Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ยิว คริสต์ อิสลาม พระเจ้าองค์เดียวกันรึเปล่า ติดต่อทีมงาน

อันนี้ต้องขอพูดในฐานะอิสลาม เพราะอิสลามเป็นศาสนาที่หลังสุดในสามศาสนานี้หากวัดกันที่ศาสดา และคัมภีร์อัลกุรอานก็กล่าวถึงสองศาสนานี้โดยกล่าวยืนยันว่าพระเจ้าผู้ทรงประทานอัลกุรอานนี้ได้เคยประทานคัมภีร์มาให้แก่ ท่านศาสดาอีซา(พระเยซู) และท่านศาสดามูซา(โมเสส)ของยิว                
อาจเกิดคำถามว่าทำไมพระเจ้าไม่ทรงให้มีศาสดาองค์เดียวเล่า จะได้ไม่ต้องมาแบ่งแยกกัน   ฟังดูมีเหตุผลอยู่ แต่ถ้าลองย้อนกลับไปดู กาลเวลาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าถึงแม้จะมีศาสดาองค์เดียวกัน ในเวลาต่อมาสาวกของศาสนาก็แตกแยกกันอยู่ดีแบ่งออกเป็นกลุ่มเป็นนิกายตามเหตุผลที่จะตีความคำสอนกันไป หากพูดกันแบบเหตุผลนิยมก็อนุมาณคร่าวๆพอให้เห็นภาพอีกด้านหนึ่ง
ยกตัวอย่างแค่ประเทศไทยของเรานับประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปนิดหนึ่งคงจำกันได้ว่าเราปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ หรือสมบูรณาญาสิทธิราช จนถึงรัชการที่5และที่6  กระแสอิทธิพลจากภายนอกและภายในประเทศมีความเข้มข้นมากขึ้นในเรื่องการเปลี่ยนแปลงการปกครองที่กระจายไปทั่วโลก ซึ่งอันที่จริงสยามก็ได้มีการเตรียมตัวรับกระแสนี้อยู่แล้ว  ถึงขั้นทำการทดลองกับประชาชนบางกลุ่มด้วยซ้ำเช่นกรณี ลุมพินี เพื่อตรวจดูความพร้อมของประชาชน แต่เห็นว่าผลการทดสอบนั้น พอสรุปได้ว่าประชาชนในยุคนั้นยังไม่พร้อมด้วยประการทั้งปวง  โดยเฉพาะในด้านการศึกษา และขนบธรรมเนียมใหม่ที่ไม่คุ้น จึงชลอไว้ก่อนและจะดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป  
                    จนถึงสมัยรัชการที่7  กลุ่มคณะราษฏ์ก็เข้าทำการยึดอำนาจ และดำเนินการเปลี่ยนแปลงการปกครอง แล้วประเทศไทยก็มีนายกรัฐมนตรีเรื่อยมานับแต่นั้น  แค่ช่วงเวลาเกือบร้อยปีมานี้ประเทศไทยมีนายกตั้งหลายคน กี่คนมาแล้วฉันก็จำได้ไม่หมด  มีการร่างกฏหมายมากี่ฉบับแล้ว นี่ก็จำไม่ได้ ที่ร่างกันใหม่แล้วร่างกันใหม่อีกอันนี้ยิ่งไม่รู้ใหญ่  จนทุกวันนี้ก็ยังร่างกันใหม่อีกต่อไปเรื่อยๆนี่ยังไม่รวมกับกฏอัยการศึกยามฉุกเฉินนะ  เฮ้อ...นี่แค่ประเทศไทยเล็กๆประเทศหนึ่งบนแผนที่โลกนะ  ส่วนประเทศอื่นที่ใหญ่หรือเล็กกว่าเรา ก็ตั้งผู้นำมาร่างกฏหมายของประเทศตนเช่นกัน  ลองคิดดูซิว่าตั้งแต่อดีต จนถึงทุกวันนี้มีคนสำคัญของโลกกี่คนที่เป็นผู้นำของแต่ละชาติพันธุ์ แต่ละประเทศ แล้วมีบทบัญญัติ ข้อกฏหมายกี่ฉบับ อันนี้คิดแล้วก็ยิ่งไปกันใหญ่
                อาจมีเสียงทักท้วงว่า การมีกฏหมายอันเหมาะสมกับคนในประเทศของตนเองนั้น ก็เป็นการควรอยู่มิใช่หรือ คนเราต่างชาติต่างภูมิประเทศต่างเหตุผล จะให้ เหมือนกันได้อย่างไร  อันนี้ไม่ค้าน
