ความคิดเห็นที่ 1 พระอาจารย์เจ๋งมากครับ หักมุมสุดๆ เป็นผมๆก็อยากได้พระอาจารย์แบบนี้ครับ จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 22:12:01

ความคิดเห็นที่ 2 ชอบมากๆครับ นับเป็นสิ่งทีดีที่ยึดได้ดีมากๆเลยครับ ไม่ถือเอาวัตถุเป็สรณะ แต่เอาพระธรรมเป็นสรณะ ขออนุโมทนาด้วยนะครับ จากคุณ : ช้างป่าเข้ากรุง เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 55 22:13:48

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่นานมานี้ผมก็พึ่งได้พระธาตุเป็นคร้้งแรกมาเหมือนกัน อ่านเรื่องราวนี้แล้วทำให้ผมได้ฉุกคิด ขอบคุณ จขกท มากๆนะครับ จากคุณ : กุญแจสีน้ำเงิน เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 00:09:44

ความคิดเห็นที่ 5 แต่ทุกวันนี้ ผมก็ยังห้อยพระธาตุไว้อยู่นะครับ ผมถือว่าเป็นเครื่องเตือนใจไม่ให้ผมกระทำการอกุศล จะบอกว่า ได้ผลดีมากครับ จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 01:11:33

ความคิดเห็นที่ 6 ขออภัยกิ๊ฟหมด ใครคิดได้แบบเจ้าของกระทู้ คุณ คนที่รักเธอ ดีมากเลยครับ แต่อย่าถึงกับเอาพระพุทธรูปไปเผาเลยนะครับ ผมขอร้อง จากคุณ : แมงกุ๊ดจี่ เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 07:42:17

ความคิดเห็นที่ 7 ตั้งใจจริง ตอนที่จะต้องไปสอนคนอื่นๆครับ จากคุณ : view2306 เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 08:08:41

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นชื่อกระทู้ ยอมรับว่าทีแรกไม่คลิกเข้ามาอ่านเลยคะ นึกว่าเป็นกระทู้ที่ทำให้เกิดอกุศลจิต เป็นนโยบายส่วนตัว คงเหมือนกับหลายๆท่านอะคะ ที่จะไม่เข้ามาอ่านกระทู้ที่ทำให้เกิดอกุศลจิต แต่ยังไงไม่รู้ คลิกเข้ามาอ่านจนได้ ^ ^! กะจะอ่านแพลมๆให้พอรู้ว่าเรื่องอะไร แล้วก็จะปิดไป แต่พออ่านจบแล้วก็อืม  ยิ้ม ขอบคุณมากนะคะที่นำมาเล่าสู่กันฟัง อ่านแล้วดีจังเลย . จากคุณ : อาณาจักรสีเขียว เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 11:00:11

ความคิดเห็นที่ 9 ตอนที่คุณ คนที่รักเธอ เล่าว่า "...เธอควรลองมาปฏิบัติธรรมกับอาจารย์ดูก่อน เราจะสอนเธอได้มั้ยเป็นเรื่องของกรรมที่เกื้อหนุนกันมาแล้วล่ะ..." พออ่านประโยคนี้ แล้วทำให้ฉุกคิดถึงกรณีของตัวเองในหลายๆอย่างเลย ...ในช่วงเวลาที่ผ่านมา... สงสัยเราต้องปรับต้องจูนอะไรบางอย่างในตัวเองแล้ว... (-/\-) ขอบคุณมากคะ อนุโมทนาด้วย . จากคุณ : อาณาจักรสีเขียว เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 11:03:09

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณมากครับ  เป็นบทความที่ทำให้ใจเกิดปิติ ทำให้สติ เกิดขึ้น    ขอบคุณจริงๆครับ จากคุณ : OnceWakeUp เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 11:48:39

