ความคิดเห็นที่ 1 55555.     ก็เลยเจอพระเล่นการเมืองเกทับซะ จนหมอบกันไปเลยสิน่ะ จากคุณ : รถเรณู เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 14:49:59

ความคิดเห็นที่ 2 จริงๆ  หลวงพี่เขาต้องการแก้ปัญหาที่  อ.บ.ต    เท่านั้น     แต่โยมเขาจัดเต็ม    ไปแต่ละที่นี่    เดินเอาเข้าไปให้ระดับนายเซ็นกันที่โต๊ะ  แล้วก็เดินออกมาเลย   ไม่ต้องผ่านใครทั้งนั้น ไปเที่ยวแรก  หลายแห่งทำยึกยัก   ดูโน่น  ดูนี่    มองหน้าพระยังกับขอทาน ครั้งหลังนี่   ได้ยินแต่เสียง   ครับๆ   ครับๆๆๆๆ    เด๊่ยวผมจัดการให้ครับ หลวงพี่เขาบอก   เอกสารยังไม่ครบนะโยม   เขายังบอก  ไม่เป็นไรครับ   ส่งตามมาทีหลังก็ได้ แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 55 15:27:58 จากคุณ : ไกลมาก เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 15:24:35

ความคิดเห็นที่ 3 ผ่านมาแล้ว จึงได้รู้ว่า.. กว่าจะเป็นวัด การสร้างวัดสักแห่ง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย.. เอาใจช่วยให้สำเร็จค่ะ จากคุณ : chaosy เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 15:34:21

ความคิดเห็นที่ 4 ชื่นชมหลวงพี่ค่ะ ท่านรู้จักใช้บารมีเมื่อคราวจำเป็นจริงๆ ต้องทำใจคนเราสมัยนี้ ไม่ฉลาดทางธรรม  รู้แต่เรื่องกิเลสค่ะ จากคุณ : ขนมทองหยด เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 15:43:48

ความคิดเห็นที่ 5 เจ้าคณะอำเภอท่านยังพูดเลยว่า   ตั้งวัด   ยากกว่าตั้งซ่อง   หรือตั้งบ่อนซะอีก ไปติดต่องานราชการ นี่  ต้องยอมรับครับ    ว่าเซ็งเป็ด    ทั้งร้อน  ทั้งนาน จากคุณ : ไกลมาก เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 17:10:55

ความคิดเห็นที่ 6 เพิ่งได้สัมผัสว่าการมีอำนาจมันเป็นอย่างนี้       อำนาจมันดีแบบนี้นี่เอง    หลายคนเลยต้องการมันนัก ________________ ครับ.. เพราะมีอำนาจ ก็มีเงิน และมีเงินก็มีอำนาจ มีอำนาจก็มีเงิน....... จากคุณ : ความเชื่อ เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 17:32:29

ความคิดเห็นที่ 7 อำนาจมักทำให้ติด ทำให้หลงมัวเมาในอำนาจนั้น ทำได้ทุกอย่างเพื่อรักษาอำนาจตนเอาไว้ ยิ่งอยู่นานยิ่งติดหนัก ยากที่จะถอน สัจจะธรรมของโลก จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 18:59:19