ในเชิงเปรียบเทียบก็คือ อัลกุรอานก็คือ ธรรมนูญเล่มสุดสุดท้าย ที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้กับมนุษย์ชาติ โดยให้ศาสดามูฮัมหมัดเป็นผู้นำมา เป็นคัมภีร์ภาษาอาหรับเนื่องด้วยศาสดาเป็นอาหรับ แล้วท่านก็ประกาศว่า ท่านเป็นศาสดาองค์สุดท้ายของพระเจ้าที่ถูกส่งมาแก่โลก  ก็ประมาณ 1400กว่าปีที่ผ่านมา และในภาษาอาหรับนั้นเรียกนามพระเจ้าองค์เดียวนั้นว่า "อัลเลาะฮ์" คือพระเจ้าผู้สร้างทุกสรรพสิ่งและไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกนอกจากพระองค์และพระเจ้าก็ได้บอกในอัลกุรอานว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ  ห้าถึงหกร้อยปี พระองค์ได้ให้ศาสดามาพร้อมกับคัมภีร์ด้วย คือ ศาสดาอีซา(พระเยซู) กับคัมภีร์ที่อิสลามว่า อินยีล คัมภีร์นี้ต้นฉบับเป็นภาษาฮิบรูว์หรือ อาราเมอิคฉันไม่แน่ใจ เพราะพระเยซูเป็นยิว แต่พระองค์พูดภาษาอาราเมอิคแบบซีเรียโบราณ เช่นเดียวกัน ก่อนหน้าพระเยซู หลายร้อยปีพระเจ้าก็ทรงประทานคัมภีร์ ที่อิสลามเรียกว่าคัมภีร์ซะบูรแก่ท่านศาสดา ดาวูด(กษัตริย์เดวิดหรือดาวิด)ในภาษาฮิบรูว์เพราะท่านเป็นยิว และก่อนหน้าท่านศาสดาดาวูดอาจจะเป็นพันปี พระเจ้าก็ทรงประทานคัมภีร์ให้แก่ศาสดามูซา(โมเสสหรือโมเชค) ก็เป็นภาษาฮิบรูว์เช่นกันซึ่งอิสลาม เรียกว่าคัมภัร์เตารอต(โตรา)และก่อนหน้านั้นอีกเป็นพันปี พระเจ้าก็บอกในอัลกุรอานว่าพระองค์ทรงได้ประทานคัมภีร์แก่ท่านศาสดาอิบรอฮีม(อับราฮัม) ซึ่งก่อนหน้าท่านศาสดาองค์นี้ศาสนาที่นับถือพระเจ้าองค์เดียวแทบจะหายสาบสูญไปจากโลกแล้ว ศาสดาอิบรอฮีมเป็นคนเดียวที่ยืนหยัดขึ้นอย่างมั่นคงในการที่จะค้นหาแนวทางนี้ จากความเลือนลางในยุคของท่านอย่างโดดเดี่ยว  จนกระทั่งพระเจ้าได้ประทานทางนำมาในภาษาของท่าน ซึ่งเป็นยุคก่อนที่จะมีชนชาติอิสราเอล  และยังมีศาสดาก่อนยุคท่านศาสดาอิบรอฮีมอีกหลายองค์ที่พระเจ้าส่งมาให้เผยแผ่ศาสนา ที่เป็นทางนำจากพระองค์  ที่อัลกุรอานกล่าวถึง เช่น นูฮ์(โนอาห์หรือโนฮา) และได้เล่าไปถึงศาสดาองค์แรกที่ นำทางนำนี้สู่มนุษย์ชาติ คือ ศาสดาอาดัม ซึ่งเป็นมนุษย์คนแรกที่อัลเลาะฮ์ทรงสร้างขึ้น เพื่อเป็นตัวแทนของพระองค์บนโลก
อัลกุรอานได้ลงมายืนยัน ความบริสุทธิ์ของท่านศาสดาที่ผ่านมารวมทั้งคัมภีร์และคำสอนของท่านเหล่านั้น เพราะกาลเวลาที่ผ่านมายาวนานนั้น สาวกประชากรของท่านศาสดาเหล่านั้น ได้เข้าไป ตัดทอน แก้ไข ปรับปรุงสังคยานา ตามที่ยุคตนกลุ่มตนเป็นว่าเหมาะสมด้วยเหตุผลต่างๆ ซึ่งทำให้คำสอนที่มาจากอัลเลาะฮ์โดยตรงคลาดเคลื่อนไปจากเดิม
                         ดังนั้นอัลกุรอานจึงถูกประทานลงมาเป็นคัมภีร์เล่มสุดท้ายจาก พระองค์อัลเลาะฮ์เพื่อแยกแยะว่าอันใดมาจากพระองค์ และอันใดมาจากการเข้าเกี่ยวข้องกับคัมภีร์ของมนุษย์    เพื่อมนุษย์ยุคสุดท้าย จะได้อ่านคัมภีร์ที่สมบูรณ์ ที่ทุกดำรัสมาจากพระเจ้า โดยไม่มีมนุษย์คนใดเข้าไปแตะต้อง หรือเพิ่มเติมตัดทอนใดๆทั้งสิ้น และถือว่าเป็นเรื่องเลวร้ายยิ่ง
                         ดังนั้นโองการในอัลกุรอานจะถูกใจใครหรือขัดใจใครก็ห้ามคนใดเข้าไปแตะต้องเป็นอันขาดไม่ว่าจะเพิ่มเติมแก้ไขหรือตัดตอน แต่ให้คงต้นฉบับเดิมไว้และพระเจ้าได้สัญญาว่าพระองค์จะรักษาทุกถ้อยคำในอัลกุรอานให้คงเดิมด้วยพระองค์เองตราบวันสิ้นโลก แต่คัมภีร์ก่อนๆที่ผ่านมานั้น พระองค์ไห้มนุษย์ดูแลรักษาเองหลังที่ประทานมาแล้ว
                      ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นแนวความคิดแบบอิสลามนะ  แน่นอนศาสนาอื่นเขาก็คงไม่คิดอย่างนี้  และนั่นก็เป็นสิทธิโดยสมบูรณ์ของเขา

จากคุณ : atiw1000
เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 01:16:18




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com