ความคิดเห็นที่ 1 หากถามว่าทิ้งลูกทิ้งเมีย หรือบริจาคลูกเมีย นี่ผิดไหม การทำทานอย่างยิ่งยวด แม้สละทรัพย์สิน อวัยะ  แม้ชีวิต เป็นการสั่งสมบารมีสิบทัศน์ เมียที่พระโพธิสัตว์ได้ให้เป็นทาน คือนางแก้ว ที่ได้ติดตามมาแต่ในอดีตชาติ เพื่อส่งเสริมให้พระโพธิสัตว์บรรลุธรรม พระโพธิสัตว์เข้าถึงอารมณ์แห่งมรรค การให้สิ่งต่างๆ ที่มนุษย์ทั้งหลายก็ยังไม่สามารถทำได้  การสร้างบารมีนั้นเป็นไปด้วยความเพียร ไม่ใช่ใครก็สามารถจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ ผมว่าคุณเกลือจืด ควรจะหาข้อมูลให้มากซะหน่อย หากจะคุยกับชาวพุทธ เพราะว่าศาสนาพุทธ เป็นศาสนาแห่งนักปราชญ์ หากมีความรู้พื้นๆ คงจะเข้าใจอะไรยาก จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 09:50:28

ความคิดเห็นที่ 2 ในชาติที่พระพุทธเจ้าเป็นสุเมธดาบส  ได้ทอดกายลงเพื่อเป็นทางเดินให้กับพระพุทธเจ้าทีปังกร  มีผู้หญิงนางหนึ่งเห็นเข้าแล้วรู้สึกเลื่อมใสศรัทธา จึงตั้งจิตอธิฐานวาจาว่า ขอเป็นนางแก้ว เพื่อส่งเสริมและสนับสนุน ให้สุเมธดาบสได้มรรคผลนิพพาน ตั้งแต่นั้นเรื่อยมา ทุกภพชาติ นางก็ได้ติดตามมาเป็นภรรยา ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไร แม้เป็นสัตว์เดรัจฉาน  จนชาติสุดท้ายในชาติที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 09:54:33

ความคิดเห็นที่ 3 ไปหาอ่านเรื่องนางแก้วคู่บารมีซะ  จะได้มีภูมิคุ้มกัน... จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 09:57:06

ความคิดเห็นที่ 4 หากจะคุยก็คุยกันแบบ realtime ดีกว่าครับ ไม่ใช่ผมหายไปแล้วค่อยเข้าไปตอบ เห็นเป็นอย่างนี้อยู่เรื่อย  และอย่ามาอ้างนะว่าช่วงนั้นว่างไม่ว่าง  เพราะทีคุณหากได้ ทีขี่คอใคร เป็นไม่ลดละ ไม่ทิ้งช่วง จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 10:01:15

ความคิดเห็นที่ 5 ผมเห็นด้วยครับ   ต่อไปผมว่าควรจะตั้งกระทู้ว่ารวมพลังชาวพุทธต่อต้านคนนอกศาสนาดีกว่าครับ    ไม่ต้องให้พวกเขามีส่วนร่วมดีกว่าผมว่า   เพราะพวกเขาชอบบ่อนทำลาย จากคุณ : wutthitham เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 10:06:57

ความคิดเห็นที่ 6 ในกระทู้นั้น ผมแค่ตักเตือนคุณว่าแรงไปกับความเห็นที่ว่า หากเป็นคนที่มีสติพอ  ก็คงรับรู้และกล่าวขอโทษ อีกทั้งลบคห.ที่เป็นต้นปัญญาออก แต่แล้วคุณยังดันทุรัง เป็นเดือดร้อนอะไรหนักหนา บอกให้เอาข้อตำหนินั้นมา ก็ไม่หามา เพราะคุณนั่นแหละที่ปรุงแต่งให้เกิดปัญหาขึ้นมาเองตั้งแต่แรก จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 10:07:18

ความคิดเห็นที่ 7 ความคิดเห็นที่ 5     ผมเห็นด้วยครับ   ต่อไปผมว่าควรจะตั้งกระทู้ว่ารวมพลังชาวพุทธต่อต้านคนนอกศาสนาดีกว่าครับ    ไม่ต้องให้พวกเขามีส่วนร่วมดีกว่าผมว่า   เพราะพวกเขาชอบบ่อนทำลาย จากคุณ : wutthitham   ------------------------- นั่นสิครับ  เพราะผมจะเลือกเข้าแต่กระทู้ชาวพุทธตั้ง ชาวพุทธ หากไปต่อสู้กับคนนอกศาสนาไม่ว่าจะเป็นการคุยหรือทำสงคราม ก็มีแต่พ่ายแพ้  ด้วยที่ว่าคนในศาสนามีศรัทธาที่อ่อนมากหากเทียบกับศาสนาอื่นๆ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 10:10:18

ความคิดเห็นที่ 8 ความเชื่อและศรัทธา ต่างกัน ปล.ไม่รู้เหตุต้นเรื่อง แต่ก็ว่าไปตามข้างบน จากคุณ : Ch_Chang เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 10:34:48

ความคิดเห็นที่ 9 พอเหอะคุณจันตรีบุตร เรื่องนี้ควรจะจบนานแล้ว การเรียนรู้ระหว่างศาสนาสมควรมีแน่ แต่ในเวลาที่เหมาะสม คุณจะดึงดันให้คุยกันตอนนี้ มีแต่ทะเลาะกันเท่านั้น ไม่เห็นมีประโยชน์ จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 10:56:25

ความคิดเห็นที่ 10 ก็เกลือที่ไม่ยอมรักษาความเค็ม  ...จะเอาอะไรกัน ?   เอามาต้มมาแกง  มาหมักอะไรก็ไม่ได้ซะอย่าง....   จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:09:02

ความคิดเห็นที่ 11 ความคิดเห็นที่ 9     พอเหอะคุณจันตรีบุตร เรื่องนี้ควรจะจบนานแล้ว การเรียนรู้ระหว่างศาสนาสมควรมีแน่ แต่ในเวลาที่เหมาะสม คุณจะดึงดันให้คุยกันตอนนี้ มีแต่ทะเลาะกันเท่านั้น ไม่เห็นมีประโยชน์ จากคุณ : แมวเก้าแต้ม   ------------------------------ ผมไม่จบให้หรอกครับ ในเมื่อเค้ามาต่ออีก และสิ่งที่เค้าต่อดูเหมือนจะ กล่าวพาดพิงถึงพระพุทธเจ้าชัดเจนด้วยครับ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:34:11

ความคิดเห็นที่ 12 ดูสิ่งที่เค้าตั้งคำถามไว้ก่อนสิครับ บนหัวกระทู้เลย จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:36:17

ความคิดเห็นที่ 13 ในคห.ที่ผมยกมา  ผมรู้สึกว่าเค้าคงไม่ได้อยากจะรู้ที่มาที่ไป ว่าทำไมพระโพธิสัตว์ถึงได้ทำทานบุตรและภรรยา คงเอาจุดนี้มาต่อว่าซะมากกว่า หากอยากรู้ คงไม่ทิ้งท้ายไว้อย่างนั้น จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:58:28

ความคิดเห็นที่ 14 คุณกำลัง...ทำอะไร... จากคุณ : Humandroy เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 12:22:18

ความคิดเห็นที่ 15 คนต่างศาสนากัน ต่างก็มีความสงสัยใคร่รู้ในเรื่องของศาสนาอื่นแทบทุกคน การมาคุยกัน ถามกัน ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี ทำให้เกิดความเข้าใจว่ามันมีที่มาที่ไปยังไง ผมเองก็สงสัย ไม่เข้าใจในศาสนาอิสลาม หรือ คริสต์ ในหลายๆเรื่อง อยากถามเช่นกัน แต่ควรจะต้องได้รับคำตอบจากคนที่เข้าใจเรื่องนั้นจริงๆ อย่างถามเรื่องพุทธกับชาวพุทธที่เข้าไม่ถึงพุทธ เป็นพุทธแต่ในทะเบียนบ้าน เป็นพุทธแบบสืบทอดกันมา พุทธแบบท่องจำ นอกจากจะไม่ได้คำตอบที่กระจ่างแล้ว ยังทำให้เข้าใจผิดกันไปใหญ่ กลายเป็นว่าศาสนาพุทธเป็นเรื่องงมงาย เชื่อในเรื่องอิทธิฤทธิปาฏิหารย์ ไม่ต่างไปจากพราหม์ ฮินดู ดูจากที่คุณเกลือจืดถามมา ผมว่าก็เป็นคำถามที่น่าสนใจสำหรับคนต่างศาสนาที่อาจไม่เข้าใจในหลักธรรมของศาสนาพุทธ ถ้าเป็นผมตอบ ขอตอบว่า เรื่องชาดกเป็นเรื่องแต่งขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องจริง เพื่อใช้อุปมาอุปมัยในการสละสิ่งของที่ตัวเองคิดว่ามีค่าที่สุด อาจจะไม่ใช่ภรรยา หรือลูกตามในเรื่อง อาจจะเป็นเงินทอง สิ่งของเครื่องใช้ สมบัติอื่นๆที่ตัวเองคิดว่ามีค่าที่สุดสำหรับตัวเอง ก็เท่านั้นเอง ดังนั้นการยกภรรยาและลูกให้คนอื่น คือการสมมุติ เป็นการยกตัวอย่างให้เห็นภาพเท่านั้นเอง ถ้าคุณเกลือจืดเข้าใจจุดนี้ ก็คงไม่ต้องมาติดใจสงสัยว่าทำไมต้องยกเมียยกลูกให้คนอื่น แต่เผอิญคนที่มาตอบให้คุณเกลือจืด ดันเป็นคนที่เข้าไม่ถึงพุทธ คิดไปว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง มีการยกลูกยกเมียให้กันจริง คุณก็เลยไม่เชื่อ(เพราะมันก็ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนทำอย่างนี้จริงๆแหละ) ก็เลยโต้เถียงกัน กลายไปเป็นข้อพิพาธถึงขั้นดูหมิ่นดูแคลนศาสนาหรือศาสดากันเลย ผมขอแนะนำว่าคราวหน้า ถ้าคุณเกลือจืดสงสัยอะไรในศาสนาพุทธ ถามได้ทุกเรื่องครับ แต่ให้เลือกถาม หรือฟังคำตอบจากล๊อคอินที่เข้าใจพุทธศาสนาจริงๆ(ซึ่งมีอยู่น้อยมากในห้องนี้) ไม่ใช่ผมนะครับ ผมยังรู้น้อยอยู่ คำตอบบางคนก็ควรแค่อ่านผ่านๆไม่ควรเก็บมาเป็นคำตอบ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เป็นเหตุเป็นผล อะไรที่ดูแล้วไม่เป็นเหตุไม่เป็นผล อันนั้นไม่ใช่พุทธ ไม่ก็เกิดจากการเข้าใจผิด ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว คุณเกลือจืดก็ลืมเรื่องคนทิ้งลูกทิ้งเมียไปได้เลยนะครับ จากคุณ : Persimon เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 12:45:04

