาการ กระบวนการย้อนกลับ ซึ่งต้องมีแหล่งอ้างอิง หากไม่มีจริงๆ ก็ต้องเป็นไปตามแนวทางที่สอดคล้องกับธรรมชาติ เพื่อที่ว่าบทความของผมที่เคยเขียนไว้เกี่ยวกับการกำเนิดสรรพสิ่ง นั้นอาจเป็นคำตอบ ส่วนหนึ่งของผู้ที่เคยตั้งคำถามกับตัวเอง ผมไม่รู้จริงๆ เกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิล เพียงได้ยินที่อื่นและในนี้เอ่ยถึงเรื่อง อดัมกับอีวา ว่าเป็นต้นกำเนิดมนุษย์ก็สงสัย เกียวกับการวิวัฒนาการตามลำดับ ซึ่งมันไม่สอดคล้องตามกระบวนการ แต่ผมเชื่อว่ากระบวนการต่างๆ อาจมีการข้ามขั้นก็เป็นไปได้ ก็เพราะเราไม่ มีสิ่งที่หักล้างกับตำนานที่ผ่านมาได้ ส่วนเรื่องครุฑ พญานาค นั้นผมเชื่อว่ามีจริง แม้โลกนี้จะแตกไป และเกิดมาใหม่อีกก็ยังคงมีอยู่ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:10:28

ความคิดเห็นที่ 35 คห.32 พี่จิม  ผมต้องขอโทษด้วยครับที่ผมทำให้พี่เข้าใจผมผิดที่คิดจะถล่มศาสนาใดๆ ผมดูสารคดีมาก็มาก อ่านหนังสือมาก็เยอะ มันมีความเป็นไปได้หรือไม่ได้ ก็อยู่ที่เราต้องใช้ความรู้ที่ได้สั่งสมมาประมวลกันดูเอาเอง จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:15:09

ความคิดเห็นที่ 36 คห.33 ไม่ต้องไปดาวอังคารหรอกคุณแมวฯ เขาดูจากตัวเอง สิ่งรอบตัวก็ประจักษ์ชัดแล้วว่าไม่มีทางเกิดขึ้นมาเอง ไม่มีทางอยู่ได้ ด้วยความบังเอิญ ที่บ้า และก็โง่กว่ากันมาก เค้าใช้ศาสตร์ง่ายๆที่ชื่อ "ค่าความน่าจะเป็นของเหตุการณ์" ช่วยอธิบาย ยิ่งเชื่อว่าวิทยาศาสตร์ที่เจริญก้าวหน้ากว่านี้จะมาพิสูจน์ว่า ราหูอมสุริยะ หรือมีปลาอานนท์ทำแผ่นดินไหว หรือดาวคริปตันจริงๆ คงต้องบวกอาการเพ้อฝัน แยกจริง แยกนิทานไม่ออกเข้าไปร่วมด้วยแล้วหล่ะครับ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 55 15:56:25 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:18:12

ความคิดเห็นที่ 37 ความคิดเห็นที่ 30     อีกประการ เมื่อเล่นเรื่อง วิทยาศาสตร์ ผมก็จะเล่นด้วย พระเตมีย์ใบ้ แกล้ง ใบ้ แกล้ง่ ง่อย ตั้งนาน โดยหลักการแพทย์แล้ว ร่างกายส่วนไม่ได้ใช้ ควรอ่อนแอหรือแข็งแรง ผมเคยอ่านตอนเด็กๆ พอวันที่จะสำแดงฤทธิ์เดช ก็ยกเกวีัยนได้ทั้งคัน แบบนี้ ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์หรือไม่ หรือตอนเด็กๆ ที่เรียนหนังสือ โดนครูกรอกหูว่า เกิดแล้วเดินได้ 7 ก้าว อันนี้ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์หรือไม่ ผมว่าก่อนที่จะกล่าวว่าศาสนาผู้อื่น ขาดความน่าเชื่อถืออย่างไร ก็น่ากลับไปศึกษาของตัวเองก่อน ว่ามีรอยรั่วหรือไม่ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 55 14:52:50 จากคุณ : เกลือจืด --------------------------------- เรื่องนี้แม้ตัวคุณเองหรือใครๆ ก็ย่อมทำได้เมื่อมีบารมีสิบทัศน์ ลองศึกษาเรื่องบารมีสิบทัศน์ แต่สังขารอายุมนุษย์ไม่ยืนนานพอที่จะถึงบทพิสูจน์ ต้องต่อไปอีกหลายๆ ชาติ จึงจะสมบูรณ์ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:19:12

ความคิดเห็นที่ 38 เรื่องราหูอมจันทร์ อมพระอาทิตย์หรือปลาอานนท์  ผมไม่เคยเชื่อเลยครับ นั่นเป็นการจินตาการล้วนๆ ของคนรุ่นเก่า ที่เด็กถามแล้วตอบไม่ได้ก็กลัวจะเสียหน้าซะมากกว่าครับ และมันไม่มีอยู่ในพระไตรฯ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:21:37

ความคิดเห็นที่ 39 คุณจันตรีบุตร บารมีสิบทัศน์???เป็นวิทยาศาสตร์ตรงไหนครับ? อย่าเพิ่งไปเรื่องอื่นสิครับ เอาเรื่องวิวัฒนาการให้จบก่อนเป็นเรื่องๆ ชอบอ่านไม่ใช่หรือครับ คุณจะอธิบายการถูกจับเท็จในบทความที่ผมแนะให้อ่านอย่างไร? ผมรออ่านอยู่ครับ รบกวนอ่านปรับฐานความรู้ก่อนนะครับ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:22:03

ความคิดเห็นที่ 40 มันไม่มีอยู่ในพระไตรฯ ??? คุณไม่เห็นการอ้างอิงหรือ? จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:22:58

ความคิดเห็นที่ 41 กฏแห่งกรรมยังไม่มีผู้สร้างได้ แต่ พระเจ้า ไม่มีผู้สร้างไม่ได้หรือ ? ปฐมเหตุ แค่ต่างกัน ปฐมเหต ต่างกัน ก็ต่างศาสนา อย่าเบียดเบียนกันเลยครับ คุณมีดกรีดใจ เป็นผู้หญิงอย่าทำตัวถ่อย เหมือนผู้ชาย เห็นมาหลายกระทู้แล้วที่ยุแหย่ ให้ ผู้ชายเค้าตีกัน ทำตัวให้เรียบร้อยให้สมเป็นผู้หญิงที่อยู่ในพุทธศาสนาหน่อย อย่าทำตัวเป็นแม่ชีแก้กรรม จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:23:10

ความคิดเห็นที่ 42 คุณจันตรีบุตร เราจะพิสูจน์ความเชื่อทางศาสนา นั้นเถียงกันตาย ก็ไม่มีใครชนะหรอกครับ เมื่อฝ่ายเราเชื่อเรื่องพระเจ้า เรื่องอาดำ กับ อีฟ   ก้เปรียบทางพุทธ เชื่อเรื่อง การกลับชาติมาเกิด นั้นแหละครับ ไปพิสูจน์ในข้อที่ อจินไตย ไม่ได้อะไร หรอกครับ เรื่องของเรืองถ้าคุณ จันตรีบุตร มิได้มีเจตนา ผมต้องขออภัยด้วย แต่สังเกตุ ไหมครับ เมื่อวานกับวันนี้ มีกระทู้ เล่นเรื่องพระเจ้า และความเชื่อ ของผผุ้อื่น 4  กระทู้เข้าไปแล้ว มาเป้นชุดเลย ผมแนะนำถ้าสงสัยในประเด้นศาสนาผู้อื่น ถามในเรื่อง โลจิก ดีกว่าครับ เช่นแนวปฏิบัติ อะไรทำนองนั้น  ถ้าถามแนว ความเชื่อ เราก็ต้องเคารพในความเชื่อ ของ คน คนนั้น ได้คำตอบมา ก็พยักหน้าหงึกๆๆ  พอเพียงแล้วละครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:23:14

