ความคิดเห็นที่ 1 การกระทำใดที่ทำให้คนออกจากมรรคาของพระเจ้าคือการกระทำของปีศาจ สัมยหนึ่งศาสนจักรบอกว่าไม่มีปาฏิหารย์อื่นใดนอกจากพระอำนาจของพระคริสต์ ดังนั้นพวกพ่อมดหมอผีจึงถูกผลักให้กลายเป็นสาวกซาตาน จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 14:53:58

ความคิดเห็นที่ 2 อืม นั่นแหละค่ะ เราก็สงสัยว่า กรณีย์ที่คนระลึกชาติได้ ซึ่งเป็นการบอกกลายๆว่ามีการเวียนว่ายตายเกิดนั้น ทางคริสต์เค้าเห็นว่าเกิดจากอำนาจซาตานหรือเปล่า จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:00:21

ความคิดเห็นที่ 3 เอาอะไรมากกะภาพยนตร์.. พ่อพาไปหาหมอผี...ก็บอกเป็นนัยแล้วว่า พ่อไม่ได้นับถือคริสต์ หรืออาจเป็นคริสต์แค่ทะเบียนบ้าน โดยส่วนมาก อะไรที่เกี่ยวกับดนตรี มักเป็น talent หรือ gift ที่มาจากพระเจ้า..แต่ก็ไม่เสมอไปเพราะลูซิเฟอร์(ซาตาน) สมัยที่มันยังเป็นทูตสวรรค์ที่ดี มันก็เป็นเจ้าแห่งดนตรี ในโลกปัจจุบันก็มีวงดนตรีระดับโลก ดังๆที่เปิดเผยว่าตนเองบูชาซาตาน โดยเฉพาะแนว heavy กะ พลั๊งค์ เนื่องจากมาร ผีสาง วิญญาณ มันไม่ตาย มันจึงรู้เรื่องและจำอดีตได้ และมารก็ฉลาดมันจึงพอจะเดาอนาคตได้(แต่ไม่รู้อนาคตจริงๆ).. ส่วนเรื่องระลึกชาติได้..คริสต์เราเฉยๆ ไม่ได้สรุปว่ามาจากซาตาน แล้วอย่างที่คุณยองเชียงใหม่กล่าวไว้ใน คห.1 คือ อะไรที่ล่อลวงให้คนออกจากทางของพระเจ้า มักเป็นการล่อลวงที่มาจากมาร จากคุณ : ดำมอมแมม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 15:54:13

ความคิดเห็นที่ 4 อันนี้ผมก็อยากรู้เหมือนกันเคยตั้งกระทู้ถามไปแล้วแต่ยังไม่เคลียร์ ถ้ามีใครมาบอกว่าว่าเค้าคือพระเจ้า และสามารถแสดงปาฏิหาริย์ต่างๆได้เช่นการลอยตัวในอากาศ เดินบนน้ำ ชุปชีวิตคนที่ตายไปแล้ว ฯลฯ ท่าทางเป็นคนที่มีความรู้ มีคุณธรรมและพูดจาดูน่าเลื่อมใส เราจะรู้ได้ยังไงว่าเค้าเป็นพระเจ้าจริง หรือเป็นซาตานปลอมตัวมา จากคุณ : vrod เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 22:53:00

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าใครทำอภินิหารได้แล้วอ้างตัวเป็นพระเจ้า..สำหรับคริสต์แล้ว หมอนี่เป็นพวกสอนผิด เป็นซาตาน เป็นฯลฯ ..ไม่ใช่พระเจ้าแน่นอน คริสต์ยอมรับการอัศจรรย์ แต่ไม่ยึดติดกับการอัศจรรย์ คริสต์คนใดที่ทำการอัศจรรย์ได้ ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาเป็นคริสต์ที่สูงส่งกว่าคนอื่น เพียงแต่พระเจ้าทรงใช้หรือประทานให้เขามากกว่าคนอื่นเท่านั้น ไบเบิ้ลคือสิ่งที่มีสิทธิอำนาจสูงสุด หากเขาทำการอัศจรรย์ได้แต่คำสอนหรือชีวิตบางส่วน(อาจจะแค่เล็กน้อยก็ตาม)ขัดกับไบเบิ้ล ก็น่าสงสัยแล้วว่าเขาอาจไม่ได้มาจากพระเจ้าจริงๆ หรือบางครั้ง เขาอาจจะมาจากพระเจ้า แต่ต่อมาเกิดความหยิ่งในฤทธิ์เดชของตัวเอง ก็อาจกลายเป็นเครื่องมือมารโดยไม่รู้ตัว ก้อได้ มนุษย์ที่สามารถอ้างตัวว่าเป็นพระเจ้าได้มีคนเดียว คือ พระเยซูคริสต์ ถ้าปัจจุบันหรืออนาคตมีคนมาอ้างตัวว่าเป็นพระเจ้า(สมมติฐานที่เป็นไปได้ คือ เขาเป็นพระเยซูที่เสด็จมาเป็นครั้งที่สองหรือปล่าว? ต้องพิสูจน์ตรงนี้)..การพิสูจน์ไม่ใช่ดูที่การอัศจรรย์ แต่เทียบเคียงได้จากไบเบิ้ลซึ่งมีคำพยากรณ์ไว้แล้ว ส่วนหนึ่งของคำพยากรณ์คือเขาผู้นั้นต้องมีคำสอนหรือจริยธรรมที่เด่นด้วย จากคุณ : ดำมอมแมม เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 55 23:40:24

