ความคิดเห็นที่ 1 ท่านไปสบายแล้วครับ ไม่ต้องห่วงท่านหรอก จากคุณ : senyuman เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 22:13:19

ความคิดเห็นที่ 2 ทำตามที่ศาสนาคุณสอนครับ เอาที่คุณทำแล้้วสบายใจ เพราะในอิสลามไม่มีเรื่องนี้ครับ สำหรับอิสลามพ่อจะได้รับผลบุญ จากการที่ลูกทำความดีเพื่อพระเจ้า เพราะการสั่งสอนและส่งเสริมของพ่อแม่ และลูกที่ศรัทธาสามารถขอพรเพื่อลดปาป ให้กับพ่อแม่ที่เสียชีวิตแล้วได้ครับ ..รอท่านอื่นมาต่อเติมครับ.. จากคุณ : usaimeen เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 22:16:31

ความคิดเห็นที่ 4 คิดจะทำบุญตามหลักความเชื่อทางศาสนาพุทธให้ผู้ตายก็ต้องใช้วิธีพุทธสิครับ ... = = จากคุณ : หน้าม้าคุง ... ฮี้ฮี้ เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 22:21:27

ความคิดเห็นที่ 5 ปกติทำบุญให้ผู้ล่วงลับ ถ้าเขาไปอยู่ภพภูมิที่สามารถอนุโมทนาได้ ก็ให้ออกชื่อเขา ให้ขาอนุโมทนากับบุญที่เราทำ เขาก็จะได้บุญ ทีนี้ ตอนเป็นมนุษย์ไม่มีศรัทธาในศาสนาพุทธก็จริง แต่พอตายไปแล้ว ถ้าไปอยู่ในภพภูมิต่างๆที่สามารถอนุโมทนาได้ อยู่ในสภาพนั้น คงมีศรัทธาขึ้นมาบ้างกระมัง ถ้าเราทำบุญเขาก็น่าจะได้รับนะคะ ทำให้เจ้ากรรมนายเวรเขาด้วยก็ดีนะ จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 22:31:52

ความคิดเห็นที่ 6 เอ้อ เพิ่มเติม น่าจะอธิษฐานบอกเขาด้วย ว่าให้เขาอนุโมทนาอย่างไร เขาอาจทำไม่เป็นค่ะ จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 22:34:20

ความคิดเห็นที่ 7 การปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ. แล้วแผ่เมตตาให้กลับผู้ที่เราระลึกถึง. เป็นวิธีที่ง่าย และไม่ยุ่งยาก ไม่ขัดแย้งต่อหลักศาสนาใด และที่สำคัญผู้รับได้ผลบุญจริง จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 22:50:41

ความคิดเห็นที่ 8 เราเป็นชาวพุทธก็ต้องทำตามคติในแบบพุทธถูกแล้วครับ จะอุทิศบุญให้ใคร ไม่ว่าเขาจะนับถือศาสนาอื่นหรือเป็นคนไม่มีศาสนาเลยก็อุทิศได้ คติ ที่ไป ปรโลกของคนที่มีความเชื่อในแบบอื่นย่อมหนีไม่พ้นสัจจะความจริงที่พระพุทธตรัสรู้และทรงนำมาเผยแผ่ไปได้หรอกครับ นี่ว่ากันตามคำสอนของพุทธเรานะ ไม่ได้มีเจตนาบลัฟความเชื่ออื่นให้ตกไปแต่อย่างใด้ จากคุณ : Up_To_You เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 22:51:55

ความคิดเห็นที่ 9 อธิบาย คห. 2 เพิ่มเติมนะคะ ในอิสลาม เราถือว่าเมื่อเราเกิดจนตาย คือช่วงเวลาที่เราจะสะสมความดี เมื่อตายไปแล้วเราก็จะรอเวลาที่จะพิพากษาเพื่อจะไปอยู่สวรรค์หรือนรก โดยดูจากความดีหรือความไม่ดีที่เราสั่งสมไว้ขณะมีชีวิตอยู่ การทำบุญของลูกที่จะถึงพ่อแม่คือการทำความดีตามหลักศาสนาอิสลาม หรือลูกที่เป็นมุสลิมที่ดีขอพรให้  ถ้าไม่ใช่กรณีนี้แล้ว ทำอะไรก็ไม่ถึงค่ะ อิสลามไม่มีเจ้ากรรมนายเวร ไม่มีชาติก่อนหรือชาติหน้า กรุณาอย่ายัดเยียดความเชื่อพุทธให้มุสลิมที่เสียไปแล้วเลยค่ะ แล้วก็การขอพรกับสิ่งอื่นนอกจากพระเจ้านั้นเป็นบาปร้ายแรง ถ้าจขกท.จะทำพิธีพุทธเพื่อคุณพ่อ ดีไม่ดีคุณพ่อจะยิ่งแย่นะคะ เหมือนลูกทำบาปเพื่อพ่อน่ะค่ะ ทางที่ดี จขกท.ไม่ต้องทำบุญอะไรเลย เพราะยังไงทำไปก็ไม่ถึงนะคะ จากคุณ : LuNaTicCaT เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 23:04:29