ความคิดเห็นที่ 43 ต้องรอวิทยาศาสตร์เจริญอีกสักแค่ไหน เราจึงจะพบปลาตัวนี้ http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=28&i=315 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:30:29

ความคิดเห็นที่ 44 ผมว่าเรากำลังเป็นคนยุคเก่า หากมองไปข้างหน้ามนุษย์ย่อมเข้าใจ อะไรมากว่านี้ทั้งเรื่องศาสนาที่มีส่วนที่คล้ายคลีงกันจะนำมาผนวกเข้าหากัน สิ่งไหนที่ขัดแย้ง ก็จะหักล้าง จนเหลือความเป็นไปได้ ในอนาคต มนุษย์คงจะเหลือความเชื่อเพียงหนึ่ง ไม่มีขัดแย้ง ทั้งนี้ทั้งนั้น ได้ผ่านการโต้ตอบ สังเคราะห์ และเข้าสู่บทสรุป เป็นหนึ่งเดียว แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 55 15:34:54 จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:31:15

ความคิดเห็นที่ 45 คุณจันตรีบุตร ถ้าการตั้งกระทู้นี้ เป็นไปเพื่อการศีกษาหาควาามรู้เพิ่มเติมด้วยความบริสุทธิ์ใจ ผมต้องขออภัยด้วย และพร้อมจะชี้บอกสิ่งที่มีในไบเบิลให้ทราบ เพียงแต่วิธีการตั้งกระทู้ ผมว่าคุณต้องพยายามตั้งให้เหมาะสมกว่านี้ และสิ่งสำคัญคือ เมื่อตั้งกระทู้แล้วต้องดูว่า ผลกระทบมันคืออะไร ผมก็ไม่อยากเห็นห้องศาสนา กลายเป็นที่แห่งการทะเลาะวิวาท ผมต้องขออภัยมานะที่นี้ครับ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:32:21

ความคิดเห็นที่ 46 ความคิดเห็นที่ 39     คุณจันตรีบุตร บารมีสิบทัศน์???เป็นวิทยาศาสตร์ตรงไหนครับ? อย่าเพิ่งไปเรื่องอื่นสิครับ เอาเรื่องวิวัฒนาการให้จบก่อนเป็นเรื่องๆ ชอบอ่านไม่ใช่หรือครับ คุณจะอธิบายการถูกจับเท็จในบทความที่ผมแนะให้อ่านอย่างไร? ผมรออ่านอยู่ครับ รบกวนอ่านปรับฐานความรู้ก่อนนะครับ จากคุณ : laliklalee   ----------------------- ผมเข้าไปอ่านแล้วครับ  ผมถามกลับว่าคุณเชื่อบทความนั้นทั้งหมดหรือครับ หากผมเขียนขึ้นมาบ้างคุณจะเชื่อผมมั้ยครับ หรือใครเอาบทความผมไปอ้าง แล้วจะต้องมีคนเชื่อผมมั้ยหละครับ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:33:30

ความคิดเห็นที่ 47 เอาทีละเรื่องครับ คุณมีอะไรจะแก้ต่างไหม? หรือจะไม่เชื่อแบบไม่มีอะไรแก้ต่างต่อไป บทความนั้นผมเชื่อครับ เพราะผมไม่มีอะไรจะแก้ต่างแทนให้ได้ ส่วนบทความใหม่หากจะเขียนก็เริ่มได้เลยครับ ผมและหลายๆคนจะรออ่านครับ ผมอาจจะเชื่อบทความคุณก็ได้ หากผมจำนนด้วยข้อเท็จจริง เพื่อไม่เป็นคนจับจด โปรดตอบคำถามก่อนนะครับว่า มีอะไรแก้ต่างบ้างครับในบทความนั้น? จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:38:09

ความคิดเห็นที่ 48 นำมาคุยกันทีละประเด็นได้เลยครับ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:39:13

ความคิดเห็นที่ 49 บางเรื่องผมก็เชื่อ เรื่องเรือโนอาร์ และการแยกน้ำทะเล หากเรื่องใดสัมพันธ์กับวิวัฒนาการ มันค่อนข้างที่จะเหลือเชื่อไปสักหน่อยครับ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:43:59

ความคิดเห็นที่ 50 คุณจันตรีบุตร ถ้าคุณสงสัยเรื่องนี้จริงๆ เกี่ยวกับ DNA นั้น ผมมีข้อมูลหนึ่ง ซึ่งน่ากลัวมาก และไม่คิดจะพูด ต้องดูว่าสติปัญญา+ควาามกระตือรือล้นที่จะค้นหาความจริงของคุณมากขนาดไหน ผมแนะนำให้อ่าน พระคัมภีร์ปฐมกาล 1-11 ดู อย่าอ่านแต่พระคัมภีร์เท่านั้น ลองอ่านดูคำอธิบายประกอบจาก commentary ด้วย มีความตอบที่น่ากลัวอยู่ในนั้น ผมไม่พูด เพราะระดับความเชื่อด้านจิตวิญญาณของแต่ละคนแตกต่างกัน ลองหาอ่านดูนะครับ ขอพระเจ้าอวยพระพร ในความรักของพระเยซูคริสต์ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:44:00

ความคิดเห็นที่ 51 อย่าเบี่ยงประเด็นสิครับ คุณจันตรีบุตร  งั้นผมจะไม่รออ่านแล้วนะครับ จะไปทำอย่างอื่น จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:45:42

ความคิดเห็นที่ 52 ถ้าสรุปว่าจะเชื่อทฤษฎ๊วิวัฒนาการโดยที่ไม่มีความรู้จะมาแก้ต่างการจับเท็จแม้เพียงเรื่องเดียวต่อไป ผมก็ต้องเชิญคุณเชื่อตามสบายหล่ะคร๊าบ ไปหล่ะ ^^ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:49:26

ความคิดเห็นที่ 53 ความคิดเห็นที่ 47     เอาทีละเรื่องครับ คุณมีอะไรจะแก้ต่างไหม? หรือจะไม่เชื่อแบบไม่มีอะไรแก้ต่างต่อไป บทความนั้นผมเชื่อครับ เพราะผมไม่มีอะไรจะแก้ต่างแทนให้ได้ ส่วนบทความใหม่หากจะเขียนก็เริ่มได้เลยครับ ผมและหลายๆคนจะรออ่านครับ ผมอาจจะเชื่อบทความคุณก็ได้ หากผมจำนนด้วยข้อเท็จจริง เพื่อไม่เป็นคนจับจด โปรดตอบคำถามก่อนนะครับว่า มีอะไรแก้ต่างบ้างครับในบทความนั้น? จากคุณ : laliklalee   ------------------------------------ ก่อนหน้านี้ผมเคยตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าเราเกิดมาทำไม และมาเป็นเราได้อย่างไร มีคำถามเยอะแยะ แต่ก็ไม่เคยบอกใคร จนถึงวันนึงที่ได้เห็นมีคนสงสัยในสิ่งที่ผมสงสัยเช่นกัน และมีไม่น้อยด้วย บางเรื่องผมศึกษาก็ยิ่งงง เพราะมันขัดแย้งกับสิ่งที่ได้เรียนรู้มา บางทีก็เหมาเอาเองว่าต้องเป็นอย่างนี้ (เพราะไม่มีอะไรอ้างอิง) ผมไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ความเชื่อและความศรัทธาของผู้ใดย่อหย่อนลงไปในพระเจ้าของทุกศาสนา เพราะผมเข้าใจดีและรู้สึกที่ผมเองมีศรัทธาในพระพุทธเจ้า ผมเป็นนักเรียนรู้ หากเรื่องใด ที่ผมเข้าใจผิด ผมพร้อมที่จะทิ้งสิ่งเก่าดั้งเดิมที่ผิด และลำสิ่งใหม่ที่ถูกต้องมาแทนที่ เพื่อที่จะได้บอกต่อคนรุ่นต่อไป จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:54:05