ความคิดเห็นที่ 6 "มนุษย์ที่สามารถอ้างตัวว่าเป็นพระเจ้าได้มีคนเดียว คือ พระเยซูคริสต์ ถ้าปัจจุบันหรืออนาคตมีคนมาอ้างตัวว่าเป็นพระเจ้า(สมมติฐานที่เป็นไปได้ คือ เขาเป็นพระเยซูที่เสด็จมาเป็นครั้งที่สองหรือปล่าว? ต้องพิสูจน์ตรงนี้)..การพิสูจน์ไม่ใช่ดูที่การอัศจรรย์ แต่เทียบเคียงได้จากไบเบิ้ลซึ่งมีคำพยากรณ์ไว้แล้ว ส่วนหนึ่งของคำพยากรณ์คือเขาผู้นั้นต้องมีคำสอนหรือจริยธรรมที่เด่นด้วย" เท่าที่อ่านมาซาตานเป็นผู้ชำนาญในการหลอกลวง และซาตานน่าจะรู้ด้วยว่าจะต้องหลอกมนุษย์อย่างไรจากข้อมูลในข้อความด้านบน แล้วจะพิสูจน์ยังไงดี จากคุณ : vrod เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 00:01:28

ความคิดเห็นที่ 7 คำถามแปลกๆ.....มีคนฝากถาม ช่วยตอบหน่อย พระเจ้าของศาสนาใดคือองค์จริงกันแน่ จะได้ขอให้สร้างสุขแก่ชาวโลกให้้ได้เหมือนที่สร้างจักรวาลอันใหญ่โต ซึ่งยังสร้างได้ง่ายเลย แล้วสร้างให้มนุษย์ไม่มีความทุกข์ทำไมทำไม่ได้ เช่น ไหนจะอดอยาก ภัยพิบัติมากขึ้น ตายกันที่ละเยอะๆ สู้รบกัน วางระเบิด ทำสงครามกันมาตลอด เหล่านี้ช่วยกำจัดให้หมด เอาแค่นี้แหละ ไม่ต้องไปพิสูจน์เรื่องที่ไกลตัว ไม่เกี่ยวกับความอยู่รอดของมนุษย์ เพราะความรู้เหล่านั้นไม่ทำให้ทุกข์หายไป ขอร้อง ไหว้งามๆล่ะ......กรุณาอย่าตอบว่า ไม่มีใครรู้ใจพระเจ้า เพราะมันเป็นคำตอบที่ไม่ต้องคิดเลย จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 00:18:45

ความคิดเห็นที่ 8 คห. 6 พิสูจน์ด้วย หลักการในไบเบิ้ล , คำทำนายในไบเบิ้ล คริสต์เราค่อนข้างชัดเจนในการตีความไบเบิ้ลอย่างเป็นสากล (แตกต่างกับพุทธ ที่เถียงกับคุณ what หรือ ธรรมกาย กันยังไม่จบ..แซวค่ะ อย่าคิดมาก) จะมีก็แต่คำทำนายที่อาจเขียนเป็นภาพสัญลักษณ์ ซึ่งต้องให้เหตุการณ์เกิดขึ้นก่อน แล้ว คริสต์ก็จะรู้ว่า เป๊ะเลย สมัยพระเยซูคริสต์(เมื่อสองพันปีที่แล้ว) พระองค์อ้างหลักฐาน 5 ประการ ปรากฏในพระคริสตธรรมฉบับยอห์น บทที่5 ข้อ31-46 สรุปได้ว่า 1. ผู้รับใช้ที่ถูกยอมรับอย่างเป็นสากล เป็นพยาน 2. พันธกิจ หรือ การดำเนินชีวิตของพระองค์เป็นพยาน 3. การเจิมของพระเจ้า เป็นพยาน (ข้อนี้ชี้ชัดลำบาก ค่อนข้างเป็นนามธรรม  แต่ระยะเวลาจะทำให้เห็นชัดเจน) 4. พระคัมภีร์(ไบเบิ้ล)เป็นพยาน 5. บุคคลในอดีต เป็นพยาน (คำพยากรณ์) หากเราไม่มีทิฐิ เราจะตัดสินได้อย่างชัดเจนถูกต้อง แต่ในสมัยพระเยซูมีกลุ่มนักการศาสนาที่มีทิฐิ เอาขนบธรรมเนียมที่ดีมาตั้งเป็นกฏขัดขวางให้คนมาหาพระเจ้าได้ยากขึ้น พวกเขาอารมณ์เป็นที่ตั้ง จึงรู้สึกขัดใจเมื่อพระเยซูมาชี้จุด..แล้วแม้พระองค์จะเตือนพวกเขาหลายต่อหลายครั้งโดยยกข้อความถึงพระคัมภีร์ พวกเขาก็ไม่ยอมฟัง แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 55 01:10:01 จากคุณ : ดำมอมแมม เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 00:21:59

ความคิดเห็นที่ 9 อ้าว .......แล้วแก้ปัญหาไม่ได้ แล้วใครจะเชื่อล่ะ จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 00:36:01

ความคิดเห็นที่ 10 แก้ปัญหาตอนนี้เลย เพราะพระเจ้าท่าน บันดาลอะไรๆ อย่างไรก็ได้ ตามพระประสงค์อยู่แล้ว ท่านจะมารีรออะไร มนุษย์กำลังมีความทุกข์ ไม่ช่วยตอนนี้แล้ว จะไปช่วยตอนไหน ขอถามว่า  ถ้ามีใครเก่งทุกอย่าง แต่แก้ปัญหาให้ไม่ได้ คุณจะเชื่อไหม ? จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 00:40:56

