ความคิดเห็นที่ 1 คำแปล บทสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ บทสรรเสริญ พระพุทธคุณ อิติปิ โส ภะคะวา ( เพราะเหตุอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ) อะระหัง ( เป็นผู้ไกลจากกิเลส ) สัมมาสัมพุทโธ ( เป็นผู้ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง ) วิชชาจะระณะสัมปันโน ( เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ) สุคะโต ( เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี ) โลกะวิทู ( เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง ) อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ ( เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้ อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า ) สัตถา เทวะมนุสสานัง ( เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ) พุทโธ ( เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม ) ภะคะวาติ. ( เป็นผู้มีความจำเริญจำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ ดังนี้ ) บทสรรเสริญ พระธรรมคุณ สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ( พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว ) สันทิฏฐิโก ( เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง ) อะกาลิโก ( เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล ) เอหิปัสสิโก ( เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด ) โอปะนะยิโก ( เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว ) ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติ. ( เป็นสิ่งที่ผู้รู้ พึงรู้ได้เฉพาะตน ดังนี้ ฯ ) บทสรรเสริญ พระสังฆคุณ สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว ) อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติตรงแล้ว ) ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว ) สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว ) ยะทิทัง ( ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ ) จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา ( คู่แห่งบุรุษสี่คู่ นับเรียงตัวได้แปดบุรุษ ) เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ( นั่นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ) อาหุเนยโย ( เป็นผู้ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา ) ปาหุเนยโย ( เป็นผู้ควรแก่สักการะที่จัดไว้ต้อนรับ ) ทักขิเณยโย ( เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน ) อัญชะลีกะระณีโย ( เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี ) อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ. ( เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้ ) จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 11:46:36

ความคิดเห็นที่ 2 บางครั้ง สิ่งเร้นลับที่เจอ ก้ออาจจะเป็นเพื่อประโยชน์ ในทางธรรมของคุณก้อได้นะครับ แต่ถ้าไม่อยากเจอ ให้ลอง อธิษฐานก่อน สวดมนต์สิครับ เริ่มด้วย อาราธนาศีลห้า แล้วกล่าวว่า ขอบารมีพระรัตนตรับ บิดามารดา ครูอาจารย์มาเป็นเกราะแก้ว ช่วยให้ ดิฉัน (ลูกช้าง) สวดมนต์ได้โดยไม่ต้อเจอสิ่งเร้นลับ (หรือถ้าหากสิ่งเร้นลับจะเป็นประโยชน์ ต่อลูกช้างแล้วไซร้ ขอให้เจอเฉพาะในลักษณะที่งดงามดีๆ) จากคุณ : รู้คุณ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 11:47:11

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าเจอสิ่งเร้นลับจริง คงเป็นเทวดามาอนุโมทนาชื่นชมที่คุณสรรเสริญพระรัตนตรัยมั้งครับ ดูความหมายด้านบนสิครับ จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 11:47:45

ความคิดเห็นที่ 4 หลังสวด ลองตั้งใจอุทิศบุญกุศลที่ได้จากการสวดทั้งหมด ให้แก่ทุกดวงจิตที่ปรารถนาบุญกุศลนี้ ไม่ว่าจะเกี่ยวเนื่องกับเราในทางใด ขอให้ทุกท่านจงโมทนาบุญนี้ และหากไม่เกินวิสัย ขออย่าได้ทำให้เรารู้สึกถึงการมีอยู่ของท่านอีกเลย นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป จากคุณ : แมวเปอร์เซีย เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 11:51:13

ความคิดเห็นที่ 5 สวดต่อค่ะ จากคุณ : กอบัวสวรรค์ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 12:12:21

ความคิดเห็นที่ 6 สวดยวด สวดต่อครับ จากคุณ : helzblueboy เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 12:24:29

ความคิดเห็นที่ 7 ตาม คห.4เลยครับ คุณคงไม่ได้แผ่ส่วนกุศล ญาติๆเขามาบอกคุณ ว่าอีหนูบอกบุญญาติพี่น้องมั่ง หวงไว้คนเดียวเดี๋ยวจาหลอกให้หัวโกร๋นเลย ^ ^ จากคุณ : เหนือฟ้าเหมันต์ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 12:29:02

