ความคิดเห็นที่ 1 สภาพรายล้อมในยุคของ อับราฮัม หรือท่านนบีอิบรอฮีม เมื่อ 5,000 ปีที่แล้ว                       ก่อนที่จะนำเรื่องราวของท่านนบี อิบรอฮีม หรืออับราฮัม ที่อัลกุรอานกล่าวถึงมาให้อ่าน  อยากขอยกข้อมูลอื่นๆที่รายล้อมชีวิตของท่านในขณะนั้น  มาให้อ่านเป็นส่วนประกอบ                            "   ท่านนบีอิบรอฮีม (อับราฮัม) เกิดในที่ที่ปัจจุบันคือประเทศอิรัค  ในเวลานั้นผู้คนได้ลืมไปแล้วว่าพระเจ้านั้นมีองค์เดียว  ถึงแม้ว่าจะมีความก้าวหน้าอย่างมากในด้าน ศิลป วิทยาศาสตร์  อุตสาหกรรมและการเกษตร  ผู้คนบูชารูปปั้น  เชื่อถือโชคลางไสยศาสตร์และเครื่องลางของขลังกันอย่างแพร่หลาย                             ในยุคนั้น  พวกนักบวชจะเป็นผู้ควบคุมวัดและวิหาร  ดูแลปฏิบัติพิธีกรรม  ตั้งแต่พิธีแต่งงานไปยันงานศพ  พวกเขาอ้างว่ารู้ในสิ่งเร้นลับพยาการณ์อนาคตได้  และกำหนดวัตถุประสงค์พระผู้เป็นเจ้าได้  สำหรับประชาชนในยุคนั้นแล้ว  นักบวชคือผู้ที่มีอำนาจต่อชะตากรรมของตน                            พวกบรรดาผู้ปกครองก็คบคิดกับนักบวชหลอกลวงประชาชนให้อยู่ใต้อำนาจของตน  พวกนักบวชทำให้ประชาชนเชื่อว่าผู้ปกครองเป็นเทพองค์หนึ่งจากบรรดาเทพทั้ง หลาย  ดังนั้นคำพูดของผู้ปกครองจึงเป็นกฏหมายสูงสุด  และมีอำนาจเหนือทรัพย์สินและชีวิตของประชาชน                             ท่านนบีอิบรอฮีมเกิดมาในครอบครัวที่ปู่เป็นพระชั้นสูง  ท่านได้รับการศึกษาอบรมเตรียมตัวเพื่อสืบทอดตำแหน่งดังกล่าว  และประชาชนทั่วไปก็รอคอยวันนั้น                              ในความมืดทึบที่ไม่มีผู้ใดรู้จักสัจธรรมแม้แต่เพียงคนเดียวอยู่เลยนั้น  มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ อิบรอฮีม จะพบแสงสว่างหรือตีตัวออกจากชีวิตอันสุขสบายและอำนาจที่ครอบครัวของท่าน กำหนดไว้ให้            (ย่อจาก มาเป็นอิสลามกันเถิด  โดย เมาลานา อบุล อลา เมาดูดี น.258-259) จากคุณ : atiw1000 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 14:58:54

ความคิดเห็นที่ 2 ศาสนทูตอิบรอฮีม(อับราฮัม)กับอารยธรรมเมโสโปเตเมีย       คราวนี้เราลองมาดูอารยธรรมเมโสโปเตเมีย ในเชิงประวัติศาสตร์ทัวไปกัน                 "ชนชาติสุเมเรียน (Sumerian) เป็นพวกแรกที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมโสโปเตเมีย ตั้งบ้านเรือนอยู่ในเขต บาบิโลน  ตั้งแต่4,000 ปีก่อนคริสตศักราช  ในเขตซูเมอร์ (ตอนใต้ของ บาบิโลเนีย  ตอนที่ติดกับอ่าวเปอร์เซีย)  แล้วค่อยๆรวมกันเป็นรัฐมีการปกครองตนเอง                 พวกเขามีความเจริญ มีการปกครอง มีกฏหมาย ผู้ปกครองเมโสโปเตเมีย เป็นพระปกครองโดยถือว่าเป็นตัวแทนของพระเจ้า  มีอำนาจในแทบทุกด้าน  ทางด้านกฏหมายได้ทำประมวลกฏหมายแบบสนองตอบเอาไว้  