ความคิดเห็นที่ 1 1. ทำบุญให้ไปก่อน อุทิศบุญบ่อยๆ ให้พวกเค้า 2. ถ้าไม่สำเร็จ โดนก่อกวนตลอด ค่อย สวดพระปริตร จากคุณ : zen_ar218 (zen_ar218) เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 23:00:45

ความคิดเห็นที่ 2 http://www.youtube.com/watch?v=w7yzrIMXJno จากคุณ : zen_ar218 (zen_ar218) เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 23:01:24

ความคิดเห็นที่ 3 อ่าน อาฏานาฏิยสูตร ได้ที่นี่ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=11&A=4207&Z=4500 จากคุณ : zen_ar218 (zen_ar218) เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 55 23:12:04

ความคิดเห็นที่ 4 โดยสรุป องค์พระศาสดาของชาวพุทธ  คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ท่านมีจุดมุ่งหมายสั่งสอนให้สาวกมุ่งสู่หนทางพ้นทุกข์  ด้วยการปฎิบัติธรรม  เท่านั้น เรื่องคุณ  ไสย..... ( คือไสยศาสตร์  ไสยเวท  ไศวนิกาย  )  เป็นเรื่องนอกศาสนาพุทธ   ซึ่งไม่มีในพระพุทธศาสนา   ดังนั้น  จึงไม่มีการสอนให้สาวกของท่านไปแก้คุณ  แก้ไสย  แต่อย่างใด พูดให้ชัดเจน  ก็คือ  คุณ  ไสย เป็นความเชื่อของผู้คนที่มิได้ศรัทธา  หรือผู้ไม่เคารพเชื่อถือในพระพุทธเจ้า.........หรืออีกทางหนึ่ง.....คุณ  ไสย  ในทางพระพุทธศาสนา  ถือเป็นเรื่องของเดียรัจฉานวิชา  คือวิชาของสัตว์ชั้นต่ำ  สัตว์ที่ไม่มีโอกาสบรรลุพระธรรมของพระพุทธองค์ได้  นั่นเอง ( วิชานี้อาจมีอภินิหารจริงๆ  ก็ได้  แต่ก็มิใช่วิถีทางแก้ปัญหาของพระพุทธศาสนา) คนนับถือศาสนาพุทธจริง ๆ   มีแต่มุ่งศรัทธาเคารพและปฎิบัติในพระรัตนไตร  หรือดวงแก้วสามประการ   คือ  พระพุทธ  พระธรรม  และพระสงฆ์  ให้แม่นมั่นแน่วแน่  และจริงจัง เท่านั้น  จะประเสริฐเลิศแล้วแก่ชีวิต จึงขอเรียนความจริงของพุทธศาสนิกมาดังนี้ .... แต่หากท่านเจ้าของกระทู้เป็นคนในศาสนาอื่น ๆ ที่นับถือ คุณ ไสย  ก็ต้องขออภัยท่านด้วย  ที่ต้องพูดสาระความจริงเฉพาะในส่วนของพระพุทธศาสนามาในที่นี้ให้เป็นที่เข้าใจ   และที่สำคัญ  ท่านจะเชื่ออะไร  หรือจะเชื่ออย่างไร  ก็ได้  เป็นสิทธิของท่าน  มิอาจละเมิดว่ากัน แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 00:19:51 จากคุณ : Detente เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 00:08:36

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่เคยอ่านพบว่าพระพุทธองค์ท่านทรงสอนวิธีการแก้คุณไสย์นะครับ แต่อย่างไรก็ตาม มีพุทธภาษิตว่า "ธัมโม หเว รักขติ ธัมมจารี" ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ประพฤติธรรม ด้วยการ ให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา ย่อมจะคุ้มครองบุคคลนั้นตามเหตุและปัจจัย จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 00:17:22

ความคิดเห็นที่ 6 เท่าที่ผมไปเรียนแม่โจ้นะ แม้จะพูดอะไรเกี่ยวกับ มหาลัยนี่ให้คนนอกไม่ได้ แต่บอกได้แค่ว่าที่ม.เกษตร มีสระน้ำที่เชื่อว่าล้างคุณไสยได้ แต่ตอนนี้สระนั้นถูกถมสร้างอาคารไปแล้ว จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 00:29:48

