ความคิดเห็นที่ 1 ขอแสดงความยินดีกับคนสกลนคร ที่สามารถรักษาดอนสวรรค์เอาไว้ได้ สาธุ.... จากคุณ : ad law เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 22:57:10

ความคิดเห็นที่ 2 ชาวสกลนครทำสิง่ที่ถูกต้องแล้วครับ ขอแสดงความยินดีครับผม จากคุณ : โลกสีน้ำเงินเข้ม เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 23:15:52

ความคิดเห็นที่ 3 ขอเห็นแตกต่าง บ้างนะ   ถ้าหากให้ที่ตรงนั้นเป็นธรณีสงฆ์ แล้วให้ พระที่เป็น ญาติพี่น้อง ลูกหลาน ชาวสกล มาบวชได้อาศัย เป็นที่วิเวก ปฏิบัติธรรม จะดีกว่าไหม ให้เจ้าอาวาส ต้องเป็นพระที่ชาวสกลเลือก พระอื่นมาอาศัย ก็ได้แค่ชัวคราว แล้วก็ต้องไป    ดูแล้วถ้ามีพระที่ไม่ใช่วัดธรรมกายก็ต้องออกจากเกาะไป เหมือนไปไล่ท่านเลย จากคุณ : KOB ON KALA เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 05:27:32

ความคิดเห็นที่ 4 ในหนังสือไม่เห็นกล่าวเรื่อง    แจ้งให้พระที่อยู่บนเกาะออกพ้นพื้นที่หลังสิ้นพรรษานี้ และห้ามพระจาก “ธรรมกาย” ขึ้นไปบนเกาะดอนสวรรค์โดยเด็ดขาด  เลยครับ บอกแต่ไม่รับคำร้องขอออกโฉนด  แค่นั้น วัดนี้เป็นวัดร้าง   ถ้าคณะสงฆ์จังหวัดสกลฯ   มีมติให้พระเข้าไปอยู่   ใครจะไปไล่ได้  ถ้าไม่ทำผิดวินัยอะไร เรื่องนี้ มันแค่มวยยกแรก     เดี๋ยวธรรมกาย  จัดขบวนทัพใหม่   ก็อาจจะเรียบร้อยโรงเรียนธรรมกายก็ได้ ธรรมกายรีบไปหน่อย  เท่านั้น   ทำผิดขั้นตอน     รอเรื่องเงียบๆ   หน่อย     หาพระสายธรรมกายแต่ไม่ได้สังกัดวัดพระธรรมกาย   เข้าไปอยู่สัก  ๓  ปี   มีพระจำพรรษา ๑๐  รูป   ติดกัน  ๓  ปี   มีกฐิน  ดีไม่ดีอาจจะหากฐินพระราชทานไป  ให้ผู้ว่าฯมาทอด   จัดกิจกรรมต่อเนื่อง ปีที่  ๔  ขอยกจากวัดร้าง  ขึ้นเป็นวัด   แต่งตั้งเจ้าอาวาส  แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว     จุดสำคัญอยู่ที่คณะสงฆ์จังหวัดสกลนครต่างหาก   และถ้าเขาจะเอาจริงๆ   ผู้ว่าฯ   ที่ไม่เห็นด้วยอาจจะโดนย้ายไปจังหวัดอื่นแทน จากคุณ : ไกลมาก เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 06:18:28

ความคิดเห็นที่ 5 ขอขอบคุณน้ำใจจากกัลยาณมิตรผู้ส่งแรงใจช่วยชาวสกลนครค่ะ ^ ^ จริงๆแล้ว รอคำตอบจากกระทู้นี้อยู่ค่ะ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12670630/Y12670630.html และ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12700755/Y12700755.html จากคุณ : ผีฟ้าน่ารัก เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 08:29:06

ความคิดเห็นที่ 6 ขออนุญาตบ้างนะคะ คุณ คห.ที่ 3 คะ ที่ตรงนั้นมิใช่ที่ธรณีสงฆ์ และไม่ใช่ที่เหมาะแก่การพำนักอยู่ของพระสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นพระสงฆ์จากที่ไหนก็ตาม การเดินทางเข้าไปทำบุญยากลำบาก อาจส่งผลไม่ดีต่อท่านได้ ให้เป็นที่อยู่ของต้นไม้ใหญ่น้อย นก หนู งู แมลง ฯลฯ ที่เคยอยู่มาก่อนเถอะนะคะ อย่าได้เบียดเบียนพวกเขาเลย ^ ^ ขอบคุณคุณไกลมากค่ะ หลายคนก็เป็นห่วงเรื่องนี้ แต่เรามีคณะทำงานที่ติดตามเรื่องนี้อยู่ เรื่องใช่วัด(ร้าง)หรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ต่อไป ^ ^ แต่เราเชื่อมั่นในคุณพระศรีรัตนตรัย คุณพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในสกลนครทั้งที่ยังอยู่และล่วงลับไป จะปกปักษ์รักษาวิถีธรรมและวิถีชีวิตของพวกเราชาวสกลนครค่ะ ทุกพื้นที่ในจังหวัดสกลนครคือดินแดนแห่งธรรมค่ะ เชื่อว่านี่คือแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงสอนสั่ง หาใช่ให้ยึดเอานั่นเอานี่เป็นนั่นเป็นนี่ ปู่สังกะสา ย่าสังกะสี สั่งสอนลูกหลานให้รักผืนดิน สายน้ำ ต้นไม้ พืชนานาพันธุ์ เพราะมีคุณต่อเรา ฮีต 12 ที่ท่านวางไว้ ทำให้รู้ว่าวิถีชีวิตพวกเราผูกพันกับธรรมชาติและพุทธศาสนาเพียงใด นี่คือเหตุผลหลักที่เราพยายามปกป้องดินแดนแห่งนี้ หาใช่เพราะอยากครอบครองเป็นเจ้าของ โปรดเข้าใจเราด้วยนะคะ ^_^ ขอบคุณค่ะ _/\_ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 55 09:22:50 จากคุณ : ผีฟ้าน่ารัก เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 09:20:03

ความคิดเห็นที่ 7 เคยเห็นเอกสารแล้วนี่ ครับ    ว่าที่นี่เป็นวัดร้าง   ตามหลักเรื่องการตั้งวัด   ก็ต้องมีการขอพื้นที่ให้ได้ก่อน  ในกรณีที่เป็นที่ของราชการเช่น ที่ทหาร   ที่ราชพัศดุ   ที่กรมป่าไม้    ถ้าไม่ได้เป็น โฉนด  หรือ น.ส. ๓ ถ้าเป็นที่ป่าเสื่อมโทรม  ก็ต้องทำไปถึงกรมป่าไม้   เมื่อได้รับว่าใช้ประโยชน์ได้  (คือการยกที่ให้)   หลังจากนั้น  ก็ขออนญาตสร้าง  เมื่อได้รับอนุญาต  ก็ดำเนินการสร้าง  จนถึงขอวิสุงคามสีมา ก็จะเป็นวัดโดยสมบูรณ์   ฉะนั้นก่อนเป็นวัดร้าง  เขาก็ต้องดำเนินการที่ว่าไปหมดแล้ว แล้วถ้าประกาศไปแล้ว    ใครไปเอาคืนมีปัญหาแน่   เพราะเขาถือว่าเป็นที่ของสงฆ์แล้ว คุณ  ผีฟ้าน่ารัก   ลองไปอ่านเรื่อง  วัดราชผาติการาม   นารายณ์ราชนิเวศน์   หรือ สมเด็จโต ตอนที่ ร. ๔   เนรเทศท่านออกนอกประเทศ   ท่านก็ไปอยู่ในอุโบสถ วัดราชผาฯ   ติดกับสะพานกรุงธน    ที่เกิดวัดนี้  เพราะ ร. ๒    พระราชทานที่ดินให้ทหารปืนใหญ่ชาวญวนไปปลูกบ้าน     พอพวกทหารไปปลูก  ก็ขุดเจอใบเสมา    ร. ๒   จึงต้องพระราชทานที่ดินข้างสะพานกรุงธน   เพื่อสร้างวัดใช้หนี้สงฆ์ นารายณ์ราชนิเวศน์   ก็เหมือนกัน   ร.๔  ไปทำผาติกรรม (ซื้อ)  จากสงฆ์กลับมา ขนาดพระเจ้าแผ่นดินยังหมดสิทธิ์เลย    ถ้ายกให้ไปแล้ว คุณผีฟ้าฯ   ได้ถามสมาชิกท่านหนึ่ง  ในกระทู้เก่า ว่า   รู้ได้ไงว่าเป็นที่ของสงฆ์ ก็เพราะเขาขึ้นทะเบียนเป็นวัดร้างไงครับ      ก่อนจะขึ้นเป็นวัดร้าง ก็ต้องเป็นวัดมาก่อน  และเห็นในรูปมีทั้งอุโบสถ  และกุฏิพระ ถ้าไม่เคยเป็นวัด  หรือกำลังขอเป็นวัด  จะจัดการง่ายกว่านี้ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 55 10:32:48 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 55 10:19:42 จากคุณ : ไกลมาก เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 10:07:05

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบพระคุณคุณไกลมากค่ะ เดี๋ยวจะลองหาอ่านดูนะคะ จริงๆแล้วก็เหมือนเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับธรณีสงฆ์เรื่องนึงนะคะ ตอนนั้นยังเด็กจำไม่ได้ว่าพระที่ไหนเทศน์ไว้ แต่เหมือนจะเล่าว่าเป็นสมัยพุทธกาล เลือนๆไปบ้างแล้ว ตอนนี้ก็พยายามหาอยู่ เรื่องราวก็ประมาณว่าพระเจ้าแผ่นดินก็หมดสิทธิ์ ถ้ายกให้ ไม่รู้ใช่กรณีเดียวกันหรือไม่ เพราะลึกๆแล้ว แม้จะอยากรักษาไว้ให้เป็นที่สาธารณประโยชน์เพียงใด หากเป็นธรณีสงฆ์โดยชอบแล้วส่วนตัวก็ไม่ประสงค์จะคัดค้านหรอกค่ะ ส่วนกรณีนี้ที่ติดใจสงสัยอยู่ก็เรื่องการยกให้นี่แหละค่ะ และเอกสารแสดงว่าที่นี่เป็นวัดร้าง ก็ยังเป็นอีกเรื่องค่ะที่สงสัยว่ามีที่มาอย่างไร หรือว่าดิฉันอาจจะพลาดช่วงสำคัญของเอกสารตอนใดไป เดี๋ยวคงต้องกลับไปย้อนดูเอกสารอีกที หรือหากมีสมาชิกท่านใดชี้แนะ เชิญได้นะคะ ^ ^ จากคุณ : ผีฟ้าน่ารัก เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 10:43:49