ความคิดเห็นที่ 54 ในคำถามของคุณ laliklalee ผมค่อนข้างงงมาก เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เพราะไม่เข้าใจคำถาม จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:56:45

ความคิดเห็นที่ 55 ก็ไม่แปลกนะ เพราะหน้าตาลูกๆ แต่ละคนยังไม่เหมือนกันเลย พ่อแม่เดียวกัน จะมีลักษณะอันต่างออกไป ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป ความต่างจะมากขึ้นก็ไม่แปลกครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:07:53

ความคิดเห็นที่ 56 เรียนพี่จิม ชื่อ MEN OF THE DAY นี่ สุดยอดจริงๆ เป็นชื่อที่ผมไม่อยากแม้จะเอ่ยถึง กล่าวถึงบ่อยแล้วเค้าแอบอ่าน จะเป็นปลื้มว่าพวกเราคิดถึง หุหุ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:08:11

ความคิดเห็นที่ 57 จำได้ครั้งหนึ่งใน pantip นี้มีการพูดถึงทฤษฎีวิวัฒนาการ มีท่านหนึ่ง นำรูปฝีเสื้อ ที่ปีกลายเป็นรูปคล้ายรูปดวงตาสัตว์ น่ากลัวมาก และคนที่ post ข้อมูลก็ถาม อยากทราบว่า ผีเสื้อมันวิวัฒนาการวาดรูปตาสัตว์ที่ปีกมันได้อย่างไร ถ้าเพื่อนคนใดจำเรื่องนี้ได้ หรือเป็นคนนำเสนอข้อมูลนั้น ช่วยนำมาลงอีกทีครับ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:17:26

ความคิดเห็นที่ 58 นั่นแหละครับคุณเกลือจืด เพราะบางอย่างมันเป็นการเจาะจงมากกว่าการบังเอิญ หรือวิวัฒนาการไปได้อ่ะครับ เพราะถ้าจะบอกว่าเป็นการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมนั่นหมายถึงสัตว์มันเปลี่ยน DNA และโครงสร้างของมันได้เองตามใจ? จากปลามันจะขึ้นบก มันก็วิวัฒนาการไปเพราะมันอยากจะขึ้นบกแค่นั้นหรือ? มันต้องใช้เวลาเท่าไร ถ้าสถานการณ์บังคับ มันจะสามารถปรับตัวได้ในระยะเวลา ไม่กี่พันปีหรือ? จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:26:34

ความคิดเห็นที่ 59 จากทฤษฎีดาร์วิน ยังขาดต้นกำเนิดของต้นกำเนิด ทุกสรรพสิ่งคือจิตธาตุซึ่งเคยเป็นหนึ่ง แต่ได้แตกออกเป็นอนันต์ แต่เดิมจิตนั้นเป็นประภัสสร ไร้รูป ไร้นาม เมื่อถูกอวิชาเป็นตัวนำให้เกิด รูป รส กลิ่น เสียง จึงถือกำเนิดเป็นสัตว์เซลเดียว และสัตว์เซลเดียวต่างๆ ก็ได้มีการ รับรส รับกลิ่น ปรุงแต่ง จนเกิดกายภาพ และได้มีวิวัฒนาการตามลำดับ ทุกสรรพสิ่งมันเป็นของมันเช่นนั้นเอง แต่จะหาคำใดมาอธิบายก็คงจะยาก จึงเลือกที่จะใช้คำว่าบังเอิญ หรือจะมีคำที่ดีกว่านี้ เมื่อกรรมเกิดจากการกระทำ จึงนำไปสู่การเวียนว่ายตายเกิด จิตที่หลงมัวเมาต่อการปรุงแต่งก็หลงทางกลับไปสู่ต้นกำเนิดไม่เจอ จนมีจิตผู้ที่หลุดพ้นได้บอกแนวทางการกลับ ซึ่งต้องเป็นไปตามวิถีแห่งมรรค เพื่อที่จะดับกิเลสให้สูญสิ้น บทความนี้คือบทความที่ผมเขียนขึ้นหลังจากอ่านทฤษฎีดาร์วิน ที่คุณlaliklalee ได้นำมาให้ศึกษา อยากจะอธิบายให้มากกว่านี้ก็กลัวจะเบื่อหรือคิดว่าผมเพ้อเจ้อไป ก็ขอย่นย่อไว้แต่เพียงเท่านี้ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:29:50

ความคิดเห็นที่ 60 สรุปก็คือ   จันตรีบุตรเป็นพุทธศาสนิก มาระรานศรัทธา ศาสนาอื่น ด้วยความเชื่อเรื่องจิตธาตุที่เคยเป็นหนึ่ง แต่พิสูจน์ไม่ได้ โม้ไปเรื่อยเหมือนเคยเห็น แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 55 16:34:43 จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:33:48

ความคิดเห็นที่ 61 ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรครับ เพราะที่ที่ผมแนะให้อ่านต่อไป อาจจะเข้าใจยากกว่าคำถามผมเสียอีก เอาเป็นว่าผู้สนใจก็ค่อยๆทำความเข้าใจตามกำลังความสามารถแล้วกันนะครับ แหล่งนี้มีข้อมูลวิทยาศาสตร์ประกอบดีมาก แต่เป็นภาษาอังกฤษ http://www.harunyahya.com/es/76/categories/ http://harunyahya.com/en/works/964/The-Collapse-Of-The-Theory-Of-Evolution-In-20-Questions จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:34:42

ความคิดเห็นที่ 62 # 59 ถ้างัน เวียนว่ายตายเกิดมาจากไหน ใครเป็นคนสร้าง การเวียนว่ายตายเกิด และก่อนจะมีการเวียนว่ายตายเกิด คืออะไร พลังงานเริ่มแรกที่ผลักดันให้เกิด เวียนว่ายตายเกิดคืออะไร จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:36:18

ความคิดเห็นที่ 63 การเวียนว่ายตายเกิด เสมือนน้ำที่หาภาชนะรองรับ เปลี่ยนภาชนะหนึ่งไปอีกภาชนะหนึ่ง จิตก็ยังเป็นจิตเดิม มีบ้างที่ปรุงแต่งกันไปตามแต่สภาวะนั้นๆ ได้สัมผัสมา จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:37:24

