ความคิดเห็นที่ 1 CORELOOY ขอ อภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า  เรื่องสวดพระธรรมด้วยทำนอง  [๒๐] สมัยต่อมา พระฉัพพัคคีย์สวดพระธรรมด้วยทำนองยาวคล้ายเพลงขับ ชาวบ้านเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรเหล่านี้ สวดพระธรรมด้วยทำนองยาวคล้ายเพลงขับ เหมือนพวกเราขับ ภิกษุทั้งหลายได้ยินพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย ...ต่างก็เพ่งโทษติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระฉัพพัคคีย์จึงได้สวดพระธรรม    ด้วยทำนองยาวคล้ายเพลงขับ แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค    พระผู้มีพระภาค ... ทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย   ข่าวว่า ... จริงหรือ       ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า    พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียน ... ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่ง กะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุสวดพระธรรมด้วยทำนองยาวคล้ายเพลง  ขับ มีโทษ ๕ ประการนี้ คือ:   ๑. ตนยินดีในเสียงนั้น    ๒. คนอื่นก็ยินดีในเสียงนั้น   ๓. ชาวบ้านติเตียน   ๔. สมาธิของผู้พอใจการทำเสียงย่อมเสียไป  ๕. ภิกษุชั้นหลังจะถือเป็นเยี่ยงอย่าง    ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการนี้แล ของภิกษุผู้สวดพระธรรมด้วย    ทำนองยาวคล้ายเพลงขับ     ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงสวดพระธรรมด้วยทำนองยาวคล้ายเพลงขับ  รูปใดสวด ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ      พระวินัยปิฏก จุลวรรค ภาค ๒ จากคุณ : corelooy เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 03:11:50

ความคิดเห็นที่ 2 ทรงอนุญาต  เรื่องการสวดสรภัญญะ   [๒๑] สมัยต่อมา ภิกษุทั้งหลายรังเกียจในการสวดสรภัญญะ จึงกราบ ทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค    พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้สวดเป็น ทำนองสรภัญญะได้ ฯ  พระวินัยปิฏก จุลวรรค ภาค ๒ จากคุณ : corelooy เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 03:14:33

ความคิดเห็นที่ 3 ให้เพ่งแต่คุณผู้อื่นให้มาก ธรรมจึงเจริญ จากคุณ : lekton เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 08:14:10

ความคิดเห็นที่ 4 ๖๕. โทษในการกล่าวธรรมด้วยเสียงขับอันยาวของภิกษุ     "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โทษ ๕ ประการเหล่านี้ ของภิกษุผู้กล่าวธรรมด้วยเสียงขับอันยาว คือ      ๑. ตนเองก็ติดในเสียงนั้น      ๒. ผู้อื่นก็ติดในเสียงนั้น      ๓. คฤหับดีทั้งหลายจะยกโทษว่า สมณะ ศากยบุตรเหล่านี้ขับร้องเหมือนพวกตน      ๔. เมื่อติดใจการทอดเสียง สมาธิก็ทำลาย      ๕. ประชุมชน(ภิกษุ) ในภายหลังจะถือเป็นแบบอย่าง     "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โทษของภิกษุผู้กล่าวธรรมด้วยเสียงขับอันยาว ๕ ประการเหล่านี้แล." ปัญจกนิบาต อังคุตตรนิกาย ๒๒/๒๗๙ ................................................................. ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎก จากคุณ : chiwat เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 09:45:50

ความคิดเห็นที่ 5 "เทศน์แหล่" ครับ  มิใช่ "เทศน์เหล่" ^^ จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 19:38:42

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าหากอ้างเหตุด้วยว่าเผยแพร่ธรรม ถ้าอย่างนั้นบวชป็นพระที่อเมริกา จะสามารถ"แร็พโย่ว"เทศน์ได้ไหมครับ เพื่อให้เข้ากับสภาพสังคมที่นั่น เอาประเ้ด็นนี้ก่อนนะครับ พระท่านถึงจะอยุ่ที่ไหน ก็ยังคงรักษาธรรมวินัย ประพฤติตน สมควรแก่ธรรม ถ้าประโยคนี้ บอกว่าแค่คิด ก็ถือว่า คิดผิด เพราะมันไม่เกิดขึ้น และยังไม่เกิดขึ้น คิดก่อน ที่จะเกิด เป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องมีเหตุและผลของความคิดด้วย  ส่วนเรื่องการเทศน์แหล่ นั่น ต้องเข้าใจในความเป็นจริงอีกอย่างหนึ่งนะครับว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นวัน สองวัน แต่สิ่งเหล่านี้มีมานานแล้วครับ เพียงแต่คุณเพิ่งได้เห็นได้ยินได้ฟัง จึงเพิ่งรู้ว่ามีครับ  มีอีกหลายลักษณะการเทศน์ ที่ มีมาแต่เดิมแล้วหมดแล้ว เป็นที่น่าเสียดาย และมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่เข้าใจก็ไปตำหนิท่านเหมือนอย่างที่คุณ กำลังสงสัยอยุ่นี้    ถ้าจะถามว่า เป็นการร้องเพลงขับขานหรือไม่ ก็ถามแบบง่าย ๆ ว่ามีเพลง แบบไหนบ้างที่เป็นแบบนี้   ดนตรี ที่มีนั่น เป็นการประกอบเข้าไปในยุคหลัง อันนี้ต่างหากที่ต้องบอกว่าไม่เหมาะสม ไม่ใช่การเทศน์ ที่ไม่เหมาะสมครับ จากคุณ : อาจารย์ไข่ เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 21:58:47

ความคิดเห็นที่ 7 ตายแล้วก็ไปเกิดในนรกทั้งนั้น จากคุณ : Terawat เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 55 22:09:48

ความคิดเห็นที่ 8 เคยได้ยินภิกษุเทศน์มหาชาติที่สำนักแห่งหนึ่ง เทศน์เหมือนร้องเพลง มีดนตรีประกอบด้วย แล้วก็ร้องโบว์รักสีดำด้วย สุดยอดมั้ยล่ะพวกอลัชชี มอดศาสนา จากคุณ : เตาฟืน เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 12:22:24