ความคิดเห็นที่ 9 เล่าประสบการณ์ให้ฟัง ผมเคยขับรถให้พระอาจารย์ไปกิจนิมนต์ที่บ้านแห่งหนึ่ง บ้านหลังนั้น   เขาสร้างศาลาเพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติภาวนา    นิมนต์พระไปเพื่อจะมอบเป็นของสงฆ์ พระอาจารย์ของผม  ก็อนุโมทนาแต่ได้บอกว่า    ถ้าถวายเป็นของสงฆ์แล้ว  วันหลังโยมจะทำอะไรกับศาลาหลังนี้    โยมต้องไปถามสงฆ์ก่อนนะ จะรื้อ  จะถอน  เองไม่ได้    ถึงแม้จะอยู่ในที่ดินของโยมก็เถอะ    ยกเว้นทำให้ดีกว่าเก่า   และจะเป็นอย่างนั้นไปตลอด   จนชั่วลูก ชั่วหลาน อีกที่หนึ่ง   เป็นสำนักสงฆ์ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ    ทางอุทยานแห่งชาติต้องการให้โอนอาคารเป็นของอุทยานฯ   พระท่านก็ไม่สามารถโอนได้   เพราะชาวบ้านกล่าวคำถวายเป็นของสงฆ์แล้ว   พระไม่มีสิทธิ์ยกให้ใคร   ให้ไปก็ไม่เป็นอันยกให้ อีกเคสหนึ่ง   กรมป่าไม้ มีคดีกับวัด  เรื่องวัดบุกรุกที่ดิน   เรื่องถึงสามศาล   วัดแพ้ในศาลฏีกา  พอเรื่องถึงกรมบังคดีให้ยึดทรัพย์     เขาก็มาดูๆ   แล้วก็กลับไป    ไม่ได้ดำเนินการอะไรมาถึงบัดนี้ ถ้าต้องการที่ดินเกาะดอนสวรรค์กลับไปเป็นสาธารณะประโยชน์    ก็ผาติกรรมคืนครับ   รวบรวมเงินจากชาวบ้านในจังหวัดสกลนคร    ทำเรื่องขอผาติกรรมจากคณะสงฆ์   แต่ดูแล้วก็หลายบาทอยู่นะครับ   มีอุโบสถ   มีกุฏิ    ห้องน้ำ  เขาจะตีกี่ล้านก็ไม่รู้ แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 55 11:02:16 จากคุณ : ไกลมาก เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 10:48:36

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณอีกครั้งค่ะ (และอาจจะมีอีกหลายครั้ง ^ ^') คุณทำให้ดิฉันต้องไปค้นคว้า ว่าด้วยเรื่องของการถวายและผาติกรรม... ไอ้ความอยากรู้นี่บางทีมันก็เป็นกิเลสที่มีคุณจริงๆ ^ ^ จากคุณ : ผีฟ้าน่ารัก เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 11:19:52

ความคิดเห็นที่ 11 เรื่องยังไม่จบนะครับ คนสกลอย่านอนใจ คนที่ยื่นเรื่องคือคณะสงฆ์จังหวัดสกลนครต่างหาก หากเรื่องจบจริงๆต้องมีหนังสือยืนยันจากคณะสงฆ์ใหญ่เท่านั้น ระวังและสู่ต่อไปครับคนสกลฯ จากคุณ : Car_bom เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 13:02:24

ความคิดเห็นที่ 12 อยากให้  คุณ ต่อmcu   ดูจากรูป   ถ้าไม่ใช่พระไปอยู่ใครจะไปอยู่ได้ละครับ   อุโบสถหลังไม่ใช่เล็กๆ   คุณต่อmcu   ศึกษาพระไตรปิฏกมาเยอะ    ผมคงไม่ต้องอธิบายว่า  การไปยุ่งกับของสงฆ์โดยไม่รู้เรื่องมีโทษอย่างไร ถ้าบริเวณนั้น  ถ้าไม่มีพระอยู่   จะเป็นโทษ  มากกว่าเป็นคุณ   เพราะคนไม่รู้ก็ไปทำของสงฆ์เสียหาย  เป็นหนี้สงฆ์ คนโบราณ  กลัวขนาดเม็ดทรายยังขนกลับมาคืนวัด   ถ้าไม่มีพระอยู่ใครจะดูแลอุโบสถหลังนี้   ละครับ   แต่ผมไม่ได้บอกให้ยกให้วัดพระธรรมกาย นะครับ    เดี๋ยวจะเข้าใจผิด จากคุณ : ไกลมาก เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 16:28:17

ความคิดเห็นที่ 13 ชาวสกลนคร  เข้มแข็ง  จัง    น่านับถือ  สำนึกรักบ้านเกิดมากๆๆๆๆๆๆๆๆ นั่นคือเหตุผลที่พ่อแม่คูอาจารย์มักธุดงธ์ไปทางนั้นหรือไม่ เพราะดูแล้วช่างเป็นชาวพุทธที่เข้มแข็ง  ไม่ยอมให้กับสิ่งที่ ไม่ถูกต้องเลย ไม่อยากบอกเลยว่าอาย  ที่จะบอกว่า  เป็นคน  ปทุมธานี   แต่มาเป็นทีหลังที่เขาขยายอนาเขตไปไกล เหลวไหลไปเยอะแล้ว และไม่เคยเหยียบไปใกล้  น้องเคยถูกครูบังคับให้ไป  กลับมาเล่าซะ ไม่น่าเข้าไปเดินเลย  แต่ได้รับรู้และเห็นอะไรมากเหมือนกัน อยากสมัครเป็นคนสกลนครสักคนหนึ่งคะ ปอลิง.  เดียรีย์ผู้ไม่ได้กล่าวตามคำสอนของพระพุทธองค์  ไม่ชื่อว่าเป็นอะไรใน พระพุทธศาสนา และไม่แปลกอะไรที่ชาวพุทธที่แท้จริงจะเก็บรักษาไว้ให้ "พระ" ในพระพุทธศาสนาหรือชาวสกลนครต่อไป  ธรณีสงฆ์ควรเก็บไว้ให้สงฆ์ที่แท้จริง ไม่ควรไปอยู่ในมือเดียรถีย์แต่งกายคล้ายสงฆ์  เดียรถีย์บวชลูกชาวบ้านไป ก็เป็นเดียรถีย์  นั่งท่องบ่นตำราของเดียรถีย์  กล่าวตู่คำสอนพระพุทธองค์ แอบอิงพระพุทธศาสนา  หาเงินเข้าเลี้ยงตน ติดหนี้ก้อนข้าวและเงินผ่อนขึ้นสวรรค์ ของญาติโยม  อย่าได้ติดใจกับกลุ่มคนที่พยายามจะเป็นพระแต่เป็นไม่ได้เลยคะ เขามีพื้นที่อันแออัดยัดเยียดรออยู่เบื้องหน้า  อย่าไปวิตกกังวลแทนเลย ว่าจะหาที่อยู่ไม่ได้ เจริญในธรรมคะชาวสกลนคร  ขอเป็นชาวสลนครคนนึงเน้อ ... นายแน่มาก แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 55 17:32:49 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 55 17:01:53 จากคุณ : goodsthailand เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 16:58:09

ความคิดเห็นที่ 14 .. ชื่นชมครับ ภาพพระอุโบสถ วัดดอนสวรรค์ จังหวัดสกลนคร ผู้มีจิตศรัทธา คงตั้งใจสร้างถวายแด่พระพุทธศาสนา เป็นพุทธบูชา ผมขออนุโมทนาบุญ กับท่านเหล่านั้น .. สาธุ .. จากคุณ : .. เรารักพระพุทธศาสนา .. (เห็นตามใจ) เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 17:21:20

ความคิดเห็นที่ 15 ถึงพี่ คห. 4     ในหนังสือไม่มีแจ้ง แต่ตอนท้ายกระทู้ ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า หลังจากการที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนครได้สั่งถอนการออกโฉนดที่ดินบนเกาะดอนสวรรค์ (ร้าง) ทำให้ประชาชนที่คัดค้านการออกโฉนดที่ดินดอนสวรรค์ (ร้าง) ได้หยุดการชุมนุม และได้มีการแจ้งให้พระที่อยู่บนเกาะดอนสวรรค์ให้ออกจากเกาะดอนสวรรค์หลังออกพรรษานี้ และห้ามพระที่มาจากวัดพระธรรมกายขึ้นไปที่เกาะดอนสวรรค์โดยเด็ดขาด    ^^^^^^^^^  ผมเข้าใจว่า มีคนไปแจ้งให้พระ "ไม่ว่าจากที่ไหน" ให้ออกจากเกาะนี้หลังออกพรรษา ความหมาย นี้เหมือนจะ "ไล่"  ประมาณนั้น จึงรู้สึกว่า เหมือนกับว่าที่นี่จะไม่ใช่วัดแล้ว แล้ววัดจะเอาไว้ทำไม ต่อไปคงรื้อทิ้ง หรือเปล่า   ส่วนความเห็นของคุณ ผีฟ้าน่ารัก นั้น เราเข้าใจเหมือนกัน ที่นี่เป็นเกาะไม่เหมาะที่ พระจะมาอยู่ นั้นก็เห็นด้วยนะ เท่าที่ดู ก่อนที่วัดนี้จะสร้าง ก็ต้องมีผู้บริจาคเงินสร้าง มาก่อน ด้วยจิตศรัทธา ต่อพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นสมบัติของคนสกล อยู่แล้ว ถ้าหาก ไม่ทะนุบำรุง สืบต่อไปก็จะเป็นวัดร้าง ที่จริงแล้วเท่าที่ดูมา มีเรือข้ามฝากตลอด ใคร ต้องการมาทำบุญก็มาได้       อีกประการถ้าไม่มีพระดูแล ก็จะเก่าและผุพัง มีผู้เข้าไปแสวงประโยชน์โดยไม่เคารพ พระรัตนตรัย อาจจะเป็นบาป แก่ผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์      และ ในบึงหนองหาน นี้ เท่าที่เป็นข่าวร่ำลือ กันก็คือเรื่องของพญานาค ที่อยู่ในบึง ปรากฏตัวมีผู้พบเห็นจำนวนมาก  ทราบกันดีอยู่แล้วว่าพญานาคนั้นผูกพัน และเลื่อมใส ในพระพุทธศาสนาเพียงใด มีจากมีรูปปั้นจำลองของพญานาค หลายแห่งในวัด  ดังนั้น การที่มีวัดที่นี่ ก็ถือเป็นการสร้างที่บูชาให้แก่ พญานาคด้วย      ขอเสนอความเห็นไว้เท่านี้  เพื่อพิจารณา จากคุณ : KOB ON KALA เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 18:06:37

