ความคิดเห็นที่ 1 มิใช่เพื่ออานิสงส์เป็นลาภสักการะ และเสียงสรรเสริญ มิใช่เพื่ออานิสงส์จะได้เป็นเจ้าลัทธิ หรือเพื่อค้านลัทธิอื่นใดให้ล้มลงไป และมิใช่เพื่อให้มหาชนเข้าใจว่า เราได้เป็นผู้วิเศษอย่างนั้นอย่างนี้ ก็หามิได้. ขอบคุณ จขกท ใช้ช่วยคัดกรองสิ่งแปลกปลอมได้เลยนะ จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 08:27:41

ความคิดเห็นที่ 2 แม้เลือกเป็นกษัตริย์ก็ได้เป็นถึงพระมหาจักรพรรดิ รวมโลกเป็นหนึ่ง ก็มีทั้งอำนาจ บารมี และความสุขมากมาย แต่ก็แค่ภพชาติปัจจุบัน พระพุทธองค์ได้เป็นต้นแบบแห่งการบรรลุสัจจธรรม ที่เราชาวพุทธควรน้อมจิตเข้าถึง จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 11:05:17

ความคิดเห็นที่ 3 _/|\_ จากคุณ : ซุ้มเฟื่องฟ้า เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 12:15:24

ความคิดเห็นที่ 4 ภิกษุทั้งหลาย ! พรหมจรรย์นี้เราประพฤติ มิใช่เพื่อหลอกลวงคนให้นับถือ มิใช่เพื่อเรียกคนมาเป็นบริวาร มิใช่เพื่ออานิสงส์เป็นลาภสักการะ และเสียงสรรเสริญ มิใช่เพื่ออานิสงส์จะได้เป็นเจ้าลัทธิ หรือเพื่อค้านลัทธิอื่นใดให้ล้มลงไป และมิใช่เพื่อให้มหาชนเข้าใจว่า เราได้เป็นผู้วิเศษอย่างนั้นอย่างนี้ ก็หามิได้. ภิกษุทั้งหลาย ! ที่แท้ พรหมจรรย์นี้ เราประพฤติเพื่อสำรวม เพื่อละ เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับสนิทซึ่งทุกข์ แล. อยากร้องไห้ เพื่อดับสนิทซึ่่งทุกข์แล จากคุณ : powerinvincible เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 13:15:58

ความคิดเห็นที่ 5 อนุโมทนาสาธุ จากคุณ : เม็ดฝนบนใบตอง เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 14:53:58

ความคิดเห็นที่ 6 พระสูตรนี้ ชอบมาก เพราะเป็นพระสูตรแรกๆที่ ได้อ่าน แล้วเห็นความสวยงามใน พระศาสนานี้ อนุโมทนา จ้า จากคุณ : น้องฟลุ๊คน่ารัก เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 14:59:43

ความคิดเห็นที่ 7 ขอโมทนา สาธุการ จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 16:21:42

ความคิดเห็นที่ 8 สาธุ จากคุณ : OnceWakeUp เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 18:02:22

ความคิดเห็นที่ 9 อนุโมทนาสาธุทุกๆท่านครับ  ปล ผมกิฟท์หมดครับ แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 55 19:21:48 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 19:06:14

ความคิดเห็นที่ 10 ดอกไม้แม้จะสวยงามแค่ไหนมันก็มีไว้เพื่อดำรงเผ่าพันธ์ หาใช้เพื่อความงาม ความสูงค่าไม่ พรหมจรรย์อันบริสุทธิ์ก็มีไว้เพื่อสืบต่อศาสนาหาใช่เพื่อลาภ สักการะ จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 21:40:50

ความคิดเห็นที่ 11 สาธุ คุณยองเจียงใหม่ครับ จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 21:43:25

ความคิดเห็นที่ 12 สาธุค่ะ ขอร่วมด้วย ช่วยกัน สัก 1 บท ภิกษุทั้งหลาย ดังพรรณนามาฉะนี้ พรหมจรรย์นี้ จึง           มิใช่มีลาภสักการะและความสรรเสริญเป็นอานิสงส์(ผลที่มุ่งหมาย)           มิใช่มีความสมบูรณ์แห่งศีลเป็นอานิสงส์           มิใช่มีความสมบูรณ์แห่งสมาธิเป็นอานิสงส์           มิใช่มีญาณทัสสนะเป็นอานิสงส์              แต่พรหมจรรย์ นี้มีเจโตวิมุตติอันไม่กำเริบเป็นเป้าหมาย เป็นแก่น เป็นที่สุด”     มู. ม. ๑๒/๓๗๓/๓๕๒. แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 55 22:27:46 จากคุณ : การบูร (Camphor) เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 22:27:09