ความคิดเห็นที่ 10 #9 อธิบายเพิ่มเติม การทำบุญให้ไม่ใช่การขอพร เหมือนมุสลิมขอพรพระเจ้าอย่างนั้น อย่างนั้นไม่ได้บุญ แต่เป็นการทำสิ่งดี ทำบุญ ให้ทาน ปฏิบัติสมาธิภาวนา และอธิษฐานให้เขารับรู้และอนุโมทนา จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 23:18:45

ความคิดเห็นที่ 11 เฮ้อ บอกว่าอย่าเอาความเชื่อพุทธมายัดเยียดให้ผู้เสียชีวิตที่เป็นมุสลิม อ่านไม่เข้าใจหรือคะคุณแมวเก้าแต้ม คุณถือว่าการขอพรนั้นไม่ได้บุญ เราก็ถือว่าการทำตามวิธีพุทธที่คุณร่ายมาทั้งหมดไม่ได้บุญและก็ไม่ถึงผู้เสียชีวิตเช่นกันค่ะ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 55 23:42:32 จากคุณ : LuNaTicCaT เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 55 23:41:45

ความคิดเห็นที่ 12 LuNaTicCaT สงบสติอารมณ์ไว้ก่อนนะ คุณบอกว่า "แล้วก็การขอพรกับสิ่งอื่นนอกจากพระเจ้านั้นเป็นบาปร้ายแรง" ถ้าจขกท.จะทำพิธีพุทธเพื่อคุณพ่อ ดีไม่ดีคุณพ่อจะยิ่งแย่นะคะ เหมือนลูกทำบาปเพื่อพ่อน่ะค่ะ เราเลยอธิบายให้คุณฟังว่า การทำบุญให้ไม่ใช่การขอพร เข้าใจ๋? จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 00:28:38

ความคิดเห็นที่ 13 ใครเป็นผู้ให้บุญ หลังจากการทำบุญของคุณแมวเก้าแต้มหรือคะ จากคุณ : LuNaTicCaT เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 00:42:15

ความคิดเห็นที่ 14 คำถามน่ารักดีค่ะ : ) บุญกุศล ไม่มีใครเป็นผู้ให้ค่ะ เกิดขึ้นเองตามเหตุปัจจัย เช่น คุณเรียนจบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 พ่อแม่คุณภูมิใจมาก มีความสุข เห็นพ่อแม่ยิ้มมีความสุข คุณก็มีความสุขไปด้วย "ความสุข" นี้ ไม่มีใครเป็นผู้ให้ เกิดขึ้นเองเพราะมีเหตุปัจจัยพร้อมค่ะ ทีนี้ ถ้าน้องสาวคุณ "อิจฉา" เขาก็จะไม่มี "ความสุข" กับเหตุการณ์นี้ แต่ถ้าน้องสาวเห็นว่าที่คุณตั้งใจศีกษานั้นทำถูกแล้ว และยินดี "อนุโมทนา" กับคุณด้วย เขาก็จะได้รับ "ความสุข" นั้นเอง ไม่มีใครประทานให้ บุญกุศลก็เช่นเดียวกัน ถ้าคุณทำบุญ ทำสิ่งดี แล้วจิตวิญญาณใดก็ตาม รับรู้และยินดีที่คุณทำเรื่องดีๆ ไม่อิจฉาริษยา เขาก็จะได้รับบุญกุศลนั้นเช่นเดียวกันค่ะ โดยทั่วๆไป ให้เข้าใจง่ายๆแล้ว บุญอาจหมายถึง คุณภาพจิตที่ดี มีสุข ไม่เป็นทุกข์ ก็ได้ค่ะ จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 01:13:57