ความคิดเห็นที่ 11 เรื่องนี้ถ้าเอาไปลงบางเว็บที่บูชาพระเครื่อง เชื่อเรื่องพระธาตุ จะกลายเป็นบุคคลประหลาด สำหรับเรายังบูชาพระธาตุ กราบพระพุทธรูป และก็หมั่นปฏิบัติ กำลังร่วมสร้างเจดีย์เพื่อบรรจุพระธาตุพระอรหันต์ที่ภูผาแดง ***************** ***### ขากลับแวะซื้อขนมกินที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งเจอพระจีวรสีกรักซื้อของในร้านสะดวกซื้อแห่งนั้น แอบเดินตามครับแล้วแอบดูว่าซื้อของสะสมกามหรือไม่ แอบดูอยู่ไกลๆและเงียบๆ จนแน่ใจว่าท่านซื้อแค่พวกน้ำปานะจริงๆพอท่านเดินไปจ่ายตังค์ ผมก็เข้าไปปาดหน้าท่านที่แคชเชียร์และบอกว่าหมดนี่ผมเลี้ยงท่านเองครับหมดเลย ป๋า...มากครับสิ่งที่ทำ พระธาตุต้องงอกแน่ๆเลยสิ่งเลี้ยงใจของผมอยู่ในกระเป๋าเสื้อ พออกมาถามท่านว่าจะกลับวัดไหมจะได้ไปส่งเลย จึงไปส่งท่านแม้ไม่ใช่ทางผ่าน           #### ข้อสังเกต จากข้อความข้างบนนี้  พระสงฆ์รูปนี้ยังมีข้อที่น่าสงสัยว่าท่านถือเงินเอง ใช่หรือไม่ จึงถือเงินหรือปัจจัยไปจ่ายที่เคาเตอร์เองได้ ถ้างั้น ท่านเป็นพระที่รักษาวินัยได้เคร่งครัดพอหรือยัง แล้วคำสอนของท่าน ถึงได้ฟันธงว่า พระธาตุเป็นของมาร ฟังดูประหลาดๆ แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 55 12:27:06 จากคุณ : จางปาง เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 12:19:25

ความคิดเห็นที่ 12 ได้ยินว่าคนไม่ดี ไม่มีศีลธรรม พระธาตุก็ไม่อยู่ด้วยนะ อยู่ๆก็หายไปเลย ไม่รู้จริงไหม จากคุณ : นักฆ่าดาบเดียว เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 12:20:39

ความคิดเห็นที่ 13 เข้ามาอ่านแล้วทำให้รู้สึกว่า เรายังยึดติดกับอะไรหลายสิ่งหลายอย่าง อย่างมาก  จะพยายามค่อยๆปลดออกค่ะ ขอบคุณ จขกท นะคะ จากคุณ : รับตังค์ เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 13:14:04

ความคิดเห็นที่ 14 เรื่องพระธาตุ เิพิ่มจำนวนได้ มีจริงๆเหรอครับ ผมเคยได้ยินมาเหมือนกัน จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 13:35:51

ความคิดเห็นที่ 15 ก่อนที่พระพุทธจ้าจะปรินิพพาน ท่านให้ถือพระธรรมวินัยเป็นตัวแทนของท่าน ไม่ได้สอนให้ยึดพระธาตุของใครเป็นที่พึ่ง :) จากคุณ : ทุกวินาที เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 14:27:46

ความคิดเห็นที่ 16 ลูกศิษย์เอามาใส่ไว้ ก็เท่านั้น จากคุณ : RouteRaideR เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 14:33:11

ความคิดเห็นที่ 17 ตามความเห็นของผม  คิดว่าท่านน่าจะอธิบายแค่ว่าอย่าไปยึดติดกับ  อามิสบูชาหรือวัตถุบูชาอย่างเดียวก็พอ   ไม่น่าไปว่า  ว่าพระธาตุนี้เป็นของมารเลย  เพราะผมว่าพูดอย่างนี้มันเหมือนกับเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยยังไงไม่รู้สิครับ จากคุณ : wutthitham เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 14:34:11

