อุภโตภาควิมุตติ สัมผัสสันตวิโมกข์ ซึ่งไม่มีรูปเพราะล่วงรูปฌานได้ด้วยกาย อาสวะทั้งหลายสิ้นไปเพราะเห็นด้วยปัญญา
พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
ปัญญาวิมุตติ- ไม่ได้สัมผัสสันตวิโมกข์ ซึ่งไม่มีรูปเพราะล่วงรูปฌานได้ด้วยกาย อาสวะทั้งหลายสิ้นไปเพราะเห็นด้วยปัญญา
พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
กายสักขี - สัมผัสสันตวิโมกข์ ซึ่งไม่มีรูปเพราะล่วงรูปฌานได้ด้วยกาย อาสวะบางเหล่าสิ้นไปเพราะเห็นด้วยปัญญา
ต้องทำกิจต่อด้วยความไม่ประมาท
ใช้สอยเสนาสนะที่สมควร คบหากัลยาณมิตร ปรับอินทรีย์ให้เสมอ ทำให้แจ้งโดยการออกบวช
ทิฏฐิปัตตะ - ไม่ได้สัมผัสสันตวิโมกข์ ซึ่งไม่มีรูปเพราะล่วงรูปฌานได้ด้วยกาย อาสวะบางเหล่าสิ้นไปเพราะเห็นด้วยปัญญา
เพราะเข้าใจธรรมที่ตถาคตประกาศไว้ดีแล้ว
ต้องทำกิจต่อด้วยความไม่ประมาท
ใช้สอยเสนาสนะที่สมควร คบหากัลยาณมิตร ปรับอินทรีย์ให้เสมอ ทำให้แจ้งโดยการออกบวช
สัทธาวิมุตติ - ไม่ได้สัมผัสสันตวิโมกข์ ซึ่งไม่มีรูปเพราะล่วงรูปฌานได้ด้วยกาย อาสวะบางเหล่าสิ้นไปเพราะเห็นด้วยปัญญา เพราะความเชื่อในตถาคตตั้งมั่นดีแล้ว
ต้องทำกิจต่อด้วยความไม่ประมาท
ใช้สอยเสนาสนะที่สมควร คบหากัลยาณมิตร ปรับอินทรีย์ให้เสมอ ทำให้แจ้งโดยการออกบวช
ธัมมานุสารี -ไม่ได้สัมผัสสันตวิโมกข์ ซึ่งไม่มีรูปเพราะล่วงรูปฌานได้ด้วยกาย อาสวะบางเหล่าสิ้นไปเพราะเห็นด้วยปัญญา
สามารถเพ่งธรรมทั้งหลายที่ตถาคตประกาศแล้วได้บ้าง และมีอินทรีย์๕
ต้องทำกิจต่อด้วยความไม่ประมาท
ใช้สอยเสนาสนะที่สมควร คบหากัลยาณมิตร ปรับอินทรีย์ให้เสมอ ทำให้แจ้งโดยการออกบวช
สัทธานุสารี- ไม่ได้สัมผัสสันตวิโมกข์ ซึ่งไม่มีรูปเพราะล่วงรูปฌานได้ด้วยกาย อาสวะบางเหล่าสิ้นไปเพราะเห็นด้วยปัญญา
มีเพียงความเชื่อ ความรักในตถาคต มีอินทรีย์๕
ต้องทำกิจต่อด้วยความไม่ประมาท
ใช้สอยเสนาสนะที่สมควร คบหากัลยาณมิตร ปรับอินทรีย์ให้เสมอ ทำให้แจ้งโดยการออกบวช