ความคิดเห็นที่ 15 อธิบายเพิ่มเติมนะคะ ในทางพุทธแล้วมีวิธีทำบุญง่ายๆ 3 วิธี 1 ทำทาน กับใครก็ได้ พระสงฆ์ คนยากจน หมาจรจัด ทำให้จิตลดความเห็นแก่ตัวลง ลดความตระหนี่ ยึดติดในทรัพย์ มีความเมตตาเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น ลดความอิจฉา โกรธเคือง จิตจะสงบได้ง่ายขึ้นค่ะ 2 รักษาศีล การรักษาศีล ทำให้ชีวิตเราเป็นปรกติ เช่น เราไม่ไปฆ่าใคร ก็ไม่ต้องกลัวใครมาล้างแค้น ไม่ต้องกลัวตำรวจจับ จิตก็มีความสงบ เป็นปกติมากกว่าคนไม่รักษาศีล 3 นั่งสมาธิ ทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่านั่งสมาธิช่วยให้จิตใจสงบ ความคิดฉับไว จิตใจมีกำลัง มีสติ ไม่ทำงานผิดพลาดง่าย ไม่ฟุ้งซ่านไปคิดร้ายใคร ทั้ง 3 ข้อนี้ มีแต่ผลดีเกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติ และผู้อื่นในสังคม ถ้าใคร หรือจิตวิญญาณไหน เห็นว่าการทำสิ่งดี เป็นเรื่องดี จิตเขาก็จะมีความเป็นปกติ เป็นสุข นั่นคือได้บุญด้วยค่ะ ถ้าใคร หรือจิตวิญญาณไหน เห็นว่า การทำสิ่งดี เป็นเรื่องไม่ดี จิตเขาก็ไม่ปกติ และไม่มีความสุข นั่นคือไม่ได้บุญ จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 01:46:06

ความคิดเห็นที่ 16 ขอความสันติจงมีแด่ท่าน ขออธิบายเพิ่มเติมจากคุณ  usaimeen  ใน คคห.ที่ 2 ค่ะ ในทัศนะอิสลาม 3 ประการที่จะถึงพ่ิอแม่หลังจากเขาเสียชีวิตไปแล้ว "เมื่อมนุษย์เสียชีวิตลงการงานทั้งหมดของเขาจะถูกตัดขาดนอกจาก  3  ประการคือ  การเศาะดะเกาะฮฺ ญาริยะฮฺ(บริจาคทาน)  ความรู้ที่ยังประโยชน์(ทำความรู้ที่เป็นประโยชน์ไว้) และลูกที่ดีขอดุอาอ์(ขอพร)ให้แก่พ่อแม่" ถ้าเราไม่ใช่มุสลิมก็ไม่ต้องทำอะไรค่ะ เพราะอันนี้เป็นหน้าที่ของมุสลิม (ลูกต้องมีศรัทธาเหมือนกัน) แต่ถ้ามาศรัทธาศาสนานี้ ก็พึงปฏิบัติหน้าที่ของลูกที่ดี(ซอและห์)ได้เลยค่ะ ด้วยความเคารพค่ะ จากคุณ : นะ(รก) เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 02:17:58

ความคิดเห็นที่ 17 ที่ว่ามาเข้าฝันแล้วเหมือนว่าหิว สบายใจได้เลยน่ะ ไม่ใช่คุณพ่อคุณแน่นอนครับ จากคุณ : SalaDin (A.TheRipper94) เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 02:44:31

ความคิดเห็นที่ 18 เราว่ามุสลิมกระทู้นี้ต่างหากนะ ที่พยายามยัดเยียดความเชื่อมุสลิมให้พุทธ เจ้าของกระทู้เขาเป็นพุทธ เขาทำแบบพุทธก็ถูกแล้ว เหมือนมุสลิมขอพรพระเจ้าให้กับในหลวงท่าน มีใครพูดมั๊ยว่า ในหลวงนับถือพุทธ ให้ไปทำบุญตักบาตรแทนสิ ขอพรพระเจ้าไปก็ไม่ได้บุญ ไม่มีประโยชน์กับชีวิตใครทั้งนั้น ไม่มี๊ ไม่มีใครพูดแบบนี้ กรณีย์นี้ก็เหมือนกัน เจ้าของกระทู้เขาเป็นพุทธก็ควรทำตามแบบพุทธถูกแล้ว จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 03:49:53