ความคิดเห็นที่ 16 ความคิดเห็นที่ 14     คุณกำลัง...ทำอะไร... จากคุณ : Humandroy   --------------------------- แล้วคุณหละต้องการอะไร จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 12:54:12

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ Persimon คุณว่าเรื่องชาดกเป็นเรื่องแต่งขึ้นไม่เคยเกิดขึ้นจริง อีกทั้งว่าคนอื่นเชื่อเป็นเรื่องงมงาย ไม่แยกแยะว่าเป็นอุปมาอุปไมย ในทศชาติชาดก ล้วนเกิดขึ้นมาแล้วพระพุทธเจ้าระลึกชาติที่ผ่านมาได้มากมาย จึงนำมากล่าวไว้เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่ต้องการ การหลุดพ้น ว่าควรจะมีความเพียรเช่นไรบ้าง  หากทุกเรื่องเป็นการแต่ง แล้วจะเกิดบารมีได้เช่นไร ในเมื่อต้องสละสิ่งของมากมาย กระทั่งครอบครัวและชีวิต จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 12:59:57

ความคิดเห็นที่ 18 หากเรื่องต่างๆ แต่งขึ้น ไม่มีจริง ฉะนั้นบารมีต่างๆ ที่สั่งสมมาล้วนไม่มีอยู่จริง เช่นนั้นพระพุทธเจ้า เพียงแค่แสดงแก่นธรรมะที่พระองค์ได้ตรัสรู้ก็น่าจะเพียงพอ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 13:02:13

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ Persimon ตัวคุณเองได้ศึกษาเกี่ยวกับพระไตรปิฎกมามากน้อยแค่ไหนกัน ถึงได้มองว่าชาดกเป็นเรื่องแต่งขึ้น พระพุทธเจ้ากล่าวไว้เรื่องไหนอุปมาอุปไมยก็จะบอกว่าเป็นอุปมาอุปไมย แต่เรื่องไหนเป็นชาดก ก็กล่าวไว้ชัดเจนว่าเป็นชาดก ไม่ได้ ต้องมาให้เดากันว่าอันไหนชาดกอันไหนอุปมาอุปไมย จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 13:16:13

ความคิดเห็นที่ 20 อ่านจากคห.15 สรุปว่าชาดกที่คุณจันตรีบุตรยกมาเป็นเรื่องแต่งไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหมคะ ? แก้ไข   พอดีค้างหน้าไว้นานกว่าจะอ่านจบ เลยไม่เห็นว่ามีรีพลายเพิ่มมาของคุณจันตรีบุตร แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 13:51:46 จากคุณ : LuNaTicCaT เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 13:49:26

ความคิดเห็นที่ 21 พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ เรื่องไหนเป็นอุปมาอุปไมย ก็จะบอกไว้ว่าเป็นอุปมาอุปไมย เรื่องไหนชาดก เคยเกิดขึ้นในอดีตชาติของพระองค์ ก็กล่าวไว้ ไม่ได้บอกเลยว่าเป็นการอุปมาอุปไมย  หากเราดูแล้วไม่เชื่อในชาดกจะไปบอกว่าเป็นอุปมาอุปไมย ก็จะถือว่าบิดเบือนพระวัจนะได้ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 13:58:49

ความคิดเห็นที่ 22 การสร้างบารมีของพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องจริง สละได้ทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิต ประสาอะไรกับลูก เมีย ท่านจะทานไม่ได้ แต่กว่าพระพุทธองค์จะทำได้ต้องตัดใจแล้ว ตัดใจอีก เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งยวด ที่คนธรรมดากิเลสหนาปัญญาหยาบจะทำไม่ได้เลย พระพุทธองค์จึงเป็นหนึ่งเดียว ที่เหนือบุคคลธรรมดา คนต่างศาสนายากที่จะเข้าใจ ก็เมื่อเขาไม่เลื่อมใส ย่อมไม่เข้าใจ และไม่นับถือ นำมาสู่การปรามาสแบบไม่รู้ จุดประสงค์คือแกล้งปรามาสให้ชาวพุทธเจ็บใจเล่นๆ กรณีนี้ใช้ได้กับชาวพุทธที่จิตใจยังไม่มั่นคง แต่ชาวพุทธที่รู้ทันและมีจิตใจมั่นคง จะรู้สึกเฉยๆ ปล่อยให้กรรมตกแก่ผู้ปรามาสไป ข้าพเจ้าไม่ค่อยสนใจศาสนาอื่น เขาจะสอนว่าอย่างไร ผิดถูกตรงไหน เป็นเรื่องของเขา เรามองดูที่ตัวเราก็พอ ไม่อย่างนั้นจะเป็นจิตส่งออก ส่งออก และส่งออก กว้านอารมณ์ข้างนอกมาเผาใจตนเอง มิใยที่เพื่อนร่วมทางจะชะเง้อคอ ออกปากร้องเรียก มาทางนี้ เดินทางต่อเถอะ ก็พัวพัน ฟัดกันแบบเอาเป็นเอาตาย ฝุ่นตลบ พอฝุ่นจางลง ใบหน้าแต่ละคนมอมแมม จากคุณ : จางปาง เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 14:05:22

ความคิดเห็นที่ 23 ผมต้องการให้คุณ...ตอบตัวเอง... จากคุณ : Humandroy เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 15:07:03

ความคิดเห็นที่ 24 การจะบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณได้  ไม่ใช่เพียงแค่ศึกษาให้เข้าใจแล้วจะบรรลุ ยังต้องมีความเพียรบวกกับศรัทธามากมาย ซึ่งนั่นต้องมีกำลังใจที่มากเป็นพิเศษ เพื่อสั่งสมบารมียิ่งๆ ขึ้นไป ทุกคนล้วนท้อถอยย่อมทำได้ยาก เมื่อเห็นความเพียรต่างๆ ที่พระพุทธเจ้าสร้างมา นั่นคือกำลังใจที่ต่างกันนั่นเอง   หากใครอยากเป็นพระพุทธเจ้าก็เริ่มได้จากวันนี้ ตั้งจิตปราถนาอันแรงกล้า นับไปอีก 4 อสงไขยแสนกัป เป็นอย่างน้อย จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 15:17:00

ความคิดเห็นที่ 25 ความคิดเห็นที่ 23     ผมต้องการให้คุณ...ตอบตัวเอง... จากคุณ : Humandroy   ---------------------------- คุณเป็นคุณเกลือจืด ที่อวตารมาหรือไงครับ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 15:18:15

ความคิดเห็นที่ 26 ผมก็เป็นผมเอง ไม่ใช่คุณเกลือจืด ---------------------------------- คำถามของผมคุณจะตอบผมหรือไม่ตอบผม ผมไม่ได้สนใจ แต่...ถ้าคุณตอบตัวเองเมื่อไหร่...คุณก็จะรู้ว่าผมถามทำไม ----------------------------------- ปล. มันไม่สำคัญว่าคำตอบจะดูดีแค่ไหน แต่มันสำคัญที่คุณระลึกรู้คำตอบจริงๆของคำถามจริงๆ หรือแค่หาข้ออ้างขึ้นมาตอบ ผมถึงบอกว่า "ผมต้องการให้คุณ...ตอบตัวเอง... " จากคุณ : Humandroy เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 15:28:31

ความคิดเห็นที่ 27 อะไรของคุณ ตอบตัวเอง   ผมตั้งกระทู้นี้เจาะจงที่คุณเกลือจืด เพราะเค้าให้คห.ไว้แรกเริ่มไม่พอ ยังต่อมาถึงคำถามที่ว่า"ผิดไหม"อีก ผมถึงว่าเค้ากำลังหมิ่นพระพุทธเจ้า เนื่องจากการเข้าใจที่ผิดๆ ผมชาวพุทธ เห็นแล้วก็ต้องตักเตือนและอธิบายไปว่าอย่างไร ผมเห็นแต่ต่างศาสนาจะช่วยกันประนามคนมาล้ำเส้นของศาสนาตน แม้นิดนึงก็ยังไม่ได้ หรือไม่ได้คิดจะล่วงเกินด้วยซ้ำ เค้ากับคิดกันไปเอง แล้วนี่หละเค้าหมิ่นเต็มๆ ไม่มีเลยหรือชาวพุทธที่มีศรัทธาจะมาช่วยกันอย่างที่ศาสนานั้นๆ ได้เคยทำมาแล้ว จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 15:36:12