ความคิดเห็นที่ 64 ทฤษฎีวิวัฒนาการ นั้นไม่ใช่หมายความว่ามนุษย์นั้นมาจากลิง แต่มีบรรพบุรุษร่วมกัน ผมเคยฟังผู้สอนศาสนาคริสต์ชั้นต้นๆ ก็เห็นสอนแย้งเรื่อง มนุษย์นั้นมาจากลิง ว่าไม่จริงเเพราะเขาบอกว่า ได้เฝ้าดูลิงมาตลอดไม่เห็นกลายเป็นคนซักที ซึ่งก็จริงของเขา ถ้าทฤษฎีวิวัฒนาการ เป็นจริง มนุษย์และลิง แต่มีบรรพบุรุษร่วมกัน เราคงพิสูทธ์กันไม่ได้แล้ว เพราะต่างก็ วิวัฒนาการ มาถึงที่สุดแล้ว ไม่เปลี่ยนไปกว่านี้แล้ว นี้คือทฤษฎีวิวัฒนาการ ที่เจ้าของทฤษฎีนำเสนอ ที่ผม(เฉพาะผม)ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ส่วนเรื่องพระเจ้าสร้างมนุยษ์คู่แรก อดัมกับอีฟ ผมก็พิสูทธ์ไม่ได้เหมือนกัน เพราะตอนนั้นผมยังไม่มีตัวตน เรื่องพระเจ้าสร้างก็คงได้แต่อ่านได้จากคำภีร์ศาสนาที่เชื่อพระเจ้า ที่ผม(เฉพาะผม)ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ จากคุณ : Ch_Chang เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:38:12

ความคิดเห็นที่ 65 เฮ้อ...นี่งัยเวียนว่ายตายเกิด จิตแบบเดิมๆ มาถามคำถามเดิมๆ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 55 16:39:40 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:38:33

ความคิดเห็นที่ 66 ความคิดเห็นที่ 60     สรุปก็คือ   จันตรีบุตรเป็นพุทธศาสนิก มาระรานศรัทธา ศาสนาอื่น ด้วยความเชื่อเรื่องจิตธาตุที่เคยเป็นหนึ่ง แต่พิสูจน์ไม่ได้ โม้ไปเรื่อยเหมือนเคยเห็น แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 55 16:34:43 จากคุณ : Yaoharee   ------------------------------ แรงไปครับ  ผมไประรานอะไร ผมเห็นแต่ไม่คริสก็อิสลามที่รุมยำชาวพุทธมาหลายกระทู้แล้ว แต่ผมไม่อยากเข้าไปยุ่ง เพราะไม่ใช่เรื่องของผม แต่นี่ผมสงสัยในเรื่องที่ผม ได้เรียนรู้มามันขัดแย้ง คุณจะบอกเป็นวิทยาทานผมก็จะขอบคุณ หากแต่คุณมายัดเยียดว่าผมระรานหละก็ คงได้เปิดกระทู้โจมตีกันมากกว่านี้ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:40:04

ความคิดเห็นที่ 67 จิตเคยเป็นหนึ่งได้แตกออก? อะไรทำให้แตกออก ทำไมแตกออก แตกจากสาเหตุใด และกฎเกณฑ์นั้นมีที่มาอย่างไรล่ะครับ เราจะเห้นได้ว่า มันเป็นกฎเกณฑ์ ที่เกิดขึ้น มีระเบียบแบบแผน และไม่ได้มีอิสระแต่อย่างใด ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ "ต้อง" ถูกกำหนด และวางแผนไว้ครับ เพราะถ้าสรรพสิ่งเกิดเอง ทุกอย่างมันก็มีอิสระต่อกันไปแล้วล่ะครับ ดังนั้นจากที่อ่านจากของคุณจันตรีบุตรนั้น มันเป็นการคาดเดาเอาเอง ที่ค่อนข้างจะไม่มีที่มาที่ไป โดยกำหนดเอาว่า มาจากจิตแรก แต่จิตแรกจิตเดิมนั้น เมื่อมีลักษณะถูกควบคุมอยู่ในกฎแล้วล่ะก็ จิตนั้นย่อมไม่ได้เกิดขึ้นเอง และย่อมต้องถูกสร้าง แสดงว่ามันไม่ใช่จิตแรกจริง และไม่จำเป็นที่จิตใดต้องกลับไปหาจิตหรือจิตดั้งเดิมนั้นด้วย จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:40:52

ความคิดเห็นที่ 68 ความคิดเห็นที่ 65     เฮ้อ...นี่งัยเวียนว่ายตายเกิด จิตแบบเดิมๆ มาถามคำถามเดิมๆ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 55 16:39:40 จากคุณ : laliklalee   ------------------------------------------------- เวียนว่ายตายเกิด มันมีอยู่จริง คุณเคยได้ดูข่าวผู้ที่ระลึกชาติได้บ้างป่าวครับ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:41:14

ความคิดเห็นที่ 69 ความคิดเห็นที่ 67     จิตเคยเป็นหนึ่งได้แตกออก? อะไรทำให้แตกออก ทำไมแตกออก แตกจากสาเหตุใด และกฎเกณฑ์นั้นมีที่มาอย่างไรล่ะครับ เราจะเห้นได้ว่า มันเป็นกฎเกณฑ์ ที่เกิดขึ้น มีระเบียบแบบแผน และไม่ได้มีอิสระแต่อย่างใด ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ "ต้อง" ถูกกำหนด และวางแผนไว้ครับ เพราะถ้าสรรพสิ่งเกิดเอง ทุกอย่างมันก็มีอิสระต่อกันไปแล้วล่ะครับ ดังนั้นจากที่อ่านจากของคุณจันตรีบุตรนั้น มันเป็นการคาดเดาเอาเอง ที่ค่อนข้างจะไม่มีที่มาที่ไป โดยกำหนดเอาว่า มาจากจิตแรก แต่จิตแรกจิตเดิมนั้น เมื่อมีลักษณะถูกควบคุมอยู่ในกฎแล้วล่ะก็ จิตนั้นย่อมไม่ได้เกิดขึ้นเอง และย่อมต้องถูกสร้าง แสดงว่ามันไม่ใช่จิตแรกจริง และไม่จำเป็นที่จิตใดต้องกลับไปหาจิตหรือจิตดั้งเดิมนั้นด้วย จากคุณ : Carroth ------------------------------------- อืม... นั่นสิทำไมถึงแตกออกมา  ผมอ่านมาเหมือนกัน แต่จะให้สอดคล้องกับการที่จิตทำไมต้องแตกออกมา คงมาท่องเที่ยว เรียนรู้ จากที่ไม่รู้อะไรเลย จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:42:33

ความคิดเห็นที่ 70 การเวียนว่ายตายเกิด เหมือนน้ำที่หาภาชนะรองรับ แล้วน้ำมาจากไหน มาจากพ่อของน้ำ หรือ มาจากปู่ของน้ำ หรือ อยู่ดีๆก็เกิดน้ำขึ้นมาเอง ได้โดยไม่ต้องอาศัพ พ่อแม่ของน้ำ มันก็ไปจบที่เรื่องปฐมเหตุ ซึ่งปฐมเหตุ มีใครหน้าไหนเคยไปเห็นมาบ้างนอกจากอ้างตำรา เมื่อเชื่อในสิ่งที่ตาไม่เคยเห็น นั่นคือ ศรัทธา แล้วศรัทธาของคุณ ดีกว่าศาสนิกอื่นตรงไหน ? เถียงกันให้ตายก็ไม่จบ เพราะเราศรัทธาคนละแบบกัน แล้วไม่ต้องมาอ้างเรื่องสติปัญญานะครับ ถ้ายังไม่เคยนิพพานบินไปดูต้นกำเนิดทุกอย่าง แค่พูดวาทกรรมสวยหรูตามตำรา นกแก้ว ก็สอนพูดภาษาคนได้ครับ จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:44:09

ความคิดเห็นที่ 71 จิตทั้งหลายแม้แต่ตัวคุณCarroth สงสัย ก็คือจิตของผมและทุกๆดวงจิตได้เคยเป็นหนึ่ง จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:44:54