ความคิดเห็นที่ 7 จขกทครับ อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะครับ ผมอ่านกระทู้ที่แล้ว และลองไปอ่านกระทู้ต่างๆ ที่จขกท เคยถามตอบในห้องศาสนามา เข้าใจว่าน่าจะไม่ค่อยได้ศึกษาธรรมะที่แท้จริงของพุทธศาสนา จึงเป็นสาเหตุให้มองไม่ออกในแง่ของสถานปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง อีกทั้งให้ความสำคัญกับอิทธิปาฏิหาริย์โดยเฉพาะเรื่องไสยศาสตร์มากเกินไปครับ ถ้าไม่รังเกียจ ผมอยากให้จขกท ลองเปิดใจรับฟังสิ่งที่ผมจะเขียนดังต่อไปนี้ครับ 1. ไสยศาสตร์ทั้งหมดทุกสาขาไม่ว่าจะเป็น การแก้กรรม ตัดกรรม เบิกบุญ  ส่งวิญญาณเข้านิพพาน บูชายัญ บูชาเทพเจ้าทุกชนิด พระแม่อุมาคงคาศิวะนารายณ์พิฆเนศ etc เสด็จพ่อเสด็จแม่เสด็จเตี่ยเสด็จปู่ etc หรือแม้กระทั่งเครื่องลางของขลังที่ทั้งพระและฆราวาส ปลุกเสกออกมานั้น  ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง(ครับพระเครื่องผมพูดไม่ผิด) สาลิกา รักยม นางกวัก ศิวลึงค์ ชานหมาก ตะกรุด etc. ไม่ใช่สิ่งที่มีสอนในศาสนาพุทธทั้งสิ้นนะครับ  **ในกรณีของพระเครื่อง อาจมองได้ 2 มุมคือ  หากเราบูชาไว้โดยมองว่าเป็นสิ่งระลึกถึงพระรัตนตรัย เตือนใจให้เราทำแต่ความดี พระเครื่องก็จะถือได้ว่าเป็นรูปตัวแทนของพระอริยะสงฆ์ได้ครับ แต่หากมองในมุมว่า พระเครื่ององค์นี้ช่วยเรื่อง เสน่ห์ ช่วยให้ค้าขายดี ช่วยเรื่องแคล้วคลาด คงกะพันชาตรี เรื่องพวกนี้คงลำบากครับ   เพราะอำนาจในพระเครื่องนั้นจริงๆในเรื่องที่กล่าวด้านบนจริงๆแล้วไม่ใช่พุทธคุณ หรือ อำนาจของพระรัตนตรัย แต่เป็นอำนาจจากไสยศาสตร์ของพราหมณ์ เป็นหลัก ดังนั้น หากจะบูชาให้ได้ผลต้องประพฤติตัวตามที่ผมกล่าวด้านล่างนี้คือ ให้จขกท ประพฤติอยู่ในกรอบศีล5 ประกอบกรรมที่เป็นกุศลเนืองๆ เช่น ทำบุญตักบาตร ช่วยเหลือคนอื่น หรือ ช่วยสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่า (ซื้อปลาที่ตลาดไปปล่อยแม่น้ำ นะครับ  ห้ามซื้อปลาหรือนกที่ขายในวัดที่เด็กมันจับมาขาย  อย่างนั้นได้บาปนะครับไม่ได้บุญ) หมั่นเจริญพรหมวิหาร คือเห็นใจคนตกทุกข์ได้ยากและแผ่เมตตาบ่อยๆ  รักษาจิตให้บริสุทธิ์โดยการทำสมาธิและวิปัสนาเนืองๆ  รับรองว่าไม่มีไสยศาสตร์ใดๆจะทำอันตราย จขกท.ได้ครับ  สิ่งที่จะทำอันตรายจขกทได้คือ วิบากกรรมเก่า และ ความประมาทพลั้งเพลอ ทำให้เกิดอุบัติเหตุต่างๆเท่านั้นแหละครับ   หากจขกท ยังไม่สบายใจ ผมแนะนำให้ทุกคืนก่อนนอน สวดมนต์ 3 บทคือ 1.1 นะโมตัสสะ...อะระหังสัมมา สัมพุทโธภะคะวา... 