ความคิดเห็นที่ 28 เราจำเป็นต้องปกป้องคำว่า พุทธ ทั้งๆที่คำว่า พุทธ นั้นป้ายสีไม่ติด เราจำเป็นต้องปกป้องจริงๆหรือ หรือว่า เราจำเป็นต้องปกป้องใจตัวเอง เพราะมารนั้นสามารถสิงเข้ามาสู่ใจเราได้ทุกเมื่อ สิงเข้ามาแล้วก็คอยกระซิบเรา หลอกให้เราหลงคิดว่าเสียงกระซิบนั้น คือตัวเรา หลอกให้เราคิดว่าเสียงกระซิบนั้นคือเจตนาเรา นานวันเข้าเราก็จะตกเป็นทาสแห่งมาร แล้วเรารู้ได้อย่างไร ว่าอะไรคือเจตนาแห่งเรา อะไรคือเสียงกระซิบแห่งมาร รู้ได้จาก ถามตัวเองดู ว่าเรากำลังทำอะไร ถามตัวเองดู ว่าเราทำไปทำไม ถามตัวเองดู ว่าสิ่งที่เราทำจะให้ผลอะไร เราต้องการมันจริงหรือไม่ มารที่ผมพูดถึงนี้ก็คือผีที่มองไม่เห็นแต่รู้ได้ด้วยปัญญา ---------------------------------------------------------- ปล. เ่ท่าที่ผมเห็นนี้ คุณยังไม่ตอบคำถามของผม ให้ตัวเองเลย พุทธ ไม่เคยมัวหมอง ตราบเท่าที่ยังมีคนรู้จริงปฏิบัติจริง พุทธ จะมัวหมอง เมื่อคนรู้ดีแต่ไม่ปฏิบัติ จากคุณ : Humandroy เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 16:08:39

ความคิดเห็นที่ 29 ปล. นั่นเป็นความเห็นสุดท้ายของผม เจตนาเบื้องหน้า "ผมต้องการให้คุณ...ตอบตัวเอง..." เจตนาเบื้องลึก "ถ้าคุณตอบตัวเองเมื่อไหร่...คุณก็จะรู้ได้เอง" ผีและมาร จะว่ามีตัวตนก็มี จะว่าเป็นคำเปรียบเทียบก็เป็น ถึงจะขยายความมากกว่าก็คงไม่ไม่ช่วยให้เข้าใจอะไรได้ คำตอบที่เหลืออยู่ที่ตัวคุณเองแล้ว ส่วนตัวผมขอ วางอุเบกขา แล้ว จากคุณ : Humandroy เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 16:14:31

ความคิดเห็นที่ 30 ไม่รู้นะผมคิดแบบนี้  ชาวพุทธผู้ที่วางอุเบกขา ก็วางไปถือว่าปฏิบัตินำ แต่ต้องมีผู้ที่ปกป้องไว้ด้วยเพื่อที่ให้ผู้ปฏิบัตินั้นไม่ต้องมามีส่วนเกี่ยวข้อง กับการโต้แย้ง หรือคอยแก้ต่างให้กับศาสนา สำหรับผม เป็นพวกที่ปฏิบัติและปกป้องไปด้วย หากต่างศาสนา มีคนคิดเช่นคุณHumandroy บ้าง ก็คงจะไม่มีคนแบบผม แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 17:05:44 จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 16:21:53

ความคิดเห็นที่ 31 สุดท้ายแล้ว คุณก็ยังไม่ยอม "ตอบตัวเอง" จากคุณ : ลาแล้วครับ (Humandroy) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 16:32:53

ความคิดเห็นที่ 32 ความคิดเห็นที่ 31     สุดท้ายแล้ว คุณก็ยังไม่ยอม "ตอบตัวเอง" จากคุณ : ลาแล้วครับ (Humandroy) ----------------- ตอบตัวเองอะไรครับ ผมบอกไปแล้วว่าผมตั้งกระทู้นี้ไม่ได้เพื่อมาตอบตัวเอง ผมต้องการคุยกับคนที่เข้าใจอะไรผิดๆ และได้ให้ความเห็นนั้นเอาไว้ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 16:39:03

ความคิดเห็นที่ 33 ชอบสำนวน คห28 ค่ะ  แต่ไม่ได้สนใจเรื่องราว และไม่ได้มาเชียร์ใคร นะ คะ จากคุณ : การบูร (Camphor) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 16:51:55

ความคิดเห็นที่ 34 พุทธจะมัวหมองหรือไม่  คงไม่เกี่ยวกับคำพูดของใครมาตัดสิน จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 17:04:43

ความคิดเห็นที่ 35 ความคิดเห็นที่ 34 MsgStatus(Msv[34], 34); พุทธจะมัวหมองหรือไม่  คงไม่เกี่ยวกับคำพูดของใครมาตัดสิน นั่นนะซิ แล้วคุณจะเดือดร้อนไปทำไม ทองแท้อย่าไปกลัวไฟลน จากคุณ : Persimon เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 17:45:13

ความคิดเห็นที่ 36 ปล. เ่ท่าที่ผมเห็นนี้ คุณยังไม่ตอบคำถามของผม ให้ตัวเองเลย พุทธ ไม่เคยมัวหมอง ตราบเท่าที่ยังมีคนรู้จริงปฏิบัติจริง พุทธ จะมัวหมอง เมื่อคนรู้ดีแต่ไม่ปฏิบัติ จากคุณ : Humandroy   ----------------------------- ก็นี่ไง ใครให้คห.ไว้ ผมก็แค่เอามาต่อยอด จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 18:01:54

ความคิดเห็นที่ 37 "เจตนาไปดีดไข่เล่นกระตุกต่อมคิดเขา" กับ "รุกรานทางศาสนา" พฤติกรรมมันต่างกันเพียงเส้นใยนาโน เมื่อบางเนื้อหามันไปกระแทกใจท่านเกลือจืด (และอีกหลายท่านที่เข้าไปอ่าน แล้วร่วมอนุโมทนาจิตกับท่านเกลือจืด ถึงไม่ได้ร่วมใส่อารมณ์หน้าบอร์ดก็ตาม) ท่านเกลือจืดถามกลับ ไม่ได้ผิดอะไรนี่ครับ เพราะฝั่งเราก็ตั้งกระทู้ มุ่งหวังให้เพื่อนคริสต์ ตอบโดย"ไม่ใช้อารมณ์" เมื่อคนมันมีอารมณ์กันทุกคนโดยธรรมชาติ เหมือน จขกท.มีอารมณ์เช่นกัน เมื่อศาสดาโดนถามย้อนแบบไม่ให้เกียรติ ท่านเกลือจืด ก็หวังให้ จขกท.หรือชาวพุทธ งดอารมณ์เฉกเช่นเดียวกัน เมื่อเจอ"เนื้อหากระแทกใจ" น่าแปลก ที่ จขกท.ตีปีกพั่บๆ Feat.กันกับท่าน Wutฯ (สหายท่านรณเรณู) อยู่ 2คน แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 22:47:21 แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 22:01:53 จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 21:45:44

ความคิดเห็นที่ 38 จริงๆ  เหตุการณ์มันก็ชัดเจนนะ เพราะทางเพื่อนคริสต์ หลายท่านก็ห้ามปรามท่านเกลือจืด โดยนำหลักศาสนาคริสต์หลายเรื่อง ช่วยกันแตะเบรก ทั้งแรงทั้งเบา ถึงท่านเกลือจืด เจตนาเพื่อนคริสต์เขา ก็ไม่ต้องการให้ลุกลามบานปลาย จะว่า ท่านจขกท.ตั้งกระทู้ขึ้นเพื่อ ชี้แจ้งทำความเข้าใจก็ "ไม่ใช่โดยสิ้นเชิง" เพราะเต็มไปด้วยถ้อยคำที่แฝงอารมณ์ ร่ำๆว่า อยากให้ลุกลามบานปลาย แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 21:59:20 จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 21:55:24

ความคิดเห็นที่ 39 HOW GREAT THOU ART จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 03:03:35

ความคิดเห็นที่ 40 คุณจันตรีบุตร  เข้าใจอะไรไปเองหรือป่าว คุณเกลือจืดยกประเด็น คนทิ้งลูกทิ้งเมีย  ก็ไม่ได้เกี่ยวไร กับพระพุทธเจ้า นั่นคือเรื่องเจ้าชายสิทธัตถะ.. ท่านสละทิ้งลูกเมียเพราะเป็นปุถุชนอยู่ ก็อธิบายไปตามจริง ส่วนเรื่องที่คุณคิดว่าเกี่ยวกับเรื่องชาดก10 ชาติ ก็คือชาดกที่พระองค์ จะเล่าเอง หรือมีคนช่วยกันรจนามาให้พระพุทธเจ้า คนศึกษาประวัติศาสตร์ เค้าแยกแยะกันออก...   พระพุทธเจ้าสอนเรื่อง การพ้นทุกข์เป็นหลัก เรื่องอื่น เป็นสีสันน้ำจิ้มที่ใส่เข้ามา  ลองไปศึกษาเรื่องของศาสดาอื่น ในอินเดีย จะมีเรื่องทำนองเดียวคล้ายกันเยอะครับ จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 03:51:29

ความคิดเห็นที่ 41 ความคิดเห็นที่ 37    คุณ : Zim-MorLuth เรื่องมันอยู่ที่คุณเกลือจืดเอ่ยนามชัดเจนถึงพระพุทธเจ้า ไม่ได้มีข้อคำถามใดๆ แต่ที่คนอื่นนั้นเค้าไม่ได้พาดพิงถึงพระเจ้าเลย  มีแต่ยกหัวข้อมาคุย จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 08:31:52

ความคิดเห็นที่ 42 ความคิดเห็นที่ 38     จริงๆ  เหตุการณ์มันก็ชัดเจนนะ เพราะทางเพื่อนคริสต์ หลายท่านก็ห้ามปรามท่านเกลือจืด โดยนำหลักศาสนาคริสต์หลายเรื่อง ช่วยกันแตะเบรก ทั้งแรงทั้งเบา ถึงท่านเกลือจืด เจตนาเพื่อนคริสต์เขา ก็ไม่ต้องการให้ลุกลามบานปลาย จะว่า ท่านจขกท.ตั้งกระทู้ขึ้นเพื่อ ชี้แจ้งทำความเข้าใจก็ "ไม่ใช่โดยสิ้นเชิง" เพราะเต็มไปด้วยถ้อยคำที่แฝงอารมณ์ ร่ำๆว่า อยากให้ลุกลามบานปลาย แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 21:59:20 จากคุณ : Zim-MorLuth --------------------------------------- ชาวพุทธเป็นฝ่ายถูกคนใช้คำหมิ่นก่อน ควรหรือที่พวกคุณจะช่วยกันอุ้ม แทนที่จะให้เค้าขอโทษ กลับผลักภาระให้ฝ่ายพุทธว่าอยากมีเรื่องบานปลาย จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 08:34:34