ความคิดเห็นที่ 72 คุณYaoharee ผมว่าคุณคอยตามอ่านดีกว่าครับ อย่าไร้มารยาท คนเค้ากำลังแลกเปลี่ยนความรู้กัน คุณไม่เชื่อผม แล้วจะให้ผมเชื่อคุณได้ยังไง จริงอยู่ต่างคนต่างไม่เชื่อกันและกัน แล้วทำไมถึงได้ไม่มาแชร์กัน และแลกเปลี่ยนความรู้ความเชื่อกันหละครับ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:47:56

ความคิดเห็นที่ 73 ข่าวสัมภาษณ์ผู้ที่ระลึกชาติได้ ก็เป็นข้อพิสูจน์สำหรับคุณได้แล้วหรือครับ? แสดงว่าคุณเชื่อทุกอย่างที่มีผู้ออกมาให้สัมภาษณ์ประสบการณ์ส่วนตัว ที่ไม่สามารถพิสูจน์ให้ประจัษ์ชัดได้ด้วยสติปัญญา ไม่แปลกที่การเชื่อคนง่ายแบบนี้ จึงผลิตสาวกที่เชื่อในเรื่อง  Big Foot เนสซี่ มนุษย์ต่างดาว ผีสาง เทวดา นางไม้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ โชคลาง ใบ้หวย เลขเด็ด ฯลฯ มากมายในสังคมโลก จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:48:05

ความคิดเห็นที่ 74 มารยาทระหว่างศาสนา ระหว่างศรัทธา พุทธศาสนิกห้องศาสนา ไม่เคยเรียนรู้เลย สังเกตุห้องศาสนา หลายเดือนที่ผ่านมามีศาสนิกศาสนาไหนบ้างตั้งกระทู้แนว วิพากษ์ศาสนาอื่น  นอกจาก พุทธศาสนิกห้องศาสนา ร่วมร้อยกระทู้แล้วมั้ง เทียบกับศาสนนิกศาสนาอื่น? มันชัดนะครับ ตกลง ศาสนาพุทธสอนอะไร ? ทำตัวให้มันดีๆหน่อย หัดเรียนรู้ที่อยู่ร่วมกับ คนที่ศรัทธาต่างกับตัว เชื่อต่างกับตัวกันบ้าง ไม่ใช่ทำตัวระรานไปวันๆ อย่าใจแคบนัก มันสะท้อนไปถึงโครงสร้งการถ่ายทอด ธรรมในประเทศ ยิ่ง พฤติกรรม โกหกบิดเบือน ระราน เหยียดหยาม มันสะท้อนอะไรได้หลายอย่าง นะครับ บางคนแก่จะลงโลงอยู่แล้ว ปลงๆซะบ้าง จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:49:54

ความคิดเห็นที่ 75 คุณYaoharee หากจะให้ผมต้องใช้คำหยาบคายหละก็ คุณมันก็ไม่ต่างจากคนที่ถือกำเนิดมาจากพุทธ แล้วไปเข้ากับศาสนาอื่นมาโจมตีต้นกำเนิดความเชื่อของตน ผมมั่นใจว่าบรรพบุรุษของคุณเป็นทนไทย นั่นย่อมต้องเคยเป็นพุทธมาก่อน ฉไนเลยหันหลังแล้วแว้งกัดซะเล่า จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:51:01

ความคิดเห็นที่ 76 จันตรีบุตร สิ่งที่คุณ ถามที่คุณตอบ มีคำตอบในใจอยู่แล้ว แชร์อะไรครับ ? มารยาทจอมปลอม คุณก็รุ้ว่า คำถามปัญญาอ่อนอย่าง สีผิว มันไม่สามารถล้มควมเชื่อ ในเรื่องผู้สร้างได้   มารยาท ? คุณก็แค่เข้ามาพ่นความเชื่อตัวเอง ระรานศรัทธาคนอื่น แลกเปลี่ยนอะไ แลกเปลี่ยน เรื่องบินไปดูชาติที่แล้ว แลกเปลี่ยนเรื่องจิต รวมเป็นหนึ่ง มีเรื่องอะไรบ้างที่พิสูจน์กันได้ ในเรื่องที่พล่ามๆกันอยู่? แลกเปลี่นเรื่องที่คุณเองก็ฟังเค้ามา ? ถ้าจะเรียกว่าขาดมารยาท และ แถ ผมว่า มันก็ตัวคุณนะละครับ สุด้ท้าย ระรานเรื่อง ผู้สร้าง เพราะตวเองเชื่อเรื่อง จิต รวมเป็นหนึ่ง จิตเกิดจากความว่าง มีคำตอบอยู่แล้วจะตั้งกระทู้แลกเปลี่ยนทำไม ถ้าไม่ใช่การเบียดเบียน แอบอ้าง มารยาท ทุ้ย!! แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 55 16:54:05 จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:52:55

ความคิดเห็นที่ 77 ผมว่าคุณมันเริ่มต้นเอง มีใครเค้าไปว่าพวกคุณก่อนหรือไง พออะไรไม่ถูกใจ ผิดใจหน่อย ทำเป็นเดือดเป็นร้อนออกอาการ แล้วจะให้เค้าอยู่นิ่งๆ ให้คุณด่าฝ่ายเดียว  เช่นนั้นคุณจงทำซะ ให้คนอื่นด่าคุณ คุณทำได้ ก็น่าจะมีคนทำอย่างคุณได้เช่นกัน จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:53:33

ความคิดเห็นที่ 78 นี่แหละน้า สันดานคน แม้ไปอยู่ศานาใดก็ยังเป็นคนถ่อย ผมว่าคุณอย่าอยู่ศาสนาใดเลย เป็นคนไร้ศาสนาดีกว่าทำให้ศาสนาเค้ามัวหมอง  จะ:-)ทีนึงจะได้ไม่ต้องไปสะเทือนถึงศาสดาคุณ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:55:35

ความคิดเห็นที่ 79 ดังนั้นคำว่า มันเป็นของมันยังงั้นเอง จึงเป็นการ คาดเดา และอ้างอิงที่ยังไม่กินกับเหตุผลหรอกครับ เพราะมันจะเป็นสิ่งที่ทำให้ลืมไปว่า จิตที่ว่าเป็นจิตเดิมนั้น มันเป็นแบบนั้นจริงหรือ เอาง่ายๆ เลย คนที่อ้างว่ารู้วิธีหลุดพ้นแล้ว บอกว่าตัวเองรู้สรรพสิ่งแล้ว กลับผิดเรื่องง่ายๆ เรื่องราหูอมจันทร์ อมพระอาทิตย์ก็ผิด นั่นก็ผิด นู่นก็ผิด ที่ผมชอบอ้างถึงบ่อยๆ คือ เรื่องรอยบนดวงจันทร์ นั่นยิ่งผิดหนัก แสดงว่า สิ่งที่ผู้ที่อ้างตนว่ารู้ และหลุดพ้นแล้วนั้น "มันไม่จริง" ครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:55:53

ความคิดเห็นที่ 80 ผมถึงบอก พุทธศาสนิกห้องศาสนา หลายคนมันเกินเยียวยา กระทู้ คำถามบังหน้า เพื่อระรานศาสนาอื่นแบบนี้ เพื่อนพุทธของคุณเค้าทำกันมานานแล้วครับ คุณระรานความเชื่อของคนอื่น และพ่นสิ่งที่คุณเชื่อ แต่คุณเองไม่เคยเห็น มันมีราคาอะไร ตกลง ระรานศาสนาอื่น เพื่อเผยแพร่ศาสนาตัวก็ยอมรับไปเถอะครับ เป็นลูกผู้ชายก็ยอมรับ กล้าๆหน่อย เรื่องมารยาทไม่ต้องพูดถึง พูดจาสุภาพ แต่ ไม่รุ้จักมารยาท ระหว่าง ศรัทธา มันไม่มีราคา คุณมันแค่พุทธศาสนิกห้องศาสนาเกรียนๆอีกคน ที่ไม่รุ้จักไปเรียนรู้ศาสนาตัวเองให้ดี แต่มาพล่ามโจมตีศาสนาคนอื่นแค่นั้น อย่าอวยตัวเองไป มันจะเสียถึงพุทธห้องศาสนาคนอื่นๆซะหมด จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:57:15

