ความคิดเห็นที่ 1 ทำสะสมไปเรื่อยๆ  ชีวิตจะค่อยๆดีขึ้นในตอนหลังๆ  ไม่ใช่ทำทันทีจะได้ผลทันที ของดีๆ ต้องใช้ความพยายามไปนานๆ  ไม่ใช่แบบสุกเอาเผากินกันแบบง่ายๆ  ยกเว้นการทำแบบหนักหน่วงเต็มที่   ก็จะเห็นผลทันที   หรือในไม่นานนัก จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 10:18:19

ความคิดเห็นที่ 2 การทำบุญทำทาน เป็นไปเพื่อสละ เพื่อปล่อยวางไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่หวังผลตอบแทน ถ้าทำแล้ววางใจไว้อย่างนี้ อานิสงค์จะเกิดทันทีคือความเบาสบาย และจะเป็นพื้นฐานให้นำไปใช้ได้กับทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิต เพราะทุกข์ที่มี ก็เกิดจากความยึดมั่นถือมั่น ไม่ต้องสนใจในเรื่องเบญจเพส ถ้าเบญจเพสมันต้องซวย ต้องแย่ งั้นข่าวร้ายๆที่เกิดขึ้นแต่ละวันคงจะมีแต่คนอายุ 25 ทั้งนั้น ให้ตั้งตนอยู่บนความไม่ประมาท  หมั่นทำทาน ศีล ภาวนาให้มาก แล้วชีวิตจะดีเอง จากคุณ : สติไม่มาปัญญาช้อปเกิด เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 10:43:31

ความคิดเห็นที่ 3 พระอาจารย์ที่ผมนับถือรูปหนึ่ง ท่านแนะนำเรื่องการทำบุญให้ชีวิตมีความเจริญขึ้นไว้ว่า ให้เราหมั่นทำ 2 ข้อ 1. หมั่นทำบุญใหญ่ในพระพุทธศาสนา คือพวกสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ทำด้วยศรัทธาแท้ 2. หมั่นอธิษฐานขอให้ผลบุญที่ได้ทำ มาช่วยให้ชีวิตเราเจริญดีงามโดยไม่เนิ่นช้า ให้เราได้มีกำลังและโอกาสอันเป็นเลิศ ในการถึงความพ้นทุกข์ดับเชื้อในชาตินี้ ถ้าทำได้ต่อเนื่อง ชีวิตจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เพราะมีแรงบุญหนุนนำและมีอธิษฐานบารมีคอยกำกับ ช่วยให้ชีวิตเราก้าวไปสู่ความเจริญได้ง่ายไม่หลงออกจากเส้นทางความดี แต่บางครั้งดวงอาจมีตกบ้างแต่ภาพรวมก็จะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น โดยส่วนตัว ผมได้พิสูจน์คำสอนของพระอาจารย์ท่านมาแล้ว ทำตามแล้วชีวิตดีขึ้นในภาพรวมจริงๆ เริ่มทำตามแบบนี้มา 5 ปี ชีวิตผมเจริญขึ้นมากเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่ตนห่างเหินจากแนวทางที่พระอาจารย์สอนไว้ แต่จะเปลี่ยนแปลงเร็วหรือช้า ก็ขึ้นกับกรรมที่แต่ละคนทำไว้ ว่ามีมากมีน้อย มีแรงมีเบา และที่สำคัญก็ต้องสร้างเหตุให้เหมาะสมกับผลที่ต้องการ อยากเจริญก้าวหน้าก็ต้องมีความขยันหมั่นเพียรทำมาหากิน คิดปรับปรุงตนให้สร้างประโยชน์ให้งานได้มากขึ้นอยู่เสมอๆ ใช้จ่ายอย่างประหยัด และไม่ประมาทในการละความชั่ว ทำความดี ทำใจให้ผ่องใส จากคุณ : แมวเปอร์เซีย เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 10:52:55