ความคิดเห็นที่ 43 ความคิดเห็นที่ 40     คุณจันตรีบุตร  เข้าใจอะไรไปเองหรือป่าว คุณเกลือจืดยกประเด็น คนทิ้งลูกทิ้งเมีย  ก็ไม่ได้เกี่ยวไร กับพระพุทธเจ้า นั่นคือเรื่องเจ้าชายสิทธัตถะ.. ท่านสละทิ้งลูกเมียเพราะเป็นปุถุชนอยู่ ก็อธิบายไปตามจริง ส่วนเรื่องที่คุณคิดว่าเกี่ยวกับเรื่องชาดก10 ชาติ ก็คือชาดกที่พระองค์ จะเล่าเอง หรือมีคนช่วยกันรจนามาให้พระพุทธเจ้า คนศึกษาประวัติศาสตร์ เค้าแยกแยะกันออก...   พระพุทธเจ้าสอนเรื่อง การพ้นทุกข์เป็นหลัก เรื่องอื่น เป็นสีสันน้ำจิ้มที่ใส่เข้ามา  ลองไปศึกษาเรื่องของศาสดาอื่น ในอินเดีย จะมีเรื่องทำนองเดียวคล้ายกันเยอะครับ จากคุณ : นบนอบ   ------------------------------------- ไม่เกี่ยวได้ยังไง เค้ากล่าวมาเพื่อต้องการจะหาเรื่องกันอยู่แล้ว ทิ้งลูกทิ้งเมีย ให้ทานลูกเมีย ผิดหรือไม่   คุณอย่ามาทำเป็นอ่อนนักเลย ส่วนเรื่องชาดก มีอยู่ในพระไตรปิฎก ไม่มีใครไปสร้างขึ้นมาเป็นน้ำจิ้มอย่างที่คุณเข้าใจ ในลัทธิอื่นหรือศาสนาของคุณ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 08:38:04

ความคิดเห็นที่ 44 ผมเคยกล่าวไว้แล้ว หากใครถามเกี่ยวกับเรื่องในพระไตรฯ ใครรู้ก็ตอบ เพราะเป็นสิ่งที่ดีมากที่ได้มีโอกาสในการเผยแพร่ธรรมะ ผมคงไม่ไปรู้สึกแบบพวกคุณ ที่คนอื่นถามด้วยความสงสัย แต่กลับมองเป็นการจับผิด  น่าสงสารจริงๆ แทนที่จะได้มีโอกาสแสดง ข้อธรรมของฝ่ายตน แต่กลับมองเป็นการหาเรื่อง จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 08:41:48

ความคิดเห็นที่ 45 ใครจะมองคุณรถเรณู หรือคุณวุฒิธรรม ว่าอย่างไรก็ช่างพวกคุณ ผมมองว่าเค้าเป็นชาวพุทธ อย่างไรก็ยังคุยกันง่ายกว่าพวกต่างศาสนา จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 08:43:48

ความคิดเห็นที่ 46 # จันตรีบุตร โทษที่ที่เพิ่งมาเห็นกระทู้นี้ ที่จริงผมไม่นิยม แยกระทู้ออกมา เพราะก็ไม่ชอบให้เรื่องลุกลามมากมาย และต้องขอโทษเพื่อนคริสเตียน และชาวพุทธที่ดีหลายท่านที่ได้ พูดล่วงเกินเช่นนั้น แต่ก็อยากให้รู้ว่า เวลาพวกคุณตั้งกระทู้ไม่เกรงใจคนอื่น ถ้าเค้าตั้งกระทู้เล่นคุณแรงๆบ้าง คุณจะคิดอย่างไร และผมก็ไม่ใ่ช่คนเริ่มต้นก่อน เหอะๆ ผมไม่ต่อล้อต่อเถีึยงกับคุณเรื่องศาสนาพุทธเชื่ออย่างไร (คุณจะเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด ก็เรืี่องของคุณ ผมก็ไม่เห็นว่าคุณจะเชื่อพระเจ้า ต่างคน ก็ต่างบังคับใจใครไม่ได้) แค่ต้องการชี้ให้เห็นว่า ทุกศาสนามีข้อบกพร่องที่ต้องอาศัยความเชื่อเช่นเดียวกันทั้งสิ้น ตลก ศาสนาตูข้าห้ามแตะ แต่วิจารณ์สารพัดศรัทธาคนอื่นได้ วิจาณ์ไปโน่น พระเยซูมีเมีย พระเยซูเป็นพระโพธิสัตว์ พระเจ้าเป็นพรหม์ ฯลฯ พอโดนถามแรงๆ เต้นเป็นเจ้่าเข้า เหอ เหอ แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 55 09:56:02 จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 09:53:39

ความคิดเห็นที่ 47 คุณเกลือจืด  คุณกล่าวว่าผมไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าจากอะไร ผมไปกล่าวไว้ตอนไหนครับ  ช่วยหามาเลยดีกว่า แต่ที่คุณได้กล่าวคำว่า "น่าสงสารพระพุทธเจ้า"  นี่มันชัดเจน มีใครไปกล่าวจาบจ้วงถึงพระเจ้าของคุณแบบนี้บ้างหรือไม่ แค่นั้นไม่พอ คุณยังมีหน้ามาบอกจะตั้งกระทู้ถามเรื่อง คนที่ทิ้งลูกเมีย ให้ลูกเมียเป็นทาน ผิดไหม  ตรงนี้คุณย่อมรู้แก่ใจว่าไม่ได้คิดจะหาความหมาย เพียงแค่ต้องการจะตำหนิผู้มีความประพฤติเช่นนี้ แต่ไม่ได้มีความรู้มาก่อน ว่าที่พระพุทธเจ้านั้นได้ให้บุตรและภรรยาเป็นทาน นั้นเพื่อบรรลุธรรมขั้นสูง จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 10:15:54

ความคิดเห็นที่ 48 ผมไม่เคยเลยสักครั้ง ที่จะว่าพระศาสดาของศาสนาใด เพราะผมรู้ว่ามีอยู่จริง ผมก็ศรัทธาเพราะรู้ว่าศาสดาเหล่านั้นเป็นพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ทีแรก ผมเห็นจึงเตือนด้วยหวังสองอย่างที่กล่าวไว้ แต่ทีที่สองนี้ คุณกลับยังกล่าวคำที่ล่วงเกินแม้ไม่เอ่ยนาม แต่คุณย่อมรู้ว่าผมต้องรู้ว่าหมายถึงใคร  แต่ครั้งนี้ผมไม่ได้หวังไว้เหมือนกับครั้งแรก เพราะครั้งนี้เป็นการตำหนิคุณตรงๆ เพราะถือว่าคุณทำผิดซ้ำ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 10:21:12

ความคิดเห็นที่ 49 หากยังไม่ได้รับการขอโทษจากคุณ ผมจะตั้งกระทู้ถึงประนามคุณเท่าที่จะมีโอกาสอำนวยบ่อยๆ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 10:23:50

ความคิดเห็นที่ 50 ทุกสรรพสิ่งล้วนอยู่ในจักรวาล แม้พระเจ้าหรือพระพุทธเจ้าหรือศาสดาองค์ใด ผมเข้าใจว่าพระศาสดาต่างๆนั้น ในความหมายของชาวพุทธย่อมเป็นพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ที่ได้คอยช่วยเหลือเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย เช่นนั้น หากไม่นับว่าพระเจ้าของศาสดาต่างๆ เป็นพระโพธิสัตว์ในความหมาย แล้วจะให้เป็นอย่างไร ที่อยู่ในจักรวาลศูนย์รวมของสรรพสิ่ง จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 10:33:14

ความคิดเห็นที่ 51 # 47 บอกหลายทีแล้ว ความเชื่อต่างกัน ให้เก็บความหวังดีไว้เถอะ เหอ เหอ พระเยซู คือ พระเจ้า เข้าใจหรือยัง ประมาทหมินพระเยซู คือประมาทหมิ่นพระเจ้า คำว่าพระเจ้าตามความเข้าใจของคุณ ก็คือการดูหมิ่นพระเจ้าของคริสเตียน เพราะคุณเชือว่าพระเจ้าเป็นแต่พรหม์ เช่นเดียวกัน ผมก็เชื่อว่า พระพุทธเจ้าก็เป็นแค่คนธรรมดา เหมือนคนทั่วไป คำว่า "น่าสงสารพระพุทธเจ้า" ไม่ได้ดูถูกพระพุทธเจ้า เป็นการดูถูกการประกาศของคนศาสนาพุทธในปัจจุบัน ที่วันๆ เอาแต่โจมตีศาสนาอื่นๆ ไม่รูั้จัุกเอาคำสอนที่ดีมาแบ่งปัน จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 10:50:58

ความคิดเห็นที่ 52 # 47 (ต่อ) ประเด็นทิ้งลูกทิ้งเมีย ผมถามว่า นี่จะผิดไหม ไม่ได้เจตนาจะถาม เรื่องความเชื่อของพุทธศาสนา ถามเพื่อให้คิดว่า คนอื่นตั้งกระทู้แรงๆ โต้กลับได้ไหม หัดจับประเด็นที่ถามให้ได้ก่อนตอบ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 10:53:53

ความคิดเห็นที่ 53 # 48 ย้ำ ความเชื่อต่างกัน เก็บความหวังดีไว้กับตัวเถอะ ย้ำอีกครั้ง พระเยซูไม่ใช่พระโพธิสัตว์ ต่างความเชื่อกัน คุณไม่ควรพูดแบบนี้ ถ้าผมสวนกลับว่า พระพุทธเจ้าเป็น XXX คุณจะโกรธไหม เลิกพูดซะทีว่า พระเยซูเป็นพระโพธิสัตว์ คุณอยากเชื่อ ก็เรื่องของคุณ ถ้าคุณคิดว่าคุณมีสิทธิจะพูดไ้ด้ ผมก็ควรมีสิทธิพูดได้ว่า พระพุทธเจ้าเป็น XXX แบบนี้เท่าเทียมกันถุกไหม จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 10:57:09