1.2 อิติปิโส... 1.3 พระคาถาชินบัญชร และ บทอาฏานาฏิยปริตร หรืออย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้  ถ้ามองในแง่อิทธิ ทั้งสองบทให้ผลคล้ายๆกันคือ  ชินบัญชรเป็นคาถาเก่าแก่แต่งโดยพระสาวกตั้งแต่โบราณ ที่ลปโตพรหมรังสีนำมาถ่ายทอดอีกที โดยอัญเชิญพระพุทธเจ้าหลายๆพระองค์ และพระอรหันต์องค์สำคัญต่างๆ มาสถิตย์ที่ตำแหน่งต่างๆของร่างกาย  เป็นตาข่ายเพชรคอยปกป้องคุ้มภัยให้แก่เราครับ ส่วน บทพระปริตรอยู่ในพระไตรปิฏก เป็นคาถาที่ท้าวเวสสุวัณได้กราบทูลขอให้พระพุทธองค์รับอาฏานาฏิยปริตรไว้ประทานแก่สาวกของพระองค์  เพื่อป้องกันมิให้ยักษ์และภูตผีปีศาจรบกวน  ซึ่งเนื้อความเป็นการสรรเสริญพระพุทธคุณของพระพุทธเจ้า ๗ พระองค์  และขอนอบน้อมพระพุทธเจ้าเหล่านั้นด้วยกาย วาจา ใจ  ไม่ว่าจะเป็นเวลานอน เดิน ยืน หรือนั่ง  ขอให้พระพุทธเจ้าเหล่านั้นคุ้มครองรักษาให้พ้นภัย  พ้นโรคและความเดือดร้อนต่าง ๆ  มีความเชื่อว่าใครได้ภาวนาพระปริตรบทนี้เป็นประจำ  ยักษ์ ผี ปีศาจ จะช่วยคุ้มครองให้มีแต่ความสุขความเจริญ หากทำได้ตามผมว่า ผมรับรองว่าไม่มีไสยศาสตร์จากเสด็จพ่อเสด็จเตี่ยอาจารย์พ่ออาจารย์แม่อาจารย์ปู่  หรือยกมาทั้งบรรพบุรษอาจารย์ใดๆที่จะสามารถทำอันตรายจขกทได้  แต่จขกท ต้องประพฤติตามที่ผมกล่าวมาด้านบนคือ ถือศีล5 ให้เป็นนิจ หมั่นประกอบกุศลกรรม เอาแค่นี้ก่อนก็ได้ ถ้าให้ดีก็ทำสมาธิและวิปัสนาไปด้วย หากยังไม่ทราบว่าจะทำยังไง ก็ยังไม่ต้องก็ได้ 2.เนื่องจากผมเข้าใจว่า จขกทมีความรู้ในด้านธรรมะที่แท้จริงของค่อนข้างน้อย โดยดูจากคำถามตอบต่างๆดังกล่าวมา  และผมไม่แน่ใจว่า จขกทมีเวลาในการอ่านหนังสือมากน้อยแค่ไหน ผมอยากแนะนำจขกท ลองโหลด ไฟล์เสียงจากเว็บด้านล่างนี้ไปฟังครับ http://www.fungdham.com/sound/sound.html จริงๆแล้วฟังองค์ไหนก็ได้ แต่ถ้าให้แนะนำ  ขอแนะนำ พระอริยะสายลป มั่น/ ลปโตพรหมรังสี/ลพ จรัล ครับ  หรือถ้าฟังไม่ค่อยออกก็ฟัง ลพปราโมทย์ ก็ได้ จะฟังเข้าใจง่ายหน่อย จขกท สามารถโหลดfile เสียงเหล่านี้ไปเก็บในมือถือหรือ usb ฟังระหว่างเดินทาง หรือระหว่างวันก็ได้ จะได้ไม่เสียเวลามากนักครับ  เสียงธรรมเหล่านี้จะช่วยให้จขกท เข้าใจพระธรรมที่แท้จริง ที่พระพุทธเจ้าสอนให้แก่เราเพื่อสร้างปัญญาสำหรับการปฏิบัติตน ให้พ้นจากทุกข์ในห้วงวัฏฏสงสารเวียนว่ายตายเกิดนี้ครับ เมื่อจขกท พอจะมีเวลามากขึ้น อาจเริ่มต้นอ่านพระไตรปิฏกแบบที่อ่านง่ายๆเช่น พระไตรปิฏกสำหรับประชาชน ที่นี่ก็ได้ครับ http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/ หรือถ้าอยากลุยชุดใหญ่ ก็เล่นพระไตรปิฏกฉบับเต็มแบบผม ที่นี่ได้เลย http://www.84000.org/ อ่านยากหน่อย ค่อยๆอ่าน ค่อยๆศึกษา เริ่มจากพระวินัยไปก่อนก็ได้ ต่อไปเผื่อจขกท เข้าวัดจะได้ประเมิณถูก ว่าวัดใหนหรือพระองค์ใดควรค่าแก่การกราบไหว้ ควรค่าแก่การเข้าไปรับฟัง วัดไหนหรือพระองค์ไหนไม่ต้องเข้าไปไหว้ให้เสียเวลาครับ ยาวหน่อยนะครับ แต่มีประโยชน์ครับ ผมรับประกัน  จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 02:21:38