ความคิดเห็นที่ 4 ทำบุญไปได้เรื่อย ๆ น่ะค่ะ อย่าติดเงื่อนไขว่าต้องการได้ชีวิตที่ดีขึ้น เพราะเราทำบุญ จากคุณ : temple cat เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 10:56:58

ความคิดเห็นที่ 5 ชีวิตที่เห็นและเป็นอยู่มันมีเหตุและผลที่มาจากเหตุ.. ไม่มีใครซวยหรือสุขเพียงเพราะความบังเอิญ ทั้งสุขทั้งซวยมันมาจากเรานี่เอง..สร้างเหตุแห่งความซวยผลมันก็ซวย สร้างเหตุแห่งความสงบสุขด้วยศีล 5 ผลมันก็งอกเงยออกมาเป็นความสงบสุข แต่ก็ต้องแยกความสุขออกจากเงิน..พระสงฆ์ท่านยากจนเงินแต่ก็มีความสุข คนรวยหลายคนนั่งร้องไห้และทนทุกข์อยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ บางคนก็เครียดกับงานจนไม่มีเวลาได้ใช้เงินทองที่หามาด้วยความยากลำบาก เงินจึงไม่ใช่ความสุข..และความสุขอาจไม่จำเป็นต้องใช้เงินเสมอไป ถ้าคุณแบ่งปันให้ทานคนข้างบ้าน..เขาก็จะแบ่งปันคืนกลับให้คุณด้วยรอยยิ้มอย่างจริงใจ ไม่จำเป็นต้องได้เงินตอบแทน.. คุณไม่เคยทำบุญมานับ 10 ปี..และอาจเผลอทำสิ่งแย่ๆ ได้เป็นร้อยอย่าง หากคิดว่าการถวายสังฆทานเพียงถังเดียวแล้วชีวิตจะดีขึ้นทันตาเห็นคงไม่ใช่ กว่าจะถึงวันที่คุณคิดว่าแย่..แสดงว่าเราสะสมสิ่งแย่ๆ มามากมายนับไม่ถ้วน การที่ชีวิตจะดีขึ้น..คุณก็ต้องเลิกทำสิ่งแย่ๆ ขยันสะสมแต่ความดี และมันต้องใช้เวลา..กว่าผลแห่งความดีจะเริ่มออกดอกผล.. ตราบที่ยังมีที่ให้ซุกหัวนอน..ยังมีอาหารกินครบ 3 มื้อไม่อดอยาก ยังมีอวัยวะครบ 32..มีพ่อมีแม่มีครอบครัวญาติพี่น้อง..มีชีวิตมีลมหายใจ ที่คิดว่าแย่มันก็แค่คิดไปเอง...คนที่แย่กว่าคุณยังมีอีกเป็นล้านครับ..??? จากคุณ : อารยัน เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 11:05:12