ความคิดเห็นที่ 54 # 49 ใครหนอ กระทู้ที่แล้วพูดเรื่องอาฆาตแค้น เหอ เหอ มีปากก็ประณามมาเถอะ แต่อย่าลืมว่า ผมก็มีปากเหมือนกัน แล้ว เตือนก่อนว่า ถ้าศาสดาของคุณจะถูกผมอ้างอิงอีก ก็อย่าโวยวายแล้วกัน จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:00:01

ความคิดเห็นที่ 55 # 50 เลิกเอาความเชื่อของตนเป็นศูนย์กลาง แล้วคิดว่า คนอื่นๆจะเหมือนคุณได้แล้ว ถ้าคุณพิสูจน์ได้ก่อน ว่าเวียนว่ายตายเกิดได้ก่อน ค่อยมาคุยเรื่องนี้ พิสูจน์ด้วยหลักวิทยาศาสตร์นะ เพราะคุณอ้างมิใช่หรือว่าเป็นเรื่องของปัญญา จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:03:03

ความคิดเห็นที่ 56 คำว่า "น่าสงสารพระพุทธเจ้า" ไม่ได้ดูถูกพระพุทธเจ้า เป็นการดูถูกการประกาศของคนศาสนาพุทธในปัจจุบัน ที่วันๆ เอาแต่โจมตีศาสนาอื่นๆ ไม่รูั้จัุกเอาคำสอนที่ดีมาแบ่งปัน -------------------------------------------------- เค้าไปกล่าวคำน่าสงสารพระเจ้าของคุณหรือไงกัน คุณถึงได้โต้ตอบมาแบบนี้ ผมกล่าวไว้คุณมีความเห็นว่าอย่างไร กับจักรวาลนี้ที่รวมทุกสรรพสิ่ง พระเจ้าของคุณอยู่ในจักรวาลนี้หรือไม่ พระเจ้าก็คือพระเจ้า ผมรู้ แต่ในศาสนาผมนั้นทุกสรรพสิ่งล้วนอยู่ภายใต้กฏเดียวกัน เพราะพระเจ้าก็อยู่ในจักรวาลย่อมอยู่ภายใต้กฏแห่งจักรวาล จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:04:30

ความคิดเห็นที่ 57 การหมิ่นพระเจ้าโดยตรง มันต่างกับคำถามที่คนถามถึงพระเจ้า คุณมันช่างโง่เขลา ดูไม่ออกและแยกแยะไม่ออกเลย ถึงได้เป็นกล่าวอะไรออกมาลบหรู่ถึงพระศาสดาผู้อื่น จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:13:25

ความคิดเห็นที่ 58 # 56 แล้วการตั้งกระทู้ว่า พระเยซูมีภรรยา มันแรงน้อยกว่าที่คำว่า พระพุทธเจ้าน่าสงสารไหม หัดเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง ถ้าโขตาลไม่แรงมาก่อน ผมจะใช้ประโยคนี้สวนกลับไหม เอาประเด็นนี้ก่อน ว่าไง จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:14:28

ความคิดเห็นที่ 59 หากมีใครลบหรู่พระศาสดาคุณ ไม่ได้เป็นเชิงถาม ผมจะไม่ว่าเลย หากคุณจะว่าเค้ากลับไป  แต่นี่เป็นเพียงคำถามแต่คุณกลับตอบมาเป็นคำลบหรู่ เป็นการแสดงที่สาระเลวมาก ผมคงไม่ไปก้าวล่วงถึงพระศาสดาของคุณ แต่ผมจะตำหนิคุณตรงๆ คุณมันสาระเลว จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:15:24

ความคิดเห็นที่ 60 # 57 ผมมีความเชื่อว่าคุณโง่เขลา และเบาปัญญามากกว่าผมเยอะเลย จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:15:54

ความคิดเห็นที่ 61 ความคิดเห็นที่ 58     # 56 แล้วการตั้งกระทู้ว่า พระเยซูมีภรรยา มันแรงน้อยกว่าที่คำว่า พระพุทธเจ้าน่าสงสารไหม หัดเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง ถ้าโขตาลไม่แรงมาก่อน ผมจะใช้ประโยคนี้สวนกลับไหม เอาประเด็นนี้ก่อน ว่าไง จากคุณ : เกลือจืด ---------------------------------------- เป็นคำถามที่ถามได้ไม่ใช่เป็นไปเพื่อการลบหรู่ เช่นคุณ และอีกอย่างเค้าก็ไม่ได้กล่าวเอง เค้านำบทความนั่นมาให้ได้วิเคราะห์กัน ไม่ใช่แบบเช่นคุณที่เจตนาตำหนิชัดเจน จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:17:23

ความคิดเห็นที่ 62 คุณไม่เพียงแต่โง่ดักดาน อันไหนเป็นไปเพื่อการศึกษาอันไหนเป็นการหมิ่น ยังแยกแยะไม่ออก  ยังต่ำทรามก้าวล่วงไปถึงพระศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ของโลกอีก จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:18:30

ความคิดเห็นที่ 63 # 59 พุทธศาสนิกชน เจตนาดูหมิ่นพระศาสดาคนอื่น คุณว่าไม่เป็นไร ทำไมครับ เื่ิมื่อโขตาล ถามว่า พระเยซูมีภรรยา ผมก็ถามกลับ เรื่องชายทิ้งลูกทิ้งเมีย คุณมันสาระเลว ยิ่งกว่า จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:18:38

ความคิดเห็นที่ 64 # 62 คุณจันตรีบุตรไม่เพียงแต่โง่ดักดาน อันไหนเป็นไปเพื่อการศึกษาอันไหนเป็นการหมิ่น ยังแยกแยะไม่ออก  ยังต่ำทรามก้าวล่วงไปถึงพระศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ของโลกอีก จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:19:46

ความคิดเห็นที่ 66 ธาตุแท้ได้เปิดเผยออกมาแล้วสินะ เกลือจืดเอ๋ย ไอ้คนถ่อย จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:21:49

ความคิดเห็นที่ 67 คนเช่นคุณแม้มีศาสนาก็คงช่วยยกระดับจิตใจให้ดีขึ้นคงยาก อย่าไปมีเลยศาสนา เป็นคนถ่อยจัณฑาล อย่างที่ตระกูลคุณเป็นนั่นแหละดีแล้ว จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:23:04

ความคิดเห็นที่ 68 สุดท้าย คุมอารมณ์ไ่ม่อยู่้ใช้วิธีด่าทอแล้วครับท่าน ตอบมาด้วยเหตุผลสิ ว่า พุทธศาสนิกชน(โขตาล) เปิดประเด็นมาก่อนไหม พอเค้าสวนไปแรงๆ ทำไมทำใจไม่ได้ละ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:23:26

ความคิดเห็นที่ 69 # 65,66,67 เป็นอีกครั้ง ที่ผมซาบซึ้งถึงปัญญาของคนที่กล่าวอ้างว่าศึกษาพระศาสนามาอย่างดี จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:25:05

ความคิดเห็นที่ 70 นี่คือผลกรรมในชาตินี้ที่คุณได้ล่วงเกินพระพุทธเจ้า แม้ตายไปยังต้องไปชดใช้ในอบายภูมิอีก พระจ้าของคุณก็ช่วยไม่ได้  ล้างบาปอะไรนั่น ก็ไม่ได้รับการชำระทั้งนั้น จำใส่หัวเอาไว้ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:25:07

ความคิดเห็นที่ 71 # 70 เก็บคำขู่เรื่องชาติหน้าไ้วักับตัวดีกว่า จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:26:03

ความคิดเห็นที่ 72 ในเมื่อคุณแสวงหาศัตรู ก็ได้ศัตรู ก็สมควรแล้ว ยังจะหามิตรในคำหมิ่นได้อย่างไร จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:26:31

ความคิดเห็นที่ 73 ไอ้หน้าโง่เอ้ย  คนทำบาปมีหรือจะไม่ได้บาป เช่นนั้นความยุติธรรมกฏแห่งกรรมมีไว้เพื่ออะไร จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:28:33

ความคิดเห็นที่ 74 ตลก ศาสนาตูข้าห้ามแตะ แต่กูหมิ่่นศาสดาคนอื่นๆได้ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:29:01

ความคิดเห็นที่ 75 หากยังไม่ได้รับการขอโทษจากคุณ ผมจะตั้งกระทู้ถึงประนามคุณเท่าที่จะมีโอกาสอำนวยบ่อยๆ คุณจันตรีบุตรช่างเป็นพุทธที่เข้าถึงพุทธจริงๆ แต่เป็นเปลือกของพุทธนะ ความเชื่อในพระไตรปิฏกของคุณเข้าขั้นเสพติดอย่างงมงาย อะไรที่อยู่ในพระไตรปิฏกคือเรื่องจริงหมด เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสหมดทุกเรื่อง ตำราศาสนาทุกศาสนาถูกแต่งขึ้นมาภายหลังจากที่องค์ศาสดาตายไปแล้วทั้งนั้น คนที่แต่งย่อมหวังผลที่จะใช้ศาสนานั้นสร้างศรัทธาความเชื่อแก่ผู้คน ไม่ให้คนหันหลังหนีและจงรักถักดีต่อศาสนานั้นๆ ดังนั้นจึงต้องมีกลอุบาย มีเรื่องแต่งเติมเสริมประกอบเข้าไปเพื่อให้เข้าถึงคนทุกหมู่เหล่า ทั้งคนโง่ คนฉลาด อย่างในศาสนาพุทธ คนมีปัญญา เค้าก็สนใจในส่วนที่เป็นพระธรรมคำสอน ที่ถือว่าเป็นแก่น คนด้อยปัญญา เข้าไม่ถึงแก่น ก็ต้องดึงเข้ามาด้วยเรื่องอิทธิฤทธิปาฏิหารย์ เทพเจ้า เทวดา ชาติที่แล้วชาติหน้า นรกสวรรค์ในแบบที่เป็นสถานที่ เพราะมันทำให้พอมองเห็นภาพได้ไง เพราะถ้าสอนในเรื่องนามธรรม พวกนี้จะไม่เข้าใจ เข้าไม่ถึง เหมือนแม่ค้าขายของในตลาดย่อมไม่ดูรายการฉลาดสุดๆ แต่เลือกที่จะดูละครมากกว่า เพราะไม่ต้องใช้สมองคิดตาม เห็นภาพแล้วเข้าใจได้เลย คุณจันตรีบุตรเมื่อเชื่อมั่นมากก็ยึดติดมาก ใครมาแตะพระไตรปิฏกไม่ได้เลย แถมยังคิดเจ็บแค้น หวังจะแก้แค้นเอาคืน สรุปแล้วการเชื่อมั่นในพระไตรปิฏกซึ่งเป็นแหล่งธรรมะของพุทธศาสนาไม่ได้ช่วยอะไรเลยหรือครับ? หรือเพราะมัวแต่ไปสนใจแต่กะพี้? แม้ว่าใครจะก่นด่าพระพุทธเจ้ายังไงก็ตาม ไม่ได้เป็นสิ่งที่ทำให้ศาสนาพุทธเสื่อมถอยลงไปเลย กลับกัน ศาสนาพุทธจะเสื่อมก็เพราะชาวพุทธที่เข้าไม่ถึงพุทธนี่แหละที่ฉุดลากพุทธศาสนาให้ผิดเพี้ยนไป และเสื่อมลงไปในที่สุด จากคุณ : Persimon เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:29:21