ความคิดเห็นที่ 18 โอ้ย..ผมละเบื่อประเภทอ่านหนังสือตีความไม่แตกแล้วมาโน่นนี่นั่น ที่ท่านบอกว่าเป็นพระธาตุของมารน่ะ เพื่อให้เราคิด ไม่ได้ฟังแล้วให้จบแค่นั้น เพื่อท่านจะสอนว่า การได้พระธาตุมาหาใช่เรื่องน่ายึดติดไม่ เราควรยึดถือสรณะคมน์ทั้งสาม ดีกว่าจะไปยึดติดกับสิ่งที่เป็นรูปธรรมภายนอก ขอบคุณที่แบ่งปั่นเรื่องราวดีๆครับ เออแล้วส่วนเรื่องไปจับผิดพระน่ะ แล้วมาฟาดฟันท่านด้วยเรื่องวินัย แค่รับสารเท่านี้ยังก่อให้เกิดอกุศลได้มากมายถึงเพียงนี้ ในขณะที่พระท่านก็สร้างกุศลไปถึงไหนแล้ว อันตัวเองยังคงขยันก่ออกุศลมูลเพิ่มขึ้นทุกวัน หลวงพี่ที่ผมนับถือท่านก็เคยเตือนผมเหมือนกันหลายครั้งว่า"อย่าไปเพ่งจับผิดคนอื่นให้มากเลย มีแต่จะไปเบียดบังเวลาปฏิบัติเปล่า สุ้เอาเวลาจับผิดคนอื่นมาสร้างบารมีไม่ดีกว่าหรือ แล้วท่านก็พูดบาลีขึ้นมาหลายคำจนผมต้องขอให้ ท่านจดให้เพื่อเตือนใจตัวเองในเรื่องนี้ "ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส   นิจฺจํ อุชฺฌานสญฺญิโน  อาสวา  ตสฺส  วฑฺฒนฺติ  อารา โส อาสวกฺขยา" แปลว่าตามกูเกิลนะครับ "ผู้ที่เพ่งแต่โทษคนอื่น คอยจับผิดอยู่ตลอดเวลา  เขาย่อมหนาด้วยกิเลสอาสวะ ห่างไกลจากพระนิพพาน" หลังจากนั้นผมก็เลยเอาไว้เตือนตัวเองเสมอ หากเกิดสิ่งไหนไม่ชอบใจ เพื่อจะได้ไม่สร้างกรรมกับบุคคลอื่น ขอบคุณครับ จากคุณ : 1-2-3 เริ่ม (p40035) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 14:39:30

ความคิดเห็นที่ 19 อืมผมก็เพิ่งเห็นมารจริงๆที่มาจากจิตท่านก็ครั้งนี้แหละครับ     ขอบคุณมากนะครับที่แสดงตัวมารโทสะและชอบเพ่งโทษให้ผมเห็นถ้าไม่ได้ท่านนี่ผมคงไม่มีโอกาสได้เห็นเลยนะครับ   ขอบคุณมากจริงๆ จากคุณ : wutthitham เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 15:06:40

ความคิดเห็นที่ 20 ควรจะบอกให้ละเอียดครับว่าไม่ควรยึดติดในวัตถุ  ผมแค่คิดว่าเรื่องนี้ละเอียดอ่อนนะครับการใช้คำพูด    ถ้าบอกว่าไม่ควรยึดติดในวัตถุนี่ใครๆก็ฟังออกครับ   ที่สำคัญอย่าปล่อยให้มารมันมาควบคุมอารมณ์ตัวตนเราได้จนกระทั้งปล่อยให้มันมาแสดงโทสะในกระทู้นะครับ   สู้ๆครับเป็นกำลังใจให้ จากคุณ : wutthitham เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 15:10:56