ความคิดเห็นที่ 81 ดังนั้นเท่าที่รู้ เรื่องจิตเดิมจึง ไม่ค่อยเข้าเค้าเท่าไร http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/04/Y11994324/Y11994324.html ลองดูกระทู้นี้ก็ได้ครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:57:46

ความคิดเห็นที่ 82 ผมเป็นคนตั้งกระทู้ที่ถามเพราะว่ามันขัดแย้งกับสิ่งที่ตนรู้ แต่พอมาอ่านหลายคห. ก็คิดว่ามีความเป็นได้อยู่บ้างเพราะมีการเปรียบเทียบอ้างอิง และกำลังจะทำความเข้าใจในหลายๆ แต่กลับมีคนมาถามในสิ่งที่ผมเข้าใจ ผมก็บอกไป ในสิ่งที่ผมได้อ่านมา  หากผิดก็บอกว่าไม่ใช่ ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะอะไรอย่างไร ก็ว่ากันไป จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:58:31

ความคิดเห็นที่ 83 อ้าวคุณ จันตรี ใจเย็นซิครับ สติแตกแล้วเรอะ โดนกระชากหน้ากากแล้วสติแตกเลยหรือ โทสะหนะ เกิดจากอะไรคุณรุ้ไหม? ผมคิดว่า เรื่องนี้คงไม่ต้องให้มุสลิมสอนนะครับ ไม่ต้องไปพล่ามเรื่อง ปฐมเหตุ จัดการกับโทสะตัวให้เป็นก่อน ผมถ่อยแล้ว คุณไม่ต้องถ่อยก็ได้ โถ่เอ๋ย แค่ พุทธศาสนิกจอมปลอม นี่หว่า จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:59:20

ความคิดเห็นที่ 84 คุณมันแค่พุทธศาสนิกห้องศาสนาเกรียนๆอีกคน ที่ไม่รุ้จักไปเรียนรู้ศาสนาตัวเองให้ดี แต่มาพล่ามโจมตีศาสนาคนอื่นแค่นั้น อย่าอวยตัวเองไป มันจะเสียถึงพุทธห้องศาสนาคนอื่นๆซะหมด จากคุณ : Yaoharee   ---------------------- ตรงไหน ผมไปโจมตึ ตรงไหน ยกมาหน่อย ผมถามไม่ได้เลย แตะต้องไม่ได้เลยหรือไง  เช่นนั้นคนมันจะโง่ ก็ปล่อยให้โง่ต่อไป ถ่ายทอดความโง่รุ่นสู่รุ่น จะเอาอย่างนั้นหรือ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:01:12

ความคิดเห็นที่ 85 คุณ : Yaoharee   คนสุภาพย่อมได้รับความสุภาพตอบ  แล้วคุณหละถ่อยมาจะให้ผมสุภาพไป มันไม่แฟร์ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:03:18

ความคิดเห็นที่ 86 เอาง่ายๆครับ ผมขอถามว่า จุดกำเนิดเอกภพ ไหนลองอธิบายมาครับ ผมมีเงื่อนไขเดียว สิ่งที่คุณพูด ต้องพิสูจน์ได้ ถ้าพูดด้วยความเชื่อที่ตำราใดๆบอก ก็แสดงว่า พุทธศาสนาก็ยังไม่สามารถอธิบายกำหนดเอกภพไม่ได้ ซึ่งก็จะเหมือนกับศาสนาที่เชื่อพระเจ้า ที่อธิบายไม่เหมือนกัน แต่เราเชื่อว่าพระเจ้่าสร้าง แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 55 17:04:37 จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:04:01

ความคิดเห็นที่ 87 ศตวรรษที่ 21 แล้ว ยอมรับเถิดครับ เรื่องราวที่ประจักษ์ชัดทางสายตาว่าเป็นความจริง โดยอาศัยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ อาทิ จันทรุปราคา สุริยุปราคา เกิดจากเงา ไม่ใช่ราหู แผ่นดินไหวเกิดจากรอยเลื่อนไม่ใช่ปลายักษ์ และ สรรพสิ่งล้วนมีผู้สร้าง เพราะสลับซับซ้อนและสมบูรณ์แบบเกินกว่าจะถือกำเนิดขึ้นมา อยู่รอด และพัฒนาการด้วยตนเอง ทั้งนี้ก็อาศัยการตัดสินใจบนพื้นฐานที่คำนวณวัดได้ที่เรียกว่า "ความน่าจะเป็น" ส่วนเรื่องที่พ้นญานวิสัยก็ค่อยเทียบเคียงจากการบอกกล่าว ของสิ่งที่พิสูจน์ชัดแล้วว่าจำเป็นต้องมีนั่นคือ "ผู้สร้าง" ไม่ใช่ "จินตนาการของผู้ถูกสร้างด้วยกันเอง" ที่เห็นแล้วว่ามีแต่ความผิดพลาด ต่างทิศต่างทาง และเลื่อนลอย จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:04:02

ความคิดเห็นที่ 88 จันตรีบุตร ทุกศาสนามันมีเรื่องที่ขัดแย้งกันหมดละครบั ถ้ามันเหมือนกัน มันก็คงเป็นศาสนาเดียวกันแล้ว ถ้าไม่โง่ ก็คงไม่พูดอะไรแบบนั้น ปัญหาคือ เมื่อมันขัดแย้งกัน มันก็ต้องเรียนรู้มารยาทในการถามการตอบ เรื่องพื้นฐานแค่นี้เด็กก็เข้าใจ ไม่ใช่ ล๊อกคำตอบไว้เรียบร้อย ต่อให้เถียงกันให้ตายเรื่องนี้ก็ไม่จบ แล้วยังไง ต่อ ? คุณจะเชื่อ เรื่อง อดัม กับอีฟ? มันไม่มีทาง ใจคุณศรัทธาเรื่องปฐมเหตุแบบพุทธอยู่แล้ว แล้วคุณจะมาตั้งกระทู้ระรานศาสนาทำไม? ล๊อกคำตอบ ตั้งกระทุ้ระรานศาสนา ตอบคำถามด้วยเรื่อง ความเชื่อส่วนบุคคล จนลงโลงคงจะได้ข้อเท็จจริงอยู่ก่อนนะครับ แต่รุ้ไหมมันจะได้อะไรในกระทู้ของคุณ การโจมตีกันระหว่างเรื่องที่ขัดแย้งระหว่างศาสนาไง หรือคุณยังไม่เห็นพฤติกรรมของเพื่อนร่วมศาสนาคุณใน #6 คุณมันคนถ่อย ที่เอาคำถามมาบังหน้าแค่นั้น จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:04:57

ความคิดเห็นที่ 89 ถ้าคุณอ้างว่า จะเรียนรู้สิ่งที่ขัดแย้ง งั้นก็อ่านไปเลยแล้วกันนะครับ เรื่องจิตเดิมที่คุณอ้าง ถ้าคุณเรียนมาจากพุทธ คุณก็ต้องทำใจไว้ด้วยว่า อาจารย์ของคุณไม่ได้รู้จริงครับ ผิดแล้วผิดอีกในหลายเรื่อง ดังนั้นเรื่องจิตเดิมอย่าไปคิดว่ามันถูก เป็นการคาดเดา ไม่ใช่การรู้แจ้งจริงดังอ้างครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:05:24