ความคิดเห็นที่ 16 ....:).... ------------- อนุโมทนาคุณgoodsthailand คห 13 และคุณผีฟ้าน่ารักทุกๆ คห นะครับ น่ารักมากครับ -----------   โดยส่วนตัุวผมอ่านแล้ว  ผมก็ไม่ค่อยชอบเนื้อหาตอนที่บอกว่า ห้ามพระจากสำนักหนึ่งเข้า (คือ ข่าวอาจจะให้รายละเอียดไม่ครบ)   ดูราวกับจะห้ามเฉพาะเขา แต่เรื่องนี้อาจจะต้องไปดูในพื้นที่เองครับ เพราะบางครั้งอาจจะมีสิ่งที่ทำไม่ถูกต้องในพื้นที่ (เช่นสภาพแวดล้อมถูกทำลายหรือไม่ จากการเข้าไปอยู่ ประมาณนี้ครับ อันนี้ต้องไปดูเองนะครับ ผมเองก็ไม่ทราบแน่ชัด แต่ได้รับข่าวสารว่า มีต้นยางหลายต้นที่ล้มลง แต่จะสาเหตุอันใด ต้องสอบถามคนในพื้นที่ครับ)  จึงต้องห้ามไว้ไม่ให้เข้าไปทำความเสียหายเพิ่ม ผมคิดว่าคงไม่ใช่ว่าจะห้ามในลักษณะไม่ให้เข้าไปเลยแบบล้อมรั้ว( แต่ทว่าได้ข่าวว่าจะมีการนำผ้ามาล้อมให้เห็นพลังของชาวสกล รอบเกาะดอนสวรรค์จริงๆ !!!) ...พื้นที่เป็นของสาธารณะนะครับ  ใครใช้ก็ได้ แต่ต้องรักษาระเบียบวินัยของกฎหมาย การรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และ ไม่สามารถยึดเป็นเจ้าของได้   ใช้ประโยชน์ร่วมกันครับ.... --------------- ขอบคุณทุก คห นะครับ....โปรดติดตามสถานการณ์กันต่อไป... และ ไม่แน่ว่า สกลนครในอนาคตอาจจะเป็นหนึ่งในศูนย์กลางพระพุทธศาสนา"ที่แท้จริง" ก็มีความไปได้....:)...ขึ้นกับเหตุปัจจัยที่ทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกันครับ...:).. แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 55 20:15:08 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 55 20:13:14 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 20:11:38

ความคิดเห็นที่ 17 ศรัทธาของคน ๆ หนึ่งที่มีต่อพระพุทธศาสนา ทั้ง ๆ ที่มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา พ.ศ. 2472 จากคุณ : รัตนมาลี เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 20:43:53

ความคิดเห็นที่ 18 ทบทวน คห 13 คุณ goodsthailand ปอลิง.   เดียรีย์ผู้ไม่ได้กล่าวตามคำสอนของพระพุทธองค์  ไม่ชื่อว่าเป็นอะไรใน พระพุทธศาสนา และไม่แปลกอะไรที่ชาวพุทธที่แท้จริงจะเก็บรักษาไว้ให้ "พระ" ในพระพุทธศาสนาหรือชาวสกลนครต่อไป       ธรณีสงฆ์ควรเก็บไว้ให้สงฆ์ที่แท้จริง ไม่ควรไปอยู่ในมือเดียรถีย์แต่งกายคล้ายสงฆ์  เดียรถีย์บวชลูกชาวบ้านไปก็เป็นเดียรถีย์  นั่งท่องบ่นตำราของเดียรถีย์  กล่าวตู่คำสอนพระพุทธองค์แอบอิงพระพุทธศาสนา  หาเงินเข้าเลี้ยงตน ติดหนี้ก้อนข้าวและเงินผ่อนขึ้นสวรรค์ ของญาติโยม  อย่าได้ติดใจกับกลุ่มคนที่พยายามจะเป็นพระแต่เป็นไม่ได้เลยคะ เขามีพื้นที่อันแออัดยัดเยียดรออยู่เบื้องหน้า  อย่าไปวิตกกังวลแทนเลย ว่าจะหาที่อยู่ไม่ได้ (จบ) เจริญในธรรมคะชาวสกลนคร  ขอเป็นชาวสลนครคนนึงเน้อ ... นายแน่มาก แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 55 20:51:01 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 20:49:58

ความคิดเห็นที่ 19 ไล่พระออกจากวัดแล้วหวังว่าสกลนครในอนาคตอาจจะเป็นหนึ่งในศูนย์กลางพระพุทธศาสนา"ที่แท้จริง" รึ ผู้บวชก็เป็นคนในพื้นที่จังหวัดสกลนคร และมีพระอุปัชฌาย์เป็นคนสกลนครด้วยเช่นกัน จากคุณ : รัตนมาลี เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 20:50:28

ความคิดเห็นที่ 20 ...:).... (สำนักแถวคลองสาม ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง?)..:).. ---------- ป Monkey (หรือ สุกร ดี?)   .....ทำในสิ่งที่ถูกต้องตามธรรม  และ "หายใจเข้าไว้" คุณจะทราบถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป...:).... แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 55 20:53:16 แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 55 20:52:02 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 20:51:49

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่มีพระจากวัดพระธรรมกายสักรูปอยู่ที่วัดหรือเกาะดอนสวรรค์  ทั้ง 30 รูป เป็นลูกหลานชาวสกลนครทั้งหมด ..คนสกลนคร + บวชที่สกลนคร + พระอุปัชฌาย์เป็นพระสกลนคร ... คือ พระศรีสกลกิจ รองเจ้าคณะจังหวัด ที่มรณภาพ สังกัดวัดศรีสุมังคล์ ... ไล่พระออกจากวัด.....เป็นอะไรกันไปแล้วนี่ .... จากคุณ : รัตนมาลี เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 20:53:53

ความคิดเห็นที่ 22 ..เอาละ  ผมขอดับไฟก่อน  คงจะพอแค่นี้ เดี๋ยวต้องไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่ออีก..:)... จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 20:54:25

ความคิดเห็นที่ 23 นึกถึงนิทานเรื่องนี้ จากคุณ : รัตนมาลี เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 20:54:53

ความคิดเห็นที่ 24 บ่นต่อไปนะ...ลองไปถามความจริงที่สกลฯ ดูเด้อ...:)..(ผมพูดไป คุณก็ไม่เชื่อ ) OK บ่อ จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 20:55:38

ความคิดเห็นที่ 25 นายมีความจริงมาพูดเป็นด้วยเหรอนายต่อ mcu อธิบายอะไรก็ไม่เป็นซักอย่าง ดีแต่มาเป็นพวกอยู่แถวหน้าประตูบ้านน่ะ จากคุณ : รัตนมาลี เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 55 20:59:54

ความคิดเห็นที่ 26 ...:)...แถมอีกหนึ่งกระทู้...:)...คิด วิเคราะห์ แยกแยะดีๆคุณรัตนมาลี... กรณีวัดร้างดอนสวรรค์ ไม่เกี่ยวกับวัดพระธรรมแม้แต่น้อยจริงหรือ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12670630/Y12670630.html ---- ขอนุญาตคุณผีฟ้าน่ารัก ลงข้อมูล คห อัน "ทรงคุณค่า" จากกระทู้ที่ลงมาลงในกระทู้นี้ครับ ความคิดเห็นที่ 33 1. ที่ตรงนั้น เป็นธรณีสงฆ์จริง 2. หากชาวบ้านอยากให้เป็นที่สาธารณะ จู่ๆ จะยึดไปทำเป็นที่สาธารณะนั่น กระทำไม่ได้ ในทางกฎหมาย ยกเว้นเล่นนอกกฎ ซึ่งอันนี้ คุณต่อ อาจเห็นด้วย เพราะไม่ชอบวัดพระธรรมกาย 3. ที่ตรงนั้น รุ่นปู่ รุ่นพ่อ เค้าตั้งใจถวายเป็นสมบัติพระศาสนา แต่รุ่นลูกรุ่นหลานไม่เห็นชอบ จะขอคืน ทำได้ด้วยเหรอ (นี่ยังไม่ทราบเลยว่าที่มาประท้วงนี้ เป็นญาติอะไรกับผู้ที่ถวายเหรือเปล่า) จากคุณ : Pride & Prejudice เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 13:27:50 [แก้ไข] ---------------------------------------------------------- ข้อ 1 คุณทราบได้อย่างไรคะว่าที่ตรงนั้นเป็นที่ธรณีสงฆ์จริง? ข้อ 2 หากชาวบ้านอยากให้เป็นที่สาธารณะ จู่ๆจะยึดไปทำเป็นที่สาธารณะนั่นกระทำไม่ได้  จริงหรือคะ อันนี้น่าจะต้องตอบคำถามข้อ 1 ให้ชัดเจนก่อนนะคะ ไม่แน่ อาจจะต้องเปลี่ยนคำถามเป็น ที่สาธารณะ จู่ๆมีคนอยากได้ จนต้องเล่นนอกกฏ เกิดขึ้นได้อย่างไร? และข้อ 3 ที่ตรงนั้น รุ่นปู่ รุ่นพ่อ เค้าตั้งใจถวายเป็นสมบัติพระศาสนา แต่รุ่นลูกรุ่นหลานไม่เห็นชอบ จะขอคืน ทำได้ด้วยเหรอ (นี่ยังไม่ทราบเลยว่าที่มาประท้วงนี้ เป็นญาติอะไรกับผู้ที่ถวายเหรือเปล่า) ..... ....หาคนที่ถวายเจอหรือยังคะ อยากทราบเหมือนกันค่ะว่า มีจริงหรือไม่และใช่ญาติหรือเปล่า? ^ ^ ขออนุญาตแจ้งเพื่อทราบนะคะ เห็นหลายความเห็นแล้วไม่สบายใจ ไหนจะโยงไปการเมืองบ้าง นายทุนบ้าง หลายคนอาจยังไม่รู้จักพวกเราดีพอ ส่วนใหญ่แล้วคนที่ลงชื่อคัดค้านนี้ทำเพื่อปกป้องที่สาธารณประโยชน์ อันเป็นรากเหง้าแห่งวิถีชีวิตของพวกเรา ตำนานที่เล่าขานผ่านรุ่นสู่รุ่น ล้วนแต่สร้างความผูกพัน ให้เรารู้สึกรักและหวงแหนผืนแผ่นดินทุกตารางนิ้ว แม่น้ำทุกสาย ต้นไม้ทุกต้น พวกเรารักความสงบค่ะ ไม่ต้องมาพัฒนาให้รุ่งเพราะการพัฒนาที่ไม่เหมาะสมมักจะมาคู่กับการทำลาย... หากเป็นธรณีสงฆ์จริงพวกเราก็คงไม่ลุกฮือหรอกค่ะ เราถือว่าจังหวัดเราเป็นดินแดนแห่งพุทธธรรมค่ะ (ทุกพื้นที่เป็นดินแดนแห่งธรรม) ยังมีพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏบัติชอบควรแก่การกราบไหว้ ท่านเหล่านั้นไม่ปรารถนาเป็นเจ้าของที่แห่งใด เพราะเมื่อท่านต้องจากไปท่านไม่หวังนำสิ่งใดไปด้วย คงเหลือทิ้งไว้แต่ความดีงามและคำสอนที่ควรค่าแก่การปฏิบัติตาม พวกเราเองก็ไม่ได้หวังจะเป็นเจ้าของที่แห่งใด เพราะตายไปก็คงต้องคืนเขาไป เรามาแค่ชั่วคราว แต่เราก็ยังคงมีหน้าที่รักษาไว้ให้ลูกหลานได้ใช้ร่วมกันและส่งต่อให้พวกเขาเหล่านั้นอนุรักษ์สืบต่อๆไป... หวังว่าคงเข้าใจนะคะ ขอบคุณค่ะ ^ ^ แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 55 11:37:25 แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 55 11:19:28 จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 11:14:32