ความคิดเห็นที่ 6 เริ่มจากตนเอง ให้ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์  (ทาน ศีล ภาวนา) ทำให้เป็นกิจในชีวิต ตั้งใจทำ เพียรทำ  แล้วชีวิตจะดีขึ้นอย่างแน่นอน **แม้มีชะตาที่ไม่ดีมาก่อน  ก็สามารถเปลี่ยนกลายเป็นดีได้   คนที่ทำความดีมากๆ แม้กรรมเก่าที่มีหลายๆอย่าง ก็ตามไม่ทัน กลายเป็นอโหสิไปได้**   ยกตัวอย่าง การทำความดี เป็นแนวทางให้ จขกท - รักษาศีล มีหิริโอตัปปะ ไม่ทำชั่วทั้งปวง   - เคารพ และ กตัญญูต่อบุพการี   เป็นต้นว่า จัดหาของกินของใช้ให้ท่านอย่าได้ขาด อะไรที่ชอบจัดให้ คอยดูแลสุขภาพ ความเป็นอยู่ให้ดี   พาท่านเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจบ้าง อำนวยความสะดวกต่างๆ  ชวนท่านทำบุญตักบาตร ทำทาน ฟังธรรม เป็นต้น - ทำทาน บริจาค ฟังธรรมตามกาล - ทำบุญ/บริจาค ทาน ในพระศาสนาตามกาล   - วันๆ ไม่โกรธ ไม่หงุดหงิดฉุนเฉียว ไม่อิจฉาใคร อะไรอภัยได้ก็ให้อภัยเสีย - รู้จักสำรวจตัวเอง และแก้ไขข้อเสียข้อบกพร่องของตนเองอยู่เสมอ - ช่วยเหลือผู้อื่น โดยการให้ทาน ให้ความสะดวก ให้ความรู้ เป็นต้น - ช่วยให้คนผิด ได้สำนึกกลับตัวเป็นคนดี เป็นต้น - ส่งเสริมให้ผู้อื่นทำความดี  ส่งเสริมสนับสนุนคนดี - ทำประโยชน์ให้ส่วนรวม ให้สาธารณะ - ทำจิตใจให้สงบจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งหลาย  รู้จักพอ ไม่โลภมาก - มีความอ่อนน้อมถ่อมตน  ไม่ประมาท ฯลฯ  ฯลฯ   >> เริ่มทำ(เลย)นะจ๊ะ ** ผู้ทำความดีเป็นนิจ จะสมปรารถนา  ** จากคุณ : saengdaed เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 11:34:15

ความคิดเห็นที่ 7 บุญ เป็นชื่อของความสุข บุญ คือ ทาน ศีล ภาวนา ควรทำไปด้วยกัน ถ้าทำแต่ทาน ไม่พ้นทุกข์นะ การบริจาค ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ถวายสังฆทาน งานบุญต่างๆ เหล่านี้เป็นทาน ให้ฝึกพยายามรักษาศีล5 ด้วย เพราะศีล5 เป็นหลักประกันความปลอดภัย และเป็นเกราะป้องกันภัยคุกคาม ความพินาศ chipหาย ในชีวิต การงาน ครอบครัว สุขภาพ และทรัพย์สิน ความทุกข์และปัญหาชีวิตต่างๆ ก็มาจากการละเมิดศีล5 ข้อใดข้อหนึ่ง ผิดศีลตลอด ผิดเป็นประจำ ล่วงศีลเป็นนิสัย อย่างนี้ชีวิตเสื่อมแน่นอน คนรักษาศีลได้ ชีวิตจะราบรื่นดีทุกด้าน ถ้าลังเลเรื่องศีล5 ว่าจริงเหรอ ใช่เหรอ ไม่อยากจะเชื่อ ก็ต้องพิสูจน์นะ ให้รู้ว่าศีล5 เป็นสัจธรรม ไม่ต้องตั้งตำรวจมาจับปรับคนทำผิดศีลเลย เพราะธรรมชาติจะจัดสรรคุณและโทษให้อย่างยุติธรรมที่สุด เราท่องจำง่ายๆ ว่า ฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต ลิขิตโรคร้าย โรคภัยเบียดเบียน ลัก โกง ฉ้อ ก่อความพินาศchipหายแก่ทรัพย์ตน ผิดในกาม สร้างศัตรูและอุปสรรคมากมาย โกหกหลอกลวง ประสบคำโกหกหลอกลวง ดื่มสุราเมรัย ทำให้บ้า ปัญญาทึบ เราพูดจากประสบการณ์ตัวเองนะ เราฝึกรักษาศีล5 แล้วความทุกข์และปัญหาชีวิตลดลงมาก การดำเนินชีวิตก็ราบรื่นดีขึ้น ยังไม่ต้องพูดเรื่องภาวนานะ ให้ จขกท. ทำทานบ่อยๆ ฝึกรักษาศีล5  แล้วถ้าฝึกภาวนาได้จะดีมากๆ ได้เกิดเป็นคน เราไม่ทำมาหาเงินอย่างเดียว ต้องทำทาน รักษาศีล ภาวนา ไปด้วย ชีวิตจะมีความสุขความเจริญ จากคุณ : ชีวิตดีได้ด้วยการฝึกทำดี (b-file) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 11:36:07