ความคิดเห็นที่ 13 สาธุ คุณการบูร คห 12 ครับ จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 22:33:28

ความคิดเห็นที่ 14 ขออนุโมทนาครับ จากคุณ : นิแรน เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 55 10:27:59

ความคิดเห็นที่ 15 สาธุคุณนิแรน คห 14 ครับ พอดีผมมีข้อมูลจากเพื่อนใน FB ส่งมาให้ ท่านเืพื่อนๆสมาชิกห้องศาสนาครับ  ท่านคิดว่า แนวคิดใน คห 30 ลิงค์ด้านล่างนี้หรือ คือ คำสอนในพระพุทธศาสนา. http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12568576/Y12568576.html จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 55 15:39:08

ความคิดเห็นที่ 16 เอาข้อมูลนำมาลงให้ จาก คห 15 ...ผมได้ข้อมูลจาก FB  จึงนำมา้ให้เพื่อนๆอ่านกัน ------ ท่านเืพื่อนสมาชิกห้องศาสนาครับ  ท่านคิดว่า แนวคิดรูปข้างล่างนี้หรือ คือ คำสอนในพระพุทธศาสนา... .... คุณเหล่าท่านสาวกลัทธิธรรมกาย เหตุไฉน ท่านถึงเดือดเนื้อร้อนใจกับเ้จ้าสำนัก ในเมื่อเป็นความชอบธรรมแล้วมิใช่หรือที่ชาวพุทธจะเรียกร้องสิทธิ์ว่าพวกเราถูกรุกและล้ำในพระศาสนาอันเป็นที่เคารพของพวกเราชาวพุทธ ----- ปล การเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์เกิดจากการรักษาศีลอย่างยิ่งยวด ให้ทานที่ถูกหลักคือการสละออกไปเพื่อประโยชน์สังคม  มิใช่หรือ? (และจักรแก้วจะเกิดขึ้นเมื่อมีผู้บารมีมากพอ  หาใช่เกิดจากนำเงินมารวบรวมแล้วนำอิฐ ปูน มาสร้างให้เหมือนจักรแก้ว ก็หามิได้) จำเป็นด้วยหรือที่ต้อง รวย รวย รวย...รวยแล้ว ชิตังเม? ฮิ้ววว(ฮา) แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 55 17:50:06 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 55 15:55:36

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ  ต่อmcu ทำแบบนั่นมันไม่รวย 5555 จากคุณ : Jedcon เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 12:50:04

ความคิดเห็นที่ 18 ...:)... จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 16:10:09

ความคิดเห็นที่ 19 ท่านทั้งหลายจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด อย่ามีอย่างอื่นเป็นที่พึ่งเลย เราตถาคตเองเป็นที่พึ่งแก่ท่านทั้งหลายไม่ได้ ตถาคตเป็นแค่เพียงผู้ชี้บอกทางเท่านั้น ส่วนความเพียรพยายามเพื่อเผาบาปอกุศล ท่านทั้งหลายต้องทำเอง ทางมีอยู่ เราชี้แล้วบอกแล้ว ท่านทั้งหลายต้องเดินเอง สาธุๆ เราครัทธาศาสนาพุทธเพราะความใจกว้าง ไม่บังคับนั่นนี่ของพุทธองค์ล้วนๆ รองลงมาก็คือสิ่งที่พระองค์สอนก็เป็นความจริงด้วย ลองปฏิบัติได้ขั้นไหน พระองค์มีบอกไว้หมด ส่วนวัดจานบิน ขี้เกียจจะไปคิดแล้ว ปล่อยพวกเขาไปเถอะ พวกเขาทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น พวกเราถือไว้ก็หนักเปล่าๆ จากคุณ : นางสาวคานทอง เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 18:44:56

ความคิดเห็นที่ 20 อนุโมทนาครับคุณนางสาวคานทอง .....ถ้าฝึกจิตตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอน ก็จะไม่หนักครับ(แถมได้ฝึกจิตอีก)..แต่ที่ทำก็เพื่ออนุเคราะห์เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ...... แยกประเด็นนะครับ 1.ชาวพุทธร่วมกันปกป้องพระศาสนา (ทุกยุคทุกสมัย ชาวพุทธทำกันอย่างนี้ จึงทำให้เราๆท่านๆได้พบพระพุทธศาสนา) 2.หลักปฏิบัติที่พระพุทธเจ้าสอน  ชาวพุทธต้องนำไปปฏิบัติตามอยู่แล้วครับ   แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 55 21:20:21 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 55 20:37:24

ความคิดเห็นที่ 21 สาธุในพระธรรมจากพระพุทธโอษฐ์อันประเสริฐ ขออนุโมทนาด้วยครับ จากคุณ : นายนกขมิ้น เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 55 22:17:39