ความคิดเห็นที่ 27 ...:)..ถ้าเป็นธรณีสงฆ์จริงๆ ก็สมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะถวายให้กับพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ผู้รักษาพระธรรมวินัย... และ  ธรณีสงฆ์จริงๆ ย่อมยิ่งเป็นสาธารณะ  ...เป็นสถานที่ไว้ใช้ในการเผยแพร่ พุทธธรรม ...พระภิกษุสงฆ์ไม่มีความเป็นเจ้าของที่ดินใดๆทั้งสิ้น เพราะสละแล้วซึ่งทรัพย์สิน..การอ้างกรรมสิทธิ์ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง  ควรให้เป็นการตัดสินใจของฆราวาส   เรื่องทรัพย์สิน เป็นเรื่องฆราวาสต้องจัดการ....พระสงฆ์ควรทำหน้าที่ขัดเกลากิเลสให้มาก(มีเวลาเต็มที่)และเผยแพร่สิ่งที่ถูกต้องตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงจะเป็นเนื้่อนาบุญที่แท้จริง... -------- OK บ่อ? .เหล่าสาวกฯ จะเดือดร้อนอะไร? คุณบอกพวกคุณไม่เกี่ยว มิใช่หรือ?...:)...กลับคลองสามนะ  ชาวสกลเขาไม่โอเค..:) แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 55 11:43:00 แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 55 11:35:47 แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 55 11:23:39 จากคุณ : ถิ่นพระดี อลัชชีเกรง (ต่อmcu) เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 11:23:24

ความคิดเห็นที่ 28 .. จากคุณ : เห็นตามใจ เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 13:50:42

ความคิดเห็นที่ 29 วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม เวลา 11:00 น.และ วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม เวลา 20:25 น. ติดตามเรื่อง ดอนสวรรค์ ทาง Thai PBS จากคุณ : คิด วิเคราะห์ แยกแยะ (ต่อmcu) เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 14:20:17

ความคิดเห็นที่ 30 ข้อมูลจาก FB รายงานข่าวจากรัฐสภา: นายกเทศมนตรีนครสกลนคร กล่าวว่า อนุกรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ยังยืนยันว่าวัดดอนสวรรค์(ร้าง)มีอยู่จริง และ จะต้องดำเนินการออกโฉนด ดร.เอกพร รักความสุข: ยังยืนยันตามบทความที่ได้เขียนขึ้น เรื่องการออกโฉนดที่ดินดอนสวรรค์ ที่คนสกลนครต้องรู้ ท่านนายกโกมุท: ยืนยันว่า พี่น้องประชาชนชาวสกลนคร ต้องการให้ดอนสวรรค์ เป็นที่ดินสาธารณสมบัติที่ประชาชนใช้ร่วมกัน สส.อภิชาติ: กล่าวว่า หากวัดดอนสวรรค์(ร้าง) มีจริง แต่ก็ไม่ใช่ ๘๕ ไร่ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดสกลนคร และ เป็นตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร: กล่าวว่า พี่น้องประชาชนชาวสกลนคร ต้องการให้ดอนสวรรค์เป็นที่สาธารณะประโยชน์ของแผ่นดิน เห็นว่าเพื่อความปรองดองของพี่น้องชาวสกลนคร จึงควรให้ยุติการขอออกโฉนดวัดดอนสวรรค์(ร้าง) รองอธิบดีกรมที่ดิน: ได้ถอนเรื่องการขอออกโฉนดที่ดินวัดดอนสวรรค์(ร้าง)แล้ว ผลจากการประชุม: กรรมาธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ชุดใหญ่ จะมาที่สกลนคร เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และ ทำประชาพิจารณ์ โดยด่วน จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน จากคุณ : ติดตามต่อ ยัง บ่ จบ (ต่อmcu) เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 14:27:36

ความคิดเห็นที่ 31 ไม่เกี่ยวกับทำมะกลาย?   แน่่ใจ?  .....มุสา บ่อ? ดีแล้วครับ  ข่าวจะได้มีต่อเนื่อง ดีแล้วๆ (โกหกไม่ดี แต่สื่อออกไปให้คนทราบความจริงนั้นดีแล้ว uUnderstand ? บอกให้เสร็จ จะได้ไม่ต้อง คิด วิเคราะห์ แยกแยะ นะ) แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 55 15:13:39 จากคุณ : ชัด บ่อ (ต่อmcu) เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 15:11:18

ความคิดเห็นที่ 32 ไม่เกี่ยวกับธรรมกายเล้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย #31 ไม่ใช่จริงจริ๊งงงงงงงงงง 55555+ ไม่เกี่ยวเลยย แต่มีองแก้วใสๆๆๆๆๆๆ 555+ จากคุณ : It_Nice เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 15:53:45

ความคิดเห็นที่ 33 ข้อมูลจาก FB การลงชื่อคัดค้าน "ดอนสวรรค์" บนป้ายผ้าเริ่มแล้วนะครับ เพื่อนำไปปักไว้รอต้อนรับคณะกรรมาธิการศาสนาฯ ที่ดอนสวรรค์ ทุกท่านที่ต้องการมีส่วนร่วมลงชื่อได้..ตอนเช้าที่ตลาด ต.การค้า..ตอนเย็นที่สระพังทอง หรือในงานโสกันวันเสาร์ที่ 29 นี้ครับ จากคุณ : ส่งข่าวเด้อ (ต่อmcu) เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 15:55:57

ความคิดเห็นที่ 34 ดูเหมือนจะซับซ้อน ซ่อนเงื่อน การเมืองเข้าแทรก....:).... "simple is the best" เหตุไฉนจึงไม่หันกลับมาดูที่พระธรรมวินัย  มีของล้ำค่าอยู่ในมืออยู่   ทำไมไม่นำมาใช้ (หรือเพราะมันไม่ตอบสนองกิเลส  เลยไม่ยอมรับกัน?  ถ้าลำบากมากก็ไม่ตั้งนิกายใหม่  OK บ่อ?) ศึกษาข้อที่ 2 ใน  .........    สัปปายะ 7 (สิ่งที่เหมาะกัน สิ่งที่เกื้อกูล ช่วยสนับสนุนในการบำเพ็ญภาวนาให้ได้ผลดี ช่วยให้สมาธิตั้งมั่น ไม่เสื่อมถอย — suitable things; things favorable to mental development) 1. อาวาสสัปปายะ (ที่อยู่ซึ่งเหมาะกัน เช่น ไม่พลุกพล่านจอแจ — suitable abode) 2. โคจรสัปปายะ (ที่หาอาหาร ที่เที่ยวบิณฑบาตที่เหมาะดี เช่น มีหมู่บ้านหรือชุมชนที่มีอาหารบริบูรณ์อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเกินไป — suitable resort) 3. ภัสสสัปปายะ (การพูดคุยที่เหมาะกัน เช่น พูดคุยเล่าขานกันแต่ในกถาวัตถุ 10 และพูดแต่พอประมาณ — suitable speech) 4. ปุคคลสัปปายะ (บุคคลที่ถูกกันเหมาะกัน เช่น มีท่านผู้ทรงคุณธรรม ทรงภูมิปัญญาเป็นที่ปรึกษาเหมาะใจ — suitable person)   5. โภชนสัปปายะ (อาหารที่เหมาะกัน เช่น ถูกกับร่างกาย เกื้อกูลต่อสุขภาพ ฉันไม่ยาก — suitable food)   6. อุตุสัปปายะ (ดินฟ้าอากาศธรรมชาติแวดล้อมที่เหมาะกัน เช่น ไม่หนาวเกินไป ไม่ร้อนเกินไป เป็นต้น — suitable climate)     7. อิริยาปถสัปปายะ (อิริยาบถที่เหมาะกัน เช่น บางคนถูกกับจงกรม บางคนถูกกับนั่ง ตลอดจนมีการเคลื่อนไหวที่พอดี — suitable posture) Vism.127; Vin.A.II.429; MA.II.911 วิสุทฺธิ. 1/161; วินย.อ. 1/524; ม.อ. 3/570 --------------- ข้อมูลจาก http://www.84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=286 -------------- จากคุณ : ร่วมกันเรียนรู้พระธรรมวินัย (ต่อmcu) เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 16:07:43

ความคิดเห็นที่ 35 สรุปฟันธงว่า ยังไงที่ดินส่วนธรณีสงฆ์ ก็เอาไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นไม่ได้ ยังไงตอนจบก็ต้องออกโฉนดเป็นที่ธรณีสงฆ์ และมีมหาเถระสมาคมรับรองเป็นพยานใขั้นตอนสุดท้าย ส่วนคนที่จะใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยว หรือแหล่งจับปลา เขตอภัยทาน คงจะแยกกันคนละส่งนของเกาะแน่นอน   และในทางปฏิบัติแล้ว อยู่ที่อำนาจของฝ่านปกครองคณะสงฆ์ว่าจะให้ใครเป็นเจ้าอาวาส ก็ต้องดูว่า สุดท้ายแล้ว เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค จากอุดร ก็ต้องรายงานไปยัง สมเด็จพระพุฒาจารย์ ตอนนี้เป็นแค่เอาหลักฐาน ราชกิจจา ความเป็นที่ธรณีสงฆ์ การชะลอออกไปก่อน ก้ถอนเอกสารจาก ผู้ว่า ออกไป ดำเนินการต่อได้ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 16:18:20

ความคิดเห็นที่ 36 เรื่องวัดนี้    คนกำลังหลงประเด็น    หนังสือแค่บอกไม่รับคำร้องออกโฉนด แต่ไม่ได้หมายความว่า  เรื่องทุกอย่างจบแล้ว   เพราะเขาสามารถยก วัดดอนสวรรค์ (ร้าง)   ขึ้นเป็นวัดที่มีพระจำพรรษาอยู่ได้   หลังจากเป็นวัดแล้ว    ก็มีฐานะเป็นนิติบุคคล    แล้วค่อยมาออกโฉนดทีหลังก็ได้ อีกอย่างจากความเห็นที่ ๑๗    ที่มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา พ.ศ. 2472   เท่ากับยืนยันว่าสถานที่นี้เป็นวัดอย่างสมบูรณ์     สังเกตุ  พ.ศ. ให้ดีๆ   2472    ก่อนกฏหมายทุกฉบับจะประกาศใช้    หมัดพิฆาตของธรรมกายอยู่ที่กระดาษชิ้นนี้ งานนี้เห็นใจ คุณผีฟ้าฯ    ชาวสกลนคร   และกองเชียร์ ทุกท่าน  ครับ จากคุณ : ไกลมาก เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 16:34:45

ความคิดเห็นที่ 37 ไม่แฟร์เลย.... ทำไมไม่มีการให้ลงชื่อว่าไม่ต้องการให้วัดดอนสวรรค์เป็นที่สาธารณประโยชน์บ้างล่ะ ยังงี้คนที่เขาอยากลงชื่อสนับสนุนจะไปลงชื่อตรงไหนน้อ... มีแต่ให้ลงชื่อค้าน....ชี้นำชัด ๆ เลย จากคุณ : รัตนมาลี เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 17:49:49