ความคิดเห็นที่ 11 คห.7 พระเจ้าสร้างทุกอย่างมาอย่างดีเลิศ..หมายถึงการสร้างมนุษย์ให้มีเสรีภาพด้วย การที่จะสร้างทุกอย่างมาแบบหุ่นยนต์ ทำตามแพทเทิร์นและคำสั่งทุกประการ..อย่างนี้โลกเราก็จะไม่มีทุกข์ เพราะทุกคนทำตามโปรแกรมหมด แต่นี่ไม่ใช่เรื่องดี เพราะคงไม่มีใครอยากจะเป็นหุ่นยนต์ อยากให้มองเปรียบเทียบเรื่องของครอบครัว ดังนี้ พ่อแม่แต่งงานแล้วเห็นว่าโลกนี้วุ่นวาย..ฉะนั้นอย่ามีลูกดีกว่า -> ไม่มีพ่อแม่คนไหนคิดอย่างนี้ ลูกที่พ่อแม่คิดอย่างนั้น ที่ทำให้เขาไม่ได้เกิดมาอาจตำหนิพ่อแม่ก็ได้ว่า ทำไมไม่ให้เขาตัดสินใจเอง ฉันอาจอยากจะเกิดมาในโลกที่วุ่นวายนี้ก็ได้   ที่นี่เมื่อเกิดมาแล้ว สมมติว่ายังไม่มีเพื่อนร่วมโลกเลย..ตัวลูกเองนี่แหละที่อาจเป็นตัววุ่นวาย ที่พ่อแม่ต้องคอยอาบน้ำ เก็บบ้าน เก็บของเล่น เก็บเศษแก้วที่แตก..แม้ลูกจะวุ่นวาย แต่ไม่มีพ่อแม่คนไหนจะฆ่าลูกเพื่อล้มเกมส์ทั้งกระดาน แต่พ่อแม่จะคอยแก้ไข อะไรที่ร้ายแรง(แก้วแตกทำให้เหยียบแล้วบาดเจ็บได้)ก็ป้องกันหรือบรรเทา ต่อมาเริ่มมีลูกคนที่สอง..เป็นพี่เป็นน้อง..มีตัววุ่นวายเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน เมื่อลูกสองคนทะเลาะกัน สมมติว่าคนพี่เป็นฝ่ายผิด..พ่อแม่จะไม่กำจัดมันไปเสีย เพราะมันผิด(แม้คนน้องอาจอยากจะให้กำจัด อย่างน้อยที่สุดก็ขอให้มันโดนลงโทษ) โดยความรักลูกทั้งสองคน แม้พ่อแม่ไม่อยากลงโทษลูกคนโต แต่เพื่อความยุติธรรมต่อคนเล็ก ประกอบกับต้องสอนลูกคนโตให้เป็นคนดี พ่อแม่ก็ต้องทำบางอย่าง อาจจะเป็นการลงโทษ หรือ สอน หรือ ให้ขอโทษน้อง อะไรก็แล้วแต่ พระเจ้าก็เหมือนกับพ่อแม่ หากลูกคนโตฟังคำสอนและเติบใหญ่มาดีก็คงดีทั้งหมด แต่หากลูกคนโตก็ยังแกล้งน้องคนเล็ก หรืออาจจะเกลียดน้องคนเล็ก..พ่อแม่ก็คงไม่กำจัดลูกคนโตเพื่อหยุดปัญหาแล้วจบเกมส์..แต่ท่านจะทำทุกวิถีทางเพื่อแก้ปัญหาและช่วยเหลือลูกคนเล็ก ขณะเดียวกันก็คาดหวังว่า วันหนึ่งลูกคนโตจะกลับใจ คำถามใน คห.7 จึงเป็นมุมมองแบบ ลูกคนเล็ก จากคุณ : ดำมอมแมม เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 00:56:24

ความคิดเห็นที่ 12 ความคิดเห็นที่ 10 โดยคุณ ไม่คิดมาก  ถามได้ดีครับ.......รอดูว่าใครจะตอบได้? จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 01:04:33

ความคิดเห็นที่ 13 ตอบไปใน คห.11 แล้วค่ะ พระเจ้าทรงแก้ไขปัญหาแล้ว และกระทำอย่างต่อเนื่องเสมอ เพียงแต่ว่าวิธีแก้ปัญหาของพระเจ้า อาจไม่ตรงใจกับแนวความคิดของลูกคนเล็ก อันที่จริง "ความรอด" "คริสตจักร" "ข่าวประเสริฐ" ก็คือการแก้ปัญหาของพระเจ้า หากต้องการคำอธิบายโดยละเอียดคงต้องเข้ามาศึกษาคริสต์หรือต้องนั่งถกกันเป็นชั่วโมงล่ะค่ะ แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 55 01:23:39 จากคุณ : ดำมอมแมม เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 01:20:22

ความคิดเห็นที่ 14 พระเจ้านั้นทรงพระปัญญาอย่างสูงยากที่มนุษย์จะรู้ ดังนั้นสิ่งที่มนุษย์(คริสเตียน)ต้องพึงมีเสมอนั่นคือศรัทธา และความมั่นคงหนักแน่นในการทดลองไม่ว่าจะมาจากซาตานหรือพระเจ้า การทดลองหรือล่อลวงของมารนั้นจะเป็นไปเพื่อให้ออกจากพระเจ้า แต่การทดลองของพระเจ้าเป็นไปเพื่อทดสอบศรัทธา (ลองไปอ่านเรื่องโยบ) ส่วนใหญ่แล้วคริสเตียนหากเกิดปัญหาที่ยากเกินกำลังมักจะขอการทรงนำจากพระเจ้าครับ จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 01:30:08

ความคิดเห็นที่ 15 ความเข้าใจเรื่องวิญญาณชั่วและที่มา จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 05:32:23