ความคิดเห็นที่ 8 ขอโอกาสท่าน จขกท. ท่านทั้งหลายได้แสดงมานั้นดีแล้ว  ขอเสริมว่าทำความเข้าใจให้เกิดปัญญากับสิ่งที่ประสบ...เมื่อเข้าใจก็จะปล่อยวางไป  แก้ไขให้ถึงเหตุ..เหตุคือความไม่รู้ ขอโปรดพิจารณา.... จากคุณ : Cathode_tube เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 12:36:17

ความคิดเห็นที่ 9 สาธุที่หมั่นสวดมนต์ค่ะ   ---ข้อความนี้คัดลอกมาฝากค่ะเผื่อมีประโยชน์---- ชาวพุทธเรา...สวดมนต์กันมาก สวดผิดบ้าง ถูกบ้าง สวดสิ่งที่ควรสวดบ้าง สวดสิ่งที่ไม่ควรสวดบ้าง นั่นเพราะความไม่รู้ จึงแล้วแต่ผู้ที่ตนเคารพนับถือจะแนะนำให้สวดอะไรก็สวดตามกันไป การสวดมนต์นั้น จริงแล้วเป็น "วิธีการ" ในการทำจิตให้สงบ ไม่ใช่ "พิธีการ" วิธีการและพิธีการนั้นแตกต่างกันอย่างไร ดังจะได้กล่าวถึงต่อไป การสวดมนต์ เป็นวิธีการในการทำจิตให้สงบ เป็นบริกรรมสมาธิ ถ้าจุดมุ่งหมายอย่างนี้แล้ว...สวดอะไรก็ได้เพื่อให้จิตสงบ คือ เป็นการทำสมาธิโดยการบริกรรม สวดเบาๆ สิ้นมนต์ไปบทหนึ่งๆ ว่าซ้ำๆ จนจิตใจจดจ่อ จะสวดบทเดียวหรือหลายบทก็ได้ ให้จิตใจจดจ่อกับบทสวดแล้วเป็นอันใช้ได้ ตัวอย่างบทสวดที่นิยมกันทั้งในฝ่ายพระและฝ่ายฆราวาส เป็นบทที่ดี เช่น บทพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ เป็นต้น ถ้าสวดคนเดียว ต้องการสมาธิ จะสวดซ้ำไปมากี่เที่ยวก็ได้ ---จากกระทู้ สวดมนต์เพื่ออะไร  http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=28&t=40488 จากคุณ : คุณหนูขาวมณี เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 13:14:44

ความคิดเห็นที่ 10 เราชอบบทนี้นะคะ สวดแล้วจิตเป็นสมาธิดี หลวงพ่อจรัญท่านว่า สวดมนต์เพื่อให้จิตใจสงบค่ะ ไม่ได้สวดเอาอะไร อนุโมทนากับการสวดมนต์เป็นประจำด้วยค่ะ จากคุณ : I know who am i เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 13:36:56

ความคิดเห็นที่ 11 แบ่งประสบการณ์ส่วนตัว  นะครับ ข้อ  1  การสวดมนต์ของท่านเจ้าของกระทู้  เป็นธรรมกุศล  ที่เรียกว่า  สัมมาวาจา เป็นธรรมที่อยู่ในหมวด  อริยมรรค  เป็นธรรมกุศล  ที่ควรปฏิบัติให้ถึงพร้อม  ไม่ควรหยุดครับ ให้สวดมนต์ต่อไป  เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ  ทุกวัน  เท่าที่กระทำได้ ข้อ  2  การได้ประสบกับสิ่งที่เรียกว่า  “......สิ่งเร้นลับ......”  เป็นเรื่องปกติของบุคคลบางคน ที่เรียกแบบชาวบ้านว่า  “......สัมผัสที่หก......” ข้อ  3  “......สัมผัสที่หก......”  ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย  เป็นโอกาสดีที่ทำให้เรามีการเตรียมพร้อม ในการใช้ความระมัดระวังในการดำเนินชีวิต  ประจำวัน  ที่เรียกว่า  สัมมาสติ ข้อ  4  “......สัมผัสที่หก......”  ผมมีเช่นเดียวกับท่านเจ้าของกระทู้  บ่อยครั้งที่ “......สัมผัสที่หก......”  ช่วยให้ผมผ่านพ้นปัญหาอุปสรรคในชีวิต  ประจำวัน   ข้อ  5  การสัมผัสกับ  “......สิ่งเร้นลับ......”  บางครั้ง  เป็นเรื่องความทุกข์  ความยากลำบาก ของพวกเค้า  เป็นสิ่งที่เราควร  ให้ความช่วยเหลือ  หรือ  อนุเคราะห์  เท่าที่จะทำได้ แล้วจะมาเล่าต่อนะครับ จากคุณ : สัมมาทิฏฐิ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 13:50:41