ความคิดเห็นที่ 38 ขออุโมทนาในกุศลเจตนา ของคุณ ต่อmcu ด้วยครับ ในการพยายามรักษาพระธรรมวินัยไม่ให้ด่างพร้อยมาโดยตลอด ในทุกๆกรณี สิ่งเหล่านี้จะเป็นส่วนช่วยให้ผู้มีปัญญาในภายภาคหน้า ยังมีพระธรรมวินัยที่บริสุทธิ์ให้เรียนรู้และศึกษาพัฒนาตนสืบไป จากคุณ : คุณเสือเคี้ยวยาก เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 20:06:45

ความคิดเห็นที่ 39 ฟังจาก คห.18 แล้วทำให้อดคิดถึงสามจังหวัดชายแดนใต้ไม่ได้ บางครั้งเราคนนอกก็ไม่อาจเข้าใจในเหตุผลและสถานการณ์ได้ดีเท่ากับคนในพื้นที่ ประจักษ์แจ้งในทันที อยู่ๆคำสอนของพระศาสดาก็ผุดขึ้นมา อย่าเชื่อเพียงเพราะฟังเขาเล่า ฟังแล้วเหมือนจะบิดเบือนไปเยอะนะคะ ^ ^' มีเรื่องรบกวนสอบถามบ้าง เผื่อมีคนวงในทราบ (ไม่อยากฟังจากฝ่ายเดียว) จริงหรือไม่คะ อ่านเจอมา การชี้แจงคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ สภาผู้แทนราษฎร ได้แก่ "ความจริงที่คนสกลนครไม่เคยทราบ" เช่น การออกโฉนดที่ดินครั้งนี้เป็นเรื่องระหว่างหน่วยงานของรัฐ ประชาชนไม่เกี่ยว, ต้องการใช้พื้นที่ดอนสวรรค์เพื่อเป็นพุทธมณฑลกลางหนองหารแห่งแรกของประเทศ เป็นต้น แล้วพุทธมณฑลเนี่ยเป็นยังไงคะ และเพื่ออะไร? อีกเรื่อง แอบงง คห 37 ค่ะ ไม่แฟร์ในที่นี้คือ ไม่ยุติธรรมใช่ไหมคะ ถ้าใช่แล้ว...ไม่ยุติธรรมเรื่องไม่มีการให้ลงชื่อไม่ต้องการให้วัดดอนสวรรค์เป็นที่สาธารณประโยชน์ ? เอ่อ..จริงๆแล้วที่สาธารณประโยชน์ของชาวสกลนครคือหนองหารและเกาะดอนสวรรค์ค่ะและที่พวกเราคัดค้านก็ตามที่ได้แจ้งไปแล้วนั้น เราเป็นห่วงระบบนิเวศน์และวิถีชีวิตของคนในพื้นที่มากค่ะ แล้วเจ้าของความเห็นดังกล่าวได้รับผลกระทบใดหรือคะ? ส่วนเรื่องอื่นๆ ขอใช้เวลาประมวลผลก่อนนะคะ ^ ^ ขอบพระคุณอีกครั้งสำหรับผู้ที่เอาใจช่วยค่ะ (จากใจ) หวังว่าทุกท่านคงรับรู้ได้ พวกเราซาบซึ้งน้ำใจจริงๆค่ะ ^_^ จากคุณ : ผีฟ้าน่ารัก เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 23:33:10

ความคิดเห็นที่ 40 ทุกอย่างชัดเจนอยู่ในความคิดเห็นที่ 17 แล้วจ้ะ คุณผีฟ้าน่ารัก ความคิดเห็นที่ 39 ......แล้วพุทธมณฑลเนี่ยเป็นยังไงคะ และเพื่ออะไร?........... คุณเป็นคนพุทธรึป่าวล่ะ หรือเป็นพุทธแค่ในทะเบียนบ้านรึป่าว ไม่รู้จักพุทธมณฑลจริง ๆ เหรอ ??? การนิมนต์พระออกจากวัดให้ไปจำวัดที่อื่นหลังออกพรรษาทำถูกต้องแล้วรึ ??? หรือการฆาตกรรมพระภิกษุระดับรองเจ้าคณะฯ ซึ่งสมควรถูกประนามเป็นอย่างยิ่ง คุณไม่รู้สึกอะไรเลยใช่มั้ย ??? แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 55 09:51:42 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 55 09:48:54 จากคุณ : รัตนมาลี เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 09:47:44

ความคิดเห็นที่ 41 ...:).... "หมองูตายเพราะงู" จำสุภาษิตนี้ไว้นะ...แล้วเฝ้าติดตา่มต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น.... "นะจ๊ะ"... ---------- อนุโมทนาคุณผีฟ้าน่ารักในทุกๆ คห ครับ  ..จริงครับ...ใครจะไปรู้เรื่องลึกซึ้งเท่าคนในพื้นที่...:)... ขอบคุณคุณเสือเคี้ยวยาก คห 38 ครับ...เรื่องเหล่านี้ชาวพุทธต้องตระหนักให้มากๆครับ จะเป็นบทเรียนให้กับชนรุ่นหลังต่อไปครับ  ยินดีครับและคิดว่าชาตินี้ไม่เสียชาติเกิดแล้ว ได้รับใช้พระศาสนา แม้จะเป็นแค่การกระทำที่เล็กเสมือนพื้ันที่เท่าปลายเข็ม  ก็รู้สึกปีติยินดีเป็นล้นพ้น จากคุณ : จำไว้ หมองูตายเพราะงู (ต่อmcu) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 10:51:27

ความคิดเห็นที่ 42 สมเป็นดินแดนที่มีพระปฎิบัติดีปฎิบัตชิบเป็นจำนวนมากนะคะ เราเคยเห็นภาพวันสำคัญทางศาสนา ชาวบ้านอุดรในเมือง อุ้มลูกจูงหลานมาฟังธรรมเทศนายามค่ำ นั่งฟังเทศกันเป็นชมๆ ผู้คนเข้ามาเดินเวียนเทียนกันอย่างคั่บคั่ง ที่วัดกลางเมือง เห็นแล้วชื่นตาชื่นใจอย่างที่สุด สมเป็นดินแดนชาวพุทธ ผู้คนยังปฎิบัติธรรม เห็นธรรมะพระพุทธศาสนาแท้ๆเป็นของมีค่ายิ่ง พวกลัทธิลวงโลก หลอกหากินกับความศรัทธาคนไปวันๆ อย่าหวังจะสบายปีกเข้าไปง่ายๆเลย  คนแถบนี้เขาไม่ได้มีแต่ศรัทธาโง่ๆ แต่มีปัญญาในทางธรรมด้วย พระปฎิบัติดี ดินแดนแถบนี้เขาเห็นจนชินตา ขอความสุขความเจริญ จงมีแก่พี่น้องชาวสกลทุกท่านเทิด เห็นตามกับที่จขก ได้กล่าวไว้ทุกประการ จากคุณ : น้องต๋าว เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 11:31:48

ความคิดเห็นที่ 43 คุณต๋าว ...:)...สยายปีกมากนัก  เดี๋ยวปั้ด...หักปีกชุบแป้งโกกิทอดเสียเลยนิ...:)...(kidding).... จะได้สบายปีกไง เพราะไม่ต้องรับน้ำหนักที่แบกมาตลอด มันโหลด แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 55 11:51:44 จากคุณ : บางคนพูดเล่นแต่ทำจริง (ต่อmcu) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 11:50:20

ความคิดเห็นที่ 44 ฝากบทความให้อ่านดู   วัดดอนสวรรค์มหัศจรรย์กลางหนองหาร จ.สกลนคร โพสต์เมื่อ : 2008-05-23, 11:55  (เมื่อ ๕  ปีก่อน) หนองหาร" อยู่ใน อ.เมือง จ.สกลนคร เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีชื่อเสียง และกว้างใหญ่มากแห่งหนึ่งของประเทศไทย มีเนื้อที่ประมาณ ๑๒๓ ตารางกิโลเมตร เป็นแหล่งรับน้ำตกของลำห้วยต่างๆ หลายสาย มีเกาะต่างๆ กว่า ๒๐ เกาะ เกาะดอนสวรรค์ เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด บนเกาะมีวัด พระพุทธรูปเก่าแก่ นอกจากนั้นตามเกาะต่างๆ เหล่านี้จะมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่มากมาย เป็นที่อยู่อาศัยของนกนานาชนิด บางเกาะสร้างศาลาพักร้อน เช่น เกาะแก้ว เกาะดอนสะคาม และเกาะดอนสะทุง ฯลฯ เกาะดอนสวรรค์ใหญ่ มีรากฐานศาสนสถานเก่า ขนาดไม่ใหญ่โตนัก ๑ แห่ง ก่อด้วยศิลาแลง ขนาดกว้างประมาณ ๓๙.๔๐ เซนติเมตร ยาว ๕๐ เซนติเมตร หนา ๑๒ เซนติเมตร รอบๆ บริเวณซากศาสนสถานมีศิลาแลง กระจายเกลื่อนอยู่มากมาย บนซากฐานแลงมีร่องรอยการก่อสร้างเป็นศาสนสถานด้วยอิฐในรุ่นหลัง และมีชิ้นส่วนของเสา ๘ เหลี่ยม ก่อด้วยอิฐฉาบปูนหักตกอยู่ด้วยอีก ๒ ชิ้น ถัดจากซากศาสนสถานไปทางเหนือเล็กน้อย เป็นศาลาโถง สร้างใหม่ด้วยไม้ เป็นที่ประดิษฐาน รอยพระพุทธบาท ยาวประมาณ ๑๓๕ เซนติเมตร สลักรอยพระพุทธบาทเป็นมงคล ๑๐๘ ซึ่งเข้าใจว่า นำโบราณวัตถุในสมัยรัตนโกสินทร์ส่วนในสุดของศาลาโถง มีชิ้นส่วนพระพุทธรูปปั้นด้วยปูนขาวที่ได้รับการซ่อมแซมใหม่แล้ว ๒ องค์ การเกิดขึ้นของหนองหารนั้น ตามความเชื่อที่ว่า แต่เดิมขอมปกครองเมืองนี้มาก่อน ยังปรากฏในตำนานนิทานพื้นบ้าน เล่าสืบกันมาจนทุกวันนี้คือ ตำนานฟานด่อน หรือ เก้งเผือก และนิทานเรื่อง กะฮอกด่อน หรือ กระรอกเผือก ตำนานฟานด่อน เป็นตำนานที่ปรากฏอยู่ในหนังสืออุรังคนิทาน เป็นเรื่องอธิบายสาเหตุที่เมืองเก่าซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณท่านางอาบ บ้านท่าศาลา บ้านน้ำพุ ริมหนองหาร ถล่มล่มลงในหนองหาร และแล้วมีการสร้างเมืองใหม่ขึ้น ที่บริเวณ ธาตุเชิงชุม อีกฝั่งหนึ่งของหนองหาร โดย พระยาสุวรรณภิงคาร โอรสพญาขอม ตำนานเรื่องนี้ ยังมีความสอดคล้องกับชื่อหมู่บ้านอีกหลาย แห่งริมหนองหาร จึงทำให้ผู้คนเชื่อว่า เป็นเรื่องจริง จนถือกันว่า เมื่ออยู่ในหนองหารไม่ควรพูดถึงเรื่องนี้ จะได้รับอันตราย เรือจะล่ม ถูกเงือกทำร้าย หรือหาปลาไม่ได้ ในส่วน นิทานกะฮอกด่อน แม้จะเป็นการอธิบายการเกิดหนองน้ำขนาดใหญ่ทั่วไปก็ตาม แต่ชาวสกลนครก็เชื่อว่า นิทานเรื่องนี้ เป็นที่มาของการถล่มทลายหนองหาร ซึ่งเกิดจากการกระทำของพญานาค อย่างไรก็ตาม มีประชาชนทั่วไปพากันสงสัย และซักถามกันมาก ในเรื่องที่มีวัดสร้างขึ้นในเกาะสวรรค์กลางหนองหาร โดยมีพระจำพรรษา และทำกิจกรรมของสงฆ์ตลอดมา ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า การสร้างวัดเป็นการบุกรุกพื้นที่สาธารณะหรือไม่ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบหลักฐาน โดยศึกษาธิการจังหวัดสกลนคร พบว่า ในจดหมายเหตุกล่าวเอาไว้ว่า วัดดอนสวรรค์ มีการจัดตั้งก่อนปี ๒๔๘๔ ก่อนที่จะมี พ.ร.บ.สงฆ์ออกมา แต่เป็นเพียงวัดร้าง และเก่ามาระยะหนึ่งเท่านั้น แม้จะเป็นวัดร้าง ความเป็นวัดก็ยังอยู่ จึงอยากทำความเข้าใจ ดังนี้  การบุกรุกนั้นเป็นเรื่องไม่จริง เพราะมีการสร้างวัดมาก่อน ไปอ่านเต็มๆ  ได้ที่ http://www.krusiam.com/community/forum/view.asp?ForumName=%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0&PostID=ForumID0026328 เรื่อง / ภาพ ไตรเทพ ไกรงู ท่องไปในแดนธรรม ที่มาจากหนังสือพิมพ์ :  คม   ชัด  ลึก จากคุณ : น้อง18506 เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 17:04:15