ความคิดเห็นที่ 8 เพิ่มนิดเดียวเรื่องวัด/พระ และเรื่องการทำบุญ ในเมืองไทยเรามีวัดเยอะมากนะครับ พระก็มีเป็นแสนๆรูป จริงๆถ้าจะไปทำบุญสังฆทาน ไปวัดไหนก็ได้ครับ เพราะถือว่าเราทำบุญกับพระรัตนตรัย ไม่ได้เจาะจงพระองค์ใดเป็นพิเศษ พระพุทธเจ้าท่านบอกไว้ว่าการทำสังฆทานโดยไม่เฉพาะเจาะจงว่าให้แก่พระรูปใด มีอานิสงค์มากกว่าแม้กระทั่งการถวายทานโดยตรงต่อพระองค์ด้วยซ้ำครับ ดังนั้นทำสังฆทานวัดไหนก็ได้ครับไม่ซีเรียว แต่ห้ามเลยนะครับ ห้ามถวายเงินแก่พระสงฆ์โดยตรง เด็ดขาด!! ถ้าจะถวายเงินให้ถวายให้วัดนะครับ เพราะว่ามีสาเหตุดังนี้ครับ 1 การให้เงินแก่พระโดยตรง ไม่ใช่ทำสังฆทาน แต่เป็นการทำทานต่อเฉพาะกับพระรูปนั้นรูปเดียว ได้บุญน้อยกว่า 2 พระพุทธเจ้า ห้ามขาด ภิกษุจากการรับเงินรับทองครับ ดังนั้น พระรูปไหนที่รับเงิน จขกท คือพระที่ทำผิดพระวินัย ซึ่งเป็นส่วนใหญ่เป็นพระที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกอาศัยผ้าเหลืองเลี้ยงชีพทำนองนั้น ทำบุญกับพระพวกนี้ได้บุญน้อย ถึงน้อยมาก ครับ เผลอๆจะได้บาปแถมกลับมาเพราะกลายเป็นสนับสนุนให้โจรผ้าเหลือง ทำลายพระศาสนาด้วยซ้ำ 3. วัดที่ดี คือวัดที่เน้นการละวางซึ่งกิเลสตามคำสอนพระพุทธเจ้านะครับ พวกวัดที่เน้นขายเครื่องลางเจ้าอาวาสสักยันต์เต็มตัว วัดที่มีแม่ชีสอนเยิบเด็ก วัดที่เน้นหลอกให้ชาวบ้านมาถวายเงินเยอะ ยิ่งเยอะยิ่งได้ขึ้นสวรรค์ชั้นสูงๆ วัดที่ทำพิธีแก้กรรม รับสักยันต์ รับทำเสน่ห์ ให้หวย วัดที่เข้าไปแล้วเจอตู้รับบริจาค เป็นหลายสิบตู้ ทั้งๆที่มีโบสถ์วิหารโอ่อ่าอลังการอยู่แล้ว วัดที่เจ้าอาวาสมีห้องแอร์ มีเครื่องเสียงชุดใหญ่ มี CD หนังเพลง เต็มตู้ วัดที่ปล่อยให้เอาปลาไหล เอาเต่า เอานก มาขาย แล้วพอปล่อยปุ๊บเด็กก็โดดน้ำตูมหรือ ขว้างตาข่ายจับนกทันที etc. วัดพวกนี้ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปดีกว่าครับ เลือกไปทำสังฆทาน ไปฟังธรรม จากวัดที่โบสถ์ไม้เล็กๆ พระนอนเสื่อ สอนธรรมะดีๆเพื่อละวางกิเลสดีกว่าครับ ถึงการถวายสังฆทานจะทำกับวัดไหนก็ได้ แต่เลือกถวายพระดีๆ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ก็ยังดีกว่าถวายพระกิเลสหนาถูกมั้ยครับ จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 02:43:33