ความคิดเห็นที่ 16 # 7 ในปฐมกาลนั้น เมื่อพระเจ้าทรงสร้างโลกและสรรพสิ่ง ในพระคัมภีร์นั้น พระเจ้าตรัสว่า ดี เป็นการรับรองสิ่งที่ทรงสร้าง สิ่งที่พระเจ้าประทานให้มนุษย์ที่ดึที่สุดคือ อิสรภาพทางความคิด มนุษย์ไม่ต้องมีกฎ 3 ข้ออย่างหุ่นยนต์ในเรื่อง I ROBOT สิ่งที่มนุษย์เลือกในการดำเนินชีวิต คือ มนุษย์เลือกที่ดำเนินชีวิตตามใจปรารถนาแห่งตน มนุษย์เลือกที่จะปฎิเสธพระเจ้่า ทั้งๆที่มนุษย์ถูกสร้างมาเพื่อให้รู้จักและมีสัมพันธภาพกับพระเจ้า (ปากกามีไว้เขียน ทุกอย่างมีเป้าหมาย มนุษย์ถูกสร้างมาเพื่อรูั้จักพระเจ้า) คำว่าบาป แท้จริงคือการพลาดจากเป้า เหมือนปาลูกดอกแล้วออกนอนเป้า เมื่อมนุษย์เลือกไม่เชื่อฟังพระเจ้า ความปรารถนา เห็นแก่ตัว ความโลภ ตัณหา สิ่งเหล่าก็เข้าครอบงำจิตใจมนุษย์ มนุษย์เลือกที่จะทำเลวต่อกันและกัน ทั้งเลือกที่จะทำร้ายโลก เมื่อสิ่งต่างๆ ก็ย้อนกลับมาที่มนุษย์เอง แล้วทำไมจึงกลับไปโทษว่าเป็นเพราะพระเจ้า ถ้ามีคนร้ายใช้จักรยานยนต์ไปพาหนะในการขับไล่ยิง ไล่ปล้น แล้วหนี เราจะไปกล่าวบริษัทที่ผลิตจักรยานยนต์หรือ หรือว่าเราจะไปโทษคนที่คิดผลิตจักรยนต์อยางนั้นหรือ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 06:12:39

ความคิดเห็นที่ 17 #7 (ต่อ) สิ่งมีชีวิตที่พระเจ้าสร้างแล้วไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจใดๆ ก็ตือต้นไม้ พระเจ้าไม่ไ้ด้สร้างเรามาเป็นดังต้นไม้ แต่ให้สิทธิในการครอบครองการดูแลโลก มันเป็นความรับผิดชอบของเราในการดูแลโลก คำถามว่าพระเจ้าองค์ใดเที่ยงแท้ 1. พระเจ้าองค์ใดที่เอ่ยอ้างสิทธิในการสร้าง และทรงฤทธานุภาพสูงสุด 2. พระเจ้าองค์ใดที่หยั่งรู้ และควบคุมทุึกสิ่งได้ 3. พระเจ้าองค์ใดที่ได้แจ้งเรื่องต่างๆไว้อย่างควรจะเป็น 4. พระเจ้าองค์ใดที่ยังคงสำแดงความรักความผูกพันธ์กับมนุษย์อยู่ทุกวันนี้ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 06:18:25

ความคิดเห็นที่ 18 อิสยาห์ 59:1-2 1 ดูเถิด พระหัตถ์ของพระเยโฮวาห์มิได้สั้นลง ที่จะช่วยให้รอดไม่ได้ หรือพระกรรณตึง ซึ่งจะไม่ทรงได้ยิน 2 แต่ว่าความชั่วช้าของเจ้าทั้งหลาย ได้กระทำให้เกิดการแยกระหว่างเจ้ากับพระเจ้าของเจ้า และบาปของเจ้าทั้งหลายได้บังพระพักตร์ของพระองค์เสียจากเจ้า พระองค์จึงมิได้ยิน จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 06:28:14

ความคิดเห็นที่ 19 อ้าว.....คุณดำมอมแมม บอกว่า พระเจ้าท่านแก้ไขแล้ว ไหงเป็นอย่างนั้นล่ะ  แก้ไขแล้ว ก็ต้องไม่มีความทุกข์ซิ นี่ยังเห็นๆกันว่าเป็นยังไง  มันไม่สมกับความสามารถของท่านเลยนะ ขนาดดลบันดาลอะไรได้ทุกสิ่งตามใจท่าน แล้วยังปล่อยให้เป็นอย่างนี้ ดำพูดกับการปฏิบัติมันสวนทางกัน ถ้าท่านบันดาลทันทีไม่ได้ ต้องรอโน่นรอนี่ จะว่าเก่งเหนือทุกอย่างได้อย่างไร ป.ล......ชาวโลกต้องการความสุข มากกว่า ความรู้ จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 07:43:41

ความคิดเห็นที่ 20 ขอรายละเอียดแบบอ่านง่ายๆหน่อยนะคะ ว่าซาตานทำอะไรได้บ้าง และอะไรที่ซาตานทำไม่ได้ เด็กไม่มีใครสอนก็อ่านหนังสือได้ เล่นเปียนโนได้ ซาตานทำได้ไหม ถ้าวิญญาณบรรพบุรุษมาปรากฎต่อหน้าเรา บอกให้เราเชื่อในพระเยซู นี่จะเป็นฝีมือซาตานหรือพระเจ้า จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 09:24:19

ความคิดเห็นที่ 21 #19 คุณไม่คิดมาก เราตอบไปค่อนข้างชัดแล้วค่ะในคห.11 กะ 13 คุณไม่คิดมากยืนอยู่บนหลักการ "ความสงบสุข" จึงจะยอมรับเฉพาะคำตอบที่ให้ความสงบสุข แต่การแก้ปัญหาของคริสต์เป็นบนหลักการ "ความรัก" และ "ความยุติธรรม" ที่ต้องบรรจบกัน จากคุณ : ดำมอมแมม เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 13:27:06