หมายความว่าใครทำอย่างไรก็ต้องได้รับโทษอย่างนั้น  ซึ่งเป็นกฏหมายที่มีชื่อเสียงในเวลาต่อมาที่เรารู้จักกันดี คือ ประมวลกฏหมาย ฮัมมูราบี                นับถือพระเจ้าหลายองค์  เป็นศาสนาที่เน้นถึงโลกนี้เป็นสำคัญ  ไม่เชื่อในโลกหน้า  มีการเขียนหนังสือ  ด้วยวิธีเอาต้นอ้อแห้งมากดบนแผ่นดินเหนียวตากแห้ง  ทำให้เกิดเป็นอักษรลิ่ม (Cuneiform)  มีปฏิทิน มีการนับเวลา หกสิบนาทีเป็นหนึ่งชั่วโมง และวงกลม 360 องศา มีสถาปัตยกรรมทำด้วยอิฐสูงมีบันไดเวียนขึ้นไป              ต่อมาในปีในปี 2,400 ก่อน ค.ศ. ก็ถูกพวกเซไมท์เข้ามารุกราน ห้วหน้าพวกเซไมท์ที่แข็งแรงคือเผ่า อัคเคเดียน (Akkadians) มีผู้นำชื่อ ซากอน (Sargon) ได้ปราบปรามพวกสุเมเรียน แล้วแผ่อำนาจไปทั่ว บาบิโลน ตั้งนคร เออร์(Ur) เป็นเมืองหลวง"  (อารยธรรมโลก โดย คณาจารย์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษย์ศาสตร์ ม. รามคำแหง Hi 103 น. 17-18)                         ข้อมูลบางเรื่องของท่าน นบี อิบรอฮีม(ขอพระเจ้าทรงประทานสันติแด่ท่าน) ในอัลกุรอานไม่เหมือนกับอับรามหรือ อับราฮัม ในพระคัมภีร์เดิมอยู่กลายตอน แต่ก็มีหลายตอนที่คล้ายคลึงกัน  ไลต้องสังเกตุและแยกแยะเอาเอง ในเรื่องของท่านจากทั้งสองคัมภีร์ อย่าให้ปะปนกัน  แต่การเล่าเรื่องของฉันในฉบับนี้ฉันจะเรียงกาลเวลาที่ใกล้เคียงกันให้เรื่อง ดำเนินไปพร้อมๆกันทั้งสองคัมภีร์ Sargon  กษัตริย์ของพวก อัคคาเดียน(Akkadians)                        อัลกุรอานให้ความสำคัญในชีวประวัติของท่าน นบีอิบรอฮีมเป็นอย่างยิ่ง  โดยกล่าวถึงรายละเอียดในชีวิตของท่าน นับตั้งแต่วัยเด็ก  ที่แสดงให้เห็นถึงควมคิดที่แปลกแยกของท่านจากผู้คนในยุคนั้นอย่างสุดขั้ว เป็นการทวนกระแสความคิดของผู้คนทั้งหลายอย่างตรงไปตรงมา  โดยไม่เกรงกลัวอำนาจรัฐระบอบการปกครองที่บีบบังคับความเชื่ออยู่ในขณะนั้น แม้แต่ความขัดแย้งในเรื่องนี้กับคนในครอบครัวท่านก็มิยอมอ่อนข้อให้  เพื่อยืนยันความคิดและสัจธรรมที่ท่านเห็นว่าถูกต้อง                 คราวหน้าเราจะมาดูวัยเด็กของท่านนบีอิบรอฮีมหรืออับราฮัมว่า มีชีวิตและแนวความคิดอย่างไร  ในอาณาจักรอันแสนจะเจริญด้วยวัตถุนี้ จากคุณ : atiw1000 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 14:59:24

ความคิดเห็นที่ 3 อิบรอฮีม(อับราฮัม)ในวัยเด็ก(จากคัมภีร์อักุรอานของมุสลิม)                        Ziggurat สิ่งก่อสร้างในอิรัคที่มีมาตั้งแต่ยุคของท่านนบีอิบรอฮีม                  เรื่องของท่านนบีอิบรอฮีม ที่อัลเลาะฮ์ (ซ.