ความคิดเห็นที่ 19 เพิ่งมาเห็นกระทู้ตัวเองตอนเช้าวันนี้ เราไม่อยากให้มาทะเลาะกันเรื่องทำบุญ ต่างศาสนาเลย เพราะ หนึ่ง... เราเติบโตในสังคมสองศาสนา ตั้งแต่เด็ก พ่ออิสลาม แม่เป็นพุทธ โดนแซวตั้งแต่เด็กว่า ไอ้ลูกครึ่งงง สองสัญชาิติ ตอนประถมอยู่บ้านกับพ่อกับแม่ ไปโรงเรียน อยากไหว้พระ สวดมนต์ตอนเข้าแถวตอนเช้าเหมือนเพื่อนๆ แต่ย่าสั่งเอาไว้ ว่าห้ามไหว้พระ ห้ามโดนสุนัข ห้ามกินหมู ห้ามๆๆๆๆๆ เวลาไปบ้านย่าที ก็จะโดนบอกแบบนี้ตลอดค่ะ ส่วนปู่ จะไม่ค่อยว่าอะไร จะค่อนข้างเสรีเหมือนพ่อค่ะ พ่อเราเสรี ให้แม่เราเลือกได้ว่า จะให้ลูกนับถืออะไร แม่ก็เลยให้นับถือแบบไทยพุทธค่ะ (เรามีน้องชายหนึ่งคน อยู่กับย่าเลยต้องนับถือศาสนาอิสลามค่ะ ส่วนเราอยู่กับแม่ค่ะ) เราไปโรงเรียน ก็เลยไหว้พระได้ สวดมนต์ได้ จับสุนัขได้ แต่ที่บ้าน แม่ไม่เคยทำอาหารที่เป็นหมูเลย เพราะเกรงใจพ่อ ส่วนพ่อ ช่วงหลังๆ พ่อเราก็ไม่เคร่งครัดเรื่องว่าจะพุทธ หรืออิสลามด้วย ใครที่ไม่ได้เป็น คนสองศาสนาแบบเราก็คงไม่รู้หรอกว่า   ตั้งแต่เด็ก จนโตพอจะคิดตัดสินใจอะไรได้ ว่าตลอดมา ตอนเด็กๆ เราสับสนตัวเองมากแค่ไหน ตอนเด็กๆ เลยกลายเป็นคนไม่มั่นใจไปเลย เราแค่อยากจะถามเรื่องการทำบุญ ว่าทำได้หรือไม่!!!! ไม่ได้อยากให้มาทะเลาะกัน เพราะไม่ว่า ศาสนาใด ก็สอนให้เป็นคนดีทั้งนั้น แต่ต่างกันแค่วิธีปฎิบัติ เท่านั้นเองงง!!!!! เราไม่ค่อยเข้าใจในศาสนาอิสลามเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะว่า ว่าดีหรือไม่ดี ทำแล้ว เป็นบาปหรือป่าวนั้น ก็ยังไม่ถึงว่าจะเชื่อเลยทีเดียว เพราะเราเชื่อในสิ่งที่ทำมากกว่าค่ะ และขอขอบคุณ ความเห็น ทุกๆ ความเห็นด้วยนะค่ะ จากคุณ : ไม่ต้องรู้สักเรื่องก็ได้... เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 08:10:53

ความคิดเห็นที่ 20 คุณ : SalaDin (A.TheRipper94) เราไม่ไ้ดฝันเองค่ะ พี่ชายเป็นคนฝัน แล้วพี่ชายเราก็รู้จักสนิทกับพ่อเราดี คงไม่จำผิดคนหรอกค่ะ เห็นกินข้าวเป็นขันๆๆ  น้าเลยคิดว่าคงหิว เพราะปกติแล้ว พ่อเราจะค่อนข้างสนิทกับญาติฝ่ายแม่มากด้วยค่ะ จากคุณ : ไม่ต้องรู้สักเรื่องก็ได้... เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 08:13:40

ความคิดเห็นที่ 21 อ่านความเห็น  คห..9  แล้ว  ........................................................................................................ ถ้าเราเป็น จขกท.. เราจะทำบุญตามศาสนาพุทธ โดยการถวายทาน กรวดนํ้าอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล หรืออะไรก็แล้วแต่  แล้วก็อุทิศผลบุญที่ได้ทำนั้น ๆ ไปให้ผู้ตาย  เพราะผู้ทำ (จขกท) นับถือพุทธ  ถึงแม้ผู้รับจะนับถืออิสลามก็ตาม  ส่วนเรื่องผลบุญจะถึงผู้รับหรือไม่ ก็อีกเรื่องนึง  เพราะไม่มีใครสามารถมองเห็นชีวิตความเป็นอยู่หลังความตายได้  ขอให้ได้ทำไว้ก่อน เพื่อความสบายใจ.. จากคุณ : มีดกรีดใจ เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 08:42:50

ความคิดเห็นที่ 22 ไปวัดธรรมกายดูครับ เจ้าอาวาสยังรู้เลยว่าสตีฟจ๊อปตายแล้วไปไหน ระดับพ่อคุณจิ๊บ ๆ เพราะอยู่ในประเทศไทย จากคุณ : แล้วทำไม12 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 09:32:10

ความคิดเห็นที่ 23 ทำตามความเชื่อของ จขกท. ครับ จากคุณ : Ch_Chang เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 10:49:27

