ความคิดเห็นที่ 1 1) สีขาว มันดูบริสุทธิ์ สีดำ มันดูเงียบขลึม จึงเหมาะกับงานศพ ที่บรรยากาศโศกเศร้า 2) ป้องกันพระใจแตกครับ จากคุณ : RouteRaideR เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 22:19:44

ความคิดเห็นที่ 2 เพราะ พระก็ยังมีอารมณ์ทางเพศอยู่ แม้เป็นพระโสดาบัน ก็ยังมีอารมณ์ทางเพศอยู่เต็มที่ พระสกทาคามี  ก็ยังมีอารมณ์ทางเพศอยู่ แต่น้อยลง พระอนาคามี ขึ้นไป ถึงจะละอารมณ์ทางเพศได้ครับ อุบาสิกาไปวัดก็แต่งสำรวมๆ ถือเป็นการช่วยพระให้อยู่ศีลในวินัย อีกทางครับ ...เดี๋ยวพระเอาไปจินตนาการ ไป Masturbation แย่เลย.... จากคุณ : zen_ar218 (zen_ar218) เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 22:24:51

ความคิดเห็นที่ 3 ไทยใส่ชุดดำเพราะวัฒนธรรมตะวันตกครับ สมัยก่อนอย่างมากคงชุดขาว ไม่ก็ผ้าสีหม่นๆ อย่าลืมว่าภาคกลางห่มสไบนะ เค้าห่มผ้าสีหม่นกัน ส่วนแต่งชุดสุภาพไปวัด เพราะให้เกียรติสถานที่และเป็นมารยาทครับ สมัยก่อนผู้หญิงแต่งโป๊กว่าปัจจุบัน คือเป็นผ้าคาดอก แต่เวลาไปวัดต้องห่มอีกผืน จึงถือว่าสุภาพ จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 00:38:27

ความคิดเห็นที่ 4 อันนี้ความเห็นส่วนตัวครับ งานศพ ไม่ใช่งานรื่นเริง แต่เป็นงานที่ไม่ควรมีการกระทำที่ไม่ให้เกียรติกับผู้ตาย เพราะฉะนั้น การแต่งกายให้เป็นไปทางเดียวกัน ก็น่าจะเหมาะสมกว่า การกำหนดสีก็มักใช้กันทั่วไป หากจะต้องใช้สีอะไรที่เหมาะสมกับงานศพ ก็ไม่น่าจะพ้นสีขาวหรือสีดำ การไปวัด ก็เพื่อไปแสวงหาประโยชน์ที่หาไม่ได้ในทางโลก คือประโยชน์ทางใจ มีการสละความโลภ สละความโกรธ สละความหลง เป็นต้น ทั้งหมดนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากว่ากายยังไม่สำรวม การสำรวมกาย วาจา ใจ คือหลักเบื้องต้นของประโยชน์ทางศาสนา โดยการสำรวมกาย ทำได้ง่ายที่สุดและควรมีก่อน หากไม่สำรวมกายแล้ว ประโยชน์ของการไปวัดก็น้อย แถมจะทำให้ผู้อื่นเสียประโยชน์ด้วย เพราะเขามาสำรวมใจ ก็ต้องมาวุ่นวายใจ เพราะเราแต่งตัวไม่สุภาพ จากคุณ : พักผ่อน เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 06:21:16

ความคิดเห็นที่ 5 นิยามคำว่าแต่งตัวสุภาพหน่อย ขนาดไหนแบบไหนเรียกว่าสุภาพ ชุดทำงานออฟฟิศ ก็ถือว่าสุภาพแล้วหนา ไม่ได้แต่งชุดพั๊ง ชุดร๊อคทำงานนะ จากคุณ : methad เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 07:05:42