บ) ทรงดำรัสถึงในอัลกุรอานนั้น  เหมือนกับท่านนบีองค์อื่นๆ  คือ มิได้เล่าเรียงเรื่องไปตามลำดับในแต่ละบท  แต่ละโองการที่เกี่ยวกับท่านอยู่กระจัดกระจายในหลายบทด้วยกัน และมิได้เรืยงลำดับก่อนหลังของเหตุการณ์  ฉันทำได้ก็เพียงลำดับเรื่องราวแล้วนำแต่ละโองการมาเรียงร้อยเหตุการณ์ก่อน หลังเท่านั้นเพื่อให้ไลง่ายในการตามอ่าน                     "2,000 ปีก่อนคริสตกาล  หรือประมาณ 4,000 ปีที่ผ่านมา  อิบรอฮีมได้เกิดมาดูโลกที่เมือง เออร์(Ur)  ซึ่งอยู่ในอิรัคปัจจุบัน  พ่อของท่านชื่อ อาซัร เป็นหัวหน้านักบวชผู้มั่งคั่งจากการปั้นเทวรูปต่างๆขายให้แก่ผู้คนทั่วไป                     กษัตริย์ นัมรู้ดหรือ นิมร้อด  หัวหน้าเผ่า ซามีรี(เซไมท์) เป็นผู้ปกครอง  นัมร้ดมิได้เพียงแต่ไม่นับถือพระเจ้า  ท่านยังตั้งตัวเองเป็นพระเจ้า  ปั้นรูปตัวเองแจกไปยังเมืองต่างๆ ให้ผู้คนกราบไหว้  ท่านมีความหลงไหลในเรื่องไสยศาสตร์ และโหรศาสตร์อย่างมาก แม้วิชาการในด้านต่างๆจะเจริญก้าวหน้าอย่างมีเหตุมีผลก็ตาม                     อิบรอฮีม เป็นเด็กฉลาดช่างคิด  เขาสังเกตุเห็นผู้คนเคารพสักการะ เทวรูปหินหรือไม้แกะสลักเหล่านั้นเขาเริ่มสงสัยว่า สิ่งเหล่านั้นเป็นพระเจ้าจริงหรือ                      อัลเลาะฮ์จึงทรงให้อิบรฮีมสังเกตเห็นชั้นฟ้าและแผ่นดิน  เพื่อทำให้อิบรอฮีม มีความมั่นคงในสิ่งที่เขาคิด"                         (ประวัตินบี ในอัลกุรอาน โดยบรรจง บินกาซัน น.31)                 -"และจงรำลึกถึงขณะที่อิบรอฮีมได้กล่าวแก่บิดาของเขา คือ อาซัรว่า ท่านจะยึดเอาบรรดาเจว็ดเป็นพระเจ้ากระนั้นหรือ  แท้จริงฉันเห็นว่าท่านและกลุ่มชนของท่านนั้นอยู่ในกลุ่มผู้หลงผิดอย่างชัด แจ้ง"-                 -"และในทำนองนั้นแหละ   เราจะให้อิบรอฮีมเห็นอำนาจอันยิ่งใหญ่ (ของอัลเลาะฮ์) ในบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน  และเพื่อที่เขาจะได้เป็นผู้หนึ่ง  ในหมู่ผู้ที่เชื่อมั่นทั้งหลาย"-              -"ครั้นความมืดและกลางคืนปกคลุมเขา  เขาได้เห็นดวงดาวดวงหนึ่ง  เขากล่าวว่า นี่คือพระเจ้าของฉัน  แต่เมื่อมันหายลับไป เขาก็กล่าวว่า ฉันไม่ชอบบรรดาสิ่งที่หายลับไป"-              -" ครั้นเมื่อเขาเห็นดวงจันทร์กำลังขึ้น    เขากล่าวว่า นี่คือพระเจ้าของฉัน  แต่เมื่อมันหายลับไป  เขากล่าวว่า  ถ้าพระเจ้าของฉันมิทรงให้ทางนำฉันแล้ว  แน่นอนฉันจะกลายเป็นคนหนึ่งในกลุ่มชนที่หลงผิด"-               -"ครั้นเมื่อเขาเห็นดวงอาทิตย์กำลังขึ้น  เขาก็กล่าวว่า นี่คือพระเจ้าของฉันนี่แหละใหญ่กว่า แต่เมื่อมันหายลับไป  เขาก็กล่าวว่า โอ้กลุ่มชนของฉัน  แท้จริงฉันขอปลีกตัวออกจากสิ่งที่พวกเจ้าตั้งภาคีขึ้นแก่อัลเลาะฮ์"-                -" แท้จริงฉันขอผินใบหน้าของฉัน  แด่พระผู้สร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดินในฐานะที่ใฝ่หาความจริง  และฉันไม่ใช่คนหนึ่งในหมู่ผู้ตั้งภาคีแก่อัลเลาะฮ์"-                                        (อัลกุรอาน6/74-79) จากคุณ : atiw1000 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 14:59:58

