 |
จากคุณหลังไมค์ ---
*จาริตตศีล คือ ประพฤติตามสิกขาบทที่พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้ว่า "นี่ควรทำ"
วาริตตศีล คือ ไม่ประพฤติล่วงละเมิดข้อที่พระผู้มีพระภาคทรงห้ามไว้ว่า "นี่ไม่ควรทำ"
http://www.mcu.ac.th/mcutrai/menu2/Article/article_17.htm
******************************************************** เรื่อง "พระ" สมัยพุทธกาล VS สมัยนี้ --- กับ "เงินๆ ทองๆ ที่ดิน ฯ"
พิจารณาจาก (๑) นิสสัคคิยปาจิตตีย์ โกสิยวรรค สิกขาบทที่ ๘ โย ปะนะ ภิกขุ ชาตะรูปะระชะตัง อุคคัณเหยยะ วา.....
" อนึ่ง ภิกษุใด รับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือยินดีทอง เงินอันเขาเก็บไว้ให้, เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์."
(๒) ดู อธิศีลสิกขา คคห14
ภิกษุในกรณีนี้ (แปลว่า ในภิกษุทั้งหลาย มี ภิกษุอเสขะ ดู มูลปริยายสูตรประกอบ)
เป็นผู้มีศีล (? ในสมัยพุทธกาล ก่อน ปฐมสังคายนา --- ได้แก่ ????)
สำรวมด้วยปาฏิโมกขสังวร (คือ?)
สมบูรณ์ด้วยมรรยาทและโคจร ------- (สมัยนี้ ????)
มีปกติ เห็นเป็นภัย ในโทษทั้งหลาย (นิสสัคคิยปาจิตตีย์."---- คือ เป็นภัย ในโทษทั้งหลาย ???)
แม้นว่า เป็นโทษเล็กน้อย ----- " อนึ่ง ภิกษุใด รับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือยินดีทอง เงินอันเขาเก็บไว้ให้, เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์." ---- ?????
สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย (ตัวเลข ????? ? ในสมัยพุทธกาล ก่อน ปฐมสังคายนา????)
สรุป ลอง วิเคราะห์
(๑) -- วาริตตศีล คือ ไม่ประพฤติล่วงละเมิดข้อที่พระผู้มีพระภาคทรงห้ามไว้ว่า "นี่ไม่ควรทำ"--- + (๒) " อนึ่ง ภิกษุใด รับก็ดี ให้รับก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือยินดีทอง เงินอันเขาเก็บไว้ให้, เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์." + อธิศีลสิกขา -- มีปกติ เห็นเป็นภัย ในโทษทั้งหลาย (นิสสัคคิยปาจิตตีย์."---- คือ เป็นภัย ในโทษทั้งหลาย ???) แม้นว่า เป็นโทษเล็กน้อย
สรุปได้หรือไม่ว่า
พระสงฆ์ ในถิ่นนี้ สมัยนี้ ตอนนี้ (เกี่ยวกับ เงินๆ ทองๆ) "ส่วนมาก" --ไม่ได้ เจริญ อธิศีลสิกขา "ตามที่ตรัส" ไว้? -- คือ เป็นภัย ในโทษทั้งหลาย แม้นว่า เป็นโทษเล็กน้อย
แต่ ก็ สำคัญหมายว่า ---- เป็นผู้ มีศีล 227 ข้อ ที่มากกว่า สิงกว่า ศี, ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ฯ
จากคุณ |
:
เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b)
|
เขียนเมื่อ |
:
7 ก.ย. 55 08:19:19
|
|
|
|
 |