ความคิดเห็นที่ 9 สวดพระคาถาชินปัญชร อย่างน้อยวันละ 3 จบ คุ้มไปได้ 1 วันกับ 1 คืน สิ่งไม่ดีเข้าไม่ได้เลย ท่องได้เท่ากับได้ของดีจากพระไตรปิฏกทั้งเล่ม เพราะคัดเอาหัวกระทิมาไว้รวมกันในบทเดียวกัน สมเด็จโตว่า ท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระแต่งบนสวรรค์ แล้วทิ้งลงมาโลกมนุษย์..... ฟังไว้เล่นๆ ไม่ต้องเชื่อ อย่าติดสมมุติ มีที่มาที่ไปลึกล้ำพิสดารมาก จึงมีความศักดิ์สิทธิ์มากสุดพรรณา ไปหาอ่านเอาเอง จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 03:38:07

ความคิดเห็นที่ 10 มีครับ   ตามข้อความด้านล่างนี้ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๕  พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕ มหาวรรค ภาค ๒ [๔๔] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งอาพาธถูกยาแฝด ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาคตรัสอนุญาตแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาต ให้ดื่มน้ำที่เขาละลายจากดินรอยไถซึ่งติดผาล. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v.php?B=05&A=987&Z=1043 แต่เท่าที่เคยคุยกับเพื่อนซึ่งเขาเป็นคนเล่นของ    การทำคุณไสยก็ไม่ใช่ง่ายนัก   คือ ผมถามว่า  ถ้าเขมรมีคุณไสยทำไมแพ้ฝรั่ง     เพื่อนก็เลยอธิบายให้ฟังว่า  การทำคุณไสยจะได้ผลเมื่อคนที่เราจะทำเขาดวงตก แล้วมันก็อธิบายเกี่ยวกับโหราศาสตร์  เรื่องลัคนาอะไรนี่แหละ  แต่ผมไม่เข้าใจ แต่ถ้าเขาดวงไม่ตก  ปล่อยของไปจะไม่ได้ผล  ประมาณนี้ คนเล่นของก็จะมีข้อห้ามแต่ละคนไม่เหมือนกัน   บางคนเขาก็จะไม่ทำคนถือศึล   แต่บางคนก็ชอบ แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 55 06:48:31 จากคุณ : ไกลมาก เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 06:28:34

ความคิดเห็นที่ 11 เพราะหลงยึดมั่นถือมั่น...คนให้ของมาก็รับเอามา  แท้จริงแล้วไม่มีเรา  ไม่มีเขา  ไม่มีของอะไรเลย   ไปหลงยึดว่าเรา...ว่าเขา...ปรุ่งแต่งลงไปอีกว่าของเป็นของดีของเสีย  ของดีก็สุขใจ  ของเสียก็ทุกข์ใจ...ปล่อยวางได้ก็ไม่มีอะไรแล้ว   หากยังปล่อยวางไม่ได้ก็ให้รวมจิตให้มีกำลัง...จิตที่มีกำลังสมาธิย่อมป้องกันกระแสอื่นๆได้  รักษาเวทนาด้วยอารมณ์ปิติทั้งอย่างหยาบ กลาง ละเอียด กระแสปิติรักษาทั้งตนเองและผู้อื่นให้ชุ่มเย็นบรรเทาเวทนา หากกำลังปัญญาและสมาธิ  ตนเองไม่พอ  ก็ควรอาศัยบารมีอื่นในรูปแบบที่ควรแก่กาล  อันคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์  เป็นที่สุดหาสิ่งใดเปรียบมิได้ ...แต่ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน  ทำตนให้เป็นพระ  ทำตนให้วิเศษด้วยการเจริญ  ศีล สมาธิ ปัญญา แต่ก็ต้องยอมรับว่า..หากเป็นผลกรรมที่ต้องรับ..ก็ยอมรับ  รับกรรมสักแต่ว่ารับ  กรรมหมุนไปใจอย่าหมุนตาม ขอโปรดพิจารณา..... จากคุณ : Cathode_tube เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 09:13:58

