พระพุทธเจ้า ท่านให้เราชำระจิต ให้บริสุทธิ์ด้วย ทาน ศีล ภาวนา และหยิบฉวยได้ไวในกุศลธรรมทั้งหลาย ...
เรื่องให้ทาน...
ผู้ให้ : มีจิตให้อย่างๆเช่น ให้เพราะรักษาหน้า =>เฉยๆ=>เมตตา=>ศรัทธาสูง ผล อนิสงส์ต่างกัน
ผู้รับ :เป็นเช่นๆ สัตว์=>คนเลว=>คนดี=>ภิกษุทุศีล=>ภิกษุเนื้อนาบุญ ผล อนิสงส์ต่างกัน
และ หากใครจะให้ทาน ก็อย่าไปห้าม เพราะ จะทำให้
ผู้ให้ ไม่ได้ทำทาน
ผู้รับ ไม่ได้รับทาน
และแถม ขุดรากถอนโคนตนเองด้วย
แต่ควรบอก อนิสงส์แก่เขา
-------
ดูกรวัจฉะ ผู้ใดแลห้ามผู้อื่นซึ่งให้ทานอยู่
ผู้นั้นชื่อว่าย่อมกระทำอันตรายแก่วัตถุ ๓ อย่างเป็นโจรดักปล้น วัตถุ ๓ อย่าง วัตถุ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ
ย่อมทำอันตรายแก่บุญของทายก ๑
ย่อมทำอันตรายแก่ลาภของปฏิคาหก ๑
ตนของบุคคลนั้น ย่อมเป็นอันถูกกำจัดและถูกทำลายก่อนทีเดียวแล ๑
ดูกรวัจฉะ ผู้ใดแลห้ามผู้อื่นซึ่งให้ทานอยู่ ผู้นั้นชื่อว่าย่อมทำอันตรายแก่วัตถุ ๓ อย่าง เป็นโจร ดักปล้นวัตถุ ๓ อย่างนี้
ดูกรวัจฉะ ก็เราพูดเช่นนี้ว่าผู้ใดสาดน้ำล้างภาชนะ หรือน้ำล้างขันไป แม้ที่สัตว์ซึ่งอาศัยอยู่ที่บ่อน้ำคลำ หรือที่บ่อโสโครกข้างประตูบ้านด้วยตั้งใจว่าสัตว์ที่อาศัยอยู่ในที่นั้นจงยังอัตภาพ ให้เป็นไปด้วยสิ่งนั้นเถิด ดังนี้
ดูกรวัจฉะเรากล่าวกรรมซึ่งมีการลาดน้ำล้างภาชนะนั้นเป็นเหตุว่า เป็นที่มาแห่งบุญ จะป่วยกล่าวไปไยถึงในสัตว์มนุษย์เล่า
ดูกรวัจฉะ ผู้ใดแลห้ามผู้อื่นซึ่งให้ทานอยู่
ผู้นั้นชื่อว่าย่อมกระทำอันตรายแก่วัตถุ ๓ อย่างเป็นโจรดักปล้น วัตถุ ๓ อย่าง วัตถุ ๓ อย่างเป็นไฉน คือ
ย่อมทำอันตรายแก่บุญของทายก ๑
ย่อมทำอันตรายแก่ลาภของปฏิคาหก ๑
ตนของบุคคลนั้น ย่อมเป็นอันถูกกำจัดและถูกทำลายก่อนทีเดียวแล ๑
ดูกรวัจฉะ ผู้ใดแลห้ามผู้อื่นซึ่งให้ทานอยู่ ผู้นั้นชื่อว่าย่อมทำอันตรายแก่วัตถุ ๓ อย่าง เป็นโจร ดักปล้นวัตถุ ๓ อย่างนี้
ดูกรวัจฉะ ก็เราพูดเช่นนี้ว่าผู้ใดสาดน้ำล้างภาชนะ หรือน้ำล้างขันไป แม้ที่สัตว์ซึ่งอาศัยอยู่ที่บ่อน้ำคลำ หรือที่บ่อโสโครกข้างประตูบ้านด้วยตั้งใจว่าสัตว์ที่อาศัยอยู่ในที่นั้นจงยังอัตภาพ ให้เป็นไปด้วยสิ่งนั้นเถิด ดังนี้
ดูกรวัจฉะ
เรากล่าวกรรม ซึ่งมีการลาดน้ำล้างภาชนะนั้นเป็นเหตุว่า เป็นที่มาแห่งบุญ จะป่วยกล่าวไปไยถึงในสัตว์ มนุษย์เล่า
สยามรัฐ ๒๐/๑๕๗