ความคิดเห็นที่ 8 ทำบ่อย ๆจนติดเป็นนิสัย ทำเสมอ ๆไม่ว่าน้อยหรือมากโดยไม่เกินตัว ชีวิตดีขึ้นแน่นอน จากคุณ : banchap เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 11:48:19

ความคิดเห็นที่ 11 ง่ายๆขั้นแรก  รักษาศีลห้าให้ครบ  ทำบุญง่ายๆก้ได้เช่นการบริจาค  หรืออนุโมทนาบุญผู้อื่น หากจะให้ดีขึ้นแบบทันตาเห็นก็ไปปฎิบัติธรรม เจริญภาวนานุงขาวห่มขาวสักครั้งครับ ตามคอร์สต่างๆมีให้เลือกเยอะแยะ  เสียเงินก็มีฟรีก็มี  ระยะเวลาก็ตั้งแต่แบบไปเช้าเย็นกลับ แบบค้างแรมสามวัน เจ็ดวัน จนถึงหนึ่งเดือนก็มี ไม่อยากเสียเงินก็นั่งสมาธิที่บ้าน สวดมนต้ไหว้พระก่อนนอน ตามหนังสือคู่มือหาในเน็ตมีเยอะแยะ แนะนำของหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวา ทำแบบนี้รับรองชีวิตจะดีขึ้นแน่นอนภายในไม่กี่เดือน  รับรองจากประสบการณ์ผมเอง จากคุณ : นักฆ่าดาบเดียว เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 15:24:05

ความคิดเห็นที่ 12 ทำแล้ว ดีขึ้นรวดเร็ว ก็ มี คือทำบุญกับพระอรหันต์ หานอกตัว ทำไม เพราะ เราก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน ทำกับ พระในบ้านให้ดี  คือ พ่อ กับ แม่ ให้เงินท่านใช้ ดูแลท่าน  ส่วนการทำบุญ เป็นการสร้างบารมี  เวลาดวงตก มีเคราะห์ ก็ ลองคิดกลับไปว่า สมัย ก่อน เคยทำบาป หรือไม่ เคยโขมยเงินพ่อ แม่ ไหม เคยโกงเงินใครไหม เคยฆ่าสัตว์ไหม เคยออกเงิน ช่วยคนทำแท้งไหม ถ้าเคย ก็ คือ กรรม มาส่งผล เราก็ หมั่น ทำบุญ ถวายสังฆทาน 3 ชุด ติดต่อกัน สวดมนต์ไหว้พระ  ไปช่วยงานวัด ก็ได้  ล้างห้องน้ำ กวาดลานวัด  อยู่บ้านก็หาเวลา สวดมนต์ไป  บทธรรมจักร  บทบารมี 30 ทัศ  หลังจากทำบุญ ก็ กรวดน้ำ อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร ที่เราเคยทำ ผิดพลาดไป แล้วจะดีขึ้น จากคุณ : phutakun เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 15:24:12

ความคิดเห็นที่ 13 สำหรับตัวเอง ชีวิตดีขึ้นค่ะ ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีเงินใช้ไม่ขาดมือ และไม่ค่อยป่วย เพราะทำบุญทำทานนี่แหละค่ะ จากคุณ : จางปาง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 16:15:59