ความคิดเห็นที่ 12 พุทธะ แปลว่า ตื่น ไสยะ แปลว่า หลับ เห็นได้ชัดว่าคนละทางกันชัดเจน จากคุณ : Generals เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 09:45:38

ความคิดเห็นที่ 13 เรื่องคุณไสยตามประสบการณ์ครับ มีอยู่พักหนึ่ง ผมมีเรื่องมีราวกับคนกลุ่มหนึ่ง แล้วอยู่ๆผมก็มีอาการแปลกๆไป เอ๋อๆครับ เช่นลืมบัตร ATM ไว้ในตู้ หลังกดเงินติดกันถึง 2 ใบ จิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว หงุดหงิดง่าย และมีอาการเจ็บป่วยประหลาดๆ เช่นอยู่ๆ ตื่นเช้ามาก็เดินไม่ได้ เจ็บขามากโดยไม่ทราบสาเหตุ แล้วตอนนอนคืนหนึ่ง ผม(ฝัน)เห็นคุณตาผ้าขาวท่านหนึ่ง มายืนข้างเตียง คุณตาบอกว่า "ปล่อยให้เขาทำอยู่ได้ ไปเอาพระสมเด็จฯ ในตู้เซฟมาแขวนเดี๋ยวนี้" ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา ภาพมันคมชัดเหมือนจริงมาก ผมเลยรีบเอากุญแจไปไขตู้ เอาพระสมเด็จฯ มาอารธนาแขวน พอแขวนพระปุ๊บ จิตใจที่ซึมๆมัวๆมันสว่างไสว เหมือนมีใครเอาหลอดนีออนมาเปิดเพิ่มในห้อง จากนั้นอาการแปลกๆ ทั้งหมดก็หายไปครับ จากคุณ : สติ เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 10:13:40

ความคิดเห็นที่ 14 สวดพระคาถาชินปัญชรได้ 3 จบ ก็ได้สมาธิสิครับ ถึงจะไม่ทั้งวันก็เถอะ ทำบ่อยๆ สติก็ตื่นมาคุ้มครองเหมือนกัน จากคุณ : BlueDelphi เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 11:20:41

ความคิดเห็นที่ 15 น้ำมนต์ จาก พระสุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สมญาเอารสทศพล มีคุณอนนต์ เอนกจะนับเหลือตา แก้คุณไสย ได้ครับ จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:50:14

ความคิดเห็นที่ 16 ตีความ พระพุทธศาสนา เป็น ของตื้น ตีความด้วยการ อ่านหนังสือ ปฏิบัติแบบตื้น ๆ ความเจริญเข้ามาถึง ประมาท ทรชน เหล่านี้ จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:00:19