ความคิดเห็นที่ 76 # 73 โปรดกรุณาพิสูจน์สิว่า ความยุติธรรมกฏแห่งกรรม  มีจริง ? จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:30:40

ความคิดเห็นที่ 77 ความคิดเห็นที่ 74     ตลก ศาสนาตูข้าห้ามแตะ แต่กูหมิ่่นศาสดาคนอื่นๆได้ จากคุณ : เกลือจืด   ------------------ บอกว่าไปหามาใครเค้าไปหมิ่นศาสดาเอง  ไปเอามาเลย แต่แกนั่นแหละหมิ่นพระพุทธเจ้าเต็มๆ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:35:10

ความคิดเห็นที่ 78 Persimon  เป็นไรมาป่าวครับ  ใครเค้าขอความเห็นจากคุณ กระทู้ที่แล้วก็ทีนึง  บ้าป่าวเนี่ย ผมทำเหมือนกับที่ศาสนิกชนที่ดีของต่างศาสนาเค้าก็ทำกัน คุณคงไม่เห็นมั้ง ถึงได้ทำเป็นมองผมเป็นพวกแปลกแยก จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:36:50

ความคิดเห็นที่ 79 เป็นไงเกลือจืด  ผมด่าคุณเต็มๆ  ไม่มีเลยที่จะไปพาดพิงถึงศาสดาคุณ แต่คุณดันทะลึ่ง เป็นเพียงมนุษย์ผู้ต่ำต้อย สมควรกับคำหมิ่นของคุณแล้วหรือ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:39:23

ความคิดเห็นที่ 80 # 77 เลิกทะเลาะกันซะที มาพูดกับด้วยเหตุผล การที่พูดว่า พระเยซูมีเมีย คือการหมิ่นประมาทพระเจ้า เป็นการลบหลู่ศาสนาคริสต์อย่างแรง เพราะเราเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้า ในกระทู้ข่าวที่อ้าง ก็๋บอกชัดว่า เอกสารไม่มีที่มาที่ไป ทั้งเป็นเอกสารที่เขียนหลังพระเยซูอีก ไม่ตำกว่า 200 ปี เมื่อเป็นเอกสารที่ไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีมูล ก็มีคนเอามาเล่นเป็นประเด็น ดูได้จากวิธีการตั้งกระทู้ของโขตาล เมื่อคำถาม คือการหาเรื่องมาก่อน ผมก็แขะกลับ แค่คำว่า พุทธเจ้าน่าสงสาร... เอาแ่ค่นี้ก่อน คุณว่าใครผิด จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:41:15

ความคิดเห็นที่ 81 ถามไปยังไม่ตอบ ว่าพระเจ้าของคุณอยู่ในศูนย์รวมของจักรวาลนี้หรือไม่ ชาวพุทธเช่นผมคิดแบบสากล เพื่อไม่ให้มีข้อขัดแย้งต่อศาสนาอื่น จึงได้มองว่าพระศาสดาอื่นๆ ก็คือพระโพธิสัตว์ที่มีบารสูง คอยช่วยเหลือเหล่าสรรพสัตว์ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของชาวพุทธ  ว่ามีพระเจ้าอยู่จริง จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:41:50

ความคิดเห็นที่ 82 ความคิดเห็นที่ 80     # 77 เลิกทะเลาะกันซะที มาพูดกับด้วยเหตุผล ------------------ โอเค...  หากจะคุยด้วยเหตุผลก็ต้องเริ่มจากคุณก่อนเลย อย่ามีคำใดที่มันแสลงก็แล้วกัน จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:42:54

ความคิดเห็นที่ 83 ก่อนที่จะตอบคำถามคุณ คุณก็ช่วยตอบ # 80 ก่อนว่าใครผิดใครถูก จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:47:17

ความคิดเห็นที่ 84 นี่เร็วจิ ผมรอคำตอบอยู่นะ เพราะคุณชวนคุยเรื่องปรัชญา น่าตื่นเต้นจริงๆ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:51:01

ความคิดเห็นที่ 85 ความคิดเห็นที่ 80     # 77 เลิกทะเลาะกันซะที มาพูดกับด้วยเหตุผล การที่พูดว่า พระเยซูมีเมีย คือการหมิ่นประมาทพระเจ้า เป็นการลบหลู่ศาสนาคริสต์อย่างแรง เพราะเราเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระเจ้า ในกระทู้ข่าวที่อ้าง ก็๋บอกชัดว่า เอกสารไม่มีที่มาที่ไป ทั้งเป็นเอกสารที่เขียนหลังพระเยซูอีก ไม่ตำกว่า 200 ปี เมื่อเป็นเอกสารที่ไม่น่าเชื่อถือ ไม่มีมูล ก็มีคนเอามาเล่นเป็นประเด็น ดูได้จากวิธีการตั้งกระทู้ของโขตาล เมื่อคำถาม คือการหาเรื่องมาก่อน ผมก็แขะกลับ แค่คำว่า พุทธเจ้าน่าสงสาร... เอาแ่ค่นี้ก่อน คุณว่าใครผิด --------------------------------- ด้วยสัจจะ ขอตอบว่าคุณผิด   อธิบายได้ดังนี้   หากคุณสงสัยชาวมุสลิมว่า พระศาสดาแต่เดิมนั้นตาบอด แต่มามองเห็นตอนเผยแพร่ ศาสนาจริงหรือไม่  (คือด้วยอยากรู้ว่าเป็นมาอย่างไร) แต่กลับโดนคนศาสนาอิสลามหมิ่นพระเยซูกลับ ด้วยเข้าใจว่าคุณกำลังจับผิด มันต่างกันตรงนี้ คือ คนต้องการหาคำตอบแต่กลับได้คำหมิ่นแทน เช่นกันในมุมของคุณ หากคุณถามว่าพระพุทธเจ้าได้ให้ทานลูกเมีย ผิดหรือไม่ ในคำถามที่ต้องการคำตอบ ผมก็ควรจะตอบไปด้วยความหวังดีแก่กัน แต่ผมดันกลับแย้งและพาดพิงไปถึงพระเยซูแทน  นี่ถือว่าผมผิดแน่นอน จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:55:20

ความคิดเห็นที่ 86 # 85 นัี่นคือมุมมองของคุณ 1. ผมก็ชี้หลักฐานให้เห็นว่า ใน web ที่โขตาลอ้างมา ก็มีคำตอบของฝั่งคริสต์อยู่ แล้ววิสัยของคนศีักษาด้านศาสนาควรจะตอบสอบเรื่องนี้ก่อน post 2.โขตาลมีพฤติกรรมอย่างไร ในกระทู้ที่แล้ว ทั้งคริสต์และมุสลิม ชี้ให้เห็นแล้ว 3. วิธีการตั้งกระทู้ เป็นสื่อการดูหมิ่นอย่างแรง การโต้ตอบของผม ย้ำว่ามิได้ดูถูกพระพุทธเจ้า แต่ดูหมิ่นวิธีการประกาศศาสนาของชาวพุทธอย่างโขตาล การโต้ตอบของผม ผมถือว่า เป็นการโต้ตอบที่ให้น้ำหนักที่เหมาะสม แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 55 12:01:48 จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 12:01:15

ความคิดเห็นที่ 87 #85 (ต่อ) คุณไม่รู้สึกอะไร กับกระทู้ของโขตาล แต่สำหรับผม โกรธมาก เพราะผมรู้ว่าโขตาลไม่ใช่คนโง่ คุณไม่รู้สึก เพราะคุณไม่ได้ผูกพันธ์ หรือมีสัมพันธ์กับพระเจ้า เพราะคุณไม่รู้จัก ไม่รักพระเยซู แต่คนที่เค้ารัก ก็โมโหเป็น คุณก็ยังไม่บรรลุโสดาบัน ผมก็ยังไม่ใช่คริสเตียนที่สมบูรณ์ จะจบกันตรงนี้ไหม จะได้เริ่มประเด็นใหม่ แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 55 12:09:13 จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 12:08:51

ความคิดเห็นที่ 88 # 85 (ต่ออีก) เพราะคุณไม่รู้จักโขตาล คุณจีงกระโดดลงมาในเกมนี้ ผมต้องการจะฟัดกับโขตาล ปานนั้นมันไม่นั่่งหัวเราะเยาะทั้งคุณทั้งผม คุณไม่ควรเข้ามาในเกมนี้ ถ้าโขตาลเป็นคนเปิดศึก ก็ควรให้เขาแก้ไข ไม่ใช่คุณกระโดดมารับ ผมรู้ว่า คุณ sensitive กับความเชื่อของคุณ ผมก็เช่นกัน กลายเป็นผมมาทะเลาะกับผิดคน เหอ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 12:21:42