ความคิดเห็นที่ 12 มาเล่าต่อครับ ข้อ  6  ตัวอย่างบางส่วน  ผมจะตักบาตรพระสงฆ์  ตามกำลังทรัพย์  โดยแบ่งเป็น สองชุด  และพยายามทำเมื่อมีโอกาส  ดังนี้ ชุดที่หนึ่ง  จำนวน  1  ถึง  3  รูป  คุณจะอธิษฐานสิ่งใดตามที่คุณปรารถนาก็ได้ ชุดที่สอง  จำนวน  1  ถึง  3  รูป  เมื่อตักบาตรเสร็จแล้ว  ให้เจริญเมตตาจิต   และอุทิศส่วนกุศล  ตามข้อ  7 แล้วจะมาเล่าต่อนะครับ จากคุณ : สัมมาทิฏฐิ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 14:01:31

ความคิดเห็นที่ 13 มาเล่าต่อครับ ข้อ  7  การอุทิศส่วนกุศล  ให้กรวดน้ำ  และ  อธิษฐาน  ดังนี้     “......สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์  เกิด  แก่  เจ็บ  ตาย  ด้วยกันหมดทั้งสิ้น   ขอให้อยู่เป็นสุข เป็นสุข  เถิด  อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย สัตว์โลกทั้งหลาย  เหล่าใด ที่ตั้งอยู่ในทิศทั้งสี่ ที่รู้จักก็ดี  ที่ไม่รู้จักก็ดี   ที่เป็นมิตรก็ดี  ที่เป็นศัตรูก็ดี ที่หลับอยู่ก็ดี  ที่ตื่นอยู่ก็ดี   ที่มองเห็นก็ดี  ที่มองไม่เห็นก็ดี ที่อยู่ในเรือนก็ดี  ที่อยู่นอกเรือนก็ดี ที่อยู่ในที่ใกล้ก็ดี  ที่อยู่ในที่ไกลก็ดี ขอให้ได้รับอานิสงค์แห่งผลบุญ  และ  ความเมตตาที่ข้าพเจ้าอุทิศให้ไปนี้   ขอจงเป็นผู้ปราศจากทุกข์  ขอจงเป็นผู้ปราศจากเวรซึ่งกันและกัน สัตว์โลกทั้งหลาย  เหล่าใด ผู้ที่ต้องทุกข์  ขอให้พ้นจากทุกข์ ผู้ที่พ้นจากทุกข์แล้ว  ขออย่าได้กลับเป็นทุกข์อีก ผู้ที่ไม่เป็นสุข  ขอให้ได้เป็นสุข ผู้ที่เป็นสุขอยู่แล้ว  ขอให้ได้เป็นสุขยิ่งขึ้นไป......” ขอให้เจริญในธรรมนะครับ จากคุณ : สัมมาทิฏฐิ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 14:04:29

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นนะค่ะ จริงๆแล้วไม่ค่อยกล้าตั้ง เพราะคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องที่ไร้สาระ เพราะสวดมนต์แล้วจะเจอสิ่งเร้นลับได้อย่างไร เราไม่กล้าแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ค่ะ กลัวจะเจอแรงยิ่งกว่าสวดอิติปิโส ไม่กล้าสวดพาหุง ชินบัญชรหรือมหากาด้วยค่ะ เพราะเคยโดนทักว่ามือใหม่ ใจไม่นิ่งอย่าสวดเด็ดขาด สรุปเราขี้ขลาดมากเลยค่ะ กลัวเจอสุดๆค่ะ จากคุณ : Miracles in my life เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 14:48:13