ความคิดเห็นที่ 8 สมัยก่อนที่จะมีกรมการศาสนา ซึ่งต่อมาก็คือ สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ การตั้งวัดง่ายมาก เพียงแจ้งผู้ใหญ่บ้าน กำนัน กำนันก็แจ้งไปอำเภอ ก็เป็นวัดได้แล้ว ไม่ต้องมีพิมพ์เขียวแผนผังของวัด ตามมาตราส่วนที่กำหนดด้วย ไม่ต้องไปสำรวจวัดในรัศมี 2 กิโลเมตร (ไม่รู้ว่าทำไมถ้ามีวัดห่างกันไม่ถึง2กม.จะมีปัญหาขอตั้งวัดทันที?) และไม่ต้องแจงจำนวนภิกษุสามเณรของแต่ละวัด ไม่ต้องสำรวจจำนวนประชากรที่สนับสนุนวัดที่จะสร้าง ไม่ต้องแจงจำนวนเงินและทรัพย์สินที่สนับสนุนวัดที่จะขอสร้าง ไม่ต้องไปหาเจ้าคณะทั้งหลาย ไม่ต้อง และไม่ต้องทำอะไรมิอะไรตามแบบฟร์อมของราชการ/สำนักพุทธฯ ชาวบ้านก็ช่วยกันสร้างวัดได้แล้ว ส่วนทางราชการจะไปลงทะเบียนไว้ ก็ไม่มีอะไรสร้าง ความยุ่งยากให้ชาวบ้าน นี่เป็นนิติประเพณีที่บรรพชนไทยทำกันมาง่ายๆ จนวัดมีมากมาย และเป็นประโยชน์สาธารณะ แม้โรงเรียน สุขศาลา ห้องสมุดสาธารณะ ปรัมการเลือกตั้ง ฯลฯ หน่วยงานรัฐก็ไปใช้ในที่วัด แต่สมัยนี้ประชากรเพ่ิมมาก แต่วัดเพิ่มน้อยไม่เป็นสัดส่วนที่ดี วัดคือสถาบันด้านศีลธรรมที่สำคัญของชาติ ซึ่งมีชาวพุทธกว่า94เปอร์เซนต์ของจำนวนคนไทยทั่วประเทศ แทนที่มีสำนักพุทธฯและมหาเถรสมาคมแล้วการขอตั้งวัดจะง่าย กลับตรงข้าม นี่มันอะไรกันประเทศไทย ที่ว่าเป็นเมืองพุทธ รธน. มาตรา79 ก็ว่าส่งเสริมๆ แต่สำนักพุทธฯ มหาเถรสมาคม ทำไม ถึงขนาดนี้? ใครทราบ ช่วยตอบหน่อย ผมก็มีประสบการณ์ขอตั้งวัด ก็สุดแสนระอา ผมว่าไม่ต้องมีสำนักพุทธฯ การขอตั้งวัดจะง่าย? หรือไม่ก็สังคายนาสำนักพุทธฯเสียที?   ใช้เงินหลวงซึ่งมาจากภาษีของประชาชน ปีๆคงไม่น้อย? การขอตั้งวัดเป็นของดีมีประโยชน์ต่อส่วนรวม และชาวบ้านเขาก็ดูแลวัดของพวกเขาอยู่แล้ว จะวัดร้างบ้างก็ไม่เป็นไร ร้างได้ ภายหลังก็ไม่ร้างได้ ประเพณีไทย เมื่อมีชุมชน ก็พยายามมีวัด วัดที่ดีก็เป็นที่พึ่งที่ดีได้หลายรูปแบบ รัฐต้องอำนายความสะดวกให้ตั้งวัดได้ง่าย จึงจะสมควร แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 55 21:33:22 จากคุณ : ลาดปลาเค้า เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 21:20:28

ความคิดเห็นที่ 9 ขออนุโมทนาบุญกับท่านไกลมากด้วยครับ จากคุณ : อยู่ในอู่ทะเลบุญ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 00:43:50

ความคิดเห็นที่ 10 อนุโมทนาครับ จากคุณ : บ่าวบ้านบาก เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 02:30:44

ความคิดเห็นที่ 11 เรียน คุณไกลมาก   ข้อสังเกตุของผมคือ ทำไมต้องผ่าน อ.บ.ต. ในเมื่อผู้นำชุมชน อย่าง ผู้ใหญ่บ้านกำนัน ผ่านให้แล้ว ตามระเบียบสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้กำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาตสร้างวัด ไว้ดังนี้ 1.ต้องมีที่ดินที่จะใช้สร้างวัดซึ่งต้องติดต่อเป็นผืนเดียวกัน  เนื้อที่ไม่น้อยกว่า 6 ไร่ (ไม่มีข้อยกเว้น)  โดยเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามกฎหมายทำหนังสือสัญญาตกลงยกที่ดินให้สร้างวัด ไว้กับนายอำเภอ  และเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอ  แสดงความประสงค์จะยกที่ดินให้เพื่อใช้สร้างวัด กรณีที่ดินที่จะให้สร้างวัดเป็นที่ดินของทางราชการ  ต้องผ่านขั้นตอนการขอใช้ที่ดินจนถึงส่วนราชการผู้ดูแลรักษาที่ดินนั้น  ออกหนังสืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินเพื่อสร้างวัดก่อน  แล้วจึงจะใช้ หนังสืออนุญาตให้ใช้ที่ดินดังกล่าวแทนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดิน ประกอบเรื่องเสนอขออนุญาตสร้างวัด  ตั้งวัด ได้โดยอนุโลม 2.ต้องเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับเป็นที่พำนักอาศัยของพระภิกษุสงฆ์ 3.ตั้งอยู่ห่างจากวัดอื่นไม่น้อยกว่า 2 กิโลเมตร  เว้นแต่จะมีเหตุจำเป็น 4.มีประชาชนที่จะได้รับประโยชน์และให้การสนับสนุนเมื่อได้ตั้งเป็นวัดแล้วในรัศมี 2 กิโลเมตร  เฉลี่ยวัดละไม่น้อยกว่า  1,000 คน เว้นแต่จะมีเหตุจำเป็น 1.5.เจ้าคณะอำเภอ  นายอำเภอ  เจ้าคณะอำเภอ  และผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณาเห็นสมควรให้สร้างวัด ที่นี้ถึงขั้นตอนดำเนินการขออนุญาตสร้างวัด 1.ผู้ขออนุญาตสร้างวัดยื่นคำขออนุญาตสร้างวัด (ศถ.1) ต่อนายอำเภอท้องที่ที่จะสร้างวัด  ตามแบบที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกำหนด พร้อมเอกสารหลักฐานประกอบเรื่อง 2.นายอำเภอนำปรึกษาเจ้าคณะอำเภอ  แล้วเสนอเรื่องและความเห็นไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 3.ผู้ว่าราชการจังหวัดนำปรึกษาเจ้าคณะจังหวัด  แล้วเสนอเรื่องและความเห็นไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ 4.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติพิจารณาเห็นสมควรให้สร้างวัดได้  ให้รายงานนายกรัฐมนตรี (รองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแล) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนนำเสนอมหาเถรสมาคม 5.เมื่อมหาเถรสมาคมเห็นชอบแล้ว  ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติออกหนังสืออนุญาต ให้สร้างวัด ไม่จำเป็นต้องผ่าน อ.บ.ต. หรือเทศบาล และการขออนุญาตตั้งวัดกับสร้างวัดนี่คนละเรื่องกันนะครับ ขั้นตอนจะไม่เหมือนกัน ในชั้นนี้ผมขอทราบชื่อวัด และที่อยู่หน่อยครับ จะได้ดูข้อมูลการขออนุญาตด้วย ว่าขอตั้งหรือ สร้าง  จากคุณ : ราชมัล เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 08:29:49