ความคิดเห็นที่ 24 ไม่ได้อยากทะเลาะเช่นกันค่ะ คุณไม่ต้องรู้สักเรื่องก็ได้... แต่เนื่องจากผู้ถามเป็นลูก ถ้าคุณถามถึงเพื่อนอะไรแบบนี้ เราคงไม่ตอบแบบนั้นหรอกค่ะ คงตอบประมาณ คห.2 แต่เนื่องจากลูกยังมีชีวิตต่อไปอีกยาว ไม่รู้เมื่อไหร่อยากจะทำบุญให้อีก แล้วตอนนั้นก็อาจไม่ได้สงสัยแล้ว เพราะเคยได้คำตอบแล้ว และเคยทำำไปแล้ว ดังนั้นเราก็อยากตอบในแนวทางของมุสลิมให้รู้เหมือนกัน ไม่ใช่ให้จขกท.เข้าใจแต่ในแนวทางพุทธเพียงอย่างเดียว ส่วนจขกท.อยากทำอะไรนั้น ก็อยู่ที่ตัวจขกท.เองอยู่แล้วค่ะ เรื่องที่ทำให้จขกท.สับสนนั้นมีคำตอบอยู่แล้วในอิสลาม ถ้าศึกษาค่ะ ส่วนตอนนี้จขกท.อยากจะเลือกอะไรก็เป็นสิทธิ์จขกท.เช่นกันค่ะ จากคุณ : LuNaTicCaT เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 10:50:09

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ จขกท สบายใจได้ค่ะ ไม่ได้เกิดการทะเลาะกันขึ้น เพียงแต่เพื่อนต่างศาสนิกเข้าใจผิด เราจึงอธิบายให้ฟังเพื่อให้เขาเข้าใจก็เท่านั้นค่ะ เมื่อเหตุดี ผลย่อมดี ทำสิ่งดี ผลย่อมดีอยู่แล้ว ไม่เป็นบาปกรรมไปได้ ขอให้ จขกท สบายใจ แล้วตั้งใจทำบุญทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา และอุทิศให้คุณพ่อนะคะ จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 12:30:44

ความคิดเห็นที่ 26 "ไทยพุทธจะทำบุญให้มุสลิมยังไง" เลิกนับถือพุทธ เปลี่ยนมาศรัทธาพระเจ้า ขอดุอาร์ ทำละหมาด จ่ายซะกาต ฯลฯ เมื่อคุณซึ่งเป็นลูก ประพฤติ ปฏิบัติ ถูกตรงแนวทางอิสลาม เป็นแนวทางเดียวที่พระเจ้าจะทรงอนุมัติ นอกแนวทางนี้ "คนใน" เขาไม่รับครับ ทิฎิเขาไม่เข้าใจ ทั้งคนมีชีวิตและไม่มีชีวิต ทิฎิเขาปฏิเสธเด็ดขาด หนักเข้า บางคน(ซึ่งคงไม่ใช่คุณพ่อคุณ)จะมองเป็นบาป เป็นวิธีเฉพาะของพวกไซตอน(ซาตาน) ฉะนั้นมีอะไร ก็ควรคุยกัน ปรับความคิดกัน ตั้งแต่ตอนยังมีชีวิตนะครับ คงต้องมองแบบคนโบร่ำโบราณของไทยเรากระมังครับ "หมดเวร หมดกรรม กันไปแล้ว" -------- ถึงทางพุทธจะมี "ทฤษฏีแผ่ส่วนกุศล" ครอบคลุมทุกชีวิตในจักรวาล ก็เป็นความเชื่อเฉพาะของฝั่งพุทธเราเท่านั้น ทำแล้วได้กับเรา ท่านเห็นเราสุขจากบนสวรรค์ ท่านก็มีความสุขตามนั้นล่ะ เหมือนครั้งตอนยังมีชีวิต ท่านเห็นคุณแม่คุณทำบุญตามความเชื่อส่วนตัว แล้วมีความสุข คุณพ่อคุณใจกว้างและไม่กีดกันทางศาสนา เป็นความสุขของการอยู่ร่วมกัน เป็นสภาวะสุขในระดับสากลพึงรับรู้กันได้ ส่วนจะปรับความสุขจากตรงนั้น ให้เป็นบุญกุศลมั้ย? ความเชื่อเขาสกัดกั้นตรงนี้ไว้ครับ ฝั่งพุทธมองว่าถึงสกัดกั้น แต่บุญกุศลเป็นสิ่งซึ่งต้องสะสม ทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัว ระดมทำอุทิศให้ท่านไปเยอะๆครับ ผมเชื่อว่าคุณพ่อคุณได้รับและเข้าใจ (ตอบแบบคนใจกว้างเหมือนกัน อิอิ) จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 12:37:43

