ในสมัยพระเยซูไม่มีการสารภาพบาปกับพระเยซูครับ เพราะในขณะที่พระเยซู ยังไม่ได้สิ้นพระชนม์ที่กางเขน ก็ยังถือว่าแผนการณ์ไถ่โทษความผิดบาปของมนุษย์ เพื่อนำมนุษย์กลับมาคืนดีกับพระเจ้ายังไม่สำเร็จ แต่หาก ผู้ใดทำบาป เขาจะต้องนำสัตว์ที่ไม่มีมลทิน ไป ถวายบูชา ในพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็ม เพื่อให้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าแล้วพระเจ้าจะยกบาปผิดของเขา เป็นไปตามบัญญัติของโมเสสมนุษย์ไม่สามารถเข้าหาพระเจ้าได้โดยตรง ไม่สามารถสื่อสารกับพระเจ้าได้โดยตรงเพราะบาปของเขา เขาจึงต้องมีคนกลาง สมัยนั้นก็คือ ปุโรหิต ที่ทำหน้าที่ถวายสัตวบูชา ในพระวิหาร ถ้าท่าน อ่าน ใน พระคัมภีร์ ลูกา 19 : ข้อ 45-46 ท่านจะเห็น ตอนพระเยซู ไล่พ่อค้า ที่ค้าขายสัตว์ ที่จะใช้ เป็นเครื่องสัตวบูชา ที่พระเยซูทำเช่นนั้น ไม่ใช่เพราะพระเยซูไม่เห็นด้วยที่ถวาย สัตว์เหล่านั้นเป็นสัตวบูชานะครับ แต่เป็นเพราะ พ่อค้าเหล่านั้น เป็น คนของ มหาสมณะ คือ ในพระวิหาร จะมีเจ้าหน้าที่ ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก มหาสมณะ คอยดูว่าสัตว์ตัวใด ที่ คนนำมาถวาย เป็นสัตว์มีมลทินหรือไม่ พวก ก็เล่นแต่บอกว่า สัตว์ที่ คนทั่วไปเอามาถวาย มีมลทิน ถ้าจะไม่ให้มีมลทิน จะให้ผ่าน ก็ต้องซื้อ จาก พ่อค้า ที่ขายในพระวิหาร ซึ่ง ขายโก่งราคามาก มากกว่าราคาปกติ หลายเท่า ซึ่งพ่อค้าเหล่านั้น ก็คือคนของ มหาสมณะ นั่นเองครับ พระเยซูจึงโกรธด้วยเหตุนี้
จนกระทั่ง พระเยซูได้ทำให้แผนการณ์ของพระเจ้า สำเร็จ โดยการมาตายเพื่อไถ่โทษ บาปของมนุษย์ทั้งปวง ที่ ไม้กางเขน ความสัมพันธุ์ของมนุษย์กลับพระเจ้าจึงกลับมาดีดังเดิม โดยการไถ่ของพระเยซูนั้น พระเยซูคือ เปรียบเสมือนลูกแกะที่ประเสริฐสุดที่ถวายเป็น บูชาแก่พระเจ้าเพื่อยกบาปของเรา โดยทางการไถ่ที่กางเขนของพระเยซูเราจึงไม่ต้องถวายสัตวบูชาอีกต่อไป แต่เราสามารถสารภาพบาปกับพระเจ้าได้โดยตรง เราสามารถทูลขอความต้องการของเรากับพระเจ้าได้โดยตรง
และถ้าจะถามว่า แล้วทำไมในคาทอลิค จึงต้องมีบาทหลวงคอยฟังแก้บาป และยกโทษบาป จึงขอบอกว่า บาทหลวงกระทำการฟังแก้บาป เปรียบเสมือนเครื่องมือของพระเจ้า ในการฟังแก้บาป และคอยอบรมตักเตือนเราเพื่อให้เรากลับใจใหม่จากบาป ไม่หลงไปติดในบาปเดิมๆอีกต่อไป คุณพ่อเหล่านั้น ไม่ใช่เป็นผู้ยกบาปในนามของคุณพ่อเอง แต่คุณพ่อเหล่านั้น ทำในพระนามของพระเยซูเจ้า
แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 55 23:33:12
แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 55 23:26:16
จากคุณ |
:
orapronobis
|
เขียนเมื่อ |
:
19 ก.ย. 55 23:21:33
|
|
|
|