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณคุณราชมัล   มากครับ แต่เรื่องจบแล้วครับ  เป็นวัดไปแล้ว   ก็เลยไม่ต้องรบกวนคุณราชมัล   เดิมการยื่นไม่ต้องผ่าน สภา อ.บ.ต    แต่ตอนหลัง เห็นว่ามีการไปยื่นฟ้องศาลปกครองในบ้างกรณีที่   ที่ดินไม่ใช่   น.ส. ๓  หรือ  โฉนด     เป็นพวกที่   ส.ป.ก    ที่ราชพัสดุ ทางสำนักงานพุทธฯ   ก็เลย   ต้องขอเอกสารรายงานการประชุมของ อ.บ.ต   คุณราชมัล  ลองสอบถามทางสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ   สิครับ     เขาจะอธิบายได้ดีกว่า  เรื่องขอรายการการประชุมจาก  อ.บ.ต    เขาเพิ่งกำหนดใหม่เมื่อเร็วๆ  นี้     เมื่อก่อนก็ไม่ต้องใช้ (พอต้องใช้ได้เรื่องเลย) ซึ่งจริงๆ   วัดนี้ก็ไม่ต้องใช้เพราะเป็นโฉนด      แต่ตอนไปติดต่อ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเขาบอกต้องเอาเอกสารชิ้นนี้ด้วย    ก็เลยต้องยื่นเข้าไป   ทางเจ้าหน้าที่ของสำนักพุทธฯ จังหวัด   ก็บอกเองว่า   เมื่อก่อนไม่ต้องใช้     แต่ตอนนี้ต้องใช้เอกสารนี้ด้วย และที่ตลกกว่านั้น   คือ   นายก อ.บ.ต   เซ็นไปแล้วด้วย     แต่พวกที่จะค้าน   ก็ค้านไปเรื่อย    ขนาดพระไปบอกว่า     กำนัน   นายอำเภอ    นายก อ.บ.ต   เจ้าคณะอำเภอ  เจ้าคณะจังหวัด  ผู้อำนวยการสำนักงานพุทธฯ จังหวัด    ผู้ว่าราชการจังหวัด    เซ็นไปหมดแล้ว คือ    ต้องการดึงไว้เท่านั้น    เพื่อเอาชนะกันในสภา     เหมือนล้างแค้นที่พวกตัวเองแพ้การเลือกตั้งประธานสภา   เมื่อคราวก่อน เพราะตอนหลังมีผู้ใหญ่ไปคุย    ก็จบกันไป ผมขอถาม  คุณราชมัล  ว่า    ผมฟ้องศาลปกครองได้ไหม   ว่า  อ.บ.ต    กลั่นแกล้งวัด  หรือ  ไม่ให้ความร่วมมือ ความจริง  หลวงพี่ท่านก็สนิทกับ  กรรมการเถรสมาคม  เห็นท่านว่า  จะไปเล่าปัญหานี้ให้พระผู้ใหญ่ทราบอยู่     และจะนำปัญหานี้  เข้าที่ประชุมพระสังฆาธิการด้วย แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 55 16:07:59 แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 55 15:51:02 แก้ไขเมื่อ 26 ส.ค. 55 15:46:30 จากคุณ : ไกลมาก เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 15:40:34