ความคิดเห็นที่ 17 อรรถกถา ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ รัตนสูตรในขุททกปาฐะ ชาวกรุงเวสาลีถูกภัย ๓ อย่าง คือทุพภิกขภัย อมนุสสภัยและโรคภัยเบียดเบียน ..พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับยืนใกล้ประตูพระนครทรงเรียกท่านพระอานนท์มา สั่งว่า ดูก่อนอานนท์ เธอจงเรียนรัตนสูตรนี้ ถือเครื่องประกอบพลีกรรม เที่ยวเดินไประหว่างปราการ ๓ ชั้นแห่งกรุงเวสาลีกับพวกเจ้าลิจฉวีราชกุมาร ทำพระปริตร แล้วได้ตรัสรัตนสูตร.               การวิสัชนาปัญหาเหล่านี้ว่า ก็พระสูตรนี้ ผู้ใดกล่าว กล่าวเมื่อใด กล่าวที่ใดและกล่าวเพราะเหตุใด ท่านโบราณาจารย์ทั้งหลายพรรณนาไว้พิสดาร ตั้งแต่เรื่องกรุงเวสาลีเป็นต้นไปด้วยประการฉะนี้.               ดังนั้น ในวันที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จถึงกรุงเวสาลีนั่นเอง รัตนสูตรนี้ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสใกล้ประตูกรุงเวสาลี เพื่อกำจัดอุปัทวะเหล่านั้น ท่านพระอานนท์ก็เรียนเอา เมื่อจะกล่าวเพื่อเป็นปริตร [ป้องกันอุปัทวะ] จึงเอาบาตรของพระผู้มีพระภาคเจ้าตักน้ำมา เดินประพรมไปทั่วพระนคร. พอพระเถระกล่าวว่า ยงฺกิจิ เท่านั้น พวกอมนุษย์ที่อาศัยกองขยะและที่ฝาเรือนเป็นต้น ซึ่งยังไม่หนีไปในตอนแรก ก็พากันหนีไปทางประตูทั้ง ๔. ประตูทั้งหลายก็ไม่มีที่ว่าง อมนุษย์บางพวก เมื่อไม่ได้ที่ว่างที่ประตูทั้งหลาย ก็ทลายกำแพงเมืองหนีไป. พอพวกอมนุษย์พากันไปแล้ว ที่เนื้อตัวของพวกมนุษย์ทั้งหลาย โรคก็สงบไป (ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งใดสิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา) http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=7 รัตนสูตร ในขุททกปาฐะ http://84000.org/tipitaka/read/?25/7/7 อาฏานาฏิยสูตร ...ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท้าวเวสวัณมหาราชประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วได้กล่าวกะเราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ยักษ์ชั้นสูงบางพวกมิได้เลื่อมใสต่อพระผู้มีพระภาคก็มี ยักษ์ชั้นสูงบางพวกที่เลื่อมใสต่อพระผู้มีพระภาคก็มี ยักษ์ชั้นกลางบางพวกมิได้เลื่อมใสต่อพระผู้มีพระภาคก็มี ยักษ์ชั้นกลางบางพวกที่เลื่อมใสต่อพระผู้มีพระภาคก็มี ยักษ์ชั้นต่ำบางพวกมิได้เลื่อมใสต่อพระผู้มีพระภาคก็มี ยักษ์ชั้นต่ำบางพวกที่เลื่อมใสต่อพระผู้มีพระภาคก็มี พระพุทธเจ้าข้า "แต่โดยมากยักษ์ทั้งหลายมิได้เลื่อมใสต่อพระผู้มีพระภาคเลย" ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะพระผู้มีพระภาค ทรงแสดงธรรมเพื่องดเว้นจากปาณาติบาต ทรงแสดงธรรมเพื่องดเว้นจากอทินนาทาน ทรงแสดงธรรมเพื่องดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร ทรงแสดงธรรมเพื่องดเว้นจากมุสาวาท ทรงแสดงธรรมเพื่องดเว้นจากการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท แต่โดยมากพวกยักษ์มิได้งดเว้นจากปาณาติบาต มิได้งดเว้นจากอทินนาทาน มิได้งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร มิได้งดเว้นจากมุสาวาท มิได้งดเว้นจากการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ข้อที่พระองค์ให้งดเว้นนั้น จึงไม่เป็นที่รักไม่เป็นที่ชอบใจของยักษ์เหล่านั้น ฯ พระพุทธเจ้าข้า ก็พระสาวกของพระผู้มีพระภาคบางพวก ย่อมเสพราวไพรในป่า เสนาสนะอันสงัด มีเสียงน้อย มีเสียงกึกก้องน้อย ปราศจากลมแต่ชนผู้เดินเข้าออก ควรแก่การทำกรรมอันเร้นลับของมนุษย์ ควรแก่การหลีกเร้น ยักษ์ชั้นสูงบางพวกมักอยู่ในป่านั้น พวกใดมิได้เลื่อมใสในปาพจน์ของพระผู้มีพระภาคนี้ ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงเรียนการรักษาอันชื่อว่าอาฏานาฏิยะ เพื่อให้ยักษ์พวกนั้นเลื่อมใส เพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ทั้งหลายเถิด พระพุทธเจ้าข้า ฯ             ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราได้รับอาราธนาโดยดุษณีภาพแล้ว ลำดับนั้น ท้าวเวสวัณทราบว่า เรารับแล้ว ได้กล่าวอาฏานาฏิยะรักษานี้ ในเวลานั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเล่าเรียนการรักษาอันชื่อว่าอาฏานาฏิยะ จงทรงไว้ซึ่งการรักษาอันชื่อว่าอาฏานาฏิยะ การรักษาอันชื่อว่าอาฏานาฏิยะ ประกอบ ด้วยประโยชน์ ย่อมเป็นไปเพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่ออยู่ สำราญแห่งภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ทั้งหลาย ดังนี้ ฯ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=11&A=4207&Z=4500 หลังพุทธกาลการสวดพระปริตร จะเริ่มด้วยชุมนุมเทวดา แล้วนำน้ำหรือสิ่งของที่เสก โดยพระปริตรไปใช้เพื่อความเป็นสิริมงคล จากคุณ : ต็กโกวคิ้วป้าย เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:14:42

