คุณ persimon ครับ
จริงผมไม่อยากจะชี้แจงต่อความเห็นแบบที่คุณแสดงเพราะเป็นสิทธิ์ของคุณ
แต่เห็นว่ากล่าวถึงคนส่วนใหญ่ในห้องและพูดเหมาถึงพระไตรปิฏก
ในทำนองที่ผมไม่ค่อยชอบใจนัก
จึงอยากแสดงความเห็นนิดหน่อยครับ
"จขกทมาหาคำตอบในนี้ คงต้องผิดหวังแล้วละครับ
ชาวพุทธส่วนใหญ่ในห้องนี้คือคนที่่ยึดทุกอย่างตามที่ปรากฏในพระไตรปิฏก
ดังนั้นสิ่งที่จขกทไม่อยากเชื่อ จะขัดกับหลักการของคนเหล่านี้
สังเกตุดูคำตอบส่วนใหญ่จะสรุปตรงกันคือ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
และทางที่ดีควรจะต้องเชื่อ เพียงเพราะเป็นสิ่งที่มีในพระไตรปิฏก
ดังนั้นจขกทจะไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจแน่นอน"
จากคำกล่าวนี้ ผมมั่นใจมากว่าคุณไม่เคยอ่านพระไตรปิฏกจนจบหรือไม่เคยอ่านเกิน50% หรือแม้แต่แค่ 20% ของพระไตรปิฏก คุณก็อ่านไม่ถึงครับ
เพราะคุณไม่รู้เลยว่าจริงๆแล้วพระไตรปิฏกมีความเป็นเหตุเป็นผลเพียงไร
ธรรมะของพระพุทธเจ้าไม่ใช่อะไรที่คนไม่ศึกษาจะมาวิจารณ์โดยยกเมฆกันง่ายๆครับ
ถ้าคุณได้อ่านคุณจะพบว่าพระพุทธเจ้า"ไม่เคย" กล่าวอะไรที่ไม่มีเหตุผลครับ
พระองค์"ไม่เคย"บอกว่าเพราะไม่เชื่อพระองค์จะตกนรก
พระองค์บอกว่าเพราะไม่เชื่อแบบที่เป็นมิจฉาทิฏฐิจึงเป็นเหตุให้ประกอบอกุศลกรรมจึงทำให้ตกนรกครับ ไปหาอ่านได้ที่พระไตร ตามด้านล่าง
พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๕ มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ - คหบดีวรรค - ๑๐. อปัณณกสูตร
2 ผมไม่อยากพูดเรื่องที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ เช่น ชาติหน้า ปาฏิหาริย์เทวดาเป็นต้นว่ามีหรือไม่มี
ผมพูดได้แต่เฉพาะส่วนที่ผมและเพื่อนสนิทช่วยกันพิสูจน์แล้วว่า
สิ่งที่พระพุทธเจ้ากล่าวไว้มีจริง
บางอย่างผมพิสูจน์เจอเอง บางอย่างเพื่อนสนิทที่ไม่มีวันโกหกผม เจอมากับตัว
สิ่งที่พบแล้วว่ามีจริงคือ
ขณิกะสมาธิ มีจริง อุปจาระสมาธิ มีจริง ปิติ5 อย่างมีจริง ฌาน1-4 มีจริง
สภาวะในฌาน1-4ตามที่ระบุไว้ในพระไตรปิฏก มีจริง
ธรรมเอกหรือเอโกทิภาวะคือจิตผู้รู้ที่จะเกิดที่ฌาน2 เมื่อเป็นสัมมาสมาธิ มีจริง
จิตผู้รู้สามารถระลึกรู้สภาวะของจิตว่าตอนนี้จิตมีอารมณ์แบบไหน มีจริง
สภาวะธรรมที่แสดงถึงการเกิดดับของจิต มีจริง
ระดับสูงกว่านี้ผมและเพื่อนยังไปไม่ถึง
คุณจะเชื่ออะไรก็สิทธิ์ของคุณครับ ผมไม่สนใจ
แต่สำหรับผม ผมเริ่มต้นศึกษาพระไตรปิฏกแบบจับผิด
(โดยผมวางเรื่องปาฏิหาริย์มีหรือไม่มีไว้ก่อนเพราะยังพิสูจน์ไม่ได้)
ทุกจุดที่ผมสงสัย ที่ผมคาใจผมจะหาคำตอบว่าทำไมพระพุทธเจ้าจึงกล่าวแบบนี้
ทกครั้งที่ผมหาคำตอบ ผมจะพบว่าจริงๆคำตอบมีอยู่จริง
เพียงแต่ไม่ได้อยู่ในพระสูตรนั้นเท่านั้นเอง
ผมเจอเหตุการณ์แบบนี้ประมาณ 10 ครั้งได้ครับ
จนถึงตอนนี้ ผมพูดได้เต็มปากว่าพระไตรปิฏกฉบับเถรวาท
ที่เราชาวพุทธถืออยู่ขณะนี้เป็นอะไรที่มหัศจรรย์ที่สุดตั้งแต่ผมพบมา
ทุกสิ่งทุกอย่างในนั้น เชื่อมโยงเข้าหากันเหมือนใยแมงมุม
ธรรมทุกข้อยันซึ่งกันและกัน ไม่มีธรรมข้อใดขัดแย้งกับข้อใด
ไม่มีสิ่งใดที่อยู่ดีๆมาลอยๆไม่มีที่มาที่ไป ไม่มีเหตุไม่มีผล
ธรรมะของพระพุทธเจ้าเป็นสุดยอดแห่งปัญญา เป็นสุดยอดแห่งเหตุผล ครับ
ผมไม่กล้าบอกว่าทุกสิ่งในพระไตรมีอยู่จริง แต่ผมกล้าบอกว่า
ถ้าเทียบสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนในพระไตรเป็นบันได 100 ขั้น
ผมและเพื่อนรวมกัน น่าจะอยู่ราวๆขั้นที่ 25
และพวกผมพิสูจน์แล้วว่าบันได"ทุกขั้น"ที่มีอยู่ในระหว่างชั้นที่ 1-25 มีจริง
และถ้าเทียบว่าเรื่องชาติภพปาฏิหาริย์คือบันใด"บางขั้น"ที่ผมยังไม่พบ
สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่า การฟันธงว่าบันได"บางขั้น"
ที่อยู่ในช่วง 26-100 ไม่มี เป็นเรื่องเหลวไหล
ทั้งๆที่เคยอ่านมานิดเดียวเคยปฏิบัติตามคำสอนแค่นิดเดียว
เหมือนคนที่เพิ่งเดินผ่านหินก้อนแรกที่ตีนเขา
แล้วบอกว่า เหมืองทองคำ ที่อยู่แถวๆกลางภูเขาน่ะมันเรื่องเหลวไหล
ผมคิดว่าการกล่าวแบบนั้นเป็นการ"ไม่ฉลาด"อย่างยิ่งครับ