ความคิดเห็นที่ 45 ความคิดเห็นที่ 28   จากกระทู้   http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12640539/Y12640539.html ข่าวล่าสุดครับ เกี่ยวกับวัดดอนสวรรค์ สกลนคร ทางกลุ่มผู้ต่อต้านเขามีมติในกลุ่มจะทำ"ผาติกรรม"เพื่อรื้อถอนวัดครับ ตอนสร้างอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ วัดถูกผาติกรรมนับร้อยวัดครับ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ณ ปัจจุบันทั้งนั้นครับ ทางกลุ่มผู้ต่อต้านเขาจะใช้หลักการเหตุผลเดียวกันนี้ครับ จากคุณ : ต้นน้ำ (theliger) เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 23:19:13 [แก้ไข] ขอปรบมือดังๆ  ให้พี่น้องชาวสกลฯผู้รักความถูกต้อง    แบบนี้ถึงเรียกว่ารักความถูกต้องที่แท้จริง ไม่ใช่จู่ๆ   จะมาตู่เอาที่วัด  อยากได้ไปทำสาธารณประโยชน์   ก็ "ผาติกรรม"  ไป ต่อไปก็ต้องไปคุยกับคณะสงฆ์สกลนครว่า  เขาจะยอมไหม? แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 55 17:24:45 จากคุณ : น้อง18506 เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 17:23:10

ความคิดเห็นที่ 46 ...:).... http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12715102/Y12715102.html อนุโมทนาคุณราชมัลที่ลงข้อมูลให้อ่านกันครับ จากคุณ : ต่อmcu เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 21:47:03

ความคิดเห็นที่ 47 ...ส้มตำมื้อนี้   แซ่บจริงๆ....:)....แล้วจะได้รู้ว่าการ "รุกและล้ำพระพุทธศาสนา" จะส่งผลเสียกับเหล่าอลัชชีอย่างไร  แหม น่าติดตามกว่าหนังใดๆในโลกนี้เลยนะ....:)....   --------------- นิ้วชี้ชี้คนโน้น คนนี้เป็นมาร แต่ลืมไปหรือเปล่าว่า อีกสี่นิ้วที่เหลือชี้มาหาใคร? พระผู้มีพระภาคฯทรงประกาศธรรมจักรแล้ว  หมู่มารที่มีฤทธิ์แค่ไหนก็ไม่อาจจะขวางการประกาศธรรมะได้  แม้ในยุคปัจจุบันเพราะยังอยู่ในสมัยพุทธกาลของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดม --------------------------------- ....:).....เล่ห์เหลี่ยมมากมายที่ปรากฎให้เห็น   แสดงความไม่สำนึก ไม่ตระหนักถึงพระธรรมวินัย ไม่รักษาให้บริสุทธิ์.....ก็เตรียมตัวลงสู่ภพภูมิที่เหมาะสม  ...เหมาะแล้วสำหรับชั้นที่ลึกที่สุด.. แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 55 22:45:37 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 55 22:44:47 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 55 22:43:36 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 55 22:16:01 จากคุณ : หมองู ตายเพราะงู นะ จำไว้ (ต่อmcu) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 22:12:55

ความคิดเห็นที่ 48 เรียน   คุณรัตนมาลีค่ะ อ้างถึง ความคิดเห็นที่ 17 ขอขอบพระคุณที่ชี้แนะอีกครั้งค่ะ สิ่งที่คุณอ้างถึงใน คห. 17 นั้น ขออนุญาตพิจารณาก่อนนะคะ (พอดีเป็นคนหัวช้า ไม่ถึงกับโง่นะคะ แค่อาจจะยังเขลาๆอยู่ ^ ^’ มีความสงสัยบางอย่างแต่คิดว่าเดี๋ยวมีเวลาพอจะหลังไมล์ไปรบกวนถามคุณไกลมาก หวังว่าความเขลาจะถูกขจัดไป) ขอตอบคำถามที่ถามไว้ใน คห.40 นะคะ คุณเป็นคนพุทธหรือเปล่าล่ะ ตอบ ถ้าการเป็นคนพุทธแล้วหมายถึง การรู้จักพุทธมณฑล ดิฉันก็ชักไม่มั่นใจแล้วค่ะว่าเป็นคนพุทธหรือเปล่า ^ ^’ แต่ดิฉันศรัทธาในคุณพระพุทธ คุณพระธรรม และคุณพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนะคะ ตอนนี้กำลังศึกษาและพยายามปฏิบัติตามแนวทางของพระพุทธองค์อยู่ค่ะ ไม่รู้ว่าพอจะถือว่าเป็นคนพุทธได้หรือเปล่า แต่ก็รำลึกเสมอนะคะว่าตัวเองเป็นคนพุทธ ^ ^ หรือเป็นพุทธแค่ในทะเบียนบ้านรึเปล่า ตอบ จากที่ดูในทะเบียนบ้านก็ไม่มีบอกนะคะ แต่อาจจะพูดได้ว่าเริ่มต้นที่ครอบครัวก็น่าจะได้ ศรัทธาตามพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ท่านก็มีกุศโลบายของท่าน ทำให้วิถีชีวิตผูกพันกับศาสนาพุทธโดยไม่รู้ตัวตั้งแต่จำความได้ค่ะ แม้จะมีข้อสงสัยอยู่มากมายแต่ก็ศรัทธาเพราะรู้สึกศรัทธา (อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน) พึ่งจะมาเริ่มต้นตั้งใจศึกษาได้ไม่นานมานี้เองค่ะ ทำให้คลายความสงสัยและกลายเป็นศรัทธาที่ผ่านการพิจารณา (แม้จะยังไม่ถึงขั้นเกิดปัญญาก็ตาม) และทำให้เกิดความมั่นคงในศรัทธา คงเปรียบได้ดังเมล็ดพันธุ์ที่ฝังอยู่ในดินพอได้น้ำ ก็เริ่มหยั่งราก (แก้ว) ลงสู่ผืนดิน ยังต้องการแสงแดดและปุ๋ยเพื่อการเจริญเติบโต ผลิดอกออกผลต่อไป (ขอรำลึกถึงคุณตำราและครูบา อาจารย์ที่สอนสั่ง สาธุ _/\_ ) ไม่รู้จักพุทธมณฑลจริงเหรอ??? ตอบ จริงค่ะ ไม่ทราบจริงๆ ถึงได้ถามเผื่อมีผู้รู้ใจดีบอกทางลัดจะได้ลดระยะเวลาค้นหา (เพื่อนๆมักจะบอกอยู่เหมือนกันว่า บางครั้ง ดิฉันมักจะสงสัยในสิ่งที่คนอื่นไม่สงสัย...อ่านคำถามนี้แล้วพลอยทำให้นึกถึงคำพูดเพื่อน ^ ^) สำหรับตัวดิฉันแล้ว หนทางของการศึกษาค้นคว้าและฝึกฝนยังอีกยาวไกล ยังคงมีความรู้อีกมากมายรออยู่ข้างหน้าก็หวังเก็บเกี่ยวไปเรื่อยๆตามแต่โอกาสจะอำนวยค่ะ การนิมนต์พระออกจากวัดให้ไปจำวัดที่อื่นหลังออกพรรษาทำถูกต้องแล้วรึ??? ตอบ ความเห็นส่วนตัว ถ้าทำถูกต้องตามระเบียบไม่ขัดต่อพระวินัย เมื่อเห็นว่าที่เดิมไม่เหมาะสม และมีที่ที่เหมาะสมมากกว่าก็ไม่น่าจะเป็นการกระทำผิดนะคะ หรือการฆาตกรรมพระภิกษุระดับรองเจ้าคณะฯ ซึ่งสมควรถูกประนามเป็นอย่างยิ่งคุณไม่รู้สึกอะไรเลยใช่มั้ย??? ถามว่าไม่รู้สึกอะไรเลยใช่มั้ย??? ตอบว่า ไม่ใช่ค่ะ และขออนุญาตตอบเกินคำถามด้วยนะคะ รู้สึกอย่างไร? รู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่เที่ยง และนึกถึงคำสอนของพุทธองค์ ว่าด้วยเรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตายค่ะ แต่ก็เห็นหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเกี่ยวกับกรณีโฉนดดอนสวรรค์ ก็เลยแอบสังสัยบ้าง แต่พอมีบุคคล (ผู้น่าเชื่อถือได้) ท่านหนึ่ง บอกว่าไม่เกี่ยวกัน เป็นเรื่องส่วนตัว ก็เลยไม่สงสัยแล้วค่ะ ^_^ ทุกคนมีบทบาทและหน้าที่ สิ่งที่อยากจะบอกอยากจะกล่าวเพื่อทำความเข้าใจก็ได้ทำแล้ว สิ่งที่รู้ก็ได้บอกเล่า สิ่งที่ไม่รู้ สิ่งที่สงสัยก็ได้ถาม สิ่งที่จะดำเนินต่อไปก็คงต้องแล้วแต่เหตุปัจจัย ทุกคนมีกรรมเป็นของตัว สุดท้าย ขออโหสิกรรมสำหรับข้อความใดๆ ที่อาจทำให้คุณเกิดความขุ่นข้องใจนะคะ ที่ถามไปนั้นก็ด้วยความไม่รู้จริงๆ ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ ^_^ ขอบคุณค่ะ ----------------------------------- แก้ไขย่อหน้าค่ะ แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 55 01:53:26 แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 55 01:49:42 จากคุณ : ผีฟ้าน่ารัก เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 01:40:08