ความคิดเห็นที่ 89 เท่าที่อ่าน ผมว่าคุณกำลังปกป้องความเห็นของคุณมากกว่าพระเจ้าของคุณ ที่กล่าวเช่นนี้เพราะผมอยู่ในกระทู้นั้น ไม่มีใครเลยหมิ่นพระเยซู   เป็นเพียงบทความที่คนตั้งข้อสังเกต ว่าเท็จจริงหรือไม่ หากใครเห็นแย้ง ก็ต้องมีข้อมูลหักล้างกันไป เพื่อความถูกต้อง แต่คุณเองไม่ทันได้ตอบข้อโต้แย้งในบทความ คุณเริ่มโดยการกล่าวคำที่ไม่สมควร จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 12:26:25

ความคิดเห็นที่ 90 เงียบไปเลย.. ผมจะเข้ามา check ่คำตอบตอน 6 ตอบตอน 6 โมงเเย็น ขอตัวทำงานก่อน ผมยินดีที่จะ discuss ในเชิงปรัชญาเสมอ ถ้าคุณสนใจ กำเิิินิดแห่งเอกภพ ผมก็พร้อมเสมอ ขอย้ำศึกกระทู้ที่แล้ว ควรเป็นผมกับโขตาล ไม่ใช่คุณ ขอโทษแล้วกัน ที่ทำให้คุณปรี๊ดๆ หลายปรี๊ดๆเลย OK ไหม จะได้จบกระทู้ แล้วไปตั้งกระทู้ใหม่  ตามที่คุณเสนอ 6 โมงเย็นจะมาฟังคำตอบ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 12:32:30

ความคิดเห็นที่ 91 # 89 ผมบอกแล้วไงว่า ผมดูที่ เจตนาของโขตาล วิธีการของเขา คือการดูหมิ่นพระเจ่้า เหมือนกับมีคนมีด่า พ่อคุณ แบบไม่มีเหตุผล จำเป็นต้องชี้แจงด้วยหรือ คำตอบที่เค้าถามก็มีใน web ข่าวที่เ้ค้าอ้างอิง จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 12:35:33

ความคิดเห็นที่ 92 ความคิดเห็นที่ 90     เงียบไปเลย.. ผมจะเข้ามา check ่คำตอบตอน 6 ตอบตอน 6 โมงเเย็น ขอตัวทำงานก่อน ผมยินดีที่จะ discuss ในเชิงปรัชญาเสมอ ถ้าคุณสนใจ กำเิิินิดแห่งเอกภพ ผมก็พร้อมเสมอ ขอย้ำศึกกระทู้ที่แล้ว ควรเป็นผมกับโขตาล ไม่ใช่คุณ ขอโทษแล้วกัน ที่ทำให้คุณปรี๊ดๆ หลายปรี๊ดๆเลย OK ไหม จะได้จบกระทู้ แล้วไปตั้งกระทู้ใหม่ ตามที่คุณเสนอ 6 โมงเย็นจะมาฟังคำตอบ จากคุณ : เกลือจืด --------------------------- คุณไม่ต้องขอโทษผม  เพราะคุณไม่ได้ว่าผม คุณควรจะขอขมาพระพุทธเจ้า ที่กล่าวล่วงเกินไว้ จึงจะถูก ที่ผมได้กล่าวอะไรไว้นั้น เป็นไปตามแรงศรัทธา ที่คุณก็คงได้เห็น ศาสนิกต่างศาสนาที่ได้ออกมาปกป้องศาสดาของตนอย่างไรบ้าง ส่วนเรื่องเอกภพหรือกำเนิดสรรพสิ่งนั้น ผมศึกษาค้นคว้าหาอ่านจนได้บทสรุปในแบบของผมแล้วเพื่อเป็นไปให้สอดคล้องกับทางสายกลาง ท้ายนี้หากมีคำใดที่ผมล่วงเกินคุณ มากไปบ้างน้อยไปบ้าง ขอให้คุณอโหสิกรรมให้ผมด้วย เช่นกันหากคุณล่วงเกินผมในความเห็นใดผมก็จะอโหสิให้คุณเช่นกัน แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 55 12:42:21 จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 12:41:00

ความคิดเห็นที่ 93 ถือว่าต่างจบนะ ที่นี้เชิญคุณไปตั้งกระทู้ใหม่ เรามาประลองวิชาปรัชญกัน OK ไหม รออ่านออยู่ ผมก็อยากรู้ว่า เด็กรุ่นใหม่ พื้นฐานปรัชญาแข็งแกร่งขนาดไหน หุหุ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 12:46:49

ความคิดเห็นที่ 94 ผมเป็นเพียงแค่ผู้ศึกษาหลักปรัชญาต่างๆ ภูมิรู้ที่มีก็อาศัยอ่านและทำความเข้าใจ และยังรู้ตัวดีว่ายังต้องศึกษาอีกเยอะ คงจะไปประลองวิชากับใครไม่ได้ หากพลาดพลั้งเผลอไผลจะไปดึงโน่นนั่นนี่เพื่ออ้างอิงในเชิงอรรถ ก็จะอาจล่วงบาปอกุศลซะป่าวๆ หากเพียงแค่ถามมาตอบไป รู้บ้างไม่รู้บ้างปนเปไป ก็ยังพอได้อยู่ จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 13:33:21

ความคิดเห็นที่ 95 เอวังก็มีด้วยประการะฉะนี้ เมตตาธรรมค้ำจุนโลกค่ะ เอาบุญมาฝากค่ะคุณ จันตรีบุตร ที่กระทู้นี้ค่ะ เอาบุญมาฝากจากภูผาแดง( 3) http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12702473/Y12702473.html จากคุณ : จางปาง เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 14:06:56

ความคิดเห็นที่ 96 ขอบคุณครับคุณจางปาง ที่นำบุญมาฝาก จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 15:07:32

ความคิดเห็นที่ 97 หากเปิดกระทู้ใหม่ เพื่อจะคุยปรัชญากัน จะเป็นเรื่องกำเนิดเอกภพ หรือสรรพสิ่ง หรือเรื่องใดๆ  ฯลฯ  จะเข้าไปอ่าน จากคุณ : Stuff_shirt เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 16:21:47

ความคิดเห็นที่ 98 ศาสนาอื่นแตะได้ ศาสนาตรูห้ามแตะ โคตรน่าเบื่อคนพวกนี้จริงๆ ประจานความดื้อด้านไม่มีเหตุผลของตัวเองแท้ๆ จากคุณ : Zadkiel เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 19:42:06

ความคิดเห็นที่ 99 #  จันตรีบุตร ตั้งกระทู้ใหม่สิครับ คุยกันด้วยใช้ปรัชญาเป็นหลัก ในเรื่องการปฐมเหตุ กำเนิดแห่งสรรพสิ่ง เป็นเรื่องน่าสนใจดีหรอก คุณ Stuff_shirt ยังสนใจเลย อยากให้คุณเปิดกระทู้่ แล้วอธิบายกำเนิดสรรพสิ่ง ตามความเชื่อของคุณ ตามหลักปรัชญานะครับ ถ้าเชื่อว่าทัศนคติเรื่องกำเนิดเอกภพ อธิบายได้ ก็ลองเล่ามาดู คุณถามผม ตอนแรกเหมือนมั่นใจว่า ตอบทุกอย่างได้ ผมก็สนใจแล้วไง ผมจะ on อีกทีตอนก่อนสว่าง จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 20:03:20

ความคิดเห็นที่ 100 ผม on มาแล้วนะ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 04:55:57

ความคิดเห็นที่ 101 ..ผมไม่รบกับท่านเกลือจืดหรอกนะครับ....ผมมีคุณจันตรีบุตรมาทำสงครามตัวแทนอยู่แล้ว... มือระดับหน่วยซีลทีม ๖  เลยนะ  ..ระวังดีๆ         จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 06:30:12

ความคิดเห็นที่ 102 ความคิดเห็นที่ 98     ศาสนาอื่นแตะได้ ศาสนาตรูห้ามแตะ โคตรน่าเบื่อคนพวกนี้จริงๆ ประจานความดื้อด้านไม่มีเหตุผลของตัวเองแท้ๆ จากคุณ : Zadkiel   --------------------------- งี่เง่าแล้วคุณ   ใครจะแตะจะต่อย ก็มาเลยดีกว่า แต่ไม่ใช่จาบจ้วงถึงพระศาสดา หากมีคำถามที่สงสัยในพระไตรฯ ก็ยกมาคุยกันได้ ดีซะอีกที่ได้เผยแพร่พระธรรม จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 09:11:20

ความคิดเห็นที่ 103 คุณเกลือจืด  ก่อนนี้ผมเคยได้อธิบายแนวคิดของผมในกระทู้ก่อนไว้จนหมดสิ้นแล้ว แต่มีคนปรามาสผม ต่างๆ นาๆ และให้หาหลักฐานอะไรมาอ้างอิง  มันกลายเป็นเรื่อง ที่ผมไม่ควรจะพูดซ้ำซ้อน เพราะการศึกษาของผม ความรู้ของผมได้มาด้วยความพากเพียร เรียนอ่านมามาก แต่ส่วนใหญ่จะวนเยียนอยู่เพียงแค่ พุทธ พราห์ม อื่นๆ ก็เพียงผิดเผิน ผู้ที่เพียงแต่อ่านถือว่าได้ประโยชน์อย่างมาก จากผู้ที่ค้นคว้าหาอ่าน คนที่อ่านไม่เพียงแต่จะไม่ได้เสียเวลาอะไรเลย กลับได้ความรู้ของเราไป มิหนำซ้ำ ไม่เชื่อกลับมาค่อนขอดกัน ผมเลยคิดว่าความรู้ที่ผมมีมันมีประโยชน์เฉพาะ คนที่คล้ายคลึงกันกับผมเท่านั้น จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 09:16:31