ความคิดเห็นที่ 15 กลับมาอ่านกระทู้สงสัยค่ะ ว่าใครทักว่าใจไม่นิ่งอย่าสวด ?? ตัวเราเองสวดมนต์ตั้งแต่เด็กๆๆ อายุ 10 กว่าๆๆ เราก็เริ่มสวดชินบัญชรแล้ว สวดไปแต่ปากนั่นแหละค่ะ ไม่ได้มีสมาธิอะไร แม่บอกว่าสวดแล้วจะเรียนเก่ง ก็เลยขยันสวดใหญ่เลย แนะนำให้สวดไปเลยค่ะ ลองดูว่าจะเจอจริงหรือเปล่า ?? ไม่ใช่ท้ากับเค้านะคะ แต่เราเชื่อว่าถ้าเราสร้างกุศลไม่มีทางที่เหตุร้ายจะเกิดกับเราแน่นอน ยกเว้นว่ามันเป็นกรรมของเราเอง อันนั้นเราก็ควรรับผลของมัน จากคุณ : I know who am i เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 14:57:19

ความคิดเห็นที่ 16 เรียน คุณ I know who am i โดนทักจากพี่ที่ทำงานค่ะ เพราะเห็นเค้าสวดและเข้าถึงธรรมมากกว่าเรา เราเพิ่งมาสวดมนต์เอาช่วงที่มีมรสุมและย้ายสถานที่พักค่ะ  ช่วง 3-4 เดือนนี้่ค่ะ จากคุณ : Miracles in my life เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 15:09:08

ความคิดเห็นที่ 17 อย่าลืมถือศีล และฝึกเจริญสติด้วยครับ จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 15:40:35

ความคิดเห็นที่ 18 แผ่เมตตาเถอะค่ะ เราแผ่ทุกวัน แล้วรู้สึกว่ามีคนมาอนุโมทนาบุญเราด้วยทุกวัน จากคุณ : =U_U= PoRpLe เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 16:58:21

ความคิดเห็นที่ 19 บทกรวดน้ำหายไปบทนึง ว่าแต่สวดแล้วเจอจริงเหรอ ผมสวดทำวัตรเช้าเย็น ไม่เห็นเจอไรเลย จากคุณ : muk_22 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 18:25:30

ความคิดเห็นที่ 20 เท่าที่อ่านมา ขาดบทที่สำคัญที่สุดคือแผ่เมตตา และอุทิศส่วนกุศลครับ เป็นสองบทที่ขาดไม่ได้ครับ แต่การสวดมนต์นั้นดีอยู่แล้วครับ ส่วนเรื่องฝัน มันเป็นธรรมดาของคนใฝ่ธรรมครับ เทพมักจะมาสังหรณ์ หรือการทำใจสงบแล้วนอน จิตเขาจะล่วงรู้อนาคตได้ของเขาเอง นับว่า จขกท. มีของเก่ามามาก สมควรสวดมนต์เจริญกรรมฐานจริงจังเสียทีครับ ถ้ากลัวหลงทางไปหาครูบาอาจารย์ให้ท่านแนะนำครับ จากคุณ : สติ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 19:23:29

ความคิดเห็นที่ 21 แม่นแล้วครับ น่าอิจฉาเป็นอย่างยิ่ง ตัวผมพยายามแล้วพยายามอีกให้เห็นสิ่งเหนือธรรมชาติ ทั้งนั่งสมาธิท้ังอธิษฐาน ไม่เคยสัมผัสเรื่องพวกนี้เลย คนไม่อยากเห็นดันเห็น คนอยากเห็นไม่ได้เห็น เฮ้อ จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 19:59:27