ความคิดเห็นที่ 49 ถึงคุณผีฟ้าน่ารัก รู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่เที่ยง และนึกถึงคำสอนของพุทธองค์ ว่าด้วยเรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตายค่ะ แต่ก็เห็นหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเกี่ยวกับกรณีโฉนดดอนสวรรค์ ก็เลยแอบสังสัยบ้าง แต่พอมีบุคคล (ผู้น่าเชื่อถือได้) ท่านหนึ่ง บอกว่าไม่เกี่ยวกัน เป็นเรื่องส่วนตัว ก็เลยไม่สงสัยแล้วค่ะ ^_^       ^^^^^^^^^   ผมว่าควรเร่งให้ตำรวจจับตัวคนร้ายตัวจริง ให้ได้ก่อนสรุปนะครับ คิดว่าอีกไม่นาน เพราะคดีนี้ไม่น่ายาก  ถ้าจับไม่ได้ก้แปลก ฆ่าคนก็โทษหนัก ถ้าฆ่าพระโทษจะหนักขนาดไหนนะ     ทั้งทางโลกและทางธรรม จากคุณ : KOB ON KALA เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 06:03:54

ความคิดเห็นที่ 50 ผมว่าหลายๆ  ท่าน   เมื่ออ่านเรื่องราวทั้งหมดแล้ว    ก็คงตัดสินไม่ยากว่า  ที่ดินตรงนี้บรรพบุรุษชาวสกลนครหลายชั่วอายุคน   ต้องการให้เป็นที่ธรณีสงฆ์    ตามหลักฐานสิ่งก่อสร้างในทางพุทธศาสนาหลายอย่างบนเกาะแห่งนี้   ซึ่งตกทอดมาหลายยุค หลายสมัย อีกทั้งลักษณะภูมิศาสตร์ที่เป็นเกาะบ่งบอกว่า   ผู้สร้างต้องมีศรัทธามาก  ขนาดขนวัสดุก่อสร้างข้ามน้ำไปทำ   ซึ่งต้องใช้ความพยายามกว่าวัดที่อยูบนบกมาก ผู้สร้างเอุโบสถ  ก็เป็นนายอำเภอพระธาตุเชิงชุม   รองอำมาตย์เอก  หลวงศรีนครานุรักษ์  (ขันธ์    พรหมสาขา  ณ  สกลนคร)   ซึ่งชาวสกลนครทุกท่านก็ทรงทราบว่า   เป็นเชื้อสายเจ้าเมืองสกลนคร   หรือพูดอีกนัยคือ   คนเมืองสกลนครแท้ๆ คนสกลนคร ล้วนนับถือตระกูลนี้มากๆ     ไม่งั้น ชาวจังหวัดสกลนคร  คงไม่จัดงาน "วันเจ้าคุณจันต์" มีการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณของท่าน และเหล่าบรรพบุรุษตระกูล พรหมสาขา ณ สกลนคร รวมถึงพิธีวางพวงมาลา ในวันที่ 21 พฤษภาคม ของทุกปี เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมและกรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อชาวจังหวัดสกลนคร ณ อนุสาวรีย์พระยาประจันตประเทศธานี บริเวณลานประติมากรรมหนองหารหลวง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ข้อมูลตระกูล   พรหมสาขา ณ สกลนคร http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B2_%E0%B8%93_%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3 กลุ่มคุณผีฟ้าฯ   คงต้องหาเหตุผลที่ดีๆ   อธิบายให้พี่น้องชาวสกลนครได้รู้ถึง   ความจำเป็นที่จะไปรื้อวัดที่  "บรรพบุรุษชาวสกลนคร"   เป็นผู้สร้าง    (ความรุ้สึกของประชาชนเป็นเรื่องละเอียดอ่อน   โปรดระวัง) ส่วนเรื่อง "ผาติกรรม"    ตอนสร้างอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์    หรือตอนสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ   ก็มีวัดที่ถูก  "ผาติกรรม"  คุณผีฟ้าฯ  ก็ลองเอามาเป็นตัวอย่าง อีกที่ก็  การผาติกรรม   วัดชิงท่า    http://library.stou.ac.th/ODI/wat-chang-taa/index.html ซึ่งทางกรมชลประทาน   ได้มาสร้างวัดใหม่ให้  คือ  วัดชลประทานรังสฤษดิ์  ที่หลวงพ่อปัญญา เคยจำพรรษาอยู่นั่นเอง ในความคิดของผม   ฝ่ายต่อต้านต้องรวมคนให้ได้เยอะๆ   และต้องเตรียมเอกสารให้ดี     เพราะพวกคุณกำลังสู้กับวัดที่มีระบบจัดการด้านเอกสารที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ   (มีเงินมากด้วย) มีทีมทนายมือดีที่สุดด้วยเช่นกัน    คนของเขาอยู่ในรัฐบาลชุดนี้ด้วย ซึ่งกลุ่มต่อต้าน  ต้องเตรียมว่าจะมีงบประมาณปีละเท่าไร   มีแผนดำเนินการในการดูแลเกาะแห่งนี้อย่างไร    (เทศบาลจะเอาด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ )     ใครจะเป็นแกนนำ   โฟกัสของเรื่อง  คือ  เทศบาลเมืองสกลนคร  ต้องเป็นหัวหอก   (คุณผีฟ้าฯ มีเพาเวอร์ในนั้นหรือเปล่า)   ผมก็ภาวนาว่า     ส.ส.  ของพื้นที่คงไม่ไปปั่นกระแส ให้คนสกลนครลุกฮือเพื่อต่อต้านการ  "ผาติกรรม"   ไม่งั้นกลุ่มคุณผีฟ้าฯ  ลำบากแน่ๆ แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 55 07:26:48 จากคุณ : ไกลมาก เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 07:18:48

ความคิดเห็นที่ 51 คห 49 ดิฉันไม่มีอำนาจไปเร่งคุณตำรวจหรอกค่ะ แต่ก็คิดว่าท่านคงปฏิบัติหน้าที่กันเต็มที่ ^ ^ คำว่าไม่สงสัยแล้วในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงสรุปแล้วค่ะ (ดิฉันอาจจะสื่อสารไม่ชัดเจน ต้องขออภัยด้วยค่ะ) คือทำให้คลายความสงสัย (ไม่สงสัยในสิ่งที่เคยสงสัย) ตั้งใจ(สติ)ให้เป็นกลาง ปราศจากอคติ รอรับฟังความจริงจากผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่จริงๆ ก็อย่างที่บอกค่ะทุกคนมีกรรมเป็นของตัว เมื่อถึงเวลาก็ต้องรับผล ขอบคุณคุณไกลมากค่ะ (ว่าแล้วว่าต้องมีอีกหลายครั้ง ^ ^) ขอสารภาพว่ายังไม่ได้อ่านที่แนะนำมาเลยค่ะจึงยังไม่รวบรวมคำถามเลย ขอเวลาตั้งสติก่อนนะคะ ต้องทำมงคลให้เกิดกับชีวิตก่อน (ขจัดการงานที่คั่งค้าง ^ ^') ดิฉันไม่มีเพาเวอร์ในไหนทั้งนั้นค่ะ ดิฉันมีเพียงหัวใจและจิตวิญญาน กลุ่มเราเมื่อเทียบกับกลุ่มพี่ๆเค้าก็คงไม่ใหญ่มาก ภูไท ไทภู ชีวิตผูกพันกับหนองน้ำ ภูเขา และท้องนา ที่ราบลุ่มหนองหารวิถีชวิตพวกเขาก็ผูกพันกับเกาะแก่งและสายน้ำ (ความหวงแหนย่อมมีมากกว่าหลายเท่า) พวกเรามีสายสัมพันธ์คือเทือกเขาภูพานที่ทอดยาว มีสิ่งที่หลอมรวมความเป็นหนึ่งเดียวคือหนองหาร และมีเกาะในตำนานที่บ่งบอกความเป็นมา เมื่อถึงคราเราจึงต้องลุกขึ้นมาเพื่อปกป้องความเป็นเรา มาวันนี้หลายสิ่งหลายอย่างกระจ่างขึ้น วิถีแห่งพุทธแท้ที่อยู่คู่วิถีชีวิต เราจะรักษาไว้ให้สมเจตน์จำนงของบรรพบุรุษ จะด้วยวิธีการใดก็แล้วแต่เหตุปัจจัย ให้ในสิ่งที่ไม่เป็นที่ปรารถนา ให้ในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ นั่นไม่อาจเรียกได้ว่าการให้ที่สมบูรณ์ ขอบคุณทุกความเห็นไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือเห็นต่าง สิ่งเหล่านั้นได้บ่งบอกความเป็นคุณแล้ว อย่างน้อยก็ทำให้ดิฉันแน่ใจในบางอย่างขึ้น (ในโลกมีมีหลากหลายความเชื่อ หากทุกความเชื่อเคารพซึ่งความเชื่อของอีกฝ่ายและไม่เบียดเบียนกัน โลกนี้คงน่าอยู่ขึ้นเยอะ) ------------------------------- พิมพ์ซ้ำ แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 55 10:15:42 แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 55 10:09:39 จากคุณ : ผีฟ้าน่ารัก เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 10:05:17

ความคิดเห็นที่ 52 เพิ่มเติมค่ะ กลุ่มพวกเรายังไม่คิดถึงเรื่องการรื้อนะคะ เรื่องละเอียดอ่อนเช่นนี้ เอาเข้าจริงเราคนพุทธ ก็ต้องหาวิธีที่เหมาะสมที่สุดค่ะ ณ ตอนนี้แค่ไม่ปรารถนาให้ออกโฉนด เนื่องจากกลัวค่ะ กลัวลูกหลานของพวกเราจะรู้สึกอย่าง คห 13 (มันชัดเจนขึ้นทุกวัน จนเราอดกังวลไม่ได้) จากคุณ : ผีฟ้าน่ารัก เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 10:34:20