ความคิดเห็นที่ 22 #20 บอกชัดเจนไม่ได้หรอกค่ะ..มันต้องพิจารณาบริบทเป็นกรณีๆไป เพราะซาตานมันอยากเป็นพระเจ้า..มันจึงทำการเลียนแบบพระเจ้าทุกอย่าง แต่จะไม่เหมือนหรือเทียบเท่ากับพระเจ้า (ตาม คห.17 คุณเกลือจืด) กรณี เด็กไม่รู้หนังสืออ่านได้ เล่นเปียโนได้ พระเจ้าก็ทำได้ ซาตานก็เลียนแบบได้(ต้องมีรายละเอียดมากกว่านี้) ส่วนถ้าวิญญาณบรรพบุรุษมาปรากฎต่อหน้าเรา บอกให้ "เราเชื่อในพระเยซู" นี่จะเป็นฝีมือซาตานหรือพระเจ้า...คำตอบเดียวกันคือ อาจจะมาจากพระเจ้าหรือไม่ใช่ก็ได้ เปาโลให้แนวทางไว้ดังนี้ "ฝ่ายหนึ่งประกาศด้วยจิตริษยา หวังจะสร้างความลำบากให้กับเรา..แต่เขาก็ประกาศพระคริสต์" ตัวอย่างที่เทียบเคียงได้คือ การตรึงกางเขน..เป็นการพยายามของซาตานที่จะฆ่าพระเยซู แต่สุดท้ายกลายเป็นแผนการล้ำลึกของพระเจ้าที่ยอมให้ซาตานทำการร้ายเพื่อแปรเปลี่ยนเป็นชัยชนะอย่างสมบูรณ์ของพระเจ้า จากคุณ : ดำมอมแมม เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 13:38:15

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณค่ะ ^^ จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 14:06:27

ความคิดเห็นที่ 24 คห  21 .......ไม่มีอะไร หลักการง่ายๆ ท่านผู้อ่านคงพิจารณาได้เอง จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 18:01:32

ความคิดเห็นที่ 25 ไหนๆก็มีคนถาม ขอแอบถามเพิ่มในมุมมองของคนนอกศาสนานะคับ โดยมีสมมุติฐานว่าพระเจ้านั้นเที่ยงแท้ยั่งยืน มีฤทธานุภาพและรู้แจ้งทุกสิ่งอันในจักรวาล 1.จุดประสงค์ของการสร้างมนุษย์และจักรวาลของพระเจ้าคืออะไรครับ (เคยมีคนตอบว่า พระประสงค์ไม่อาจหยั่งรู้?? ตอบแบบนี้ก็ไม่มีอะไรต้องคุยต่อล่ะคับ บ้างก็ตอบว่า สร้างเพื่อรับใช้พระองค์ พระเจ้าต้องการคนรับใช้ด้วยหรือในเมื่อทรงฤทธานุภาพขนาดนั้น?) 2.พระเจ้าทราบล่วงหน้าหรือไม่ว่าหากสร้างมนุษย์อย่างท่านว่าแล้ว จะเกิดความวุ่นวาย จะมีมนุษย์บางส่วนถูกล่อลวงไปในทางชั่ว ของมีตำหนิ เราก็ยังอ้างโทษคนสร้างมาขาย มนุษย์มีศักยภาพที่จะถูกล่อลวงไปทางชั่ว ควรหรือที่จะโทษมนุษย์แต่ฝ่ายเดียว? ก็ไม่ใช่พระเจ้าหรือที่สร้างมนุษย์ขึ้นมาในลักษณะดังกล่าว 3.หากท่านว่า ไบเบิลมีหลักการตีความอย่างสากลแล้ว ทำไมจึงยังมีนิกายโปรแตสแทนต์ และยังมีเหตุการณ์เลวร้ายหลายอย่างในยุคกลาง ที่แม้แต่ศาสนจักรยังประกาศขอโทษนั้นอีกประำไร จากคุณ : ธัมมนันทิ เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:08:38

ความคิดเห็นที่ 26 ถามคริสเตียน เราจะรู้ได้อย่างไรคะ ว่าอันไหนเป็นการกระทำของปีศาจ ถามว่า อันไหนเป็นการกระทำของพระเจ้า อันไหนเป็นการกระทำของปีศาจ การกระทำที่นำเราเข้าไปใกล้ชิดพระเจ้า เป็นการกระทำของพระเจ้า การกระทำใด ที่นำเราไปสู่ความดี เป็นการกระทำของพระเจ้า เพราะลำพังตัวเรา ไม่สามารถทำกิจการดี ใด ๆ ได้เลย กิจการดีทุกอย่างที่เราทำ เกิดจากพระหรรษทานของพระเจ้าที่ประทานแก่เรา ในทางตรงข้าม กิจการของปีศาจ คือ กิจการที่นำเราออกห่างจากพระเจ้า ซึ่งไม่จำกัดเฉพาะกิจการชั่ว หรือกิจการไม่ดี แต่กิจการที่ดูดี แต่มิใช่กิจการของพระเจ้านี่แหละที่น่ากลัว เพราะเรามองไม่เห็นความไม่ดีในกิจการนั้นเลย แต่มันจะค่อย ๆ เบียดบังเวลา การงาน และชีวิตเรา กว่าเราจะรู้สึกตัว เราก็ห่างไกลจากพระเจ้าเสียแล้ว เคยได้ยินไหมครับว่า ความดีลำดับรอง ทำให้เราไปไม่ถึงจุดหมาย นี่ก็เป็นกิจการของปีศาจอย่างหนึ่ง จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:20:11

ความคิดเห็นที่ 27 ขอรายละเอียดแบบอ่านง่ายๆหน่อยนะคะ ว่าซาตานทำอะไรได้บ้าง และอะไรที่ซาตานทำไม่ได้ ซาตานไม่ได้อยู่ไกลเลย มันอยู่ภายในจิตใจเรานี่เอง ซาตานจะปรากฏตัวเมื่อเราอ่อนแอ ซาตานทำได้ เท่าที่พระเจ้าอนุญาต เราเรียกว่า การทดลอง มารประจญ บางครั้งก็เกิดขึ้นจริง เช่น ความเจ็บป่วย ภัยพิบัติ ปัญหาชีวิต บางครั้ง ก็แค่จินตนาการของเราเอง ที่เกิดขึ้นเพราะความกลัว ความไม่มั่นคงของศรัทธา อะไรที่ทำไม่ได้ ก็คือ การบังคับใจเรา ซาตานอาจจะครอบครองร่างกาย เราได้ แต่ถ้าเราเข้มแข็งเราก็ขับไล่ซาตานออกไปได้ ข้อดี ของการมีซาตาน คือ ทำให้เราใกล้ชิดพระเจ้ามากขึ้น ทุกครั้งที่เราล้มลงในบาป เมื่อเราลุกขึ้นได้ เราจะเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:35:38

