ความคิดเห็นที่ 1 บทความเก่า เล่าถึง หลวงพ่อสมบูรณ์ ที่ผมรู้จัก ท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่เก่ง แต่ดูธรรมดาๆ มากๆ ครับ ดูท่านไม่มีอัตตาของความเป็นครูบาอาจารย์เลย เหมือนหลวงตาธรรมดาๆ องค์หนึ่ง แต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขามด้วยคุณธรรมแห่งความรู้ของท่าน ผมรู้จักท่านมาเกือบ 20 ปี สิ่งที่ผมเห็นอยู่ประจำคือ     1 ท่านไม่เคยพึ่งลูกศิษย์เลย ถ้าไม่จำเป็นขนาดคอขาดบาดตาย     2 ท่านไม่เคยเรี่ยไรเงินทำบุญเลย ไม่เคยบอกบุญเลย     3 ท่านอุทิศชีวิตให้กับการชี้ทางคนให้พ้นทุกข์โดยตรง แทบไม่มีเรื่องอื่นๆ เจือปนเลย ข้อแรก ท่านทำอะไรเองทุกอย่าง ซักจีวรเอง ทำงาน ซ่อมกุฏิ ตัดเถาวัลย์ รวมทั้งไปหาหมอ ท่านก็ไปเององค์เดียว ลืมบอกไปครับ ท่านอายุ 80 ปีแล้ว ก็ยังทำอย่างนี้อยู่ ไม่พึ่งใครเลย ถ้างานนั้นทำคนเดียวได้ เมื่อ 2 ปีก่อนท่านเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นชนิดที่กระจายไปตามตัวแล้ว คือระยะ 3-4 แล้ว ท่านก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร ทีแรกท่านจะไม่รักษา จะปล่อยไป พอดีหมอที่โรงพยาบาลวัชิระ บอกว่ารักษาเถิด ท่านก็ตกลง เชื่อไม๊ครับ คนอายุขนาดนี้ เป็นมะเร็งขนาดนี้ นั่งรถเมล์ไปให้ครีโมเอง ไปนอนให้ครีโมร่วม 5 ชม. เสร็แล้วก็เดินข้ามสะพานลอย นั่งรถเมล์กลับวัด ทั้งๆ ที่มีลูกศิษย์ปราวนาจะไปรับไปส่งท่าน ท่านก็บอกว่าไม่เป็นไร ท่านช่วยเหลือตัวเองได้ จริงๆ ตอนที่ท่านเป็น ท่านบอกว่าไม่มีแรงแม้แต่จะบีบมะนาวเลยนะครับ เท่านั้นไม่พอ ระหว่างนั้นท่านก็ยังคุมงานก่อสร้างตึก 3 ชั้น ที่วัดสนามในด้วย เป็นการสร้างแบบไม่มีแปลนครับ คือต้องเดินกำกับช่างทั้งวัน บอกว่าตรงนี้ทำอะไร แค่ไหน เดินขึ้น เดินลงทั้งวัน เป็นเดือนๆ น่าประหลาดใจว่าท่านทำได้ไง และปีที่ท่านอายุ 79 ท่านทำงานแล้วหกล้ม ผมเห็นกับตา ท่านดึงเถาวัลย์แล้วมันขาดกระทันหัน ท่านก็ล้มลงหงายหลังลงไปนอนทั้งยืน แต่ท่านก็กลับลุกขึ้นมายืนได้อย่างรวดเร็ว  เหมือนมีสปริง ท่านหันมายิ้มทีนึง แล้วก็ทำงานต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนอายุ 79 ล้มนี่ จริงๆ น่าจะไปอยู่โรงพยาบาลแล้ว แต่ท่านไม่เป็นอะไรเลย ไปถามท่าน ท่านบอกว่าคนมีสติ เวลาล้มมันจะรู้ว่ากำลังล้ม และรู้วิธีล้ม ให้ลงนิ่มนวลที่สุด! เรื่องที่สอง ท่านไม่เคยเรี่ยไรเงินเลย ท่านสร้างสถานปฏิบัติธรรมถ้ำเขาพระจากอดีตเป็นวัดป่ารกๆ เกือบจะร้าง จนกลายเป็นวัดป่าเรียบร้อย ด้วยน้ำพักน้ำแรงของท่าน