ความคิดเห็นที่ 53 โทษของการ"ขโมยของสงฆ์"   (จากหนังสือ ธัมมวิโมกข์ โดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี. "ของทุกอย่างที่ขึ้นชื่อว่า เป็นสมบัติของสงฆ์แล้ว จะเป็นสิ่งของ หรือวัตถุเครื่องใช้อะไรก็ตาม จะมีราคามาก หรือน้อยก็ตาม ผู้ที่นำไปใช้โดยพละการหรือทำสิ่งของเหล่านั้นเสียหาย จะต้องนำสิ่งของเหล่านั้น มาทดแทน ให้เหมือนเดิม ไม่เช่นนั้นจะทำให้ผู้ล่วงละเมิด ลงสู่อเวจีมหานรกได้โดยง่าย" อย่างวัดร้างที่ปรากฏว่า เป็นที่ดินเปล่า ไม่มีฐานะแสดงว่า เป็นวัด หรือบางแห่งแสดงฐานะว่า เป็นวัดแต่อยู่ในป่าในดงหรือ วัดที่มีฐานะอยู่ก็ตาม เราจะนำสิ่งของอะไรมาก็ตามในเขตนั้นเป็นของสงฆ์หรือว่าถ้าใครยึดแผ่นดินของสงฆ์ไว้ เป็นสมบัติ ส่วนตัวละก็ ถือว่า ซวยขนาดหนัก แบบนี้ มีผู้เรืองอำนาจรุกรานสงฆ์ เคยตกนรกขั้นขุมที่ 7 มาแล้ว ขุมนี้หนักมาก รองจาก อเวจีมหานรก เพราะอะไร เพราะ บุกรุกที่ดินของวัด ถึงแม้จะไม่มีเจตนาโกง วัดก็เป็นวัดร้าง แต่ไม่รู้ว่า เป็นวัดร้าง แค่นี้ก็ ตกนรกขุมที่ 7 จะมาอ้างว่าไม่รู้ไม่เจตนาไม่ได้ มีความผิดหมด หรือว่า มีไม้ลอยมาหน้าบ้าน เราเห็นว่า ไม่มีเจ้าของ เอาเข้ามาทำฟืน แต่ถ้าไม้นั้นมาจากวัด ก็เป็นไม้ของสงฆ์ไปเอาเข้ามันก็บาป ต้นหญ้าต้นฝาง ที่มันอยู่กลางทุ่งสถานที่นั้นอาจ จะเคยเป็นวัดมาก่อนก็ได้ เขาเคยถวายเป็นของสงฆ์ แต่ว่า สภาพของวัดมันสูญไป ของที่อยู่ในนั้นทั้งหมด แม้แต่แผ่นดิน ก็ยังเป็นของสงฆ์ เราไปเอาต้นไม้ต้นเดียวมาก็บาป แล้วโทษของสงฆ์ หนักมาก เรียกว่า ขั้นอเวจีขั้นเดียว มีระดับเดียว ระดับอื่นไม่มี ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ คนที่กินข้าวที่พระอนุญาตแล้วทำไมถึงตกนรก และพระที่ให้ก็ต้องตกนรกด้วยครับ หลวงพ่อ : "ถ้าอาหารที่พระให้ ต้องเป็นของที่ญาติโยมถวายเฉพาะองค์นั้นไม่มีโทษแน่ แต่ที่เป็นอย่างนี้ ต้องเป็นอาหาร ที่เขาถวายเป็นส่วนกลาง คือ เป็นของสงฆ์ ของสงฆ์นั้นพระองค์ใดองค์หนึ่งไม่มีสิทธิ์ให้นอกจากสงฆ์จะประชุมตกลงให้พระ องค์นั้น เป็นผู้จ่ายแทนสงฆ์ ตัวอย่างของสงฆ์เช่น อาหารวันพระที่มี ข้าวใส่บาตรเหลือมากๆ แล้ว ทายกใส่ถ้วยเอาไปบ้าน โดยที่คณะสงฆ์ ไม่มีส่วนรู้เห็น อย่างนี้ แม้แต่เจ้าอาวาสเอง ยังไม่มีสิทธิ์ให้ตามลำพัง บางทีกินอาหาร ที่พระฉันเหลือ ถ้าพระอนุญาตแล้ว ไม่มีโทษ (สำหรับญาติโยมที่ไปในงาน ทางวัดเขาตั้งใจเลี้ยงก็ไม่เป็นไร) แต่บางท่านก็หยิบของที่พระฉันแล้วเอามาเฉย ๆ บางท่านก็ขอเอาดื้อๆ ให้หรือไม่ให้ก็ตาม ออกปากขอ แล้วยกไปเลย พระยังไม่ทันอนุญาต ท่านทายกประเภทนี้ ท่านช่วยยก คนที่กินกับท่าน ลงอเวจีแบบสะดวก เมื่อจะขอต้องดูว่า อาหารมาก ไหมถ้ามากจนเหลือเฟือ ก็ขอให้พระท่านให้ ตามความพอใจของท่าน เพราะท่านอาจจะมีกังวล นำอาหารไปให้ใคร ที่ท่าน มีภาระต้องเลี้ยง ถ้าถือเอาตามความพอใจ ก็ต้องถือว่า แย่งอาหารจากพระมีโทษ 100 เปอร์เซ็นต์ และ อาหารถวายพระพุทธรูป ก็เหมือนกัน อาหารประเภทนี้ ดูเหมือนจะเป็นเหยื่อล่อให้ลงอเวจี สะดวก สบายมาก อาหารที่เขานำมาวัด เขาตั้งใจถวายพระสงฆ์ การนำไป ถวายพระพุทธรูปนั้น เป็นความดี เพราะเป็น พุทธานุสสติ ด้วย เป็น พุทธบูชา ด้วย แต่อาหารประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้มาก เพราะ พระพุทธรูป ไม่ได้ฉัน ท่านจะฉัน หรือไม่ฉัน ก็ตาม อาตมาคิดว่า ทายกทายิกาไม่มีสิทธิ์จะกิน หลายวัดหรือส่วนใหญ่ ทายกมักจะเอาอาหารดีๆและมากๆ ไปทุ่มเทถวาย พระพุทธรูป เมื่อพระฉันเสร็จแล้วต่างก็ยกเอามากิน ตอนนี้ไม่ถูกด้วยประการทั้งปวง ต้องเอาไว้ถวายพระตอนเพลจึงจะถูก ทายก ทายิกาได้ เฉพาะอาหารที่เหลือเดนจากพระฉันเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์สถาปนาตนเอง เป็น "ลูกศิษย์พระพุทธรูป" แต่ประการ ใด รวมความว่า ของที่ถือว่าเป็นของสงฆ์นั้น คือ ของในวัดทุกประเภท ที่เขาภวายเป็นของสงฆ์แล้ว แม้แต่ ดอกไม้ ผลไม้ ในวัด เศษไม้ที่คิดว่า ทำอะไร ไม่ได้แล้ว เอามาทำฟืนบ้าง ทำอย่างอื่น เล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างจง อย่าคิดว่า ไม่ทำบาป แม้แต่ เศษกระเบื้องที่ทิ้งแล้ว ก็เป็นของสงฆ์ มีผลเสมอกัน เว้นไว้แต่ ดอกไม้ ผลไม้ ที่พระหรือท่านผู้ใดปลูกในวัดถ้าท่านเจ้า ของยังอยู่ในเขตวัดนั้น และท่านอนุญาต อย่างนี้เอามาได้ไม่บาปด้วย ท่านเจ้าของมีสิทธิ์สมบูรณ์ ให้ได้ รับมาได้ ไม่มีโทษ ถ้าท่านผู้ปลูก ออกไปจากวัดนั้น หรือตายไปแล้ว ของนั้นเป็นของสงฆ์โดยตรง ไปเอามา มีโทษตามกำลังบาป ขโมยของสงฆ์ และอีกประการหนึ่ง วัดร้างที่ไม่มีพระอยู่ แต่มีสภาพเป็นวัด ถ้าเราไปนำมานิดเดียว แม้แต่ต้นหญ้าต้นเดียว เขาถือว่า เป็น หนี้สงฆ์ อันนี้อันตรายมาก สมัย หลวงพ่อปาน ท่านก็แนะนำ ให้คนชำระหนี้สงฆ์ บาทสองบาท สลึงสองสลึง บางคน ไม่มี เงิน เอามาทำงานแทน ทำอะไรก็ได้ ไม่บังคับ คือ ดายหญ้าก็ตามไม่เอา ค่าแรง" ผู้ถาม : "แล้วเรื่องพระชำระหนี้สงฆ์มีความเป็นมาอย่างไรครับ..?" หลวงพ่อ : "เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ฉันไปที่ศรีราชาญาติโยมเขาถามเรื่องชำระหนี้สงฆ์ ถ้าหลายๆชาติมาเราไม่รู้อะไรมาบ้าง ถามว่า จะถามอย่างไร ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน พอตอบไม่รู้ ก็เห็นพระ ท่านลอยมา ท่านบอก "ถ้าจะชำระให้ครบถ้วน เป็น เงินเท่าไรก็ไม่พอให้สร้างพระพุทธรูปหน้าตัก 4 ศอก" พระหน้าตัก 4 ศอก ถือว่า เป็นพระประธานมาตรฐาน ท่านบอกว่า "พระพุทธรูปนี่ ไม่มีใครตีราคาได้ ใช้ในการชำระหนี้สงฆ์ หนี้สงฆ์ที่แล้วๆมาถือเป็นการหมดไป" ฉันพูดแล้ว ก็กลับมาวัด ต่อมาพวกนั้น ก็ถามใหม่ว่า "สร้างพระองค์เดียวได้คนเดียวหรือกี่คน" ฉันก็ไม่รู้อีก ซิ ก็นึกถึงท่าน ท่านก็มาใหม่ ท่านก็บอกว่า "ถ้าไม่ปิดทองได้คนเดียว ถ้าปิดทองครบถ้วนได้ทั้งคณะ" คำว่า "คณะ" หมายความว่า บุคคลหลายคนก็ได้ ตัดบาปเก่า ถ้าสร้างใหม่ เอาอีกนะ สร้างหนี้ใหม่ต่อ เป็นหนี้ใหม่ เหมือน กันนะ http://www.amulet.in.th/forums/view_topic.php?t=1364 จากคุณ : ไกลมาก เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 04:58:00

ความคิดเห็นที่ 54 อนุโมทนาคุณผีฟ้าน่ารักครับ ..."สำนักทำมะกลายไม่ใช่สำันักในพระพุทธศาสนา"...:).. จากคุณ : จงจำไว้ หมองูตายเพราะงู (ต่อmcu) เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 10:19:15

ความคิดเห็นที่ 55 มีอะไรให้ช่วยบอกได้นะคะ เราชอบจังหวัดสกลนคร เคยไปตั้งแต่เด็ก ยังไม่สนใจธรรมะ เคยพาแฟนไป จำได้ไปถึงแต่ละวัดที่นั่น ยังกับสวรรค์ ไม่ต้องทำอะไรก็สงบ ตอนเด็กๆๆ เคยพาน้องหมาไปเดินเล่นที่หนองหารด้วยค่ะ ที่นั่นมีวัดป่าเยอะและเป็นพระปฏิบัติที่คนสามารถกราบไหว้บูชาได้สนิทใจหลายรูป เรารักจังหวัดสกลนคร รักพระพุทธศาสนา และเมืองเล็กๆที่น่ารักแห่งนี้ค่ะ ยินดีช่วยเหลือในทุกกรณีค่ะ จากคุณ : Flavia เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 23:01:54