ความคิดเห็นที่ 13 แค่ ค่าเดินทางและเวลา ไปๆมาๆที่สำนักพุทธจังหวัด (ย้ำ___ค่าเดินทางและเวลา) ซึ่งถ้าหลักฐานไม่พร้อมไม่ครบ มาตราส่วนในแผนที่ ไม่ถูกต้อง กรอกในแบบฟอร์มยังไม่ดี คนเดินเรื่องก็อ่วมแล้ว (ที่จริงเจ้าหน้าที่น่าจะลงพื้นที่ไปช่วยชาวบ้าน กรอกแบบฟอร์ม ติดต่อหน่วยงานพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพราะปีๆการขอมีวัดไม่ได้มีมาก ขนาดวัดที่ผมช่วยเดินเรื่องเป็นโฉนด ก็ไม่ใช่ขบวนการจะไม่ซับซ้อน ทั้งๆที่สำนักงานพุทธจังหวัด รถก็มี เบี้ยเลี้ยงก็มี ความรอบรู้ ความชำนาญมีมาก ในการกรอกข้อมูล หาข้อมูล ติดต่อประสานงาน แล้วก็เรื่องพิมพ์เขียว ก็ไม่ทราบว่าตั้งแต่มีประเทศไทย ที่มีวัดมากมาย ก่อนหน้าจะมีสำนักพุทธ คงไม่ยุ่งขนาดนี้แน่ๆเรื่องพิมพ์เขียว เมื่อมีสำนักพุทธ แทนที่เรื่องจะเร็วกลับช้า หรือเป็นการแสดงอำนาจว่าจะผ่านด่านฉันง่ายๆ มันก็ไม่ใช่หน่วยราชการ (ทีงานส่งเสริมไตรสิกขา น่าจะใช้พลังอำนาจหน้าที่ ส่งเสริมให้จริงจัง?) มีครั้งหนึ่งผมจะถวายที่(โฉนด)ให้วัด ขบวนการก็ไม่ใช่ง่าย การสอบสวนอย่างหนึ่งก็คือ วัดมีที่รวมแล้วเกินร้อยไร่ไม่ได้ แล้วก็หลักฐานคำให้การของเจ้าอาวาส ... นี่ก็มันเรื่องอะไรกันหนักหนา ทั้งๆวัดเป็นประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่ส่วนตัว แต่ทีเอกชนจะมีกี่ร้อยกี่พันไร่ก็จดทะเบียนได้ง่ายๆเลย ทำไมเมืองพุทธ ชาวพุทธจึงโดนกดข่มถึงขนาดนี้?? ยังที่อำเภอ นายอำเภอวันนี้ไม่มา ก็ต้องกลับไปก่อน ส่วนที่เจ้าคณะต่างๆ ผมยังไม่มีประสบการณ์ แล้วที่สำนักงานที่ดิน ต้องขอสำเนาโฉนดตัวจริง จะใช้สำเนาที่ถ่ายย่อไม่ได้ (โฉนดสมัยรัชการที่5 คงทราบว่ามีขนาดใหญ่มาก) ขอย้ำว่า แต่ละสถานที่ที่ไป ต้องเสียเวลา ค่าใช้จ่าย ค่าเสียหัว ยิ่งเจอเจ้าหน้าที่เถรตรง (ชึ่งก็โทษเขาไม่ได้เต็มที่ ก็ระเบียบแบบฟอร์ม มันเป็นอย่างนั้น) มีอยู่สักสองครั้ง เมื่อผมปรารภที่สำนักพุทธจังหวัดว่า ทำไมการขอมีวัด มันจึงยากอย่างนี้ เขาบอกว่า ไม่อย่างนั้น วัดก็มีเต็มไปหมด!!! แค่คำขอตั้งวัด ขอสร้างวัด ชาวบ้านทั่วไปก็สับสนแล้ว เมื่อไรเรื่องนี้จะพัฒนา เป็นวันสต๊อปเชอร์วิซ? แบบฟอร์มก็ให้มันง่ายๆหน่อย แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 55 01:14:47 แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 55 01:08:06 แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 55 01:02:07 จากคุณ : ลาดปลาเค้า เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 55 00:57:07