ความคิดเห็นที่ 104 คุยกันในแนวปรัชญา  โดยแสดงภูมิรู้ของแต่ละคน   ดีกว่ามาแสดงโวหาร  ทะเลาะกัน ด้วยเรื่องจาบจวงศาสดา ขอให้จบกันเถิด ให้อภัยกัน เพื่อคุยกันในเรื่องใหม่ ปฐมบทกำเนิดโลก ที่ทางศาสนาพุทธมีความเชื่อในเรื่องเทวดาลงมากินง้วนดิน   แต่ทางคริสต์ มีเรื่องปฐมบทกำเนิดโลกในเยเนซิส ตามไบเบิล  น่าสนใจทั้งสองฝ่าย  เพื่อเป็นวิทยาทาน แต่ศาสนิกด้วยกัน จากคุณ : Stuff_shirt เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 09:45:45

ความคิดเห็นที่ 105 # จันตรีบุตร เป็นซะอย่างนั้นไป ถ้างั้นเปลี่ยนเป็นผมตอบคำถามคุณแล้วกัน ---------------------------------------------------------------------------- (1) ถามไปยังไม่ตอบ ว่าพระเจ้าของคุณอยู่ในศูนย์รวมของจักรวาลนี้หรือไม่ (2) ชาวพุทธเช่นผมคิดแบบสากล เพื่อไม่ให้มีข้อขัดแย้งต่อศาสนาอื่น (3) จึงได้มองว่าพระศาสดาอื่นๆ ก็คือพระโพธิสัตว์ที่มีบารสูง คอยช่วยเหลือเหล่าสรรพสัตว์ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางของชาวพุทธ  ว่ามีพระเจ้าอยู่จริง ---------------------------------------------------------------------------- 1.พระเจ้าเป็นพระผู้สร้าง เอกภพอยู่ในพระองค์ ไม่ใช่พระองค์อยู่ในเอกภพ 2. โต้แย้งคำว่า แบบสากล เพราะคุณต้องบอกก่อนว่าสากลแปลว่าอะไร ถ้าผมบอกว่าผมก็คิดแบบสากล แบบนี้ตีกันตาย ถ้าผมบอกว่าคำว่า สากล แปลว่า คนส่วนใหญ่นิยม คุณก็ลองคิดว่า แท้จริงศาสนาไหนที่มีคนเชื่อที่สุดในโลก ถ้าแบ่งเป็นระหว่างเชื่อพระเจ้า ก็ไม่มีพระเจ้า ก็ต้องสรุปว่า เชื่อว่ามีพระเจ้ามากกว่า จริงไหม ดังนั้น ประเด็นที่อ้าง อันนี้เป็นแนวความคิดอย่างสากล ผมว่าไม่ใช่ เพราะทุกศาสนาที่เชื่อว่ามีพระเจ้า จะเชื่อเรื่องพระเจ้ายิ่งใหญ่สูงสุด 3. คุณคิดว่าการมองว่าเป็นพระโพธิสัตว์ หมายถึง คุณกำลังเอาความเชื่อของคุณเป็นกรอบ แล้วเอาศาสนาอื่นๆมายัดใส่ใต้คำสอนของศาสนาของคุณ ซึ่งมันเป็นการดูถูกศาสนาอื่นแบบเต็มๆ แต่คุณกลับเข้าใจว่าเป็นการให้เกียรติ ตย. ผมเคยได้ยินมาว่า ศาสนาพราหณ์สอนว่า พระพุทธเจ้าเป็นปางหนึ่งของพระนารายณ์เท่านั้น แบบนี้ คุณคิดว่า เป็นการให้เกียรติศาสนาพุทธ หรือ ดูถูก (ไม่ใช่ดูถูก แต่เป็นการยกตัวอย่างให้เห็นเฉยๆ ขอให้อยู่ในประเด็น) ------------------------------------------------------------------------------- แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 55 10:33:18 จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 10:29:35

ความคิดเห็นที่ 106 สากลของผม ต้องรวมสรรพสิ่งอยู่ด้วย ไม่ใช่เพียงแค่โลกใบนี้เท่านั้น ผมมองไปถึงจักรวาลล้วนเป็นสรรพสิ่ง ที่อยู่ภายใต้กฏของจักรวาล คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 10:38:40

ความคิดเห็นที่ 107 หากคุณมองว่าพระเจ้าสร้างสรรพสิ่ง สร้างเอกภพ ก็จะมีคำถาม ที่ทุกคนต้องฉงน แล้วใครหละสร้างพระเจ้า จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 10:39:35

ความคิดเห็นที่ 108 กลับมา ข้อ 1 ซึ่งจะเข้าหลักปรัชญา สรรพสิ่งมีจุดเริ่มต้นไหม ผมเชื่อว่ามีจุดเริ่มต้น เมื่อจุึดเริ่มต้น มีสิ่งใดๆไหม ผมเชื่อว่ามี สมมติฐานของผม จึงสมมติว่ามีก้อนหินก้อนหนึ่งก่อน ลำพังก้อนหินในอวกาศ ย่อมไม่ก่อให้เกิดจักรวาลได้ ดังนั้นต้องมีพลังงานเกี่ยวข้อง และการมีพลังงานที่ไม่อยู่นิ่ง ก่อให้เกิดจักรวาล การกิดของโลก จะเห็นได้ว่า มีเรื่องบังเอิญมากเกินไป ดังนั้นผมจึงเชื่อว่า พลังงานที่จุดเริ่มต้นทั้งหมดคือพระเจ้า ในหลักวิทยาศาสตร์พลังงานสามารถผันแปรเป็นวัตถุได้จริงไหม ถ้าพระเจ้าจะให้ฤทธิเดช(พลังงาน) สร้างเป็นจักรวาล ก็ย่อมเป็นไปได้จริงไหม ที่นี้เราก็ต้องนิยามพระเจ้าให้ชัดเจนด้วย เพราะว่าพระเจ้าตามความเขื่อของคริสเตียนคือ ฤทธานุภาพสูงสุด ไม่เปลี่ยนแปลง และไม่มีวันตาย (ศาสนาพุทธ ไปเปรียบเทียบ พระเจ้ากับพรหมณ์ แต่พราหม์มีวัีนตาย พระเจ้าไม่มี) เอาละ อันนี้เป็นหลักปรัชญาเบื้องต้น ทีี่ผมเชื่อ และอธิบายสอดคลืองเรื่อง bible ได้ ผมอยากให้คุณจนตรีบุตร มองหาข้อบกพร่อง แล้วชี้ให้เห็น -------------------------------------------------------------------------- เช่นกัน ผมก็อยากอ่านความคิดเห็นเชิงปรัชญาของคุณ ที่สามารถอธิบาย ความเชื่อในทางพุทธศาสนาได้ เชิญครับ ------------------------------------------------------------------------- จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 10:44:14

ความคิดเห็นที่ 109 ส่วนเรื่องที่มีคนกล่าวว่า พระพุทธเจ้าเป็นปางหนึ่งในพระนารายณ์   นี่ถือว่าเจาะจงเกินไป ซึ่งหากดูตามเหตุผลแล้ว ไม่น่าจะเป็นไปได้ ด้วยที่ จิตเป็นตัวแปลหลักในการมีอยู่ของสรรพสิ่ง ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ดับซึ่งกิเลส ไม่มีเกิดอีก นิพพานแล้ว (นิพพานน่าจะตรงกับคำว่าเป็นนิรันดร์) แต่ที่ผมกล่าวเรื่องพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ผู้ซึ่งมีบารมียิ่งใหญ่ บางพระองค์เป็นพระอวโลกิเตศวร ปราถนาหลุดพ้นนิพพาน(เป็นนิรันดร์) กำหนดได้เลย แต่ที่ยังไม่นิพพาน เพราะมีพระเมตตาสงสารเหล่าสรรพสัตว์ที่เวียนว่ายตายเกิด หากเป็นศาสนาอื่นก็มองว่าเป็นผู้หลงทาง พระองค์จึงได้ชี้ทางเพื่อกลับมาอยู่ใน หนทางที่ถูกต้อง จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 10:48:14

ความคิดเห็นที่ 110 # 107 ตอบเร็วทันใจแท้ ทำไมคุณจึงคิดว่าต้องมีคนสร้างล่ะ เพราะคุณถูกสอนให้เชื่อใน เกิด แก่ เจ็บ ตาย ยังไง มองมุมอีกมุม พระเจ้าไม่มีจุดเริ่มต้น เริ่มต้นสรรพสิ่งก็มีพระเจ้าอยู่แล้ว ในประเด็นของ 1 ผมบอกอยู่แล้ว ผมใช้คำว่า เอกภพ ทุกสิ่งทั้งสิ้นมาจากพระเจ้า ทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มต้น และจุดเริ่มต้นคือ มีพระเจ้ืา พระเจ้าดำรงอยู่ก่อนแล้ว ให้เอกภพและสรรพสิ่งสูญไป พระเจ้าก็ยังเป้นพระเจ้าอยู่ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 10:48:55

ความคิดเห็นที่ 111 ผมคิดจนถึงบทสรุปแห่งตัวเองไว้แล้ว ในเรื่องของสรรพสิ่ง นั่นคือเวลา หากจะมีอะไรที่ยิ่งใหญ่ ที่เหนือคำว่ายิ่งใหญ่ นั่นก็คือเวลา จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 10:51:36

ความคิดเห็นที่ 112 # 109 ผมอธิบายเรื่อง พรหมณ์ กับ พระเจ้าให้ต่างกัน หรือ พระโพธิสัตว์ ก็เพื่อว่า ถ้าคุณเชื่อ ก็ควรเก็บไว้ในใจ ไว้คุยกับคนในศาสนาเดียวกันเท่านั้น จะไม่ก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน OK ประเด็นนี้จะได้เข้าใจตรงกัน จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 10:51:47

ความคิดเห็นที่ 113 # 111 ใ่ช่ สุดท้ายปัญหาคือเรื่องเวลา ผมเชืี่อว่า ในพระเจ้าไม่มีเวลา เอกภพ และสรรพสิ่ง ถูกกำหนดไว้ภายใต้มิติแห่งเวลา เชิญท่านจันตรีบุึตร ขยายความเพิ่มครับ จากคุณ : เกลือจืด เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 10:54:07

ความคิดเห็นที่ 114 สุดท้ายทุกสิ่งจะหยุดนิ่ง และเหลือเพียงความว่างปล่าว แม้เวลาก็ไม่มี จากคุณ : จันตรีบุตร เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 10:56:28