ความคิดเห็นที่ 1 ความมุ่งหมาย บทความนี้ ต้องการจะอธิบายถึง “วะฮาบียะฮ” ว่าเป็น เพียงแนวความคิดหนึ่งเพื่อให้ผู้ศรัทธาต่ออิสลามกลับไปยึดแนวทางปฏิบัติที่ ถูกต้อง ตามที่เป็นพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน และจริยวัตรอันงดงามตามแบบฉบับของท่านนบีมุฮัมมัด ซ็อลฯ โดยไม่มีสิ่งอื่นแปลกปลอมเข้ามาเจือปน จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 21:40:59

ความคิดเห็นที่ 2 เนื้อหา ในบรรดาถ้อยคำต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลามที่มีการพูดถึงและเข้าใจผิดกันอยู่เสมอ ๆ นั้น  คำว่า “วะฮาบียะฮ” ดูเหมือนจะเป็นคำหนึ่ง ที่มีการกล่าวถึงกันบ่อยครั้ง ชื่อนี้บางคนเรียกเพี้ยนเป็น “วะฮ์บีย์” ซึ่งไม่ถูกต้อง  ที่ถูกต้องคือ “วะฮาบียะฮ”  หมายถึงขบวนการฟื้นฟูอิสลาม   “วะฮาบียะฮ” หรือ “วะฮาบีย์” หมายถึงผู้มีแนวคิดและแนวปฏิบัติตามขบวนการดังกล่าว   อย่างไรก็ตาม  ชื่อนี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มวะฮาบียะฮเอง  เนื่องจากเป็นชื่อที่ถูกตั้งขึ้นโดยฝ่ายต่อต้าน และมักถูกนำมาใช้ในเชิงลบเป็นส่วนใหญ่ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 21:42:34

ความคิดเห็นที่ 3 กลุ่มวะฮาบียะฮ เอง จึงไม่ใช้ชื่อนี้เรียกกลุ่มของตน  แต่จะเรียกตัวเองว่า “สะละฟียะห์”(Salafiah) หรือ “สะละฟียูน” (Salafiyoon)  แปลว่า กลุ่มที่ยึดมั่นในแนวคิดดั้งเดิมของอิสลาม  หรือบางครั้งก็เรียกกลุ่มของตนว่า “มุวะหิดูน” (Muwahidoon) แปลว่า  กลุ่มผู้ยึดมั่นในเอกภาพของอัลลอฮ์ “วะฮาบีย์”  เป็นเพียงขบวนการฟื้นฟูอิสลามขบวนการหนึ่งในศตวรรษที่ 18 ที่ ถือกำเนิดขึ้นมาท่ามกลางความเหลวแหลกทางศีลธรรม และความเชื่อความศรัทธาที่ผิดเพี้ยนไปของมุสลิมในอาระเบีย ผู้ที่เป็นแนวหน้าของขบวนการนี้คือนักปฏิรูปคนหนึ่งที่ชื่อ มุฮัมมัด อิบนุ อับดุล วะฮาบ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 21:44:07

ความคิดเห็นที่ 4 แนวคิดที่สำคัญของวะฮาบียะฮฺ สรุปได้ดังนี้ (1) ยึด แนวของอิมามอะฮมัด อิบนฺ ฮัมบัล (มัซฮับฮัมบาลีย์) ในเรื่องปลีกย่อยต่างๆ แต่ไม่ยึดแนวของอิหม่ามคนใดเป็นเกณฑ์แน่นอนในเรื่องหลักพื้นฐานทั่วไป (2) เรียก ร้องให้เปิดประตูการอิจติฮาด (หมายถึงการวิเคราะห์และวินิจฉัยหลักฐานต่างๆ ทางศาสนาเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อบัญญัติของปัญหาต่าง ๆ) หลังจากที่ได้ถูกปิดมานานตั้งแต่กรุงแบกแดดแตกจากการโจมตีของพวกมองโกลในปี ค.ศ. 1235 (3) ยืนยันในความจำเป็นที่จะต้องยึดถือคัมภีร์อัลกุรอานและสุนนะฮ (แบบฉบับของศาสดามูฮัมมัด) (4) ยึดมั่นในแนวทางของอะฮลิสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ (นิกายซุนนีย์) (5) เรียกร้องสู่หลักเตาฮีด (การให้เอกภาพต่อพระผู้เป็นเจ้า) อันบริสุทธิ์ตามแนวทางของกัลญานชนมุสลิมในยุคแรกของอิสลาม (6) เน้น หลักเตาฮีดอูลูฮียะฮ (การให้เอกภาพต่อพระผู้เป็นเจ้าในด้านการเคารพสักการะ) และหลักเตาฮีดอัสมาอ วัศศิฟาต (การให้เอกภาพต่อพระผู้เป็นเจ้าด้านนามชื่อ และคุณลักษณะของพระองค์) (7) ต่อต้านสิ่งเหลวไหลและอุตริกรรมทางศาสนาที่แพร่หลายในสังคมอันเนื่องจากความโง่งมงายของผู้คน (8) คัดค้านกลุ่มฏอรีเกาะฮซูฟีย์และกลุ่มมุตะกัลลีมีน และสิ่งอุตริทางศาสนาที่กลุ่มเหล่านี้สร้างขึ้นมา (9) ต่อต้านการทำชีริก (การตั้งภาคี) ต่ออัลลอฮทุกประเภท (10) ต่อต้านการตักลีด (การตามอย่างคนตาบอด) และเรียกร้องสู่การให้ความรู้และการค้นคว้าหาหลักฐาน จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 21:46:19

ความคิดเห็นที่ 5 แก่น คำสอนของวะฮาบีย์ในภาพรวมก็คือ การเรียกร้องให้มุสลิมกลับไปสู่หลักคำสอนอิสลามแบบดั้งเดิมที่บริสุทธ์ ผุดผ่อง หรือคำสอนที่ไม่มีอะไรมาแต่งเติมเสริมขึ้น จากสิ่งที่มีอยู่ในอัล-กุรอาน  และแบบฉบับของศาสนทูต มุฮัมมัด เพราะหลักศรัทธาและแนวทางการปฏิบัติทางศาสนาของชาวมุสลิมไม่สามารถจะเอาไป รวมเข้ากับวัฒนธรรมความเชื่อของศาสนาอื่นได้      ทั้งนี้มิได้หมายความว่า  มุสลิมจะต้องแยกตัวไปอยู่ต่างหาก โดยไม่สามารถอยู่ร่วมกับประชาคมอื่น ๆ ได้ เพียงแต่ว่าจะต้องแยกแยะระหว่างเรื่อง “ศาสนา” ที่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และไม่สามารถเอาไปปะปนกับใครได้ กับเรื่อง “สังคม” ที่ มุสลิมสามารถอยู่ร่วมกับศาสนิกชนอื่นได้ ร่วมงานกันได้ ฯลฯ แต่ต้องเป็นการอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ บนพื้นฐานความดีงามตามที่ศาสนากำหนดขอบเขต หาก มองในแง่นี้ วะฮาบีย์ก็ไม่ใช่ลัทธิแปลกประหลาดอะไร หรือมิใช่ลัทธิที่นิยมความรุนแรงสุดโต่งอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจแต่อย่างใด ในทางกลับกัน คำสอนที่ว่ามานี้ จริง ๆ แล้ว ก็คือมาตรฐานสากลที่สังคมมุสลิมทั่วไปควรให้การยอมรับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 21:49:55