ท่านลงมือตัดและขุดรากกอไผ่ ซึ่งขึ้นเต็มไปหมดด้วยตัวท่านเอง ตอนนั้นท่านอายุประมาณ 60 ปี ท่านบอกว่าไม่มีตังค์ ต้องทำเอง จนชาวบ้านรังเกียจท่าน บอกว่าพระอะไรมาตัดต้นไม้ ท่านบอกว่า ถ้าท่านไม่ทำ แล้วใครจะทำ และบอกว่ามีความสุขเวลาทำงาน ไม่เหนื่อย ท่านก็ทำไป แล้วท่านก็รวบรวมเงินที่ได้จากการทำบุญส่วนตัวมาซื้อดินถมที่ ถมไปเรื่อยๆ ร่วมๆ 1,000 คันรถ ท่านไม่เคยนำเงินทำบุญไปทำในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์เลย ท่านยังสอนว่า เงินมีก็เก็บไว้ใช้นะ ไม่จำเป็นต้องมาทำบุญเยอะ ผมยังเห็นว่ามีศิษย์รุ่นเยาว์บางคน ถวายเงินท่าน แล้วท่านคืน เพราะเป็นหว่ง ยังไงท่านก็สร้าง ถ้ำเขาพระเสร็จจนได้ เป็นสถานปฏิบัติธรรมที่ร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้ มีกุฏิอยู่กันแบบพอเพียง มีศาลาเอนกประสงค์หนึ่งหลัง เป็นศาลาเอนกประสงค์จริงๆ ใช้ สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม รับญาติโยม ฉันข้าว มีครัวเล็กๆ ที่ล้างชาม ห้องน้ำ ชั้นสองเป็นห้องพักรวม มีห้องพักของพระหนึ่งห้อง ถังเก็บน้ำฝน ตู้เก็บหนังสือ มีมัลติมีเดีย ประโยชน์ใช้สอยเยอะขนาดนี้ ท่านสร้างแค่ล้านเดียว(ราคาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว) เป็นศาลาเอนกประสงค์สมชื่อ เห็นไม๊ครับ ท่านใช้เงินบริจาคได้คุ้มค่าแค่ไหน เรื่องที่สาม ท่านอุทิศตนเพื่อช่วยคนให้พ้นทุกข์ ใครที่ต้องการปฏิบัติธรรมไปหาท่าน ท่านจะชี้แนะให้ทันที แม้บางครั้งท่านจะป่วยก็ตาม ท่านบอกว่าท่านจะพยายามอยู่ให้ได้อีก 10 ปี เพื่อเผยแพร่ตรงนี้ ท่านบริหารร่างกาย ระวังเรื่องอาหาร ดูแลสุขภาพ เพื่อให้สังขารท่านอยู่ได้ ท่านเคยบอกว่าจริงๆ ลำบากนะ อายุขนาดนี้แล้ว แต่จะพยายาม ท่านชี้แนะได้เก่งมากๆ ผมเจอครูบาอาจารย์มาเยอะ แต่ก็ไม่เคยเจอใครเหมือนท่าน ท่านบอกว่าท่านไม่ได้สอน แต่ชี้ให้ดู คือท่านจะชี้ลงไปที่จิตของเราให้เราดู ให้เราเห็นจิตเดิมๆของเรา  ที่ปราศจากกิเลส เดี๋ยวนั้น ให้เห็นภาวะธรรมจริงๆ ตอนนั้นเลย ตอนที่อยู่กับท่าน ไม่ใช่บอกวิธีแล้วให้กลับมาทำเองที่บ้าน สงสัยอะไรก็ถามจนได้คำตอบหายสงสัยกันเดี๋ยวนั้น ท่านเองชอบสอนเป็นรายตัว เพราะจะได้ประโยชน์เต็มที่ ไม่ชอบแบบมานั่งฟังกันเยอะ แล้วไม่ค่อยได้อะไร ผมถึงบอกว่าไม่มีใครเหมือนท่าน ใครที่ไปเจอท่านจะเห็นสภาวะธรรมกลับมาแทบทุกคน ท่านธรรมดามาก แต่ทรงด้วยภูมิแห่งปัญญาของการพ้นทุกข์ครับ จากคุณ : ทางนี้ เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 22:19:08