ความคิดเห็นที่ 6 โดยพื้นฐานความคิดที่ว่า ชีวิตที่รื่อนเริง เต็มไปด้วยสีสรร On the concept that wonderful life is colorful . . . ดังนั้น ถ้าเราใส่ เสื้อ สีสรร ฉูดฉาด ไปงานเศร้า ของเพื่อน อาจจะถูกสื่อความหมายไปว่า เรารื่นเริง ในสถาณการณ์นั้นๆ การใส่สีขาวดำจึงเป็นการแสดงออกถึงความ เห็นอกเห็นใจ  (Sympathetic) จากคุณ : รู้คุณ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 09:42:21

ความคิดเห็นที่ 7 แต่หลายวันก่อนผมได้จดหมายจาก ร.ศ.คึกเดช กันตามระ อาจารย์จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขียนมาติติงในบางจุดของละคร ที่หลายคนอาจจะไม่รู้ หรือบางทีอาจจะมองข้ามไป ท่านผู้อ่านและผู้ชมละครที่เขียนจดหมายมานั้น คือ ซึ่งอาจารย์เขียนท้วงติงมาได้น่าคิดครับ  ผมสรุปเนื้อความมาได้ดังนี้ครับ “ผู้กำกับละคร “ขุนศึก” พยายามจะฟื้นขนบและสำนวนพูดให้ใกล้เคียงยุคอยุธยา ผมขอท้วงติง 2 เรื่อง คือ ขนบในการใช้สีเครื่องนุ่งห่มในงานศพ ออกอากาศเมื่อ 4 มิ.ย. ทุกตัวละครในฉากนี้แต่งเครื่องนุ่งห่มสีดำกันหมดเห็นจะผิดไป ให้ศึกษาในหนังสือสาสน์สมเด็จ เจ้านายทั้ง 2 พระองค์ คือ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศฯ และสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ ได้ทรงเล่าเรื่องการแต่งกายในงานศพของคนไทย เพิ่งจะปรากฎแต่งชุดดำในสมัยรัชกาลที่ 2 ที่เจ้านายนักเรียนนอก ทรงเอาแบบอย่างชาวยุโรป สำหรับในสมัยอยุธยา ญาติพี่น้องในครอบครัวเท่านั้นจะนุ่งห่มขาวเพื่อไว้ทุกข์ ส่วนคนบวชนุ่งห่มเหลืองอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ ส่วนแขกเหรื่อจะนุ่งห่มสีอะไรก็ได้แล้วแต่สะดวก ถือว่าเป็นงานรื่นเริง จัดให้มีมหรสพ เช่น หนังใหญ่ และ ละครหุ่นกระบอก ญาติบางกลุ่มถึงกับตั้งวงโขกหมากรุกยามค่ำคืน เพื่ออยู่เป็นเพื่อนศพ” http://www.dailynews.co.th/article/25/119631 แต่งขาว แต่งดำ เคยสงสัยไหมว่าการแต่งกายไปงานศพนั้น แต่งขาว แต่งดำ หรือแต่งสีเข้ม ตามที่เราได้ยินกันมานั้น เหมือนหรือต่างกันอย่างไร เท่าที่ผู้เขียนเคยได้รับคำตอบจากการถามผู้ใหญ่ที่รู้จัก ท่านก็มักจะตอบว่า ไม่ต่างกันหรอก แต่งขาวแต่งดำก็เหมือนๆ กันแหละ แต่ผู้เขียนเคยอ่านประวัติศาสตร์พบว่า รัชกาลที่ ๑ เคยฉลองพระองค์ขาวเมื่อ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนศรีสุนทรเทพ สิ้นพระชนม์ พร้อมมีพระราชดำรัสที่เป็นอมตะว่า “ลูกคนนี้รักมาก ต้องแต่งขาวให้” ในรัชกาลที่ ๓ ฉลองพระองค์ขาว เมื่อพระเจ้าลูกเธอ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ สิ้นพระชนม์ และรัชกาลที่ ๕ เคยฉลองพระองค์ขาว เมื่อพระเจ้าลูกเธอ กรมขุมสุพรรณภาควดี สิ้นพระชนม์ ดังนั้น ผู้เขียนจึงสรุปเองว่า น่าจะแตกต่างกัน แต่ก็เก็บความสงสัยไว้นานพอสมควร กระทั่งได้อ่าน “นุ่งขาว นุ่งดำ โกนผม: ธรรมเนียมไว้ทุกข์ในพิธีพระบรมศพ และพระศพเจ้านาย” โดย คุณนนทพร อยู่มั่งมี ในศิลปวัฒนธรรม    ๓๒(๑๑) : ๑๔๘ – ๑๕๕  (กันยายน ๒๕๕๔) ความสงสัยเหล่านี้จึงได้รับการคลี่คลาย และแม้ว่าปัจจุบันธรรมเนียมการแต่งกายในงานศพ จะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยก็ตาม ในบทความดังกล่าวบอกถึงการแต่งกายในงานศพ อยู่ ๓ แบบ คือ แต่งขาว สำหรับผู้ที่อ่อนกว่า อายุน้อยกว่าผู้ตาย แต่งดำ สำหรับผู้ที่แก่กว่า อายุมากกว่าผู้ตาย แต่งน้ำเงิน หรือม่วงแก่ สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นญาติกับผู้ตาย และแม้ว่าการแต่งกายตามสีในงานศพ จะไม่ได้เคร่งครัดแล้วในปัจจุบัน แต่ถ้าเราลองแต่ให้เหมือนกับธรรมเนียมดังกล่าวนี้แล้ว และลองสังเกตดูๆ บางที เราอาจจะได้ทราบว่าใครเป็นญาติใคร ใครเป็นแขกก็ได้เวลาไปงานศพ http://kruaun2.wordpress.com/social/bw/ หญิงโบราณสมัยก่อน เปลือยอกเดินก็มี ถ้าในเมืองใหญ่แค่ปิดก็มี ถ้าเข้าวัดทั้งอย่างนั้นคงรุ่มร่ามไม่งาม ก่อให้เกิดความกำหนัด ภิกษุมีเลือดเนื้อ ไม่ใช่พระอิฐพระปูน "มาตุคาม เป็นศัตรูแก่พรหมจรรย์" เวลาเข้าศาสนสถาน บางประเทศนุ่งห่มมิดชิดกว่าเราอีก แถมห้ามหญิงเข้าบางพื้นที่ด้วย แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 55 10:17:35 จากคุณ : ต็กโกวคิ้วป้าย เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 10:09:51