ความคิดเห็นที่ 6 บทสรุป ประชาคมส่วนใหญ่มอง “วะฮาบียะฮฺ” ว่า  เป็นนิกายใหม่  หรือลัทธิใหม่ในอิสลาม และนิยมความรุนแรงเป็นพื้นฐาน    แต่นั่นเป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์ เพราะในวะฮาบียะฮฺไม่มีคำสอนใดที่อุตริ ออกนอกไปจากหลักการของศาสนาอิสลามอันงดงาม  ตรงกันข้ามวะฮาบียะฮฺ มุ่งเรียกร้องผู้คนให้กลับไปสู่หลักคำสอนดั้งเดิมอันบริสุทธิ์ของศาสนาอิสลาม  วะฮาบียะฮ ไม่ส่งเสริมให้ผู้คนแบ่งแยกเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ และเป็นแนวทางแห่งสันติ ขบวนการวะฮาบียะฮฺจึงไม่แตกต่างไปจากขบวนการฟื้นฟูอิสลามอื่น ๆ (ซุนนีย์) ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าแต่อย่างใด  การกล่าวหาว่าขบวนการวะฮาบียะฮฺเป็นขบวนการก่อการร้าย เท่ากับเป็นการกล่าวหาคำ สอนของอิสลามอันบริสุทธิ์ว่าเป็นคำสอนที่ต้องการให้ผู้ปฏิบัติมีความคิดหรือ มีพฤติกรรมเป็นผู้ก่อการร้าย  ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงและไม่อาจยอมรับได้ @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ จบแล้วครับ หวังว่าจะหูตาสว่างกันบ้างนะครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 21:53:41

ความคิดเห็นที่ 7 ผมไปดูละคร ช่อง 3 นะครับ กับ ข่าว 3มิติ จากนั้นคร้อกๆๆ  ฟรี้ๆๆๆๆ   จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 22:08:54

ความคิดเห็นที่ 8 ขอแสดงความยินดี กับนักวอลเลย์บอล หญิงไทย ยอดมากครับ  ที่ชนะจีน ไทยเรา ลำดับ 12 ของโลก ล้ม แชมป์ ลำดับ 5ของโลกได้  เอาไปล้านคะแนนเต็ม ต่อให้ทีมไทย แข่งกับทีม ประเทศมุสลิม ผมก็เชียร์ที่ม ไทยนะครับ  แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 55 22:39:18 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 55 22:27:08

ความคิดเห็นที่ 9 ดังนั้นใคร เอา ประเด็น อัลกออิดะห์ มาเล่น ผมบอกได้เลยว่า ท่าน อ่อน ประวัติศาสตร์ ทางการเมือง ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ประเทศไทยนั้น ตกที่นั่งเดียวกันกับ อัลกออิดะห์ และ มูญาฮิดีน มาก่อน ไปหาประวัติศาสตร์ ไทย มาเจาะลึกมาแคะ ดีไหมครับ ใกล้ตัวเรา จับต้องได้ ถึงแม้นบางคนจะเกิดไม่ทัน หรือยังเป้นวุ้น อยู่เลย ไปนั่งแคะ ตรงนู้นยันอาหรับ  เห็น ก็ไม่ได้เห็น เพ้อฝันไปเรื่อย ตามสื่อ ที่ชี้นำ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 06:22:34

ความคิดเห็นที่ 10 ตามมาที่กระทู้นี้เลยครับ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12665033/Y12665033.html จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 13:51:57

ความคิดเห็นที่ 11 เชควาฮาบีย์ :เราพร้อมอยู่เคียงบ่าเคียงไหลกับพวกท่าน(ยิวไซออนิสต์) เชคอับดุลลอ์ อัตตะมีมี หนึ่งในบรรดาผู้ทรงคุณวุฒิทางศาสนาชาวซะละฟี ได้แสดงทัศนะว่า เราได้กำหนดรางวัลตอบแทนสำหรับการฆ่าซัยยิดฮะซัน นัศรุลลอฮ์ไว้แล้วเพื่อว่าด้วยวิธีการเช่นนี้ เราจะได้รับสถานภาพและเกียรติจากชาวอิสราเอล ตามการรายงานของทีมบริการข่าวเกี่ยวกับศาสนาของญอมนิวส์ ; อัตตะมีมีซึ่งถูกนับว่าเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ทรงคุณวุฒิทางศาสนาผู้มีชื่อเสียงของชาวซะละฟี ในการสนทนากับช่องสองของสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลไซออนิสต์ ในระหว่างการกล่าวแสดงความชื่นชมต่อรัฐบาลไซออนิสต์นั้น เขาได้ปฏิเสธความเป็นศัตรูทุกรูปแบบต่อพวกเขา พร้อมกับกล่าวว่าระหว่างชาววะฮ์ฮาบีและชาวอิสราเอลนั้นไม่เคยมีความเป็นศัตรูต่อกันและจะไม่มีตลอดไป และพวกเขากำลังต่อสู้อยู่ในแนวรบเดียวกัน เขาได้แสดงให้เห็นถึงความเกลียดชังและความเป็นศัตรูของตนที่มีต่อกลุ่มฮิซบุลลอฮ์แห่งเลบานอนโดยกล่าวว่า เราได้กำหนดรางวัลสำหรับการฆ่าซัยยิดฮะซัน นัศรุลลอฮ์ไว้แล้ว เพื่อว่าด้วยวิธีการเช่นนี้ เราจะได้รับสถานภาพและเกียรติจากชาวอิสราเอล สิ่งที่สมควรกล่าวถึงก็คือว่า ชาววะฮ์ฮาบี โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาววาฮาบีของซาอุดิอาระเบียนั้น นับเป็นระยะเวลายาวนานหลายปีมาแล้วที่พวกเขาจับมือร่วมงานกับอิสราเอลเพื่อทำการต่อสู้ต่อต้านชาวมุสลิมผู้ถูกกดขี่ของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนผู้บริสุทธิ์ของเยเมน บาห์เรน อิรักและปากีสถาน ด้วยการทุ่มเงินทุนอย่างมากมายมหาศาลและการส่งกองทัพเข้าไปในบาห์เรนนั้น พวกเขาได้ดำเนินการอย่างมากมายไปในทิศทางของเป้าหมายต่าง ๆ ของอิสราเอล http://www.lovehusain.com/index.php?mo=3&art=41990863 จากคุณ : kaiwe เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 16:37:50