ความคิดเห็นที่ 22 สวดมนต์ให้ถูกพุทธ การสวดมนต์นั้นมีดีก็ได้ มีร้ายก็ด้วย แล้วแต่ว่าจะสวดมนต์กันยังไง บางคนสวดมนต์ได้นรกก็มี บางคนสวดมนต์ได้สวรรค์ก็มี แล้วบางคนสวดมนต์จนบรรลุธรรมก็มี แล้วคุณล่ะสวดแบบไหน? http://www.asoke.info/pdf_book/055_asoke.pdf http://www.ebookasoke.2logspot.com/2012/05/blog-post_349.html แก้ใขลิ้งค์   เปลี่ยน  2  เป็น  b   ก่อนไป แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 55 20:14:54 จากคุณ : P2wichai เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 20:10:34

ความคิดเห็นที่ 23 เวลาสวดมนต์เรามักเจอก่อกวนคล้าย ๆ กันกัับที่คุณเจ้าของกระทู้เจอ แต่ก่อนเราต้องวิ่งหนีจากห้องตัวเองลงมาข้างล่างกลางดึก  จนมาพอวันพระล่าสุด เราคิดว่าเราพอจะจับทางได้ ว่าน่าจะมีสาเหตุ เรามาพิจารณาดู เราถึงทราบว่า สาเหตุจริง ๆ (ที่เราลองคิดดู)คือ ในเวลาที่สวดมนต์ "เค้า" เหมือนจะรู้ว่ามีคนทำบุญ คนที่สวดมนต์เค้าต้องทำบุญแน่นอน และเค้าจะมาในเวลาสวดมนต์ก็เพื่อที่จะแสดงตัวว่า "ฉันรู้ว่าคุณเป็นคนทำบุญนะ ถ้าคุณจะกรุณา คุณทำให้ฉันที ฉันหาบ้านอื่น ๆ ก็ไม่เห็นใครทำบุญเลย ฉันเห็นคุณสวดฉันเลยมาหาคุณ" กับกรณีที่สอง "ได้เวลาที่เธอจะต้องชดเชยสิ่งที่เคยทำกับฉันแล้วนะ" ในกรณีของเจ้ากรรมนายเวร ทั้งสองกรณี เราเลยทดลองดู ในคืนวันพระที่ผ่านมา ปรากฎว่าสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น ก่อนขึ้นไปห้องพระทุกวันพระ เราจะรู้สึกวังเวง น่ากลัว เหมือนมีคนคอยมอง คอยตามหลัง  เรารู้ว่าเื่มื่อเช้าเราได้ใส่บาตรมาและได้ัตั้งกระทู้ธรรมะในเวปไซด์ เราเลยอธิษฐานจิตแผ่ส่วนกุศลที่ได้ให้ธรรมทานและอามิสทาน กับเทวดา ตอนที่เราอุทิศให้กับเทวดา เรารู้สึกว่ามีอะไรมารอบ ๆ ตัวเรา มากขึ้น ๆ รู้สึกหเมือนว่าไม่ได้อยู่คนเดียว เราเลยกล่าวไปด้วยว่า ขอให้เทวดาที่อยู่รอบกายข้าพเจ้า ได้รับผลบุญด้วย พอเรากล่าว ก็เกิดปีติขึ้น  และขอให้เจ้ากรรมนายเวรถ้ามี ช่วยมารับผลบุญด้วย และที่สำคัญ เราได้บอกว่า ถ้าเราได้เคยล่วงเกินเจ้ากรรมนายเวรท่านได้มาตั้งแต่อดีตชาติหรือในปัจจุบันชาติก็ตามในสิ่งที่เรารู้เท่าไม่ถึงการณ์ เราขอให้ท่านได้อโหสิกรรมให้อภัยเราด้วย ในวินาทีนั้นเรารู้สึกเหมือนมีอะไรเต็มไปหมดรอบ ๆ ตัวเรา แต่ปรกติก็เป็นอย่างนี้ประจำในคืนวันพระ แต่เมื่อเรากล่าวคำขอขมา เราได้ก้มลงไปกราบ 1 ครั้ง แต่กราบแบบไม่แบมือ  เพื่อแสดงออกว่า เราขอโทษนะ ขอโทษจริง ๆ เราขอกราบนี้เพื่อขอขมา ถ้าท่านได้รู้   พอเราก้มลงไปกราบเท่านั้น ปีิติมาจากไหนไม่รู้รอบ ๆ กายของเรา เหมือนเราพ้นแล้ว เหมือนเราได้ัรับการอภัย   จากนั้นเราออกจากห้องพระรู้สึกโล่ง สบาย ลองทำดูนะคะ 1. ทำบุญให้กับเทวดา  ในข้อนี้ควรกล่าวอัญเชิญเทวดาทั้งหมด และโดยเฉพาะผีบ้านผีเรือน ให้เกียรติกับเค้าค่ะ 2. บุญเดียวกันนี้เอง อุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวรด้วย เรียกเค้ามา และขอขมาเค้าด้วยการกราบเค้า ไม่ต้องแบมือ เหมือนการกราบศพ ให้เค้าได้เห็นค่ะ จากนั้นเราจะดีขึ้น จากคุณ : Serene_Angelic เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 21:07:45