ความคิดเห็นที่ 4 นบีอิบรอฮีม(อับราฮัม)ในวัยเด็กกับความคิดที่ทวนกระแสเมื่อ4,000ปีที่แล้ว(จากอัลกุรอานคัมภีร์ของมุสลิม) -"จงรำลึกถึง อิบรอฮีมที่อยู่ในคัมภีร์  แท้จริงเขาเป็นผู้ซื่อสัตย์เป็นศาสนทูต"-                  -" และจงรำลึกถึงขณะที่เขากล่าวแก่บิดาของเขาว่า "โอ้พ่อจ๋า  ทำไมท่านจึงเคารพบูชาสิ่งอื่นที่ไม่ได้ยินและไม่เห็น  และไม่ให้ประโยชน์อันใดแก่ท่านเลย"-                   -"โอ้พ่อจ๋า แท้จริงความรู้ได้มายังฉันแล้ว  ซึ่งไม่เคยมีมายังท่าน ดังนั้นจงเชื่อฟังปฏิบัติตามฉันเถิด  ฉันจะนำท่านสู่ทางที่ราบรื่น"-                   -"โอ้พ่อจ๋า อย่าเคารพบูชาซาตานเป็นอันขาด  แท้จริงซาตานั้นมันดื้อรั้น ต่อพระผู้ทรงกรุณา"-                  -"โอ้พ่อจ๋า  แท้จริงฉันกลัวการลงโทษจากพระผู้ทรงกรุณาจะประสบแก่ท่าน  แล้วท่านก็จะเป็นสหายของซาตาน"-                  -"เขา (บิดา) กล่าวว่า "เจ้ารังเกียจพระเจ้าทั้งหลายของฉันกระนั้นหรือ  โอ้อิบรอฮีมเอ๋ย  หากเจ้าไม้หยุดยั้ง (การตำหนิ) แน่นอน  ฉันจะขว้างเจ้า (ด้วยก้อนหิน) และเจ้าจงไปให้พ้นจากฉันเถิด"-                   -"เขา (อิบรอฮีม) กล่าวว่า "ขอความสันติจงมีแด่ท่าน  ฉันจะขออภัยโทษจากพระผู้อภิบาลของฉันให้แก่ท่าน  แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงกรุณาต่อฉันมาก"-                  -"และฉันจะปลีกตัวออกจากท่าน  และสิ่งที่พวกท่านวิงวอนขออื่นจากอัลเลาะฮ์ และฉันจะขอวิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของฉัน  หวังว่าด้วยการวิงวอนขอต่อพระผู้อภิบาลของฉันจะไม่ทำให้ฉันได้รับความ ทุกข์"-                                                         (อัลกุรอาน 19/30-36)                    ในขณะที่สังคมที่แวดล้อมท่านทั้งหมดมีความเชื่อศรัทธาในรูปปั้นรูปเคารพแกะ สลัก ปรากฏการณ์หรือวัตถุในธรรมชาติต่างๆ    ทุกคนในเวลานั้นต่างก็คิดว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นดีอยู่แล้ว  ไม่มีใครจดจำแนวทางที่ท่านนบีอาดัม หรือบรรดาศาสนทูตท่านต่อๆมาที่ได้สั่งสอนไว้  แต่ท่านนบีอิบรอฮีม  กลับคิดแยกแยะได้ระหว่างผู้สร้างและสิ่งที่ถูกสร้าง  ด้วยการค้นหาความคิดนี้อย่างมุ่งมั่น และมอบชีวิตและจิตใจต่อความเชื่อและศรัทธานี้ แด่พระเจ้าองค์เดียวผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง และอัลเลาะฮ์ ซ.