ความคิดเห็นที่ 18 ^ อนุโมทนา สาธุ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเล่าเรียนการรักษาอันชื่อว่าอาฏานาฏิยะ จงทรงไว้ซึ่งการรักษาอันชื่อว่าอาฏานาฏิยะ การรักษาอันชื่อว่าอาฏานาฏิยะ ประกอบ ด้วยประโยชน์ ย่อมเป็นไปเพื่อคุ้มครอง เพื่อรักษา เพื่อไม่เบียดเบียน เพื่ออยู่ สำราญแห่งภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ทั้งหลาย ดังนี้ ฯ จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 14:40:04

ความคิดเห็นที่ 19 อภยปริตฺตํ (อินทรวิเชียร) ๏ ยนฺทุนฺ|นิมิตฺตํ|  อวมงฺ|คลญฺ  จ ๏ นิมิตที่ชั่วร้ายก็ดี อวมงคลใด ๆ ก็ดี โย  จามนาโป|  สกุณสฺ|ส  สทฺ|โท เสียงนกที่ไม่น่าชอบใจก็ดี ปาปคฺ|คโห  ทุสฺ|สุปินํ|  อกนฺตํ บาปเคราะห์ใด ๆ ก็ดี ความฝันร้ายซึ่งไม่น่าปรารถนาก็ดี ที่มีอยู่ พุทฺธา|นุภาเว|น  วินา|สเมนฺตุ ขอสิ่งเหล่านี้จงถึงความพินาศไป ด้วยอานุภาพพระพุทธเจ้า ๏ ยนฺทุน|ฺนิมิตฺตํ|  อวมงฺ|คลญฺ  จ ๏ นิมิตที่ชั่วร้ายก็ดี อวมงคลใด ๆ ก็ดี โย  จามนาโป|  สกุณสฺ|ส  สทฺ|โท เสียงนกที่ไม่น่าชอบใจก็ดี ปาปคฺ|คโห  ทุสฺ|สุปินํ|  อกนฺตํ บาปเคราะห์ใด ๆ ก็ดี ความฝันร้ายซึ่งไม่น่าปรารถนาก็ดี ที่มีอยู่ ธมฺมา|นุภาเว|น  วินา|สเมนฺตุ ขอสิ่งเหล่านี้จงถึงความพินาศไป ด้วยอานุภาพพระธรรม ๏ ยนฺทุนฺ|นิมิตฺตํ|  อวมงฺ|คลญฺ  จ ๏ นิมิตที่ชั่วร้ายก็ดี อวมงคลใด ๆ ก็ดี โย  จามนาโป|  สกุณสฺ|ส  สทฺ|โท เสียงนกที่ไม่น่าชอบใจก็ดี ปาปคฺ|คโห  ทุสฺ|สุปินํ|  อกนฺตํ บาปเคราะห์ใด ๆ ก็ดี ความฝันร้ายซึ่งไม่น่าปรารถนาก็ดี ที่มีอยู่ สงฺฆา|นุภาเว|น  วินา|สเมนฺตุ ขอสิ่งเหล่านี้จงถึงความพินาศไป ด้วยอานุภาพพระสงฆ์ จากคุณ : ห้วยป่าเป้า เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 18:31:49