ความคิดเห็นที่ 12 ป่าเถื่อน! ชีอะห์ในปากีสถานถูกลัทธิวาฮาบีทารุณกรรมอย่างโหดเหี้ยม ตามรายงานสำนักข่าวชีอะห์ ออนไลน์ ว่า  ได้เกิดเหตุการณ์อันน่าสลดใจ  กรณีที่ เมาลาวีย์  ชีอะห์ในปากีสถานท่านหนึ่งได้ถูกพวกลัทธิวาฮาบีย์ ซาลาฟีย์ หัวรุนแรงลักพาตัวแล้วทำการทรมานด้วยการตอกตะปูทั่วร่างกาย เหยื่อแห่งความป่าเถื่อน! ดังกล่าว นามว่า เมาลานา ซุลฟีก็อร์ ซึ่งเป็นนักการศาสนาของพี่น้องซุนนีย์ และเพิ่งเข้ามารับชีอะห์ ได้เพียงไม่กี่เดือน  ซึ่งถูกลักพาตัว เมื่อแปดวันที่ผ่านมา ณ. ถนนสายเส้นทาง รอวาลินดีย์  ซึ่งหลังจากที่ถูกลักพาตัวแล้ว ก็ได้ทำการทรมาน ในลักษณะถูกตอกตะปูทั่วร่างกายแล้วโยนทิ้งข้างแม่น้ำนาดีย์ฟูร . ผู้พบเห็นร่างของเมาลานา ดังกล่าว ได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งโชคดีที่ทางพยาบาลช่วยชีวิตทัน  และเมื่อได้สติก็ได้เล่าว่า ถูกพวกลัทธิวาฮาบีย์ ทารุณกรรมในลักษณะป่าเถื่อนเช่นนี้ โดยได้รับคำสั่งจากหัวหน้ากลุ่มวาฮาบีย์ http://www.lovehusain.com/index.php?mo=3&art=41981057 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 55 17:04:07 จากคุณ : kaiwe เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 17:03:45

ความคิดเห็นที่ 13 ซาอุดิอาระเบีย,กาตาร์ ผู้สนับสนุน "ลัทธิวะฮาบีย์" ก่อการร้ายในซีเรีย สำนักข่าว IMM (IMAMIYAH JOURNAL AGENCY) สำนักข่าว IMM : นักเขียนชื่อดังชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งได้เขียนบทความชี้ชัดว่า ซาอุดิอาระเบีย และกาตาร์ ได้ใช้กลุ่ม "ลัทธิวะฮาบีย์" เป็นเครื่องมือในการขยายอิทธิทางการเมืองพลของตนในโลกอิสลาม และก่อการโค่นล้มรัฐบาลบาชัร อัลอะซัด ในซีเรีย สร้างสถานการณ์ความรุนแรงเป็นเหตุให้สุนนี่-ชีอะฮ์เสียชีวิตและบาดเจ็บ "ฟิลลิป ทอเรล" นักเขียนชื่อดังชาวฝรั่งเศส ได้เขียนบทความหนึ่งในวารสารชื่อดัง "Afrique Asie" (เอเฟรคิว เอซีย์) ซึ่งมีเนื้องหาที่ชี้ชัดว่า ซาอุดิอาระเบีย และกาตาร์ ได้ใช้กลุ่ม "ลัทธิวะฮาบีย์" เป็นเครื่องมือในการขยายอิทธิพลทางการเมืองของตนในโลกอิสลาม ในบางช่วงของบทความ "ฟิลลิป ทอเรล" ได้ชี้ให้เห็นว่า "ชาววะฮาบีย์ หรือกลุ่มลัทธิวะฮาบีย์ คือผู้ที่มีความสุดโต่ง ผู้ที่อยู่ในลัทธิดังกล่าว จะประกาศกร้าวทันทีเมื่อพวกเขาพบเห็นผู้ใดก็ตามที่มีหลักความเชื่อไม่เหมือนกับพวกตนว่าเป็น "ผู้ปฏิเสธ" (กาเฟร) มาดแม้นว่าเขาผู้นั้นจะอยู่ในสายธารสุนนี่ก็ตาม" ฟิลลิป ทอเรล ได้เขียนในช่วงหนึ่งของบทความโดยชี้ไปยังกรณีของเหตุการณ์ในประเทศซีเรียว่า "ความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศซีเรีย ณ เวลานี้ จริงๆ แล้วก็มีสาเหตุมาจากการเข้าแทรกแซงของลัทธิวะฮาบีย์ ที่มีได้รับการสนับสนุนจากซาอุดิอาระเบีย และกาตาร์ ทังสองประเทศมีความพยายามอย่างยิ่งยวด โดยการส่งกลุ่มลัทธิวะฮาบีย์หัวรุนแรงเข้าไปก่อการในซีเรีย เพื่อขยายอิทธิพลของตนในซีเรีย" บางส่วนของบทความยังได้ชี้ชัดอีกว่า "ซาอุดิอาระเบีย ได้ทุ่มทุนมหาศาลในการเปิดสถานีโทรทัศน์เผยแพร่ศาสนาตามหลักความเชื่อของตน (ลัทธิวะฮาบีย์) และประมาณ 80% ขององค์กรต่างๆ ของมุสลิมทั่วโลกที่ไม่ได้จดทะเบียนอย่างเป็นทางการ ก็ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากซาอุดิอาระเบีย" ตอนหนึ่งในบทความ "ฟิลลิป ทอเรล" ได้ชี้ชัดว่า "ก่อนหน้านี้มีประชาชนชาวซีเรียได้ออกมาประท้วงรัฐบาลอย่างสงบ ทว่าเมื่อซาอุดิอาระเบีย และกาตาร์ มีแนวความคิดเดียวกัน จึงมีการร่วมมือกันทั้งสองประเทศในการสนับสนุนกลุ่มลัทธิวะฮาบีย์หัวรุนแรง ให้ก่อการโค่นล้มรัฐบาลซีเรียของประธานาธิบดีบาชัร อัลอะซัดขึ้นในซีเรีย จึงทำให้เหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นอย่างมากมาย ณ เวลานี้ แม้ว่าผู้ที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ จะเป็นมุสลิมสุนนี่ก็ตาม" http://www.ahlulbait.org/main/content.php?page=sub&category=11&id=1359 แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 55 17:08:32 จากคุณ : kaiwe เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 17:08:09

ความคิดเห็นที่ 14 คำฟัตวาวาฮาบี อนุญาตให้ชายหนุ่มดูดนมสาวเพื่อเป็นมะห์รอม ตามรายงานสำนักข่าวชีอะห์ออนไลน์ :  เมื่อปีที่ผ่านมา เชค “«عبدالمحسن العبیکان หนึ่งในมุฟตีย์ชื่อดังของวาฮาบีย์สลาฟในซาอุฯ  ได้มีคำฟัตวา ที่แปลกประหลาดโดยอาศัยการพาดพิงยังฮะดิษที่ได้รายงานจาก อะบู ฮูรัยรอฮ์ กรณีที่อนุญาตให้ชายหนุ่มดูดนมสาวได้เพื่อเป็นมะห์รอม ตามคำฟัตวาดังกล่าว หญิงสาวและชายหนุ่มทุกคนที่เป็นนอมะห์รอม และได้ร่วมกันอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งในลักษณะจำเป็นซึ่งไม่มีทางเลือก และไม่มีบุคคลที่สามร่วมอยู่ด้วยนั้น   เพื่อมิให้เกิดการทำบาปและสิ่งชั่วร้ายอันเป็นสิ่งต้องห้าม ถือว่าอนุญาต ให้ชายหนุ่มดังกล่าวสามารถดูดนมหญิงสาวได้ เพื่อกลายเป็นมะห์รอม. ด้วยเหตุนี้ หนังสือพิมพ์ อัลมัชฮัด อียิปต์ ได้ลงข่าว กรณีที่บรรดาอุลามาอฺในอียิปต์ ออกมาประณามและคัดค้านคำฟัตวาดังกล่าวพร้อมกับถือว่าเป็นการเปิดช่องทางในการหลบหนี้และการกระทำสิ่งที่ไม่ดีงามอันผิดศิลธรรมที่ระบาดอย่างแผร่หลายในโลกอาหรับ ตามรายงานที่ได้ระบุ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวได้เคยมีการจับกุมตัวมาแล้วหลายต่อหลายครั้งในประเทศอาหรับโดยเฉพาะในแถบประเทศอ่าว ซึ่งภายหลังจากที่มีการจับกุมและสอบสวนแล้ว จำเลยก็ได้ยกคำฟัตวาดังกล่าวมาแอบอ้าง ว่าเราทั้งสองเป็นมะห์รอมกัน. http://www.lovehusain.com/articles/42018954/%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AE%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B5%20%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A1.html จากคุณ : kaiwe เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 17:11:52