ความคิดเห็นที่ 27 คนทุกศาสนาล้วนมีจิตเหมือนกันหมด คือ หนึ่งคนต่อหนึ่งดวงจิต (หากใครไม่เชื่อเรื่องจิตวิญญาณ ก็ขอให้ข้ามไป) จิตคือนามธรรมที่อาศัยกายเนื้อ และปรุงแต่งอารมณ์ตามแต่ละปัจจัย จิตไม่เติบโตและไม่ตาย(หมายถึงหากอยู่ที่เล็กก็จะเล็ก อยู่ที่ใหญ่ก็จะใหญ่) หากเพียงแต่เปลี่ยนที่อาศัยหนึ่งไปอีกที่หนึ่ง หากส่งกระแสจิต ด้วยการปฏิบัติสมาธิ ถึงผู้ที่เราต้องการผู้นั้นย่อมได้รับผล อิสลามบอกว่าตายแล้วสูญ  แต่ผมกลับได้ยินว่าคนอิสลามเลี้ยงผี เรื่องนี้เท็จจริงอย่างไรไม่ทราบ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 12:38:31

ความคิดเห็นที่ 28 "ทฤษฏีแผ่ส่วนกุศล" ครอบคลุมทุกชีวิตในจักรวาล     เรียกซะฮาเลยคุณ Zim จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 13:25:28

ความคิดเห็นที่ 29 :P ก็มันเป็นทฤษฏีในสายตาเขาจริงๆหนิ (ครับ) ปล. ถ้าข้อความกระผมพาดพิงเพื่อนต่างศาสนา รบกวนเพื่อนต่างศาสนาปรับทัศนะกับ ท่านแมวเก้าแต้มแทนนะ ด้านบนกำลังไปได้สวยล่ะ อ่านแล้วเห็นภาพชัดเจนดีครับ จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 13:44:55

ความคิดเห็นที่ 30 ถามทุกท่าน ว่าเรื่องพลังจิตมีจริงหรือไม่ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 13:54:31

ความคิดเห็นที่ 31 ถามทุกท่านว่า เรื่องพลังจิตมีจริงหรือไม่ หากว่ามีจริง แล้วคิดหรือไม่ว่า จิตสามารถสื่อสารกันได้ทางใดทางหนึ่ง มีการเปรียบจิต ดั่ง เช่นคอมพิวเตอร์ จิต เสมือน ซีพียู กาย เสมือน ฮาร์ดแว จิต(ซีพียู) สามารถประมวลผล แบ่งปัน share ทำซ้ำcopy ลบdelete เคลื่อนย้ายได้move และซ่อน (hidden) เมื่อจิตมีกำลังสามารถ จะทำอย่างที่ต้องการในโหมดที่กล่าวไว้ได้ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 13:59:45

ความคิดเห็นที่ 32 เอาอย่างนี้ คุณ จขกท ไหนไหน ก็มีพ่อ เป็นมุสลิมอยู่แล้ว ลองศึกษาอิสลามอย่างจริงๆจังๆ ดีไหม ทิ้งความรู้เดิมๆที่รุ้เกี่ยวกับอิสลามไปก่อน เซทศูนย์ ไปเรียนที่ สันติชน เค้ามีโครงการอบรมสำหรับผู้ที่สนใจ พอเรียนแล้วได้คำตอบ จะตัดสินใจทำอย่างไร คงไม่ช้าเกินไปมั้ง จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 14:24:39

ความคิดเห็นที่ 33 ผมพึ่งมาเห้นกระทู้นี้ ผมเรียนให้ฟังง่ายๆ  เข้าใจง่ายๆ  นะครับว่า - คุณพ่อ ของคุณเป็นอิสลาม ดังนั้นการตาย จึงอยู่ในสภาพอิสลาม ด้วยข้อคิดตรงนี้ วิญญานของท่านจึงเข้าสู่ระบบ อิสลาม มิใช่ระบบพุทธ เมื่อวิญญานเข้าสู่ระบบอิสลาม นั่นหมายถึง ชีวิตหลังความตายของท่าน จึงไปอยู่ในที่ ที่ควรอยู่ตามหลักการอิสลาม ไม่ออกมาเพ่นพล่าน ดังนั้น สิ่งที่มาในความฝันว่า หิวบ้างละ เป็นนู้นนี่บ้างละ จึงไม่ใช่ระบบอิสลาม ไม่ใช่วิญยานของอิสลาม ดังนั้นการที่คุณจะทำบุญ ให้กับวิญญานที่คุณเห้นหรือไม่ ก็เป็นเรื่องวิถีพุทธ ของคุณครับ อิสลามไม่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด ด้วยความเคารพครับ   แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 55 14:32:31 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 14:31:11