ความคิดเห็นที่ 90 คุณ จันตรีบุตร  ผมไม่อยากยุ่ง เพราะเห้นยุ่งกันหลาย ท่าน ผมติดใจตรงนี้ ครับ แรงไปครับ  ผมไประรานอะไร ผมเห็นแต่ไม่คริสก็อิสลามที่รุมยำชาวพุทธมาหลายกระทู้แล้ว แต่ผมไม่อยากเข้าไปยุ่ง เพราะไม่ใช่เรื่องของผม แต่นี่ผมสงสัยในเรื่องที่ผม ได้เรียนรู้มามันขัดแย้ง คุณจะบอกเป็นวิทยาทานผมก็จะขอบคุณ หากแต่คุณมายัดเยียดว่าผมระรานหละก็ คงได้เปิดกระทู้โจมตีกันมากกว่านี้ จากคุณ : จันตรีบุตร  เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 16:40:04  ตรงที่ผมไฮไลท์  ผมว่าท่านปรักปรำนะครับ ลองไปอ่านดู ไปทบทวนดูใหม่ นะครับ มี 3-4  ล้อคอินเข้ามาป่วน ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ประจำ ผมว่าแค่นี้ คุณก้เอียงกะเท่เร่ แล้วละครับ หลักการถูกก็ต้องว่าถุก ผิดก็ต้องว่าผิด ถ้าไม่อยากตัดสิน ก้ต้องเงียบครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:05:42

ความคิดเห็นที่ 91 ทีแรกผมกำลังจะยอมรับคุณระริกระรี้กล่าวถูกต้อง เรื่องในพระไตรฯ ที่มีปลาอานนท์ (เพราะผมอ่านยังไม่ถึงตรงนั้น) และยังมีอีกหลายเหตุผลที่เค้ากล่าวมาได้น่าฟัง ผู้ที่ศึกษาเช่นผมย่อมรู้ว่าอะไร มีเหตุผล หรือขัดแย้ง ก็ด้วยหลักการ แต่พอมามีคนป่วน มันทำให้ผมมองว่า พวกคุณมันก็แค่หาคำอธิบายต่างๆ มาเพื่อกลบเกลื่อนกลับความเชื่อของตน จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:07:15

ความคิดเห็นที่ 92 ก็บอกแล้ว พวกนี้มัน พวกอคตินิยม พวกเหยียดศาสนา พุทธตั้งกระทู้โจมตีอิสลามมาร่วม ร้อยกว่ากระทู้ตลอด 6 เดือน มันไม่เห็น หรอก  ทั้งๆที่ ศาสนาอื่นไม่มีใครไปยุ่งไปแตะพุทธด้วยการตั้งกระทู้เลย ตลอด 6 เดือนนี้ เกรียนพุทธห้องศาสนา ราคามันก็แค่นี้ละ จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:08:01

ความคิดเห็นที่ 93 เอาเถอะนะครับ ถ้าไม่รู้จริงๆ ไม่มีเจตนาจะลบหลู่จริงๆ ก็ค่อยๆเรียนรู้ทำความเข้าใจไป ให้โอกาสกันเถิดครับ คนที่เกรียนชัดเจนจริงๆ ค่อยกำราบ นะครับ ยังงัยก็ยังอยู่ในเดือนรอมฎอน อดทนๆเถิดครับ ผมเข้าใจครับ ว่าที่ผ่านมามีพวกพุทธเกรียนๆเข้ามาโจมตีตลอด แม้กระทั่งวันนี้ บางทีสติปัญญคนเราก็แตกต่างกัน ผมขอเป็นซอดาเกาะฮ์แล้วกันนะครับ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 55 17:11:42 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:08:04

ความคิดเห็นที่ 94 คุณ จันตรีบุตร ถ้าความเชื่อ คุณเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาง่ายๆเพราะเรื่องอารมณ์แบบนั้น ก็เปลี่ยนไปเถอะครับ ถ้าวันหนึ่งมีคนเอาไอติมมาให้แล้วบอกว่า อุลตร้าแมนคือผู้สร้างโลกคุณก็คงเชื่อมั้ง ดูเป็นศรัทธาที่ฉลาดดีว่าไหมครับ ใช้สติปัญญาครบถ้วน ตลก จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:09:24

ความคิดเห็นที่ 95 ตรงที่ผมไฮไลท์  ผมว่าท่านปรักปรำนะครับ ลองไปอ่านดู ไปทบทวนดูใหม่ นะครับ มี 3-4  ล้อคอินเข้ามาป่วน ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ประจำ ผมว่าแค่นี้ คุณก้เอียงกะเท่เร่ แล้วละครับ หลักการถูกก็ต้องว่าถุก ผิดก็ต้องว่าผิด ถ้าไม่อยากตัดสิน ก้ต้องเงียบครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy)   ----------------------------------- ปรักปรำ อะไรครับ ผมบอกเช่นนั้น ก็เพราะผมเข้าไปอ่านความเห็นของกระทู้ที่เค้าได้ถกกันไว้  ถึงได้รู้ว่าคุณโขตาน โดนพวกคุณยำ  หรือคุณจะบอกว่าไม่จริงไม่เคย ผมเคยชื่นชมคุณพี่จิม ที่มีเหตุผล อีกทั้งยังเป็นผู้เผยแพร่ที่มีศรัทธาแรงกล้า พอมาเห็นคห.นี้ ทำให้ผมเสียความรู้สึกไปหน่อย  แต่ก็ยอมรับว่ายังชื่นอยู่มากกว่า จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:10:00

ความคิดเห็นที่ 96 ความคิดเห็นที่ 94     คุณ จันตรีบุตร ถ้าความเชื่อ คุณเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาง่ายๆเพราะเรื่องอารมณ์แบบนั้น ก็เปลี่ยนไปเถอะครับ ถ้าวันหนึ่งมีคนเอาไอติมมาให้แล้วบอกว่า อุลตร้าแมนคือผู้สร้างโลกคุณก็คงเชื่อมั้ง ดูเป็นศรัทธาที่ฉลาดดีว่าไหมครับ ใช้สติปัญญาครบถ้วน ตลก จากคุณ : Yaoharee   ---------------------------- ผมก็เชื่อ ถ้าวันนึงอุตตร้าแมนทำได้จริง และผมเห็นว่าทำได้ ทุกสิ่งล้วนแทนที่ความเชื่อผมได้ ผมเปิดกว้าง ยอมรับความจริง ต่างจากคุณยึดติดต่อไปเถอะ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:12:18

ความคิดเห็นที่ 97 555+ โขตาน รุ้ไหม คุณโขตาน เค้าถ่อยกับ อิสลามขนาดไหน ไม่เคยเห็นตอนลุงโข ถ่อยกับอิสลาม? เห็นแต่ ลุงโขโดนมุสลิมยำ แล้ว โดนยำเรื่องอะไรละครบ ? อ่อ ที่แท้ ลุกศิษย์ลุงโขนี่เอง เอาล๊อกอินกักขฬะแบบนั้น เป็นไอด้อล ศรัทธาถึงบอบบางแบบนี้ จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:12:32