ความคิดเห็นที่ 21 เออแล้วส่วนเรื่องไปจับผิดพระน่ะ แล้วมาฟาดฟันท่านด้วยเรื่องวินัย แค่รับสารเท่านี้ยังก่อให้เกิดอกุศลได้มากมายถึงเพียงนี้ ในขณะที่พระท่านก็สร้างกุศลไปถึงไหนแล้ว อันตัวเองยังคงขยันก่ออกุศลมูลเพิ่มขึ้นทุกวัน *************************** ไม่ได้จับผิด แต่จับได้ถูกต้อง ตรงเผ็ง จะมีสักกี่คนในห้องพระแห่งนี้ ที่ดูพระเป็น ดูพระดีไม่ดี มีข้อสังเกตตรงไหน สำหรับเรา ก็ไปทำบุญทำทาน เป็นประจำ หมั่นนั่งสมาธิภาวนา แบบให้มีสติ อกุศลมันคงลดน้อยลงบ้างหรอกน่า พระพุทธรูปที่บ้านเราไม่ให้ใคร เอาไว้กราบไหว้บูชา เรากราบก่อนนอน และหลังตื่นนอน ถ้าไม่ได้กราบพระก่อน  เราไม่ยอมกินข้าวนะ ส่วนเรื่องพระธาตุของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่มีอยู่ ก็ไม่ได้งอกเงยอะไร มีเท่าไรก็เท่านั้น เราก็กราบอีก ระลึกถึงพระคุณท่าน ที่ท่านสั่งสอนเราให้อยู่ในศีล ในธรรม ไม่เห็นท่านบอกว่า พระธาตุเป็นของพยามาร ถ้าอย่างนั้น ชะรอยเจ้าของกระทู้จะบ้าพระธาตุจนเลยเถิด ไม่พอดิบพอดี พระเลยเบรคเอา จากคุณ : จางปาง เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 15:18:30

ความคิดเห็นที่ 22 เห็นว่าอยากฟังก็จะเล่าสั้นๆ นะ             จุดหักเหในชีวิตที่ทำให้ศึกษาพระธรรมอย่างจริงจังก็มาจาก พระธาตุ เหมือนกัน คือวันหนึ่งพาญาติไปงานพระราชทานเพลิงศพหลวงตา ได้ยินเขาพูดกันถึง พระธาตุ ตอนนั้นไม่รู้ว่า พระธาตุ เป็นอย่างไร ก็เลยหาอ่านในเน็ต นี่คือจุดเริ่มต้น เราไม่ได้แขวนพระ แต่นับถือบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นไตรสรณะ             ทำไมพระธาตุของพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ ไม่ปรินิพพานไปพร้อมกับพระองค์?             บทว่า สรีราเนว อวสิสฺสึสุ ความว่า เมื่อก่อนได้ชื่อว่าสรีระ ก็เพราะตั้งอยู่ด้วยโครงร่าง อันเดียวกัน บัดนี้ ท่านกล่าวว่าสรีระทั้งหมดกระจัดกระจายไปแล้ว.             อธิบายว่า พระธาตุทั้งหลายก็เสมือนดอกมะลิตูม เสมือนแก้วมุกดาที่เจียรนัยแล้ว และเสมือนจุณทองคำยังเหลืออยู่. จริงอยู่ สรีระของพระพุทธเจ้าผู้มีพระชนมายุยืนทั้งหลาย ย่อมติดกัน เป็นพืดเช่นกับแท่งทองคำ.             ส่วนพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอธิษฐานพระธาตุให้กระจายว่า             เราอยู่ได้ไม่นานก็จะปรินิพพาน ศาสนาของเรายังไม่แพร่หลายไปในที่ทั้งปวงก่อน เพราะฉะนั้น เมื่อเราแม้ปรินิพพานแล้ว มหาชนถือเอาพระธาตุแม้ขนาดเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาด ทำเจดีย์ในที่อยู่ของตนๆ ปรนนิบัติ จงมีสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า.             อรรถกถา มหาปรินิพพานสูตร http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=67&p=5#มหากสฺสปตฺเถรวตฺถุวณฺณนา แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 55 05:59:54 จากคุณ : GravityOfLove เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 15:21:16