ความคิดเห็นที่ 34 เรียนถามพี่จิม การปฏิบัติสมาธิ ผิดหลักของอิสลามหรือไม่ครับ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 15:25:20

ความคิดเห็นที่ 35 อิสลาม มีวิธีการปฏิบัติสมาธิ อยู่แล้วครับ คือการละหมาด และ ซิกรุ้ลลอฮ์ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 16:18:36

ความคิดเห็นที่ 36 ตอบคุณจันตรีบุตร มีมุสลิมหลายคนที่กระทำสิ่งต้องห้ามโดยการเลี้ยงผี แต่เขาก็แค่เลี้ยงผี ไมได้เลี้ยงจิต หรือวิญญาณคนตายหนะครับ แต่ถ้าอยากรู้ว่าผี กับวิญญาณคนตาย ในอิสลามต่างกันอย่างไร อันนี้กระทู้เก่าๆมีเยอะครับ จากคุณ : usaimeen เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 17:42:58

ความคิดเห็นที่ 37 คนมุชริกเข้าใจว่าผี(คงหมายถึงญิน)คือวิญญามนุษย์ที่เสียชีวิตแล้วนั่นเอง เฮอๆๆๆๆๆ น่าขำดี จากคุณ : senyuman เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 18:30:21

ความคิดเห็นที่ 38 มาทำความรู้จัก ..เรื่อง... ผีไม่ผี ในทัศนะอิสลามกัน จากคุณ : Jimbovy เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 20:39:37

ความคิดเห็นที่ 39 ในประวัติของเชียงใหม่ หมอชิต เป็นหมอสอนศาสนาและเป็นหมอรักษาคนก่อนผันตัวมาเป็นพ่อค้าไม้ในภาคเหนือ อยู่มาวันหนึ่งภรรยาน้อยที่หมอรักมากเสีย หมอก็ไปทำบุญให้ตามหลักพุทธศาสนาทั้งๆที่ตัวหมอเป็นคริสเตียน จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 21:19:58

ความคิดเห็นที่ 40 ผมไม่ขอแย้งใคร แค่แบ่งปันความรู้ที่มี. เอาแบบย่อๆ. เนื้อๆ. จิต. จากเคย ไร้รูป ได้ปรุงแต่ง จนเกิดรูป เป็นสรรพสิ่ง แม้ร่างกายได้สลายตายไป. จิตนั้นก็ยังคงยึดมั่นถือมั่นในปัจจุบันภพนั้นๆ จึงเกิดวิญญาณ หรือที่เรียกกันว่าผี เราจึงต้องศึกษาแนวทางการปล่อยวาง ให้จิตเลิกยึดมั่น เพื่อมีสภาพเป็นดั่งที่เคยเป็น จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 22:28:57

ความคิดเห็นที่ 41 ผมว่าไม่ได้แย้งหรอกครับ แค่ศรัทธาไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง เรื่องการศรัทธาของใครของมันครับ ไม่มีใครบังคับให้ใครตามใครได้ จากคุณ : usaimeen เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 55 23:36:35

ความคิดเห็นที่ 42 ความคิดเห็นที่ 41     ผมว่าไม่ได้แย้งหรอกครับ แค่ศรัทธาไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง เรื่องการศรัทธาของใครของมันครับ ไม่มีใครบังคับให้ใครตามใครได้ จากคุณ : usaimeen ----------------------- อ๋อ ผมกล่าวถึงคห.ที่เยอะเย้ยผู้อื่นนะครับ ไม่ได้หมายถึงคุณ เค้าขำที่คนเข้าใจเรื่องผี เป็นญิน อะไรนั่น หากต้องคุยกันเรื่องผี ยังไงก็ไม่พ้นของเรื่องจิตวิญญาณ คนที่หัวเราะจะต้องกลับสำรักน้ำลายตัวเอง ที่ได้กล่าวอะไรไว้ที่หมิ่นผู้อื่น จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 10:31:57

ความคิดเห็นที่ 43 มีใครกล้าเถียงหรือไม่ ว่ากายนี้ต้องมีจิตเป็นประธาน หากไม่มีจิต กายไม่สามารถทำงานได้ หากการตายเพราะกายแตก แล้วสิ่งที่ควบคุมกาย จะหายไปเลยหรือ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 10:35:56

ความคิดเห็นที่ 44 คุณจันตรีบุตรคะ ถ้าจะคุยอะไรอื่น ตั้งกระทู้ใหม่เถอะค่ะ มันออกนอกเรื่องที่ จขกท เค้าต้องการถามแล้ว จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 13:23:50