ความคิดเห็นที่ 98 ดังเช่นเรื่อง จิตธาตุนั้น คุณอ้างว่า ปรุงแต่ง รูป รส กลิ่น เสียง เพิ่มมาทำให้เกิดเป็นสัตว์ ผมอ่านแล้วอนุมานได้ว่า ผู้คิดค้น เอาตัวเองเป็นหลักโดยอาศัยสิ่งที่ตัวเองสัมผัส มาคาดเดาว่า สิ่งเหล่านี้ทำให้เราหลงไป แต่ความจริง สิ่งเหล่านี้เป็น "ประสาทสัมผัส" พื้นฐาน ที่มนุษย์มีครับ สัตว์บางชนิดไม่ได้มีไปด้วย มันไม่ใช่ตัวทำให้หลง มันไม่ใช่กิเลสอะไร แต่มันเป็นกลไกเพื่อการอยู่รอดครับ ดังนั้น ถ้าผู้คิดทฤษฎีนี้ รู้แจ้งจริงเขาย่อมทราบว่า สิ่งมีชีวิตต่างๆ อาจจะไม่ได้ มีการรับรู้ เฉพาะรูป รส กลิ่น เสียง ก็ได้ อาจสัมผัสด้วยสิ่งอื่น ด้วยเหตุนี้ รูป รส นั้นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้มัวหมองหรอกครับ และรูปรสก็ไม่ใช่ผลพวงจากความมัวหมองอะไรหรอก เพราะเอาจริงๆ ถ้ามีสิ่งมีชีวิตประเภทพรหม หรือจิตธาตุจริง บางทีมันอาจจะมีการรับรู้แบบอืนอีกก็ได้ ไม่ใช่มีแต่รูป รส กลิ่น เสียงอะไรนี่เท่านั้น และอาการโกรธก็เช่นกัน ความจริงมันเป็นแค่กลไก หนึ่ง ในการคิดของเรา ไม่ใช่กิลง กิเลสอะไร ถ้าเราทราบกลไก และใช้มันให้เป็น มันก็จบแล้วล่ะครับ ไม่ต้องไปตัดมันเลย มองให้ทะลุ ผมที่อยู่เมืองพุทธแต่เกิด จึงไม่ได้เห็นความสำคัญของแนวคิดพุทธเลย เพราะผมเล็งเห็นแล้วว่า ผู้ที่บอกว่าตัวเองนั้นรู้ ไม่ได้รู้จริงดังอ้างนั่นเองครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:14:20

ความคิดเห็นที่ 99 เรื่องกระทู้ที่ผ่านมาใครเป็นฝ่ายเกรียนก่อนตลอดผมสามารถเป็นพยานได้ร่วมกับมุสลิมเกือบทั้งหมดในห้องนี้ครับ และอ้างอิงได้ ไว้คุณหายโกรธแล้วคุยด้วยเหตุผล จะมาดูทีละเรื่องว่าจริงไหม ดีไหมครับ? จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:14:28

ความคิดเห็นที่ 100 เมื่อเห็นสิ่งหนึ่งว่าจริงแล้วยังหรอกตัวเองว่าไม่จริง มันจะต่างอะไรกับพวกงมงาย ผมยอมรับว่าก่อนเชื่อนั้นต้องเป็นไปตามหลักการสอดคล้องตามความเป็นจริง จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:15:09

ความคิดเห็นที่ 101 ครับดีแล้วครับ ดังนั้นผมยังหวังว่าคุณน่าจะพอคุยกันบนเหตุผลได้ ถ้าได้รับข้อมูลถูกต้อง และครบถ้วน จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:16:54

ความคิดเห็นที่ 102 ผมเข้าใจคุณถูกไหมครับ คุณจันตรีบุตร? จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:18:38

ความคิดเห็นที่ 103 พูดดูดี แต่พูดเรื่อง  เวียนว่ายตายเกิด เป็นน้ำหาภาชนะ ราวกับ ตัวเองไปเห็นมากับตา เคยเห็นการเวียนว่ายตายเกิด  ทั้งที่ไม่เห็นฟังเค้ามาก็พูดได้เป็นตุเป็นตะ ตกลงจะเอายังไง? สิ่งที่ตูศรัทธาไม่งมงาย เป็นจริง สิ่งที่คนอื่นเชื่อ ศรัทธาแต่ต่างจากตัว งมงาย พุทธห้องศาสนา  :D จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:18:47

ความคิดเห็นที่ 104 แถไปเรื่อย จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:19:22

ความคิดเห็นที่ 105 พี่จิมพูดตรงไปหรือเปล่า หุหุ ผมก็เลยคิดได้ เอ...คือหลายเดือนมานี้ ถึงงานจะหนัก แต่คิดว่าไม่ตกข่าวนะ ขอสักกระทู้นะครับ ที่คริสต์ไปละลานใครบ้าง อยากเห็นจริงๆ ================================ ศึกที่ปะทะวาจาหนักๆ ก็มีแต่ MEN OF THE DAY ที่ก้าวล่วงมาก่อน จากนั้นผมก็นึกไม่ออกว่า มีคริสตชนคนไหน ไปก้าวล่วงทางพุทธมาก่อน จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:20:03

ความคิดเห็นที่ 106 ความคิดเห็นที่ 99     เรื่องกระทู้ที่ผ่านมาใครเป็นฝ่ายเกรียนก่อนตลอดผมสามารถเป็นพยานได้ร่วมกับมุสลิมเกือบทั้งหมดในห้องนี้ครับ และอ้างอิงได้ ไว้คุณหายโกรธแล้วคุยด้วยเหตุผล จะมาดูทีละเรื่องว่าจริงไหม ดีไหมครับ? จากคุณ : laliklalee   --------------------- ผมแค่ตอบพี่จิมไปครับ เพราะเค้าไฮไลท์ไว้ และในนั้นดูเหมือนว่ามีโขตานคนเดียว กับอีกฝ่ายที่พวกมาก ผมใช้คำว่ารุมยำ ก็ตรงดีแล้วครับ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:20:20

ความคิดเห็นที่ 107 คุณจันตรีบุตร ยังอยากสนทนากันต่อไหมครับ? จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:20:54

ความคิดเห็นที่ 108 ก็สรุป ต่อให้ ลุงโข ถ่อยอย่างไร ถ่อยกี่ครั้ง ด่าพระเจ้าอย่างไร ล้อเลี่ยนพระเจ้าอย่างไร ก็ห้ามด่า ถูกไหมครับ? เป็นแนวคิดที่ฉลาด เหมาะสมกับพุทธห้องศาสนาจริงๆครับ จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:22:11

ความคิดเห็นที่ 109 ความคิดเห็นที่ 102     ผมเข้าใจคุณถูกไหมครับ คุณจันตรีบุตร? จากคุณ : laliklalee   -------------------------- ครับผม ผมเคารพในความคิดของคุณมากครับ ผมเป็นผู้เรียนรู้ ทุกคนที่ตอบข้อสงสัยผมได้ถือเป็นอาจารย์ หากมีสิ่งใดที่ศิษอย่างผมล่วงเกินไปก็ขอให้อภัยด้วยนะครับ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:22:44

ความคิดเห็นที่ 110 ความคิดเห็นที่ 108     ก็สรุป ต่อให้ ลุงโข ถ่อยอย่างไร ถ่อยกี่ครั้ง ด่าพระเจ้าอย่างไร ล้อเลี่ยนพระเจ้าอย่างไร ก็ห้ามด่า ถูกไหมครับ? เป็นแนวคิดที่ฉลาด เหมาะสมกับพุทธห้องศาสนาจริงๆครับ จากคุณ : Yaoharee   ----------------------------- ผมถึงได้ไม่ไปร่วมกับเค้าไงครับ ใครจะกระทบกระทั่งใครเพราะเรื่องอะไร ก็ต้องให้เค้าเครียร์กันเอง เพราะผมไม่รู้ที่มาที่ไป ผมเพียงแค่กล่าวว่า มีคนถูกยำ ส่วนเรื่องถูกผิดก็อีกประเด็น จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 17:24:29