ความคิดเห็นที่ 23 ไอ้เรื่องจับผิดพระให้เกิดอกุศลน่ะไม่มีในผมหรอกครับ   เต็มที่แค่คิดว่าบางสิ่งบางอย่างน่าจะเป็นอย่างนี้   เพราะว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเปรียบไว้้ว่า   เงินหรือทรัพย์สินของมีค่าน่ะเป็นอสรพิษร้ายไม่ควรแม้แต่จะจับ   ส่วนเรื่องการจับผิดโยมด้วยกันนี่แหละครับที่น่ากังวลมากกว่า   เพราะนี่ขนาดยังไม่ได้ว่าอะไรพระท่านเลยเพียงแต่   วิคราะห์  วิจารณ์ว่าถ้าเป็นเราน่าจะพูดอย่างนี้อะไรำนองนี้   ส่วนผู้ที่หาเรื่องเพ่งโทษจับผิดกันในเรื่องแค่นี้ก็ย่อมที่จะได้รับอกุศลเหมือนดังคำที่ท่านว่าแหละครับ    ถ้าเราว่าใครเขาเราก็ต้องไม่ทำอย่างเขาแค่นั้นเองครับ จากคุณ : wutthitham เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 20:52:07

ความคิดเห็นที่ 24 พระผมเยอะเลยนะเนี่ย ขอไว้เป็นวัตถุสื่อถึงพระรัตนไตรก่อนนะ          ท่านอาจารย์ท่านเข้าใจสอนนะครับ อย่างผมชอบสะสมพระเครื่องเนี่ย บางครั้ง หรือโดยมากกลายเป็นรุ่มร่ามไปหมด หาองค์นู้นองค์นี้ หาไม่เจอก็พะวงหาอยู่นั่นแหละ เอาองค์ที่รักมากๆไปใส่ตลับบ้าง ช่างทำตลับไม่ถูกใจบ้าง ดูวุ่นวาย   แต่ก็อย่างความเห็นที่6ว่าแหละครับ ใครจะเพิกออกอย่าถึงกะเผา หรือทำลายเลย จากคุณ : อนุมัติตามที่ขอ เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 00:15:12

ความคิดเห็นที่ 25 เอ้อ ขอแทรกความเห็นเรื่องวินัยพระค่ะ คือ ไม่ทราบจริงๆ เรื่องถือเงินได้หรือไม่ได้ แต่ว่า ทุกครั้งขึ้นรถเมล์ ก็มีการเก็บค่าโดยสารพระนะคะ หลวงตาเรา (คุณตาแท้ๆของเรา ซึ่งบวชเป็นพระมา 26 ปี) ก็มีเงินติดตัวนะ เพราะเวลานั่งรถจากมหาสารคาม มารพ สงฆ์ เพื่อลอกต้อเนี่ย ตลอดการเดินทางจ่ายเองนะคะ นมต่างๆที่ดื่มประทังหิว ก็จ่ายเองค่ะ ไม่ใช่ว่าทุกครั้งจะมีคนมาจ่ายให้ อย่างที่คุณ จขกท ทำ หรือ แม้แต่มารพ. ค่าบริการบางส่วน พระก็ต้องจ่ายนะคะ แล้วแบบนี้ จะไม่ให้ถือเงินเลยเหรอ แก่นของกระทู้นี้ น่าจะเป็นประสบการณ์ของคุณ จขกท ที่นำมาแบ่งปัน ให้เราฉุกใจคิดได้ในบางเรื่องที่เรามองข้ามไป เช่นเรื่งงการยึดติดในวัตถุ ขอบคุณ จขกท สำหรับเรื่องราวดีๆ ส่วนเรื่องพระถือตังค์ ใครมีความรู้ดีกว่าเราก็ช่วยแถลงด้วยค่ะ จากคุณ : รถเต่าสีฟ้า เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 01:19:51

ความคิดเห็นที่ 26 พอดีเลยครับ ได้อ่านจากที่ว่า หลายปีแล้ว... ผมว่าจขกท.ควรจะไปขออโหสิกรรมพระธาตุองค์นั้นหน่อยนะครับ ที่จขกท.ไม่รักษาและบูชาพระธาตุไว้ แต่กลับยกให้คนโน้นคนนี้ เพราะพระธาตุเสด็จมาเอง....ถูกมั้ยครับ และถ้าพระธาตุเสด็จไปเองก็เป็นเรื่องของท่าน พระธาตุ ไม่ใช่สิ่งของที่นึกจะให้ นึกจะสละตามอำเภอใจเรานะครับ (ท่านเสด็จได้เองนะครับ) แต่บุญในส่วนแบ่งปันให้บูชานั้นก็ได้อยู่ครับไม่ใช่ไม่ได้ แต่เรามีอำนาจบารมีอะไรขนาดจะให้พระธาตุ(ที่เสด็จมาเอง)ไปอยู่นั่นอยู่นี่หล่ะ...คนที่เคลื่อนย้ายพระธาตุตามอำเภอใจมีผลกรรมอะไรบ้าง? ....ไม่รู้เหมือนกัน แต่คิดเองว่าจขกท.ควรเข้าฌาณ 4 ไปขอขมาซะนะครับ จากคุณ : Go2Better เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 01:28:24