ความคิดเห็นที่ 45 จันตรีบุตร ความเชื่อต่างกันครับ ต้องเข้าใจ ป่วยการที่เอาความเชื่อของเราให้คนอื่นเข้าใจตาม ยิ่งต่างความเชื่อต่างศาสนายิ่งแล้วใหญ่ วิญญาณหรือผีที่ไม่ดี ที่มาล่อลวงว่าเป็นคนโน้นคนนี้ ความเชื่อในสังคมไทยก็มี ส่วนที่มาเข้าฝันว่าเป็นญาติเรา จะใช่หรือไม่ใช่การทำบุญในศาสนาพุทธก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ดีเสียอีกถ้าเขาเป็นทุกษ์ให้เขาได้บุญเพื่อเป็นสุขก็ดีแล้วครับ วิญญาณชั่วร้ายถ้ามีจริง ทางพุทธถือว่าเขานั้นน่าสงสาร ต้องมาติดอยู่กับความทุกข์ จากคุณ : Ch_Chang เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 17:12:21

ความคิดเห็นที่ 46 ผมเข้าใจนะครับทุกท่าน แต่ดันมีคนมันขำขันเยอะเย้ย นี่สิทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้อะไรจริง ผมถึงได้อธิบาย ว่าผมไม่ได้เชื่อแบบไร้สติ อีกทั้งมีเหตุผลสำหรับความเชื่อด้วยครับ หากจะว่าผม พวกคุณต้องไปว่าคนที่มันล้ำเส้นขำขันคนอื่นก่อนดีกว่า ไม่เช่นนั้นถือว่าพวกคุณก็เป็นพวกเดียวกันที่สมทบเข้ามา จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 17:25:41

ความคิดเห็นที่ 47 จิตวิญญาณในหลักการอิสลามนั้น จะไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดหรือกลับมาเกิดใหม่อีกครับ จบที่โลกมนุษย์แล้ว ก็รอการพิพากษา คือย้ายสถานะไปอีกโลกนึง ไม่มายุ่งเกี่ยวกับอะไรกับโลกมนุษย์อีก นี่คือการตอบในหลักการอิสลาม ดังนั้น ถ้าจะพูดถึงวิญญาณ ในทางพุทธหรือต่างศาสนา ก็ต้องบอกว่าคนละความเชื่อ หรือแนวคิดกันครับ เพราะฉะนั้น วิญญาณคนตายจะไม่มาปรากฎขอส่วนบุญจากใครเพราะความดีใครก็เป็นความดีของบุคคลนั้น นอกจาก ก่อนตายได้สั่งสอนลูกหลานให้ทำดี ผลจากการทำดีของบุตรหลานก็จะส่งผลถึงเขา เพราะเป็นการพยายามในการปลูกฝังลูกหลานของผู้ตายตั้งแต่ตอนยังมีชีวิต การฝันเห็นคนตายมาขอส่วนบุญ แล้วให้นักบวชต่างศาสนาทำพิธีให้ อันนั้นเป็นการล่อลวงจากซาตานโดยตรงเพื่อให้หลงไปจากหนทางที่ถูกต้อง ยิ่งถ้าเป็นลูกหลาน แล้วทำตามการล่อลวงนั้น จะเป็นผลร้ายแก่ผู้ตายมากกว่า เพราะการกระทำผิดหลักศาสนาอาจจะส่งผลถึงผู้ตาย ในฐานะพ่อแม่ด้วยก็เป็นได้ ดังนั้นถ้าเราเห็นสิ่งลี้ลับ มาแสดงนั่นนี่ก็ให้สันนิษฐานไว้เลยว่าเป็น "ญิน" หรือ "ชัยฎอน" สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่จำแลงร่างได้มากกว่าครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 18:50:27

ความคิดเห็นที่ 48 ผมเป็นพวกเดียวกันที่สมทบเข้ามาครับ คุณจันตรีบุตร จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 18:50:56

ความคิดเห็นที่ 49 บอกตรงๆ บางทีผมก็ขำๆกับความเชื่อของคนอื่นเหมือนกัน อย่าไปซีเรียดเลยถ้าเขาจะขำกับความเชื่อของเรา จากคุณ : Ch_Chang เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 19:22:28

ความคิดเห็นที่ 50 จริงๆแล้วผมก็อยากจะหัวเราะกับความเชื่อที่ว่าผีไม่มีจริง แต่มันเสียมารยาทมากหากเราจะ เอาเหตุผลในความเชื่ิอของเราไปทับถมความเชื่อของคนอื่น อย่างไรเสียการแสดงกิริยาเช่นนี้. มันเสมือนเป็นการดูถูกปัญญาผู้อื่นที่หลงเชื่อโดยไร้เหตุผล จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 55 23:22:35