ความคิดเห็นที่ 14 ตำนานแก้วไฟเบอร์กลาส          ชาวนาคนหนึ่งจบแค่มัธยมต้นปี 1 ที่บ้านก็ไม่มีเงินส่งเสียเขาเรียนต่อ ต้องลาออกมาอยู่บ้าน ช่วยคุณพ่อทำนาที่มีอยู่แค่ 3 หมู่ ( 1หมู่= 2.4 ไร่) พอเขาอายุได้ 19 ปี คุณพ่อก็ถึงแก่กรรม ภาระหนักอึ้งทั้งหมดในครอบครัว จึงตกอยู่บนบ่าของเขา เข้าต้องดูแลแม่ที่สุขภาพไม่ดี และคุณย่าที่เป็นอัมพาตอยู่บนเตียง         ช่วงทศวรรษที่ 1980 ระบบรับเหมาเริ่มถูกนำมาใช้ในชนบท เขาจึงขุดนาลุ่มของเขาเป็นบ่อปลา คิดจะเลี้ยงปลา แต่ผู้ปฏิบัติงาน(ของรัฐ) ในชนบทบอกเขาว่า นาลุ่มใช้เลี้ยงปลาไม่ได้ ปลูกได้แต่ธัญพืช เขาจึงถมบ่อจนเรียบ เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องน่าตลกขบขันในหมู่บ้านไป ในสายตาชาวบ้านนั้น เขาคือคนที่อยากรวย แต่บรมโง่          เขาได้ข่าวว่าเลี้ยงไก่ทำเงินได้ จึงไปยืมเงิน 500 หยวนจากญาติพี่น้อง มาทำฟาร์มเลี้ยงไก่ แต่ไม่นานน้ำก็ท่วม หลังจากนั้น ไก่ของเขาก็ป่วยเป็นโรคห่า ล้มตายไม่เหลือ เงิน 500 หยวนสำหรับคนอื่นแล้วมันเรื่องเล็ก แต่สำหรับครอบครัว ที่ยังชีพด้วยนาที่มีอยู่แค่ 3 หมู่ ก็เป็นตัวเลขมหาศาล คุณแม่ของเขาคิดไม่ตกกับเรื่องนี้ ก็ล้มป่วยถึงแก่กรรม ต่อมาเขาเคยหมักเหล้าขายจับปลา  แม้แต่เจาะหน้าผาช่วยเขา ทำเหมืองก็เคยแล้ว แต่ไม่เคยได้เงินเป็นกอบเป็นกำ        ตอนที่เขาอายุ 35 ปี เขายังไม่ได้แต่งงาน แม้แต่หญิงหม้ายลูกติดในหมู่บ้าน ก็ยังไม่มองเขาเลย เพราะเขามีแค่บ้านดินเผาเก่า ๆ หลังหนึ่ง อาจพังทลายลงเมื่อไหร่ก็ได้ถ้าฝนตกหนัก ผู้ชายที่แต่งเมียไม่ได้ ในชนบทใคร ๆ ก็ดูถูก แต่เขาไม่เคยท้อ จึงไปเที่ยวขอยืมเงินใครต่อใคร ซื้อรถแทรกเตอร์แบบมือจับมาคันหนึ่ง โดยคาดไม่ถึงว่าใช้ทำงานได้ไม่ถึงครึ่งเดือน รถแทรคเตอร์คันนั้น ก็ลากตัวเขาตกลงไปในคลอง ถึงกับขาหักกลายเป็นคนขาเป๋ ส่วนรถแทรคเตอร์คันนั้น งมขึ้นมาแล้ว สภาพชำรุด หลุดเป็นส่วน ๆ เขาจึงได้แต่ถอดแยกเอาไปขายเป็นเศษเหล็ก          ทุกคนในหมู่บ้านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ชาตินี้เขาจบเเล้ว          แต่ท้ายที่สุดเขากลับกลายเป็นเถ้าแก่บริษัทหนึ่งในเมืองเล็ก ๆ มีเงินทุนและทรัพย์สินในมือว่า 200 ล้านหยวน ตอนนี้ คนจำนวนมากรู้อดีตอันทุกข์ยากลำเค็ญ และประวัติการ ก่อร่างสร้างตัว ที่มีสีสันพิสดารของเขาเเล้ว  สื่อมวลชนจำนวนมากเคยมา สัมภาษณ์เขา รายงานและนวนิยายจำนวนหนึ่งก็เคยอ้างถึงเขา  ซึงในจำนวนนี้ มีอยู่รายการหนึ่ง น่าประทับใจยิ่งคือ นักข่าวถามเขาว่า "ในช่วงเวลาอันยากลำบาก เหตุใดคุณไม่เคย ย่อท้อขลาดถอยแม้แต่ครั้งเดียว "         เขานั่งเบนเก้าอี้ตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงาน ดื่มน้ำในแก้วจนหมด แล้วถือแก้วไว้อย่างดื่ม ย้อนถามนักข่าวว่า " ถ้าผมปล่อยมือ แก้วใยนี้จะเป็นอย่างไร?"         นักข่าวตอบว่า "หล่นบนพื้น แตกกระจาย"        " ถ้างั้น ผมจะลองดู" เขาพูด           เขาปล่อยมือ แก้วหล่นลงกระทบพื้นเสียงดังกริ๊งกังวาน แต่ไม่แตกกระจายอย่างที่คิด ยังอยู่ในสภาพดีเช่นเดิม  เขาพูดว่า " ทุกคนล้วนคิดว่าแก้วใบนี้ต้องแตก กระจายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่แก้วใบนี้ไม่ใช่แก้วกระจกทั่วไป หากคือแก้วไฟเบอร์กลาส "            คนประเภทนี้ ขอเพียงยังมีลมหายใจ  ก็จะพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อก้าวไปสู่ ความสำเร็จ   เว้นแต่สวรรค์เบื้องบนจะยื้อแย่งเอาชีวิตของเขาไปเสียก่อน แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 55 17:10:14 จากคุณ : แล้วทำไม12 เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 17:04:04