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้าเราเคยส่งลูกเข้าโรงเรียนอนุบาล วันแรกที่ลูกเปิดเทอม เด็กจะร้องไห้อย่างหนัก น่าสงสารมาก บางคนน้ำตาไหลไม่หยุด ปกเสื้อเปียกปอนหมด จนวันที่สองแม่ต้องเพิ่มแผ่นรองน้ำลาย ให้รองน้ำตาอีกชั้นหนึ่ง บางคนเกาะราวลูกกรง ร้องไห้ไม่ลืมหูลืมตา ราวกับว่าต้องขาดใจในไม่ช้า เราอดสงสัยไม่ได้ พ่อแม่ส่งเด็กพวกนี้มาทรมานทำไม ยังเล็กเกินไปนะ มาก็ไม่ได้เรียน เอาแต่ร้องไห้ ซ้ำรบกวนคนอื่นเขาเปล่า ๆ บรรยากาศน่าเศร้ามาก เด็กผู้หญิงบางคนจะพูดเก่ง ก็จะพ้อว่า คุณพ่อไม่รักหนูแล้วหรือคะ ทำไมไม่พาหนูกลับบ้านไปด้วย พ่อแม่บางคนเดินออกจากโรงเรียน ด้วยน้ำตาไหลพรากเช่นเดียวกัน แต่ครูอนุบาล กลับไม่มีใครร้องไห้เลย 3 วันต่อมา จะเหลือเพียง 1-2 คนที่ยังคงเกาะราว เกาะลูกกรงน้ำตาไหล ร้องไห้ แต่ส่วนใหญ่ เริ่มรับสภาพ และปรับตัวเข้ากับโรงเรียน 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือนต่อมา ไม่มีใครร้องไห้อีกแล้ว หลังจากนั้น จะไม่ร้องไห้อีก จนกว่าจะปิดเทอม แล้วเปิดเทอมใหม่ คนที่ถามว่า ทำไม พระเจ้า ยอมให้ความทุกข์ยากเกิดขึ้นกับเรา ทำไมยอมให้มี ความมืด ความชั่ว การพลัดพราก โศกนาฏกรรม เกิดขึ้น ก้ไม่ต่างจากเด็กอนุบาลที่ถามพ่อว่า ทำไมพ่อไม่รักหนูหรือ ถึงพาหนูมาทิ้งที่โรงเรียน วันหนึ่ง เมื่อเขาเติบโตขึ้น เขาจะเรียนรู้เองว่า สิ่งนั้น ไม่น่ากลัวเลย และเมื่อเขาเป็นพ่อเป็นแม่คนบ้าง เขาก็จะเข้าใจว่า เขาไม่จำเะป็นต้องคอยกางร่มให้ลูกยามฝนตก พาข้ามถนนทุกครั้ง เตือนลูกตลอดเวลาว่าอย่าเล่นไฟ อย่ารังแกกัน อย่าปีนป่ายสูง ๆ ฯลฯ เพราะอะไร เพราะเขาได้เตรียมลูกเขา ให้สามารถเผชิญสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง มนุษย์เราสามารถอยู่ได้ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่จำกัด บีบบังคับ และไม่เอื้ออำนวย ซ้ำในสถานการณ์ที่ไม่ดีเหล่านี้ มนุษย์กลับได้เรียนรู้ที่จะเอาชนะ และพัฒนาต่อไป พระเจ้าสร้างมนุษย์มาดีพร้อม เพียงแต่ต้องการโอกาสที่จะพิสูจน์ศักยภาพที่เขามีอยู่เท่านั้น สิ่งไม่ดีต่าง ๆ ที่เราประสบนั้น เรามองออกไหมว่า พระเจ้ากำลังให้โอกาสนั้นกับเราครับ จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 20:58:42

ความคิดเห็นที่ 29 เราส่วนใหญ่มีนิสัย เลือกสิ่งที่ดีกว่า ทิ้งสิ่งที่ด้อยกว่า หรือพยายามปรับปรุงอะไร ๆ ให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เราเรียกสิ่งนี้ว่า พัฒนาการ แต่จริง ๆ แล้ว สิ่งที่ด้อยกว่า ก็มิใช่ สิ่งที่ไม่ดีเสมอไป หรือแม้แต่สิ่งที่ไม่มีประโยชน์อันใด ก็ไม่ใช่ว่าไม่สมควรจะดำรงอยู่เลย มีคนที่คิดว่า น่าจะกำจัดเผ่าพันธุ์บางเผ่าพันธุ์ออกไปจากโลกนี้ บางคนคิดว่า เราน่าจะพัฒนาต้นไม้ที่ให้ผลผลิตมากมาย และปล่อยให้ต้นหญ้าวัชพืชสูญพันธุ์ไป บางคนก็คิดว่า เราน่าจะพัฒนายีนส์เด่นทั้งหมด คนจะได้ไม่เป็นโรค อายุยืน ไม่เจ็บป่วย และยังคิดอีกว่า คนที่คิดไม่เหมือนตนเองนั้นผิด หรือ ไม่ฉลาดพอ ถ้าเรามี wallpaper 2 รูปให้เลือก แน่นอนเราคงเลือกรูปที่เราชอบ แต่ จะมีสักวันไหมที่เราคิดว่า เราน่าจะใช้ wallpaper ที่เราไม่ชอบบ้าง 1 เดือน 1 ปี 5 ปี 10 ปี เราอาจจะเห็นคุณค่าของ wallpaper ที่เราไม่เลือก ถ้าเรากำจัดทิ้งไปแล้ว เราก็ไม่มี wallpaper ให้เปลี่ยนแล้ว นี่ไม่ใช่ภาวะจำยอม แต่เป็นคุณค่าของสิ่งที่เราไม่เห็นค่า ความผิดพลาดจนต้องขอโทษ ไม่ใช่สิ่งเสียหาย จนเราอยากจะลบจากประวัติศาสตร์ นิกายโปรเตสแตนท์ ชี้ให้เห็นว่า มิใช่พระศาสนจักรเท่านั้นที่พระเจ้าทรงเลือก บางคนอยากจะแก้ไขอดีตที่ทำผิดพลาด เช่น การสังหารหมู่ชาวยิวในสมัยสงครามโลก แต่ที่จริงประวัติศาสตร์บทนี้ เราเรียนรู้ด้วยราคาแพงแสนแพง เราควรจะลบทิ้งไปหรือควรเก็บไว้สอนคนทุกรุ่นต่อมา ลองมองออกไปไกล ๆ ด้วยสายตาของผู้มาเยือน ที่ไม่มุ่งหวัง แก้ไขทำลาย หรือ แก้ไขปรับปรุง เราอาจจะเห็น ความงาม แทน พัฒนาการ ที่เราคอยมองหา แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 55 21:42:36 จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 21:26:04