ความคิดเห็นที่ 27 หลังจากพระพุทธองค์ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เมื่ออุบาสกสองคนแรกของศาสนาพุทธไปถวายอาหาร พระองค์ท่านยังประทานเกศาให้อุบาสกทั้งสองเพื่อบูชาเลยครับ พระธาตุ ในที่นี้คือ กระดูกของพระอริยะ ผู้หลุดพ้นแล้ว ทำไมจะไม่ควรค่าแก่การบูชา อย่าลืมว่า ในอีกมุมหนึ่ง การที่เราจะละกิเลสได้ก็คือการละสังโยชน์ 10 อย่าง หนึ่งในนั้นคือการละวิจิกิจฉา ในพระรัตนตรัย การเคารพบูชาอะไรที่เกี่ยวกับพระรัตนตรัย ย่อมน่าจะช่วยในเรื่องการละสังโยชน์ข้อนี้ได้ในระดับหนึ่ง และยังมาซึ่ง "ศรัทธา" ซึ่งเป็นหนึ่งในอินทรีย์ 5 ด้วย แค่คำพูดเท่ห์ๆ ไม่ช่วยอะไรมากมายหรอก ผมก็พูดได้ "ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นใหญ่ มีใจเป็นประธาน" ส่วนเรื่องพระจับเงิน อาบัติครับ ฉันนมหลังเที่ยงก็อาบัติ อย่าเอาข้ออ้างทางโลกมาวัดกับธรรม พระที่ท่านสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องล่วงละเมิดพระวินัยเหล่านี้ มีอยู่อีกเยอะ ถ้าเมื่อไหร่ พุทธบริษัท เห็นว่าพระวินัยเป็นเรื่องเล็กน้อย เมื่อนั้นคือ จุดเริ่มต้นของการจบสิ้นของพระศาสนาในสังคมนั้น จากคุณ : AnotherPractitioner เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 10:43:05

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้า มาร คือ กิเลส และ ตัณหา แล้ว หละก็ พระธาตุมาร ก็ คือ พระธาตุที่ทำให้เกิด กิเลสและ ตัณหา ใช่หรือไม่ครับ --------------------------------- พระถือตัง   แก้ยากไปไหม ครับ เอาแค่ ให้พระ มีแค่ ไตรจีวร(กับ อัฐบริขาร) ให้ได้ ก่อน ก็ อาบัติ แทบหมดประเทศแล้วมั้งครับ จากคุณ : a235 เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 14:39:09

ความคิดเห็นที่ 29 ที่พระท่านกล่าวมีประเด็นน่ารับฟังอยู่ แต่ข้อความ "พระธาตุเหล่านั้นของที่เธอมีเป็นของพญามาร" ผมเห็นว่าไม่สมควรครับ จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 16:08:48

ความคิดเห็นที่ 30 ไม่เห็นแปลกอะไรนี่........     การเป็นพระพุทธเจ้าต้องมีมหาเมตตาโปรดสัตว์ทั้ง 4 เหล่า ไม่ใช่เอาแต่คนฉลาด เรื่องพระธาตุเป็นเรื่องของวัตถุมงคล ซึ่งบัวชั้นล่างๆ ต้องอาศัยเป็นที่ยึดเหนี่ยวไปก่อน พอเขาแก่กล้าแล้ว เขาก็จะทิ้งไปเอง .......เป็นเด็กเล่นของเล่น โตแล้วก็ไปเลิกเอง .......ผิดตงไหน ขึ้นบันไดที่ละขั้นดีกว่า ไม่งั้นพลาดตกลงมา อาจไม่มีโอกาสขึ้นได้อีก จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 55 07:15:33