ความคิดเห็นที่ 15 ตอนผมเรียน ปริญญาตรี  ผมอ่านหนังสือหลวงปู่ฝั้น  ท่านสรุปสอนไว้สั้นๆว่า อยากรวยให้ทำทาน อยากสวยให้ถือศีล อยากฉลาดให้บำเพ็ญภาวนา ตอนนั้น ผมอ่านดูแล้ว ก็งงๆ ทำทาน แล้วจะรวยได้ไงหว่า แต่เอาเถอะ ผมจะลองพิสูจน์ดู ตั้งแต่นั้น ผมก็จะให้เงินกับขอทานที่ผมเดินผ่าน ให้ครั้งละแค่ 1 บาทเพราะเป็นนักศึกษา ไม่ได้มีเงินมากมายครับ  แต่ให้ตลอด  แทบไม่มีขอทานคนไหนที่ผมเดินผ่าน แล้วไม่ได้เงินจากผม พอจบ ป ตรี มาได้ประมาณ 1 ปี ก็เริ่มทำงาน วันนั้น มีคนตาบอดมาขายล๊อตเตอรี่หน้าบริษัท  จู่ๆ ผมก็รู้สึกขึ้นมาซะงั้น ว่าทานที่ผมทำ น่าจะส่งผลได้บ้างแล้ว ผมเลยซื้อล๊อตเตอรี่ 1 ใบครับ ปรากฏว่าถูก เลขท้าย 2 ตัว (โอกาสถูก 1 ใน 100) พอผ่านมาอีก 3-4 เดือน ก็เจอเหตุการณ์เดิมอีก ผมก็คิดว่า บุญที่ผมทำทานกับขอทาน น่าจะยังไม่หมดนะ ก็ซื้อล๊อตเตอรี่ อีก 1 ใบครับ ปรากฏว่าถูก เลขท้าย 2 ตัว (โอกาสถูก 1 ใน 100) แต่ถ้าคิดว่า การถูกเลขท้ายสองตัว ติดกัน จากการซื้อล๊อตเตอรี่ แค่ ครั้งละ 1 ใบ สองครั้งเนี่ย โอกาสถูกคือ 1 ใน 10000 ครับ ผมว่า เรื่องบังเอิญแบบนี้ ไม่น่าเกิดขึ้นได้  และไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเรื่องกรรมลิขิตล้วนๆ นับแต่นั้นมา ผมก็เลยพยายามจัดสรรเงินที่ได้จากการรับ job ของผม แบ่งไปทำบุญสม่ำเสมอครับ  นี่ผ่านมา 20 ปี แล้ว ผมก็ยังทำอย่างนี้แทบจะทุกปี ชีวิตการเงิน ดีขึ้นเรื่อยๆครับ ถ้าให้บอก  ผมก็ขอแนะนำคุณว่า  การทำดี ทำบุญทำทาน น่ะ ให้ผลแน่ๆ แต่มากน้อย นานเร็ว เรากำหนดไม่ได้ครับ คุณอายุไม่มากนัก ยังมีเวลาทำบุญ แล้วพิสูจน์ในสิ่งนี้ จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 17:50:44