บ. ก็ทรงประทานความรู้แก่ท่าน  และทรงนำทางท่านออกมามหาชนผู้ตั้งภาคีต่อพระเจ้า                  ในยุคของท่านท่านเป็นผู้ที่ยืนยันในเอกภาพของพระเจ้า ผู้สร้างสรรพสิ่งอย่างโดดเดี่ยว กล้าหาญทวนกระแสอย่างเปิดเผยและไม่ย่อท้อ                 -"และกลุ่มชนของเขาได้โต้เถียงเขา เขาได้กล่าวว่า "พวกเจ้าจะโต้เถียงฉัน ในเรื่องของอัลเลาะฮ์กระนั้นหรือ และแท้จริงพระองค์ได้ทรงให้ทางนำแก่ฉันแล้ว และฉันจะไม่กลัวสิ่งที่พวกท่านตั้งให้เป็นภาคีขึ้น  นอกจากพระผู้อภิบาลของฉันจะทรงประสงค์สิ่งใดสิ่งหนึ่งเท่านั้น พระผู้อภิบาลของฉันนั้นมีความรู้กว้างขวางทั่วทุกสิ่ง แล้วพวกเจ้าไม่รำลึกกันบ้างหรือ"-                -"และอย่างไรเล่าที่ฉันจะต้องกลัวในสิ่งที่พวกเจ้าตั้งภาคีขึ้น  โดยที่พวกเจ้าไม่กลัวที่พวกเจ้าตั้งภาคีแก่อัลเลาะฮ์  ซึ่งสิ่งที่พระองค์มิได้ทรงให้หลักฐานใดๆลงมาแก่พวกเจ้าในสิ่งนั้น แล้วฝ่าย ใดเล่าในสองฝ่ายนั้น เป็นฝ่ายที่สมควรต่อความปลอดภัยยิ่งกว่า หากพวกเจ้ารู้ "-               -"บรรดาผู้ศรัทธาโดยที่มิได้ให้ความศรัทธาของพวกเขา ปะปนต่อการตั้งภาคีแด่อัลเลาะฮ์ ชนเหล่านั้นแหละ พวกเขาจะได้รัยความปลอดภัย และพวกเขาคือผู้ที่ได้รับเอาทางนำที่ถูกต้องไว้"-              -"และนั่นคือรากฐานที่เราได้ให้มันต่ออิบรอฮีม  โดยมีฐานะอยู่เหนือกลุ่มชนของเขา และเรายกผู้ที่เราประสงค์ขึ้นหลายขั้น  แท้จริงพระผู้อภิบาลของเจ้านั้น เป็นผู้ทรงปรีชาญาณผู้ทรงรอบรู้"-                  (อัลกุรอาน 6/80-83) จากคุณ : atiw1000 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 15:00:46

ความคิดเห็นที่ 5 นบีอิบรอฮีม(อับราฮัม)ตอนวัยรุ่นกับกษัตริย์ชาวอัคคาเดี้ยน(ในคัมภีร์อัลกุรอานของมุสลิม)                                    -"และ (จงรำลึกถึง) อิบรอฮีม เมื่อเขากล่าวแก่กลุ่มชนของเขาว่า จงเคารพภักดีต่ออัลเลาะฮ์และจงยำเกรงพระองค์เถิด  นั่นแหละคือการดีกว่าสำหรับพวกเจ้า  หากพวกเจ้ารู้"-                                    -"แท้จริงพวกเจ้าเคารพบูชารูปปั้น  อื่นจากอัลเลาะฮ์และพวกเจ้ากุความเท็จขึ้นมา  แท้จริงบรรดาผู้ทีเคารพภักดีอื่นจากอัลเลาะฮ์นั้น  มันไม่มีอำนาจที่จะให้เครื่องยังชีพแก่พวกเจ้า  ดังนั้นจงขอปัจจัยยังชีพจากอัลเลาะฮ์เถิด  และจงเคารพภักดีพระองค์  ยังพระองค์เท่านั้นที่พวกเจ้าจะถูกนำกลับไป"-                 -"และหากพวกเจ้าปฏิเสธ แน่นอน ประชาชนทั้งหลายก่อนพวกเจ้าก็ได้เคยปฏิเสธมาแล้ว  หน้าที่ของศาสนทูตนั้นมิใช่อะไรอื่น  นอกจากการเผยแพร่ข้อเท็จจริงเท่านั้น"-                                                            (อัลกุรอาน 29/16-18)                  -"เจ้ามิได้มองดูผู้โต้แย้ง (กษัตริย์นัมรูด) อิบรอฮีมในเรื่องของพระผู้อภิบาลของเขาดอกหรือ  เนื่องจากอัลเลาะฮ์ได้ทรงประทานอำนาจแก่เขา (ให้เป็นกษัตริย์แห่งอัดดานียีน หรือ อัคคาเดี้ยน) ขณะที่อิบรอฮีมได้กล่าวว่า พระผู้อภิบาลของฉันนั้น  คือผู้ที่ทรงเป็น  และทรงให้ตายได้  เขากล่าวว่า  ข้าก็ให้เป็นให้ตายได้      (เขาได้ปล่อยนักโทษประหารให้เป็นอิสระ และประหารผู้ต้องหาที่ถูกตัดสินว่าบริสุทธิ์)  อิบรอฮีมกล่าวว่า  แท้จริงอัลเลาะฮ์นั้นทรงนำดวงอาทิตย์ออกจากทิศตะวันออก  