ความคิดเห็นที่ 2 และขอเชิญร่วมปฏิบัติธรรมเชิงเสวนา – ตามรอยหลวงพ่อสมบูรณ์ ก่อนอื่นขอแจ้งว่า ** หลวงพ่อสมบูรณ์ จะมาพำนักที่วัดสนามในวันที่ 13 - 16 กันยายน 2555 ** --------------------------------------------------------------------------------------- รู้อย่างนี้ ไม่มีทุกข์... ...หรือ... ดูความรู้สึก รู้ความรู้สึก เห็นความรู้สึก ...ไม่ใช่เรารู้สึก หลวงพ่อสมบูรณ์หมายถึงอะไร แตกต่างจากที่หลวงพ่อเทียนกล่าวว่า “ รู้สึกตัว ” อย่างไร หลายท่านคงทราบแล้ว... หลายท่านคงยังไม่ทราบ... ผมจะมาขยายความ คำสอนตามประสบการณ์ของผม ในฐานะที่เป็นศิษย์ของท่านมากว่า 10 ปี ให้ผู้เข้าร่วมได้ทราบถึง เนื้อหาของการปฏิบัติที่ท่านชี้แนะ โดยชี้ลงไปถึงการปฏิบัติ ไม่ใช่ทฤษฏีนะครับ กล่าวได้ว่า ขอเชิญมาร่วมปฏิบัติธรรมตาม หลวงพ่อสมบูรณ์ชี้แนะกันครับ คุณกล้วย กอบชัย เป็นแขกรับเชิญ ในการเสวนา (ถ้าเผอิญไม่ติดธุระใด) **** วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน 2555 เริ่มบ่ายโมง ***** ตามรายละเอียดนี้ครับ http://www.facebook.com/events/261759037276216/ --------------------------------------------------------------------------------------- แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 55 22:23:19 จากคุณ : ทางนี้ เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 22:22:48