ความคิดเห็นที่ 16 จขกท.ก็เป็นคนปกติธรรมดาคนนึง มีรัก โลภ โกรธ หลง แต่คิดว่าตัวเองเป็นคนดีคนนึง เพราะไม่เคยไปเบียดเบียนใคร ไม่ชอบเอาเปรียบใคร ไม่ว่าร้ายใคร เวลาโดนว่า จิกกัดก็โต้ตอบเค้าไม่เป็นเพราะเป็นคนเถียงคนอื่นไม่เป็นค่ะ มีแต่ตัว จขกท.เองที่โดน บาปที่ จขกท.รู้สึกว่าตัวเองทำบาปไว้มากๆ คือ ทำบาปกับพ่อแม่ค่ะ เพราะเรามีปัญหาเรื่องการเรียนมาตลอด กลัวเรียนไม่จบ เวลามีปัญหาอะไรนิดหน่อยเราก็จะโทรไปร้องไห้ให้พ่อกับแม่ฟัง ไม่ใช่แค่เราคนเดียวที่เครียด พ่อกับแม่ก็เครียดไปด้วย หลายๆ ครั้งที่พ่อเครียดจนนอนไม่หลับ มี คห.บนๆ พูดถึงเรื่องการทำแท้ง จขกท.ไม่เคยทำแท้ง ไม่เคยให้เงินคนไปทำแท้ง แต่รู้ว่าเพื่อนคนนึงตั้งท้อง และทำแท้ง 3 ครั้ง โดยที่เรารู้แต่ไม่ได้ห้ามปรามอะไร(คนท้องไม่ได้บอกเรา แต่เขาเล่าให้เพื่อนอีกคนฟัง ซึ่งเพื่อนนั้นก็เอามาเล่าให้เราฟังอีกที) ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวมั้ย เพราะตัวคนที่ทำแท้งเอง ชีวิตการทำงานตอนนี้ก็เจริญก้าวหน้าดีทุกอย่าง ทำบาปฆ่าสัตว์ จขกท.เคยเลี่ยงกระต่ายตาย 2 ตัว ภายในเวลาไม่ถึงเดือน เขาตายโดยไม่ทราบสาเหตุค่ะ ตอนเราเอาเค้าไปฝังบอกเค้าว่าจะทำบุญด้วยขนมที่เค้าชอบไปให้ ผ่านไปปีกว่าแล้ว เรายังไม่ได้ทำเลยค่ะ ตอนสมัยเด็กๆ จขกท.ไปเที่ยววัดบ่อยมาก เราอยู่ภาคอีสาน บ้านอยู่สกลนคร วัดเยอะมาก จะไปเที่ยวนี่คือเที่ยววัด และได้ทำบุญด้วย วันสำคัญทางศาสนาต่างๆ วันปีใหม่ สงกรานต์ วันเกิดก็ไปวัดกับแม่ตลอด แต่พอโตเข้าเรียนมัธยม เรียน ร.ร.ประจำ นานๆ ได้กลับบ้านที ก็แทบจะไม่ได้เข้าวัดเลย แต่ก็ยังสวดมนต์ ท่องคาถาชินบัญชรทุกคืน(เป็นกิจกรรมของนักเรียนหอพัก) แต่พอเรียนมหาลัยนี่ห่างไปเลยค่ะ ตักบาตรไม่เป็น ไม่ได้เข้าวัด ไม่ได้สวดมนต์ สงสัยว่าบุญกุศลที่สะสมมาตั้งแต่เด็กจะหมดแล้วหรือเปล่าคะนี่ ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนมากที่ให้แนะนำค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 55 18:36:54 จากคุณ : จขกท. (ซาลาเปาขาวอวบ) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 18:34:44