ความคิดเห็นที่ 30 คำตอบนี้ตอบได้ถูกต้องและเหมือนตบหน้าใครบางคนด้วยแฮะ ที่เอาแต่เรียกร้องความเพอร์เฟกตามความคิดตัวเอง พระเจ้าต้องเป็นอย่างโน้น พระเจ้าต้องทำแบบนี้สิถึงจะเป็นพระเจ้าจริง พระเจ้าต้อง......พระเจ้าควร......พระเจ้าน่าจะ........... สรุป แกมาเป็นพระเจ้าแทนเลยสิ บงการพระเจ้าจัง แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 55 23:46:08 แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 55 23:35:24 จากคุณ : Zadkiel เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 23:33:55

ความคิดเห็นที่ 31 คือเป็นคนนอกศาสนา ก็เขาจะไปรู้ได้ไงว่าพระเจ้าของเธอเป็นยังไง เขาถึงพากันมาถามนี่ไง ยังจะมาประชดประชันอะไรอีก ถ้าไม่อยากตอบ ต่อไปจะได้ไม่ถาม เขาต้องการคำตอบ ไม่ใช่คำประชด ตอบมาก็ใช่จะตรงคำถามหรอกนะ บางอันน่ะ แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 55 10:19:44 จากคุณ : ธัมมนันทิ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 10:18:36

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าไม่ใช่แล้วจะไปร้อนตัวทำไมจ้า  หลายครั้งแล้วที่ผมเขามาในห้องนี้ คนบางคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาพระเจ้า ก็มักจะกำหนดว่าพระเจ้าต้องอย่างโน้นต้องอย่างนี้(ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้นับถือ แต่เสร่ออวดรู้ไปหมดเพราะหลงคิดว่าตัวเองนับถือศาสนาแห่งปัญญา) พอมีคนที่นับถือพระเจ้ามาอธิบาย คนพวกนั้นก็ไม่ฟัง เพราะตัวเองได้กำหนดแล้วว่าพระเจ้าต้องเป็นแบบนี้เท่านั้นถึงเรียกว่าพระเจ้า พูดง่ายๆ พระเจ้าต้องเป็นแบบที่พวกนั้นคิด ผมก็สรุปให้เลยไงว่า พวกแกมาเป็นพระเจ้าแทนเลยสิ เพราะพวกนี้จะบอกว่า พระเจ้าต้องทำอย่างนี้สิถึงจะดี พระเจ้าควรจะ...... พระเจ้าต้อง..... พระเจ้าน่าจะ...... แล้วถามว่าพระเจ้าต้องคอยมาตามทำทุกอย่างที่พวกนั้นต้องการหรือ ต้องทำตามสิ่งที่พวกนั้นกำหนดเพื่อจะพิสูจน์ตัวท่านเองหรือ แล้วอย่างนี้ใครเป็นพระเจ้ากันแน่ เพราะเห็นกำหนดคุณสมบัติ หน้าที่ ให้พระเจ้าเสร็จสรรพ ก็ไปเป็นพระเจ้าเองซะเลยสิ ไปแทงใจดำใครเขาล่ะเนี่ย แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 55 15:34:23 จากคุณ : Zadkiel เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 15:30:37

ความคิดเห็นที่ 33 # ธัมมนันทิ 1. พระเจ้าสร้างมนุษย์เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรัก สร้างเพราะความรัก ศิลปคนหนึ่วาดรูป...ท่านคิดจะถามไหมว่าทำไมเค้าต้องวาดรูป ทำไมต้องวาดแนวนั้น แนวนี้ พระเจ้ามีสิทธิทำอะไรในสิ่งที่พระองค์ต้องการหรือไม่ 2. ผมบอกแล้ว พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์และโลก โดยความรัก และโดยความรู้ พระองค์ทรงทราบไหมว่ามนุษย์จะทำบาป ทรงทราบ และพระองค์ทรงกำหนดทางรอด ให้กับทุกๆคน ไม่ว่าจะคนมีปัญญา หรือคนไม่ฉลาด ไม่ใช่เรื่องมีเงินหรือไม่มีเงิน แต่ความรอดเป็นของประทาน คือทางความเชื่อเท่านั้นเอง ทั้งพระเจ้าได้สำแดงความรับผิดชอบโดยการเ้ข้ามาในโลกมนุษย์ โดยสภาพมนุษย์ พระเยซูทรงเป็นพระเจ้าที่สมบูรณ์ และทรงเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทรงหิวเป็น เหนื่อยเป็น กลัวเป็น เหมือนเราทุกประการ แต่ทรงไม่ทำบาปเหมือนเรา และทรงยอมสละพระชนม์เพื่อช่วยมนุษย์ให้รอด 3. คริสตจักร คาทอลิคเอ๋ย ยิวเอ๋ย คริสเตียนเอ๋ย เราทุกคนเป็นคนที่พระเจ้าทรงเลือก แต่เราก็ยังเป็นคน มีความผิดพลาดได้ทุกองค์กร ผู้นำคริสเตียนที่นำแยกมาจากคาทอลิก ก็เคยทำผิด ทำพลาดเช่นกัน องค์กรใดๆที่มีเงินและอำนาจมาเกี่ยวข้อง ย่อมมีคนเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ =========================================== ผมถามกลับท่าน ธัมมนันทิ 1. ทำไมการนั่งหลับตาเฉยๆ ทำให้คนเราหยั่้งรู้ได้โดยไม่ต้องเรียน 2. อธิบายเรื่องชาติที่เป็นนาคให้ฟังหน่อย ทั้งนาคทั้งครุฑ มีในศาสนาพุทธ แต่เราไม่เคยพบซากสิ่งมีชีิวิตสิ่งเหล่านี้ 3. พระไตรปิฎกของศาสนาพุทธน้้น จัดทำเมื่อไหร่ (นับจากการตายของพระพุทธเจ้า) มีความน่าเชื่อถือในกระบวนการทำอย่างไร จะรู้ได้อย่างไรว่าอันไหนจริง อันไหนไม่จริง แล้วทำไมถึงยังมี มหายาน มหินยาน แล้วสุดท้ายธรรมกายอีก ที่ถามนี่ ก็เป็นคนที่ไม่ใช่พุทธศาสนา จึงอยากรู้พุทธศาสนาเป็นไง เช่นกัน =============================================== จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 17:32:22