ความคิดเห็นที่ 3 หลวงพ่อสมบูรณ์แนะ เดินจงกรม ครับ *   *   *   *   *   *   *  *   *   *   *   *   *   *  *   *   *   *   *   *   * จากคุณ : ทางนี้ เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 22:25:11

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้ามีโอกาสในช่วงนั้น จะแว่บไปกราบนมัสการ อิอิ จากคุณ : chaosy เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 07:38:55

ความคิดเห็นที่ 5 เข้ามากราบหลวงพ่อด้วยความเคารพเป็นอย่างยิ่งค่ะ จากคุณ : mingxing เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 13:17:36

ความคิดเห็นที่ 6 กราบหลวงพ่อสมบูรณ์ และหลวงพ่อคำเขียน ด้วยคนครับ จากคุณ : สติ เขียนเมื่อ : 26 ส.ค. 55 22:28:40

ความคิดเห็นที่ 7 เข้ามากราบนมัสการหลวงพ่อสมบูรณ์ และอนุโมทนากับ จขกท ด้วยค่ะ จากคุณ : ศรารัศมิ์ เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 55 20:56:58

ความคิดเห็นที่ 8 ขอเล่าเรื่องหลวงพ่อสมบูรณ์ต่ออีกซักตอนนะครับ มีเรื่องน่าประทับใจเกี่ยวกับตัวท่านมากมาย จริงๆ คงเล่าไม่หมด ท่านเป็นคนที่แข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกวันนี้อายุ 81 แล้ว แต่ผมท้าให้ไปกวาดวัดแข่งกับท่านได้ ท่านกวาดแรงมาก และกวาดได้เป็น ชม. บางวัน 2 ชม.กว่า คนหนุ่มๆ อายเลยก็แล้วกัน *   *   *   *   *   *   *  *   *   *   *   *   *   *  *   *   *   *   *   *   * ตอนท่านอายุ 60 กว่าๆ ท่านเอาลำโพงไปติดบนยอดเขา ที่สำนักปฏิบัติธรรมของท่าน คือที่ถ้ำเขาพระ จะมีภูเขา 1 ลูก มีลักษณะเป็นแบบเขาตะปู คือชันขึ้นไป ไม่ใช้เขาแบบลาดๆ เวลาขึ้นต้อง “ปีนป่าย” คือมีหลายๆจุดที่ต้องโหนตัวขึ้นไป ไม่ใช่ทางเดินลาดๆ ขึ้นไปครับ ผมเคยลองไปปีน ปรากฏว่าปีนไปได้ครึ่งทาง ไม่กล้าขึ้นไปสุดเพราะกลัวตก แต่หลวงพ่อเคยเอาลำโพงใหญ่ๆ ไปติดบนยอดเขาถึง 4 ดอก! ไม่รู้ท่านทำได้ไง เมื่อก่อนหลวงพ่อมากรุงเทพฯ ท่านจะนั่งรถทัวร์มา ใช้เวลาเดินทาง 1 คืน คือนอนมาในรถ ท่านไม่เคยแสดงอาการอ่อนเพลียเลย ไม่เคยจำวัดกลางวันเลย ก็ทำงาน กวาดวัดตามปกติ มีครั้งหนึ่งท่านเดินทางจากกระบี่ตอนหัวค่ำมาถึงกรุงเทพฯ ตอนเช้า แล้วตอนเย็นธุระกลับวัดด่วน ก็ออกเดินทางคืนนั้นกลับกระบี่ ท่านไปถึงวัดก็ทำงานกวาดวัดตามปกติ ไม่มีอาการอ่อนเพลียเลย *   *   *   *   *   *   *   *   *   *   *   *   *   *  *   *   *   *   *   *   * อีกครั้งท่านถูกงูกัด ท่านก็จับใส่ถังไว้ดู เป็นงูตัวยาวซักคืบกว่า แต่ก็ปวดน่าดู หลังจากท่านเอาไปปล่อยก็ไปฉีดยา เสร็จแล้วก็กลับมากวาดวัดตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่านมีกายก็สักว่ากายครับ ผมเดาเอา ที่วัดมีระฆังใช้ตีบอกเวลาปฏิบัติธรรม ทำจากปลอกลูกระเบิดเครื่องบิน สอบถามท่านว่าได้มายังไง ก็ทราบว่าเดิมมีทหารมาถวายวัดสนามใน ที่กรุงเทพฯ ท่านก็ขอเอามาไว้ที่กระบี่ ผมลองไปยกเล่นดู ปรากฎว่ายกไม่ขึ้นครับ หนักมาก ผมเลยถามหลวงพ่ออีกว่า หลวงพ่อเอามายังไง ท่านบอกว่า