ความคิดเห็นที่ 17 กรรม มันก็มีทั้งที่เราทำ โดยเจตนา และ ไม่เจตนา ไอ้ตัวเจตนา มันจะแรงกว่า ตัวไม่เจตนา กฏแห่งกรรม คิดหมด ไม่เจตนา มันจะโดนเบาหน่อย แต่เรื่อง ทำให้ พ่อ แม่ ทุกข์ใจ จะหนัก ตัวเราก็จะ โดนเหมือนที่ทำกับพ่อ แม่ กฏแห่งกรรมจะย้อนมาให้ คิด  ถ้าใครทำดี กับ พ่อ กับ แม่ คนนั้นจะ ไม่มีคำว่า ตกต่ำ มีแต่เจริญ ทั้งทางโลก และ ทางธรรม  ถ้าเราให้เงินพ่อแม่ ใช้ รับรองว่า ตัวเราก็จะ การเงินดี เชื่อหรือไม่ว่า  มีท่านนึง จบ แค่ ป.6 โรงเรียน วัดบางปะกอก แต่เป็นคนขยัน และ กตัญญู รักพ่อ รักแม่ มาก สู้ทุกข์ อย่าง ตอนนี้ เป็นเจ้าของ ร้านเพชร ที่ฮ้องกง และ ที่ พาราก้อน  บางคนสงสัยว่า ทำไม คนจบ ป.6  ถึงรวย มีเงิน 40 ล้านได้  คนนี้ ท่านบอกว่า ก็เพราะ เรากตัญญู ต่อพ่อ แม่  คนนี้ ก็คือ คุณสมศักดิ์ เทพสมบุญ หรือ อาจารย์สมศักดิ์ เทพสมบุญ ที่สู้ชีวิต จากคนจบ ป.6 แต่มา ตั้งตัวได้ เพราะ ความเป็นคนดี กตัญญูต่อพ่อแม่ และ ช่วย คนอื่น ถ้า จขกท กตัญญู ต่อพ่อ แม่ ต่อไปนี้ แล้วก็ หมั่น สวดมนต์ ไหว้พระ ทำบุญ  และ ให้ทาน  คือ  ทำบุญ ก็ ทำกับพระ กับวัด  สัฆทาน วิหารทาน  ให้ทานก็ ทำกับ คนช่วยคน ช่วยเหลือ คนด้อยโอกาส เด็กพิการ เด็กกำพร้า คนชรา ขอทาน  รับรองว่า จขกท จะเจริญ ในชีวิต มีความสุข  ตั้งตัวได้  ร่ำรวย แน่นอน อาจจะรวยกว่า ท่านอาจารย์สมศักดิ์ ก็ได้  ขอให้ทำได้จริงๆ  ชีวิตก็จะมีแต่ ความเจริญ เพราะ คนรัก พ่อ รัก แม่ ชีวิต ไม่มีตกต่ำ จากคุณ : phutakun เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 19:23:39

ความคิดเห็นที่ 18 ผมทำทานแบบไม่เลือกว่า จะได้ผลบุญสูงสุด   ทำเพราะอยากทำ ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน เดือนๆหมดกับทำทานคนด้อยโอกาส สัตว์จรจัด เยอะมาก  ถ้าผมอยากได้บุญเยอะๆ ก็คงทำแต่ วิหารทาน ธรรมทาน อย่างเดียว จากคุณ : jin leng เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 22:03:25

ความคิดเห็นที่ 19 น้องเกิด ปี 2531 ปีนี้ หนู ปีชง นะครับ หลังไมค์ ไปแล้วนะ ครับ จากคุณ : phutakun เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 00:22:05