ความคิดเห็นที่ 15 คำฟัตวาวาฮาบีย์ : อนุญาตชมหนังลามก !!! ตามรายงานสำนักข่าวชีอะห์ออนไลน์   เชคอีซา บิน ศอและห์ มุฟตีย์ ชื่อดังชาวซาอุฯ ได้ออกคำฟัตวาใหม่ล่าสุด ว่า  อนุญาต ให้บุคคลที่มีความอ่อนแอทางเพศ (เสื่อมสมรถภาพทางเพศ) ชมหนังลามกได้ แต่มีเงื่อนว่า ผู้แสดงหรือผู้เล่นหนังต้องเป็นมุสลิม !!! ส่วน เชค ญาซีม อัลซะอีดีย์  มุฟตีย์ชื่อดังวาฮาบีย์ในบาห์เรน ออกคำฟัตวาใหม่ล่าสุด ว่า  ตามที่ได้ออกคำฟัตวามาแล้วก่อนหน้านี้  ว่า หากมีวัตถุประสงค์เพื่อขจัดอุปสรรค์ภาวะขาดแคลนงบประมาณ และภาวะแห่งความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในบาห์เรนแล้ว ถือว่าอนุญาตให้มีการค้าขายธุรกิจเครื่องดี่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดและการค้าประเวณี ตามที่จำเป็น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับการอนุญาตจากฮากิม(ผู้ปกครอง) http://www.lovehusain.com/articles/42016103/%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AE%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C%20:%20%20%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%81%20!!!.html จากคุณ : kaiwe เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 17:16:35

ความคิดเห็นที่ 16 นานๆจะเห็นชีอะห์ออกมาแสดงความเห็น ขอตามอ่านนะครับ จากคุณ : พ่อ (chinky) เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 17:48:18

ความคิดเห็นที่ 17 คุณkaiwe ตกลง ที่เอามาโพส เนี่ย เอาของชีอะห์มาทั้งดุ้น แสดงว่าคุณ คือชีอะห์ จำแลงร่างมา ใช่ไหม ผมจะได้ตอบคุณ แบบซุนนีย์ ที่ไม่ใช่ สล้าฟ ตอบคุณ ถ้าใช่ละสนุกเลย เดวมีเพื่อนมาแจมเยอะ แต่ไม่ต้องมาหรอก แค่ตัดแปะ วิเคราะห์ไม่เป้นก็จบข่าว ปล  กระทู้นี้ไม่ใช่กระทู้ดูดนม มายังผิดเรื่องเลยครับ ข่้องใจ เขียนกระทู้เลย จับมาประเด้นนึงเอาให้จบ สักอันนึง จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 16:24:09

ความคิดเห็นที่ 18 เอาง่ายๆก่อน  ใน คห 11  อธิบายมาชัดๆสิครับ สรุปกะได้ ผมมันโง่ สรุปไม่ออก @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ความคิดเห็นที่ 11 MsgStatus(Msv[11], 11); เชควาฮาบีย์ :เราพร้อมอยู่เคียงบ่าเคียงไหลกับพวกท่าน(ยิวไซออนิสต์) เชคอับดุลลอ์ อัตตะมีมี หนึ่งในบรรดาผู้ทรงคุณวุฒิทางศาสนาชาวซะละฟี ได้แสดงทัศนะว่า เราได้กำหนดรางวัลตอบแทนสำหรับการฆ่าซัยยิดฮะซัน นัศรุลลอฮ์ไว้แล้วเพื่อว่าด้วยวิธีการเช่นนี้ เราจะได้รับสถานภาพและเกียรติจากชาวอิสราเอล ตามการรายงานของทีมบริการข่าวเกี่ยวกับศาสนาของญอมนิวส์ ; อัตตะมีมีซึ่งถูกนับว่าเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ทรงคุณวุฒิทางศาสนาผู้มีชื่อเสียงของชาวซะละฟี ในการสนทนากับช่องสองของสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลไซออนิสต์ ในระหว่างการกล่าวแสดงความชื่นชมต่อรัฐบาลไซออนิสต์นั้น เขาได้ปฏิเสธความเป็นศัตรูทุกรูปแบบต่อพวกเขา พร้อมกับกล่าวว่าระหว่างชาววะฮ์ฮาบีและชาวอิสราเอลนั้นไม่เคยมีความเป็นศัตรูต่อกันและจะไม่มีตลอดไป และพวกเขากำลังต่อสู้อยู่ในแนวรบเดียวกัน เขาได้แสดงให้เห็นถึงความเกลียดชังและความเป็นศัตรูของตนที่มีต่อกลุ่มฮิซบุลลอฮ์แห่งเลบานอนโดยกล่าวว่า เราได้กำหนดรางวัลสำหรับการฆ่าซัยยิดฮะซัน นัศรุลลอฮ์ไว้แล้ว เพื่อว่าด้วยวิธีการเช่นนี้ เราจะได้รับสถานภาพและเกียรติจากชาวอิสราเอล สิ่งที่สมควรกล่าวถึงก็คือว่า ชาววะฮ์ฮาบี โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาววาฮาบีของซาอุดิอาระเบียนั้น นับเป็นระยะเวลายาวนานหลายปีมาแล้วที่พวกเขาจับมือร่วมงานกับอิสราเอลเพื่อทำการต่อสู้ต่อต้านชาวมุสลิมผู้ถูกกดขี่ของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนผู้บริสุทธิ์ของเยเมน บาห์เรน อิรักและปากีสถาน ด้วยการทุ่มเงินทุนอย่างมากมายมหาศาลและการส่งกองทัพเข้าไปในบาห์เรนนั้น พวกเขาได้ดำเนินการอย่างมากมายไปในทิศทางของเป้าหมายต่าง ๆ ของอิสราเอล http://www.lovehusain.com/index.php?mo=3&art=41990863 จากคุณ : kaiwe เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 16:37:50 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 16:26:23

ความคิดเห็นที่ 19 ด้วย คห 11  ก็ขัดแย้งกับอาแมท สิ อาแมท บอกว่า วะฮะบียร์ เกิดจากราชวงศ์ซาอุ ต้องการครอบครองโลก ไปๆมาๆ ทำไม กลายเป็นพวกเดียวกันแล้ว อ้าว เวงเลย กลายมาสนับสนุนความคิดผมอีก  ผม งง เจงๆๆว่า ตกลง สนับสนุนแนวคิดผมหรือ แนวคิด อาแมท จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 16:29:07

ความคิดเห็นที่ 20 สรุป ตรงนี้ คือ ทั้ง วะอ์บียร์ ทั้งชีอะห์  พวกไซออนนิสต์ เมกา ทั้งหมด ใช่มะ  ใช่มะ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 16:32:58