เอาขึ้นรถทัวร์มา! โอย งงอีกแล้วครับ ท่านบอกเอามาได้ก็แล้วกัน นี่คือหนึ่งในปาฏิหารย์แบบธรรมดาๆ ที่ท่านแสดงให้ดู ที่ประหลาดที่สุด ตอนที่ท่านเป็นมะเร็ง หน้าตาท่านดูผ่องใสเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ท่านบอกว่ารู้สึกว่า ไม่ได้เป็นอะไร ความรู้สึกมันไม่ได้เป็นอะไร มันปกติ คนมาเยี่ยมท่านบางคนทนไม่ได้ก็ร้องห่มร้องไห้ ในขณะที่ท่านก็ยังยิ้มแย้ม ท่านเองก็บอกว่างง ว่าตกลงใครป่วยกันแน่ ? ถึงท่านจะแข็งแรงอย่างไร แต่สังขารก็ยังเสื่อมไป ฝืนไม่ได้ ท่านเดินไกลๆไม่ได้ ท่านจะปวดขา ปวดจนชนิดก้าวไม่ออกเลยทีเดียว (เวลากวาดวัดนี่ท่านเดินๆ หยุดๆ ไม่เป็นไร) ด้วยสำนักท่านค่อนข้างห่างจากหมู่บ้าน ถ้าบิณฑบาตไปกลับก็เป็นระยะทางประมาณ 5 กิโล ท่านไม่สามารถเดินไปได้ และเมื่อก่อนท่านอยู่องค์เดียว ไม่มีลูกศิษย์ลูกหา ท่านไม่เคยเอาใจชาวบ้านเลย กิจนิมนต์ท่านก็ไม่มี เนื่องจากท่านบอกชาวบ้านว่า ท่านสวดไม่เป็น ถ้าจะนิมนต์ไปสวด ก็ได้ แต่เปิดหนังสือสวดนะ ชาวบ้านก็ไม่เอาด้วย ไม่ศรัทธาท่าน จริงๆ เป็นกุศโลบาย ที่ท่านต้องการให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมอย่างเดียว ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องกิจนิมนต์ ท่านเองก็ชอบอยู่สันโดษ เนื่องจากท่านบิณฑบาตไม่ไหว ท่านก็หุงข้าวฉันเอง โดยเก็บผักที่ท่านปลูกไว้หลังวัดจิ้มเต้าเจี้ยวฉัน ท่านก็อยู่อย่างนั้นของท่าน ไม่เดือดร้อน บางคนอาจจะมองว่าท่านผิดวินัย แต่ด้วยท่านไม่เคยรบกวนญาติโยม ท่านก็อยู่ของท่านอย่างนั้นเอง ถ้าท่านตามใจญาติโยมหน่อย ลูกศิษย์ ลูกหาคงเต็มวัดไปหมด แต่ท่านไม่ทำครับ ท่านมีจุดยืนของท่าน และทุกวันนี้สำนักของท่านมีแต่ความสงบ ร่มรื่น ไม่มีผู้คนขวักไขว่ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง และผู้ที่ไปหาท่านที่สำนัก ก็พบท่านตลอด เพราะท่านไม่มีกิจนิมนต์ไปไหน ยกเว้นมากรุงเทพฯ ท่านมีสติปัญญาในการใช้ชีวิตอย่างลึกซึ้งจริงๆ เหนือความคาดหมาย แต่ภายนอกท่านดูธรรมดาๆ มากๆ ครับ *   *   *   *   *   *   *   *   *   *   *   *   *   *  *   *   *   *   *   *   * จากคุณ : ทางนี้ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 06:38:41

ความคิดเห็นที่ 9 คลิ๊ปสั้นๆ นี้ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่นะครับ เพราะเหตุว่าผมใช้วิธีพิศดาร คือใช้กล้องถ่ายจากจอคอมฯ อีกทีหนึ่ง สาเหตุเพราะคลิ๊ปนี้ผมทำเสร็จมา 2 วันแล้ว แต่ผมไม่สามารถ Save file ได้... มีแต่ file ดิบที่เปิดเฉพาะในเครื่องที่ไม่สามรถนำลง Youtube ได้ ผมพยายามแก้ไข และทำใหม่ อยู่เป็น 10ๆ เที่ยว จนสุดท้ายคิดวิธีพิศดารนี้ได้นะครับ จากคุณ : ทางนี้ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 06:40:34

ความคิดเห็นที่ 10 สาธุค่า จากคุณ : chaosy เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 55 01:42:39

ความคิดเห็นที่ 11 ขอเอาไปลงกล่องดำนะ จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 55 23:05:57