 |
จากพระอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉทที่ ๙ กรรมฐานสังคหวิภาค
วิปัสสนากัมมัฏฐาน http://abhidhamonline.org/aphi/p9/066.htm
วิปัสสนาภูมิ http://abhidhamonline.org/aphi/p9/073.htm
วิปัสสนาภูมิ คือ พื้นเพในการเจริญวิปัสสนาภาวนานั้น มี ๖ ได้แก่
๑.ขันธ์ ๕ ๒.อายตนะ ๑๒ ๓.ธาตุ ๑๘ ๔.อินทรีย ๒๒ ๕.ปฏิจจสมุปปาท ๑๒ ๖.อริยสัจจ ๔ แต่ข้อ๑ ถึงข้อ ๔ และข้อ ๖ รวม ๕ ข้อนี้ ได้แสดงไว้แล้วในคู่มือปริจเฉทที่ ๗ ส่วนข้อ ๕ ปฏิจจสมุปปาทนั้น ก็ได้กล่าวไว้ในคู่มือปริจเฉทที่ ๘ แล้ว จึงไม่ต้องกล่าวซ้ำในที่นี้อีก
วิปัสสนาภูมิ ๖ นี้ เมื่อย่อลงก็ได้แก่ รูป นาม เท่านี้เอง ชั้นต้นต้องพิจารณาให้เห็นรูปนามก่อน แล้วกำหนดดูจนเห็นปัจจัยที่ให้เกิดรูปนาม ต่อจากนั้นจึงเพ่งให้เห็นแจ้งไตรลักษณ์ว่า รูปนามมีลักษณะที่ไม่เที่ยง ทนอยู่ไม่ได้ บังคับบัญชาว่ากล่าวให้เป็นไปตามใจชอบก็ไม่ได้ เมื่อเพ่งจนเห็นไตรลักษณ์ ก็จะได้ละความเห็นผิด เข้าใจผิด จำผิด ว่ารูปนามเป็นของเที่ยง เป็นสุข เป็นตัวตน ที่พึงบังคับบัญชาได้ ตลอดจนว่าเป็นสิ่งที่สวยงาม การเห็นผิด เข้าใจผิด จำผิดนี้เรียกว่า วิปัลลาสธรรม คือเป็นสิ่งที่วิปลาสคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริง -------------------------------------------------
สมถะภาวนา ที่เป็นบาทของ วิปัสสนาภาวนา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=21049
ถามว่า เริ่มตั้งวิปัสสนาอย่างไร ? แก้ว่า จริงอยู่ พระโยคีนั้น ครั้นออกจากฌานแล้วกำหนดองค์ฌาน ย่อมเห็นหทัยวัตถุ ซึ่งเป็นที่อาศัยแห่งองค์ฌานเหล่านั้น ย่อมเห็นภูตรูป ซึ่ง เป็นที่อาศัยแห่งหทัยวัตถุนั้น และย่อมเห็นกรัชกายแม้ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นที่อาศัย แห่งภูตรูปเหล่านั้น. ในลำดับแห่งการเห็นนั้น เธอย่อมกำหนดรูปและอรูปว่า องค์ฌานจัดเป็นอรูป, (หทัย) วัตถุเป็นต้นจัดเป็นรูป. อีกอย่างหนึ่ง เธอนั้น ครั้นออกจากสมาบัติแล้ว กำหนดภูตรูปทั้ง ๔ ด้วยอำนาจปฐวีธาตุเป็นต้น ใน บรรดาส่วนทั้งหลายมีผมเป็นอาทิ และรูปซึ่งอาศัยภูตรูปนั้น ย่อมเห็นวิญญาณ พร้อมทั้งสัมปยุตธรรมซึ่งมีรูปตามที่ตนกำหนดแล้วเป็นอารมณ์ หรือมีรูปวัตถุ และทวารตามที่ตนกำหนดแล้วเป็นอารมณ์. ลำดับนั้น เธอย่อมกำหนดว่า ภูตรูปเป็นต้น จัดเป็นรูป, วิญญาณที่มีสัมปยุตธรรม จัดเป็นอรูป. ----------------------------------------------------------
การเจริญสติปัฏฐานหมวดพิจารณาอิริยาบถ ๔ จากพระไตรปิฏก อรรถกถา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=29201 ===================================
จะสายไหนก็แล้วแต่ ลองพิจารณาดูว่า การภาวนานั้น เป็นเพียง สมาธิ(สมถะภาวนา) หรือ วิปัสสนาภาวนา
หากไม่มีวิธีการปฏิบัติ เพื่อ นำ รูป นาม อันเป็นปัจจุบันอารมณ์ ขึ้นสู่การเจริญวิปัสสนา
หรือ กำหนด พิจารณา เพียงเพื่อความสงบ ไม่มีความ รู้ชัดใด ๆ นั้นก็ สมถะ
หรือ ภาวนาไปแล้ว อยากเห็น สวรรค์ แดนนิพาน (แต่ไม่เตยเห็น รูป นาม เป็นทุกข์) นั้นก็ยังไม่ใช่ วิปัสสนา
ย้ำอีกครั้ง บาทฐานของ วิปัสสนาญาณ คือ รูป นาม ที่จะนำไปสู่ ความบริสุทธิ์แห่งญาณปัญญาต่อไป
ไม่ใช่ ปิติ,สุข,สมาธิ, ฌาน ๔, มโนมยิทธิ(นิมิต), ธรรมกาย (นิมิต)
จากคุณ |
:
เฉลิมศักดิ์1
|
เขียนเมื่อ |
:
9 ก.ย. 55 07:37:52
|
|
|
|
 |