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้าตามความเชื่อทั่วไปตามแบบ conspiracy theory เขามองว่า วาฮาบีย์ อัลกออิดะห์ ( AL CIA DA ) ซาอุ กาตาร์ อิสราเอล รัฐอาหรับส่วนใหญ่ เป็นพวกไซออนนิสต์หมดแหละครับ comment youtube ส่วนใหญ่ เขาเชื่อว่า อัลกออิดะห์เป็น CIA ก็เยอะแยะ ที่สำคัญ ศพกัดดาฟีที่เห็น เป็นเพียงตุ๊กตายาง ตัวจริงยังหลบซ่อนตัวอยู่ครับ มีแต่ อิหร่าน เฮซบอลเลาะห์ เท่านั้น ที่คอยพิทักษ์โลกจากไซออนนิสต์ 55555 แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 55 18:15:41 แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 55 18:08:46 แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 55 18:00:52 จากคุณ : kaiwe เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 18:00:06

ความคิดเห็นที่ 22 ไซออนนิสต์ มีความสัมพันธ์อย่างไรกับ สมาคมลับอิลลูมินาติ และแผนการ NEW WORLD ORDER ซึ่งอยู่เบื้องหลัง การเมือง สงคราม ภัยธรรมชาติ โดยเฉพราะแผ่นดินไหว ซึนามิ อย่างไรบ้างครับ ปล. จะบอกว่า สมาคมลับอิลลูมินาติ และแผนการ NEW WORLD ORDER เป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ไม่ได้นะครับ เรื่องนี้พวกฝรั่งกันงอมแงม ข้อมูลใน google มีเพียบ แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 55 18:32:39 จากคุณ : kaiwe เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 18:28:49

ความคิดเห็นที่ 23 เครือข่าย ILLUMINATI จากคุณ : kaiwe เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 18:31:53

ความคิดเห็นที่ 24 คุณ kaiwe ตกลงคุณเป็น ชีอะห์ใช่หรือไม่ สั้นๆ ไม่ต้องยาว แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 55 07:18:13 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 07:17:36

ความคิดเห็นที่ 25 ผมเรียนให้คุณทราบว่า ผมไม่ใช่ วะฮ์บียร์ ใน ตะวันออกกลาง และไม่ใช่ สาย สล้าฟ ในประเทศไทย และผมก็ไม่ใช่ ชีอะห์ แต่ทั้งหมดนี้ ไม่ว่าจะสายใด ถ้าเอาอัลลอฮ์ เอา นบีมูฮำหมัด ไม่ตั้งภาคี ไม่หลุดจากกรอบ ความเป็นมุสลิม ไม่ถล่ม กันเอง หรือไม่พาคนอื่นมาถล่ม ผมถือว่า เป็นพี่น้องกับผม ผมจะไม่โต้ตอบด้วย แต่ถ้าจะคุยกันเรื่อง การเมือง ระหว่างประเทศ หรือภายในประเทศ ด้วยความยินดี ตามคห ของคุณ21-23  นั้น ผมเห้นด้วย แต่ไม่เห้นด้วย บางประการคือ รวม ชีอะห์ เข้าไปด้วย ชีอะห์ในที่นี้หมายถึงชีอะห์ สายเอาการเมือง นำ จะปฏิเสธว่า ชีอะห์ ไม่มีเอี่ยวกับ ไซออนนิสต์ นั้นคงไม่จริง 100 % รบกวน ถอด ตัวตนชีอะห์ ออก มามองโลก แบบคนอยากแก้ปัญหา สายที่ผมยึดถือ อยู่นี่ หรือ คณะเก่า ก้ถูกแทรกแซง จากไซออนนิสต์ แต่เรารู้ทัน มัน และไม่ลงไปเล่นในเกมส์ที่เค้าให้เรา เล่น  แต่เราจะเป็นฝ่ายกำหนดเกมส์ ขึ้นมา ให้ ไซออนนิสต์ เล่น ลัทธิอุตริใน ศาสนาอิสลาม หลายลัทธิ โดยเฉพาะ ในปากีสถาน ในอินเดีย และที่สำคัญที่สุด ใน อียิปต์  นั้น ไซออนนิสต์ เป้นคนสร้างขึ้นมา เพื่อเป้นบัฟเฟอร์ หรือตุ็กตายางเท่านั้น เรือง บินลาเดน ตายนั้น ผมไม่เคยเชื่อ  เพราะทฤษฎี อาชญวิทยา ไม่มีศพ คือไม่ตาย ซัดดัมยังมีหน้าเหมือน เป้นร้อยคน บินลาเดน ทำไมจะมีหน้าเหมือนไม่ได้   สภาโจ้กเมืองไทย หน้าเหมือนเป็นกระตั้ก เสียงยังเหมือนเสียด้วย ด้วยประการดั่งนี้ ผมจึงไม่เชื่อภาพข่าว หรอกครับ วะฮบียร์ ไซออนนิสต์ ใน ประเทศไทยไม่มี ครับ เมื่อก่อนตอนเข้ามาเมืองไทยใหม่ๆ อาจใช่ บางคนรับทรัพย์มา แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วและไม่ใช่ เพราะรู้ทันกัน หมดเวลาของไซออนนิสต์ในไทยแล้วละครับ ถ้าคุณ เป็น ชีอะห์ รบกวน  รู้ทันเกมส์ ของไซออนนิสต์ ที่ร่วมมือ กับ แถวหน้า ชีอะห์ ในอิหร่านด้วย แล้วถอนตัวออกมา เดินตามแนวทางอัลอิสลาม ไม่ตั้งภาคี ไม่พาคนอื่นมาถล่ม มุสลิม ไม่ว่าจะสายเชือกใดก็ตาม   แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 55 07:43:46 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 55 07:40:27 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 55 07:39:33 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 55 07:38:34 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 07:32:58

ความคิดเห็นที่ 26 ---->http://anti-rafidah.** ไม่ใช่ลิควิด **/2011_02_01_archive.html ภาพ 1 ภาพ แทนตัวอักษรนับล้านตัวอักษร แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 55 11:26:35 จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 11:25:16

ความคิดเห็นที่ 27 ---->http://shiahcode.** ไม่ใช่ลิควิด **/2009/04/blog-post_25.html แนบแน่นเสียขนาดนี้ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 11:31:32