ความคิดเห็นที่ 8 จำได้ว่าเคยอ่านในหนังสือ เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก แต่จำไม่ได้ว่าอยู่ในเล่มใดระหว่างเล่ม 1-4 ซึ่งมีบรรยายไว้เหมือนกับคห. 7 แต่งขาว สำหรับผู้ที่อ่อนกว่า อายุน้อยกว่าผู้ตาย แต่งดำ สำหรับผู้ที่แก่กว่า อายุมากกว่าผู้ตาย แต่งน้ำเงิน หรือม่วงแก่ สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นญาติกับผู้ตาย จากคุณ : สุดสวาทขาดใจ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 14:49:58

ความคิดเห็นที่ 9 สมัยยังเด็กๆ งานศพแถวอีสานโดยเฉพาะตามชนบท เขาเรียกงานว่า"งันเฮือนดี" บรรยากาศในงานเหมือนงานบุญที่มีความรื่นเริง มีหมอรำ หรือหมอแคนมาแสดง คนไปก็แต่งเสื้อหลากสี  แต่บรรยากาศแบบนี้ในปัจจุบันแทบไม่เห็นแล้ว อิทธิพลจากส่วนกลางไปครอบงำหมด จากคุณ : scorpion454 เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 55 18:44:05

ความคิดเห็นที่ 10 พระบวชใหม่ยังปลงไม่ได้ครับ อย่างผมเองไปเวียนเทียนกะว่าไปคนเดียวจะได้ไม่คิดเรื่องชู้สาวเจอสาวน้อยข้างหน้าผ่าหลัง หนึ่งคืบตั้งแต่บนลงล่างมีโบว์มัดไว้ 2 จุดอยากกระตุกซะงั้น-*-เกือบดึงเข้าสติไม่ทัน จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 55 22:41:48