ความคิดเห็นที่ 31 ผมมีความเห็นต่อเจ้าของกระทู้ว่า ท่านได้แก้บ้างแล้ว ก็ดีมากแล้ว แต่ต้องขอขมาพระรัตนตรัยนะครับ ในกระทู้นี้มีส่่วนที่ดีมากมาย ขออนุโมทนาด้วย แต่สิ่งที่ท่านเจ้าของกระทู้ได้พลาดพลั้งไป ก็รุนแรงมาก จึงเสนอไว้เพียงเท่านี้ครับ จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 55 09:45:42

ความคิดเห็นที่ 32 อ้าว เลยลบเรื่องไปเสียแล้ว น่าเสียดายนะคะ   ข้อควรระวังมีเพียงว่า  ธรรมะที่ครูบาอาจารย์ ถ่ายทอดเพื่อแก้ทิฐิให้เรานั้น เป็นธรรมะที่เหมาะสมกับเราเฉพาะตน ในเวลานั้นๆ ไม่ได้หมายความว่าจะเหมาะกับคนทั่วไป แค่ ข้ามส่วนที่ท่านสอนเรา แล้วอาจทำให้ผู้คนเกิดอกุศลจิตไปได้ ก็พอแล้วคะ เอามาลงเหมือนเดิมเถอะคะ  เรื่องดี จากคุณ : น้องต๋าว เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 55 10:51:29

ความคิดเห็นที่ 33 อนุโมทนา คุณทุกวินาที คห 15 ก่อนที่พระพุทธจ้าจะปรินิพพาน ท่านให้ถือพระธรรมวินัยเป็นตัวแทนของท่าน ไม่ได้สอนให้ยึดพระธาตุของใครเป็นที่พึ่ง จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 55 11:46:41

ความคิดเห็นที่ 34 กาลเวลา สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม มีผลต่อการแปลความ เรายึดวิธีการดำเนินชีวิตแบบง่ายๆว่า... จากคุณ : su_k3430 เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 11:35:53

ความคิดเห็นที่ 35 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 05:52:39

ความคิดเห็นที่ 36 อืมม ... ถึงว่าสิ เข้าใจแล้วว่าทำไม ศรัทธา กับ ปัญญา ย่อมต้องคู่กันเสมอ (พระวักกลิ) อืมม ... ถึงว่าสิ เข้าใจแล้วว่าทำไม พระสมณะ โคดม ถึงได้รู้สึกท้อพระทัยที่จะสอนในตอนแรก (ดอกบัว) อืมม ... ถึงว่าสิ เข้าใจแล้วว่าทำไม พระมหาสัตว์ ตรัสกับลูกศิษย์ว่า ไม่มีอะไรแม้แต่น้อย แล้วลูกศิษย์ลาจาก (7 ฌาน) คนไทยนอกจากอ่านหนังสือไม่ถึง 7 บรรทัด ยังคิดไม่ถึง 7 คำอีกมากหลาย เศร้าจัง จากคุณ : เจตวิมุติ เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 55 00:19:12

ความคิดเห็นที่ 37 ผมว่า  การทำดีเพื่อหวังผลในตัวพระธาตุ ให้พระธาตุเพิ่ม  ให้พระธาตุมา เป็นสิ่งไม่เหมาะสม  ไม่ถูกต้อง  เป็นการลบหลู่พระธาตุ ถึงจะบอกว่า  ไม่ได้คิดแบบนั้น แต่การเอาพระธาตุมานั่งดู  มานับ  มาสังเกตว่ามีหรือเปล่า  เพิ่มหรือเปล่า เป็นการแสดงเจตนา แล้วพระธาตุศักดิ์สิทธิ์  ท่านจะเสด็จมาอยู่กับบุคคลที่คิดแบบนี้ได้หรือ จากคุณ : ชาวบางนา เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 55 11:46:16