ความคิดเห็นที่ 28 ชีอะฮฺรอฟิเฎาะฮฺประกาศลั่นอะลีไม่ต่างอะไรกับพระองค์อัลลอฮฺ! เมื่อเอ่ยถึง อยาตุลลาต อะลีคอมาเนอีย์แล้ว ปีกแห่งความทรนงตนที่อยู่ในกระโหลกกระลาของพวกรอฟิเฎาะฮฺก็จะอ่อนน้อมลงต่อตำแหน่งผู้นำสูงสุดทางศาสนาของพวกเขาที่มีอยู่ในตัวนายอะลี คอมาเนอีย์ ดังนั้นข้อเขียนหรือข้อตัดสิน(ฟัตวา)ใดๆที่นายคอมาเนอีย์ ผู้นี้นำออกมาประกาศย่อมถือเป็นหลักฐานแก่การตักลีด(หลับหูหลับตาตาม) แก่ชาวชีอะฮฺรอฟิเฎาะฮฺทั้งหลาย ชายชราผู้น่าสงสารผู้นี้ได้ฟัตวาไว้ในหนังสือของเขาว่า     คำถามข้อที่ 325 : มีกลุ่ม กลุ่มหนึ่งที่เรียกว่า “อลี อัลลอฮิยะฮฺ” พวกเขาเชื่อว่าท่านอลีไม่ใชอัลลอฮฺ แต่พวกเขาเชื่อว่าท่านอะลีไม่ได้แตกต่างไปกว่าอัลลอฮฺ (เรื่องสิ่งต่างๆ) ดังนั้นอยากทราบว่าข้อตัดสินของท่านเป็นอย่างไรกับคนกลุ่มนี้ครับ? ตอบ ถ้าพวกเขากล่าวว่าท่านอลีมิใช่อัลลอฮฺ ดังนั้นพวกเขาไม่ใช่มุชริก(กาเฟร) กระไรกันเล่ากับผู้นำรอฟิ เฎาะฮฺท่านนี้ที่เขาตัดสินไปว่าคนที่เชื่อว่าท่านอะลีมิได้แตกต่างจากพระ องค์อัลลอฮฺจึงไม่ใช่มุชริกผู้ตั้งภาคี!!! ทั้งๆที่หลักความเชื่อดังกล่าวนี้ขัดแย้งกับมติเอกฉันท์ของอุลามาอ์ทุกกลุ่ม ที่เห็นพ้องว่าผู้ใดศรัทธาว่าพระองค์อัลลอฮฺเสมือนมัคลูกสิ่งถูกสร้างผู้ นั้นย่อมเป็นกาเฟรอย่างชัดเจน แล้วไฉนเลยกับผู้นำรอฟิเฎาะฮฺท่านนี้กลับบอกว่าการเชื่อว่าท่านอะลีไม่ต่าง จากอัลลอฮฺนั้นไม่เป็นไร!!! ทั้งๆที่หลักความเชื่อดังกล่าวขัดแย้งอย่างชัดเจนกับโองการที่ว่า { فَاطِرُ ٱلسَّمَٰوَٰتِ وَٱلأَرْضِ جَعَلَ لَكُم مِّنْ أَنفُسِكُمْ أَزْوَاجاً وَمِنَ ٱلأَنْعَامِ أَزْواجاً يَذْرَؤُكُمْ فِيهِ لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ ٱلسَّمِيعُ ٱلْبَصِيرُ } พระองค์ผู้ทรง สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์ทรงทำให้มีคู่ครองแก่พวกเจ้า จากตัวของพวกเจ้าเอง และจากปศุสัตว์ทรงให้มีคู่ผัวเมีย ด้วยเหตุนี้พระองค์ทรงแพร่พันธุ์พวกเจ้าให้มากมาย ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น (อัชชูรอ:11) บท สรุปจากหลักความเชื่อในเรื่องผู้นำหลังจากท่านนบีหรือ "อิมาม" นี้ก็เพียงพอแล้วที่ท่านจะตัดสินว่าความเชื่อวิตรถารกาลีโลกเช่นนี้มาจาก "แนวทางของนบี" จริงหรือ? และนี่ดอกหรือที่คือเป้าหมายของหลักความเชื่อในเรื่องอิมามหรือผู้นำหลังจา กนบีที่ฝ่ายรอฟิเฎาะฮฺพยายามที่จะหาหลักฐานมาสนับสนุนอย่าง "ฉาบฉวย" จากหะดิษฆอดีรคุมหรือ 12 คอลีฟะฮฺก็ดีทั้งๆที่หะดิษเหล่านี้มีข้อเท็จจริงที่แตกต่างอย่างสุดขั้วจาก หลักความเชื่อเรื่องอิมามของฝ่ายรอฟิเฎาะฮฺ!!! ซึ่งหากจะเปรียบเทียบจุดยืนของพวกรอฟิเฎาะฮฺเกี่ยวกับหลักความเชื่อเรื่อง ผู้นำหลังจากท่านนบีที่พวกเขานิยมหยิบยกหะดิษฆอดีรคุมมานำเสนอจนเป็นผลให้ บางคน "ตาบอด" มองเพียงเรื่องนี้มุมเดียวแล้วด่วนตัดสินว่ารอฟิเฎาะฮฺคือแนวทางที่ถูกต้อง ก็เสมือนกับมีชายอยู่สองคนซึ่งทั้งคู่ต่างจะออกเดินทางโดยสารไปยังจุดหมาย ปลายทางของตน เพียงแต่ว่า คนแรกขี่พาหะนะที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายเพราะ พรบ. หมดอายุ แต่จะขี่ไปละหมาดที่มัสยิด ส่วนอีกคนหนึ่งขี่พาหะนะที่ถูกต้องครบถ้วนทุกอย่าง แต่จะขี่ไปเที่ยวดิสโก้เทค สภาพของรอฟิเฎาะฮฺก็ไม่ต่างอะไรกับชายคนที่สองผู้นี้ ที่หยิบยกหะดิษฉาบฉวยมานำเสนอหลักความเชื่อเรื่องอิมามะฮฺของพวกเขาอย่างดู น่าเชื่อถือจนผู้คนพลอยหลงกันไปหมด ทั้งๆที่เคยมีใครบ้างไหมที่จะถามว่าหลักความเชื่อในเรื่องท่านอะลีได้รับการ แต่งตั้งให้เป็นผู้นำหลังจากนบีหรืออิมามะฮฺของพวกท่านนั้น มีเป้าหมายไปจบที่ไหน? จบที่ความเชื่อซึ่งสรุปได้ว่าบรรดาอิมามหรือผู้นำของพวกท่านคือพระเจ้าใช่ ไหม!!!!? นี่หรือหลักการเรื่องผู้นำที่ท่านเชื่อว่านบีมาสอน!!? { قُلْ يٰأَهْلَ ٱلْكِتَابِ تَعَالَوْاْ إِلَىٰ كَلِمَةٍ سَوَآءٍ بَيْنَنَا وَبَيْنَكُمْ أَلاَّ نَعْبُدَ إِلاَّ ٱللَّهَ وَلاَ نُشْرِكَ بِهِ شَيْئاً وَلاَ يَتَّخِذَ بَعْضُنَا بَعْضاً أَرْبَاباً مِّن دُونِ ٱللَّهِ فَإِن تَوَلَّوْاْ فَقُولُواْ ٱشْهَدُواْ بِأَنَّا مُسْلِمُونَ } จงกล่าว เถิด (มุฮัมมัด) ว่า โอ้บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ ! จงมายังถ้อยคำหนึ่งซึ่งเท่าเทียมกัน ระหว่างเราและพวกท่าน คือว่าเราจะไม่เคาระสักการะนอกจากพระองค์เท่านั้น และเราจะไม่ให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์ และพวกเราบางคนก็จะไม่ยึดถืออีกบางคนเป็นพระเจ้าอื่นจากอัลลอฮ์ แล้วหากพวกเขาผินหลังให้ ก็จงกล่าวเถิดว่า พวกท่านจงเป็นพยานด้วยว่า แท้จริงพวกเราเป็นผู้น้อมตาม (อาลิอิมรอน:64) จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 11:36:30

ความคิดเห็นที่ 29 แหล่งอ้างอิง http://anti-rafidah.** ไม่ใช่ลิควิด **/2011/02/blog-post_19.html ตัดสินชี้ขาด(ฟัตวา)ในหนังสือเล่มนี้ครับ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 11:40:51

ความคิดเห็นที่ 30 นูรี มะลีกี ประธานาธิบดีอิรัคชาวชีอะฮฺเด็กปั้นของบุช จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 11:48:46