ความคิดเห็นที่ 34 เริ่ม มาคุ มาคุ  ยังไงไม่รู้..ใจเย็นๆกันก่อนนะคะ เพื่อนต่างศาสนาเขาถามก็เพราะอยากได้คำตอบ..แล้วที่จริงคำถามนี้คริสต์จะเจอถามบ่อยยมาก #25  ขอตอบนะค่ะ 1. เพิ่มเติมจากคุณเกลือจืดค่ะ..เปรียบเหมือนพ่อแม่ในเอธิโอเปีย รู้ไหมว่าลูกต้องลำบาก แต่เขาก็ยังจะมีลูก..ขนาดมนุษย์ที่ไม่รู้อนาคต ไม่แน่ใจว่าจะช่วยลูกในอนาคตได้ ยังมีความรักและแสดงออกโดยรักลูก ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระเจ้าที่ปกป้องได้ พระองค์ก็ยิ่งสำแดงผ่านทางมนุษย์ที่เป็นเหมือนลูกของพระองค์ ส่วนจุดประสงค์การสร้างจักรวาล..(ขอเดานะค่ะ อาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกก็ได้) ก. ก็เพื่อให้ระบบต่างๆของโลกดำเนินไปได้ เช่น มีดวงจันทร์เพื่อให้มีน้ำขึ้นน้ำลง มีดวงอาทิตย์เพื่อให้มีฤดูกาล มีดาวต่างๆที่ดึงดูดกันเพื่อให้วงโคจรและจักรวาลเสถียรอย่างสมดุลย์โลกจึงไม่หลุดลอยไปไหน..อะไรทำนองนี้ ข. เพื่อกระตุ้นและเตือนมนุษย์ว่ามีพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่กว่าตนเองเยอะเลย เพื่อเขาจะได้แสวงหาความจริง 2. พระเจ้าทราบล่วงหน้าว่ามนุษย์จะทำบาป..คำตอบก็อย่างที่คุณ FOB ยกตัวอย่างไว้ คือ พระเจ้าทราบว่าจะเกิดบาปแต่พระองค์แก้ไขและช่วยได้ พระองค์จึงไม่ได้มองเป็นอุปสรรคจนไม่ให้มนุษย์ต้องเกิดมา แต่มองเป็นโอกาสที่จะพัฒนาเราทั้งหลาย 3. ในคห.8 เราให้ความเห็นแล้วว่ามีบางคนมีทิฐิ แม้สมัยพระเยซูคริสต์ก็เกิดปัญหา แต่ประเด็นของพวกเขาคือพวกเขาไม่สามารถบอกว่าพระเยซูผิดพระคัมภีร์ตรงไหน(คือ เขาก็รู้พระคัมภีร์ และตีความได้แบบสากล เขาจึงรู้ว่าพระเยซูไม่ได้ผิดพระคัมภีร์) เขาจึงอ้างเรื่องอื่นเพื่อจัดการพระเยซู(กษัตริย์ของชาวยิว->กบฎต่อซีซาร์) สมัยยุคกลางก็เช่นกัน และยุคนั้นคนรู้พระคัมภีร์ก็น้อยมากเพราะเขาเห็นว่าพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ คนธรรมดาห้ามอ่าน จึงมีแต่นักบวชเท่านั้นที่อ่านได้..จึงเกิดปัญหาในยุคกลางขึ้น ถามว่ายุคนี้จะเกิดปัญหาอีกไหม..มีคำทำนายไว้แล้วว่าจะมีพวกสอนผิด แสดงว่าจะมีแน่ แต่คริสต์แท้ๆทุกคนจะทราบและจะมีมติเอกฉันท์โดยอัตโนมัติแบบไม่จำเป็นต้องเรียกประชุมกลุ่มคณะต่างๆเลยว่าพวกนั้นเป็นพวกสอนผิด ไม่ใช่คริสต์ จากคุณ : ดำมอมแมม เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 55 21:38:25

ความคิดเห็นที่ 35 แล้วแต่มุมมองของแต่ละศาสนานะครับ ถ้าเป็นคริสเตียน ทุกๆ อย่าง พระเจ้าอนุญาต ให้เกิดขึ้นนะครับ มันถึงได้เกิดได้ ถ้าเป็นพุทธ ก็แล้วแต่กฎแห่งกรรมละครับ จากคุณ : นายสาระแน เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 55 06:31:58