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณทุกๆท่านอีกครั้งค่ะ สำหรับคำแนะนำดีๆ เมื่อคืนสวดอิติปิโสอีกครั้ง พร้อมกับชัยปริต ขาดแต่ชินบัญชร ตอนแรกว่าจะเปิดยูทูปไปด้วยกัน เพราะยังจับจังหวะไม่ค่อยได้ ตอนสุดท้ายมีแผ่เมตตาสรรพสัตว์ กรวดน้ำและขออโหสิกรรม แต่ยังนอนกระสับการส่ายเหมือนเดิม สงสัยจะไม่พอ เมื่อเช้าเลยตักบาตรให้เพิ่มไปอีก ครั้งหน้านี่ สงสัยต้องทำวัตรเย็นให้หรือเปล่า ยังไม่แน่ใจ ส่วนเรื่องฝัน นับว่าเป็นเรื่องแปลกที่ฝันเป็นลาง แถมเป็นจริง ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้นแล้วค่ะ รู้สึกโชคดีที่ทักพ่อแม่เรา และหาวิธีแก้ไขได้ทัน ไม่งันบ้านเราคงสูญเสียญาติผู้ใหญ่ไป ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งค่ะ ได้ความรู้มากมายจริงๆ จริงๆแล้วเจอสิ่งเร้นลับหลายครั้งแล้ว ยังไม่ชินค่ะ แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 55 10:32:14 จากคุณ : Miracles in my life เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 10:26:29

ความคิดเห็นที่ 25 เดี๋ยวก็ชินครับ แต่ก่อนผมก็ไม่ชิน แต่เดี๋ยวนี้ไหว้พระสวดมนต์เจริญภาวนาเป็นประจำ เลยเริ่มชินกับความฝันที่แม่นเปะๆแล้วครับ จากคุณ : สติ เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 22:50:21

ความคิดเห็นที่ 26 สวดเลยค่ะ สิ่งเร้นลับนั้นของดีแน่ๆ (ถ้ามีจริง) เราตอนสวดมนต์ใหม่ๆแบบสวดแทบจะทุกวันเลย ก็เจอแบบอะไรแปลกๆล่ะค่ะ กลิ่น เสียง มาบ่อยๆ ขาดแต่รูป (ดีละที่ไม่มา 555) หลังจากสวดมนต์บ่อย สิ่งที่เห็นว่าเปลียนแปลงในชีวิตคือ สติดีขึ้น สำรวมมากขึ้น มีความอดทนมากขึ้น ความละอายต่อบาปสูงมากๆๆๆๆ และเวลาเจออุปสรรค หรือต้องการอะไร ทุกอย่างจะราบรื่น จนคิดว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยค่ะ.. คนใกล้ตัวสงสัยมีเทวดาคุ้มครองเรา แต่เราไม่เชื่อนะ แต่ตอนนี้ชักจะเชื่อแระ เพราะมันมีเรื่อง บังเอิญ และไม่น่าจะเป็นไปได้เกิดขึ้นประจำ ไงขออนุโมทนากะคุณ จขกท.ด้วยนะคะ...^^ จากคุณ : clear_blue เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 15:08:32