ความคิดเห็นที่ 31 ส่วนเรื่องดูหนังโป๊อะไรนั่นผมไม่ทราบความเท็จจริงนะครับเพราะเป็นการอ้างหลักฐานจากทางท่าน และที่สำคัญผู้ที่ท่านอ้างถึง เราก็ไม่รู้จัก และไม่ได้ยึดถือมาเป็นผู้รู้ต้นแบบ ครู หรือแบบอย่าง แต่ถ้าจะอ้างข้อมูลทำนองเดียวกัน ฝ่ายชีอะฮ์เองก็มี ฟัตวาน่าะอายทำนองนี้มากมาย อาทิ ++++ ฟัตวาดูภาพโป๊ได้ศีลธรรมวิบัติของลัทธิชีอะฮฺ!!!   ใครที่เคยเพ่งพินิจพิจารณาว่าลัทธิชีอะฮฺอัรรอฟิเฎาะฮฺคือหนึ่งในมัสฮับหรือนิกายของศาสนาอิสลามก็จงอ่านในสิ่งที่ข้าฯกำลังจะเขียนต่อไปนี้เสียใหม่ เรื่องราวที่ข้าพเจ้าจะเขียนต่อไปนี้หาใช่เกิดจากการนั่งเทียนเขียนอุปโลกน์ ข้อมูลดังที่พวกชีอะฮฺรอฟิเฎาะฮฺมักจะโหมกระพือกลบเกลื่อนความชั่วของพวกเขา อยู่เสมอๆไม่ ซึ่งสิ่งที่ข้าพเจ้าจักได้เขียนต่อไปนี้นั้นล้วนมาจากคำสอนที่ได้ถูกประมวลไว้ในตำราของพวกเขาเองทั้งสิ้น เป็นที่ทราบกันดีว่าในหลักคำสอนของ อิสลามนั้นการเหลือบมองเพศตรงข้ามเป็นสิ่งที่ พึงหลีกห่างและไม่อนุญาตให้ "ชี้โพรงแก่กระรอก" ในเรื่องดังกล่าวอย่างเด็ดขาด กล่าวคือหากเป็นการมองเพศตรงข้ามที่เกิดขึ้นเพียงชั่ววินาทีอย่างเผลอเรอตาม ธรรมชาติของ "หนุ่มๆ" วัยไฟทั้งหลาย ก็ถือเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจและไม่ส่งเสริมให้กระทำแต่ถือว่าไม่เป็นบาป แต่ถึงกระนั้นการพยายามหลีกห่างเรื่องดังกล่าวโดยการไม่มองย่อมถือเป็นสิ่ง ที่ศีลธรรมอิสลามได้สั่งสอนไว้ ดังการดำรัสของพระองค์อัลลอฮฺที่ว่า { قُلْ لِّلْمُؤْمِنِينَ يَغُضُّواْ مِنْ أَبْصَارِهِمْ وَيَحْفَظُواْ فُرُوجَهُمْ ذٰلِكَ أَزْكَىٰ لَهُمْ إِنَّ ٱللَّهَ خَبِيرٌ بِمَا يَصْنَعُونَ } [24:30]จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) แก่บรรดามุอฺมิน ให้พวกเขาลดสายตาของพวกเขาลงต่ำ และให้พวกเขารักษาทวารของพวกเขา นั่นเป็นการบริสุทธิ์ยิ่งแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเขากระทำ เราจะพบว่าจากโองการ ดังกล่าวพระองค์ได้ทรงสั่งใช้ให้ผู้ศรัทธา "ลดสายตาลง" อันหมายถึงการหลีกห่างจากสิ่งยั่วยุดังกล่าว โดยการ "ไม่มอง" มิใช่ "มองแต่ไม่มีอารมณ์นั้นถือว่าไม่เป็นไร" แต่ถึงกระนั้นก็ตามแม้จะมี โองการอัลกุรอานที่วางรูปแบบไว้อย่างชัดเจนถึงเพียงนี้แล้ว บรรดาอิมามผู้เป็นหลักฐานทางศาสนาตามคำแอบอ้างของชีอะฮฺรอฟิเฎาะฮฺก็ยัง กระทำตัวสวนทางกับอัลกุรอานโดยการ สอนว่า "มองแต่ไม่มีอารมณ์นั้นถือว่าไม่เป็นไร" ไปเสียฉิบ!! ดังปรากฏรายงานหะดีษในตำราพวกเขาดังนี้ 6 - محمد بن يحيى، عن أحمد بن محمد، عن علي بن الحكم، عن علي بن سويد قال: قلت لابي الحسن (ع): إني مبتلي بالنظر إلى المرأة الجميلة فيعجبني النظر إليها، فقال لي: يا علي لا بأس إذا عرف الله من نيتك الصدق وإياك والزنا فإنه يمحق البركة و يهلك الدين "รางานจากอะลี บินสุวัยดฺ กล่าวว่า ฉันได้กล่าวแก่อิมามอบุลหะสัน อลัยฮิสสลาม ว่า ฉันประสบปัญหาอันเนื่องจากการมักจะชำเลืองมองไปยังสตรีงามๆ ดังนั้นฉันจึงได้มองไปยังเจ้าหล่อน ท่านอิมามตอบว่า "ไม่เป็นไร" เพราะอัลลอฮฺทรงรู้ถึงเจตนาที่แท้จริงของเจ้า แต่จงระวังการผิดประเวณี เพราะมันจะเป็นสาเหตุให้อีมานพังทลายลง" หนังสือ อัลกาฟี ของ เชคกุลัยนี (บุรุษที่ชีอะฮฺชื่อว่าเป็นตัวแทนของอิมามมะฮฺดี) เล่ม 5 หน้า 542 หมายเลข 6 หนังสือ วะซาอิลุชชีอะฮฺ ของ อบุลหะซัน ฮัรรุลอามิลี เล่ม 20 หน้า 308 หมายเลข 3 จากหะดีษบทนี้มันก่อให้เกิดคำถามตามมาว่า กระไร กันเล่าที่อิมามของรอฟิเฎาะฮฺจึงได้สวนทางกับอัลกุรอานที่ระบุให้ลดสายตาลง แต่ตัวอิมามกลับบอกว่า "ดูได้ไม่เป็นไร" ไปเสียอย่างนั้น ทำไมอิมามของชีอะฮฺรอฟิเฎาะฮฺจึงไม่พูดไปตามอัลกุรอานว่า “มิได้นะจงพยายามลดสายตาลงตำเสียเถิด” แล้วปัญหาก็ตามมาอีกว่า จะให้ระวังการผิดประเวณีอย่างไรกันก็ในเมื่อการมองสตรีงามๆก็ถือเป็นสื่อ หนึ่งไปสู่ความใคร่ทางเพศและเป็นซินาเล็ก??! และจากหะดีษต้นนี้กระมังที่ทำให้อุลามาอ์ใหญ่ของโลกชีอะฮฺ อย่าง ซัยยิดอบุลกอเซ็ม อัลคูอีย์ ผู้เป็นผู้อำนวยการสถาบันศึกษาชีอะฮฺ “อัลเฮาซะฮฺ” ในประเทศอิรัค(ซึ่งหนังสือที่ลัทธิชีอะฮฺแจกจ่ายกันในประเทศไทยชื่อว่า “ในที่สุดข้าพเจ้าก็ได้รับทางนำ” แปล โดย อ.บำรุง อาสาวิมกลกิจ ก็ได้มีการสรรเสริญเยินยออุลามาอ์ชีอะฮฺคนนี้) ได้ฟัตวาไว้ดังนี้ . إذا لم يكن مثيرا للشهوة كما هو المفروض في السؤال جاز، والله العالم. : الفتوى คำถาม: เป็นที่อนุมัติหรือไม่ที่จะมองอย่างจงใจไปยังภาพลามกอนาจาร ซึ่งถ้าหากว่าดูแล้วมันไม่ก่อให้เกิดอารมณ์ทางเพศ คำตอบ : ถ้าหากดูแล้วมันไม่ก่อให้เกิดอารมณ์ทางเพศดังที่กล่าวไปในคำถาม ก็ถือว่าเป็นที่อนุมัติ วัลลอฮุอะอฺลัม (ฟัตวาหมายเลข 9 ในหนังสือ “ศิรอตุนนะญาต” ของ อัลคูอีย์ ในบทที่ชื่อว่า “อัลมุฮัรริมาต อัลเฟี๊ยะอฺลียะฮฺ” ฉบับออนไลน์อ่านได้ที่เว็ปนี้ http://arabic.al-khoei.org/falea.htm ) อิสลามห้ามการดูเอา เราะฮฺของเพศตรงข้าม แต่นี่ชีอะฮฺสอนให้ดูได้แม้กระทั่งภาพโป๊ แล้วดูยังไงไม่เกิดอารมณ์ทางเพศ?? จะให้วิจารณ์บรรยายกันอย่างไรอีก!!!?   รูป : อยาตุลลาต อัล-คูอีย์ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 12:50:28

ความคิดเห็นที่ 32 การทำอนาจารลูกสาวเป็นที่อนุมัติในศาสนาชีอะฮฺ!!!! ฟัตวาต่อไปนี้นำมาจากเว็ปไซต์ของพวกรอฟิเฎาะฮฺชีอะฮฺเอง ซึ่งทางทีมงานของเราได้ทำการเซฟหน้าเว็ปเพื่อเก็ยเป็นหลักฐานไว้ให้ท่านผู้อ่านได้ชมกันเป็นหลักฐาน ฟัตวานี้ถูกฟัตวาโดย อยาตุลลาต อับฏอฮีย์ อุลามาอ์รอฟิเฎาะฮฺคนสำคัญในกาลปัจจุบัน ซึ่งต้องขอขอบคุณท่าน Azzohabie ที่ได้กรุณาแปล ไทยให้เราได้อ่านกัน ถาม : ฉันเป็นผู้หญิงอายุ 15 ปี พ่อของฉันเคร่งศาสนามาก (ชีอะฮฺอิมามมียะฮฺ) เวลาฉันออกจากบ้านก็คลุมฮิญาบ อัลฮั้มดุลิ้ลลาฮฺ แต่พ่อของฉันจูบฉันบ่อยมากที่ระหว่างหน้าอก หรือไม่ก็จูบปาก หรือแม้กระทั่งเข้ามากอดฉันทางด้านหลังแล้วก็จูบฉันที่คอ ดังนั้นฉันก้เลยถามพ่อไปว่า “การกระทำเหล่านี้อนุญาตด้วยหรือ?” พ่อของฉันก็ตอบกลับมาว่า “มันฮารอมถ้าหากว่าทำไปด้วยอารมณ์ทางเพศ แต่ที่พ่อทำก็คือในฐานะความเป็นพ่อ และท่านนบีมูฮำหมัด(ศ็อลฯ) ก็เคยจูบที่ปากของลูกสาวของท่าน(ท่านหญิงฟาตีมะฮฺ) ที่คอ และก็ที่ระหว่างหน้าอกของท่าน และก็จูบแบบใช้ลิ้น เช่นนี้ท่านรอซูลทำลามกกับลูกสาวของท่านหรือปล่าว??? ไม่! และถ้าท่านรอซูลทำนั่นก็แสดงว่าเป็นที่อณุญาติแก่ผู้ที่เป็นพ่อจะทำแบบนั้น กับลูกสาวของเขา!”(ผู้หญิงก็ได้กล่าวตอไปว่า) และพ่อก็บอกต่อมาอีกว่า “พ่อไม่ได้แตะต้องเอาเราะฮฺ(ของลับ) ทั้งทางหน้าและทางด้านหลังเลย และสิ่งที่ไม่ใช่เอาเราะฮฺทั้งหมดนั้นอนุญาตให้มอง, แตะ สัมผัส, หรือจูบได้” และ(ผู้หญิงคนนี้ได้กล่าวต่อไปว่า) “ที่พ่อทำอย่างนี้ก็เพราะว่าจะได้ไม่เป็นห่วงเรื่องตกเป็นเหยื่อของพวก ผู้ชาย, และผู้หญิงที่ยอมปล่อยตัวเขาเองให้แก่ผู้ชายคนใดก็ตามก็คือคนที่ปราศจากความ รักและไม่มีความอ่อนโยนใดๆที่บ้านเลย ดังนั้น(และตอนนี้เธอก็ได้ถาม อยาตุลลอฮฺ อับตาฮีว่า) “การที่พ่อฉันทำแบบนั้มันฮาลาล หรือ ฮารอม? และถ้าหากว่ามันฮารอม ท่านนบีได้ทำอย่างไรกับลูกสาวของท่าน(ท่านหญิงฟาตีมะฮฺ) และขอบคุณสำหรับเว็บไซต์ที่เป็นประโยชน์นี้ คำตอบ ขออัลลอฮฺโปรดประทานความสันติสุขจงมีแด่ท่าน , สิ่งที่พ่อของคุณได้ปฏิบัตินั้นเป็นที่อนุญาต และขอให้มีความอดทนต่อสิ่งที่พ่อของคุณได้ปฏิบัติไป และนั่นคือสิ่งที่อยู่ในหัวอกของเขา อย่าได้คิดไปเช่นอย่างอื่น ยินดีครับ จากคุณ : laliklalee เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 12:55:06

ความคิดเห็นที่ 33 ท่านละลิ้ก เอาแบบนี้มาเยอะๆ ครับ เพื่อนๆที่เข้ามาฟังทุกท่าน เราชาวซุนนฮะวัลญามาอะห์ ไม่ได้มี เป้าประสงค์ ที่จะเบลม ชีอะห์ แต่เรามีเป้าประสงค์ เพื่อ ให้สมาชิก ชีอะห์ ใช้ สามัญสำนึก ว่า การตีความศาสนา นั้น มันฝืนกับ ความมีศีลธรรมหรือไม่ แก่น ของศาสนาอิสลาม ไม่มีแม้นแต่ข้อเดียวที่ฝืนหลักมโนสำนึก ด้านศีลธรรม มีแต่เข้มงวดขึ้นมากๆ  ขันเชนาะมากๆ คิดครับ ว่าสิ่งที่ท่าน ละลิ้ก นำมาเสนอ ในแง่มุม ของลัทธิ ของท่านนั้น มันฝืนต่อหลักมโนสำนึกด้านศีลธรรม ของคนหรือไม่ ไม่มี ในทุกศาสนาที่ จะให้ อนุญาตคนให้ดูหนังโป๋ ได้ และจูบลุกโดยใช้ลิ้น แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 55 20:56:30 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 20:55:36