ท่านจงนำมันออกมาทางทิศตะวันตกเถิด  แล้วผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น  ก็ได้รับความงงงวย  และอัลเลาะฮ์นั้นไม่ทรงประทานแนวทางที่ถูกต้องแก่ผู้อธรรมทั้งหลาย"-                                                              (อัลกุรอาน 2/258)                 -"และโดยแน่นอน เราได้ให้ความฉลาดแก่อิบรอฮีมตั้งแต่ครั้งก่อน (คือตั้งแต่สมัยที่เขายังเป็นเด็ก) โดยที่เรารู้จักเขาดี"-                 -"ขณะที่เขากล่าวแก่บิดาและกลุ่มชนของเขาว่า "รูปปั้นอะไรกันนี่ที่พวกเจ้าเฝ้าบูชากันอยู่"-                 -"เขากล่าวว่า "พวกเขาได้กล่าวว่า "เราได้พบเห็นบรรพบุรุษของเราเป็นผู้สักการะบูชามันมาก่อน"-                -" เขากล่าวว่า "โดยแน่นอน พวกเจ้าและบรรพบุรุษของพวกเจ้าอยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้ง"-               -" พวกเขากล่าวว่า "เจ้าได้นำความจริงมาเสนอแก่เรา  หรือเจ้าเป็นเพียงผู้หนึ่งในหมู่ผู้ล้อเล่น"-                -" เขากล่าวว่า "แต่ที่จริงพระผู้อภิบาลของพวกเจ้า  คือ พระผู้อภิบาลแห่งบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน  ซึ่งพระองค์ทรงเนรมิตมัน และฉันเป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้เป็นพยานในเรื่องนี้"-               -" และขอสาบานต่ออัลเลาะฮ์  แท้จริง ฉันได้วางแผนต่อต้านรูปปั้นทั้งหลายของพวกเจ้า  หลังจากที่พวกเจ้าได้ผินหลังกลับไป"-                                                     (อัลกุรอาน 21/51-57) จากคุณ : atiw1000 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 15:04:17

ความคิดเห็นที่ 6 อิบรอฮีม(อับราฮัม) กับข้อขัดแย้งในความเชื่อเรื่องการบูชารูปปั้น                        นักอรรถาธิบายอัลกุรอานกล่าวว่า  ทุกๆปีพวกเขามีงานฉลอง มีประชาชนไปร่วมงานกันอย่างคับคั่ง  อาซัรบิดาของอิบรอฮีมกล่าวกับเขาว่า  หากเจ้าไปร่วมงานกับเรา  เจ้าจะเข้าใจในศาสนาของพวกเรา  ดังนั้นอิบรอฮีมได้ออกเดินทางไปกับพวกเขา  ขณะเดินทางอยู่นั้นเขาได้วางอุบายที่จะไม่ไปร่วมงานตรุษที่นอกเมือง  เพื่อจัดการทำลายรูปปั้นต่างๆที่อยู่ในห้องโถง  เขาได้มองไปยังดวงดาวทั้งหลายที่อยู่บนฟ้า  แล้วพูดว่า  ฉันไม่สบาย  เพื่อเป็นการแก้ตัว -"เขา  (อิบรอฮีม)จึงจ้องมองไปยังดวงดาวทั้งหลาย"- -" แล้วเขาก็กล่าวขึ้นว่า "แท้จริงฉันไม่สบายจริงๆ""- -"ดังนั้น  พวกเขาจึงหันหลังให้เขาและกลับออกไป"- -"แล้วอิบรอฮีมก็มุ่งหน้าไปยังเจว็ดต่างๆ  ของพวกเขา  แล้วพูดว่า "พวกเจ้า ไม่กินอาหารเหล่านี้บ้างหรือ"- -" ทำไมพวกเจ้าไม่พูดเล่า"- -"แล้วเขาก็หันไปตีพวกมันด้วยมือขวา (ซึ่งถือขวานอยู่)"-                                                 (อัลกุรอาน 37/88-92) -"ดังนั้น   เขาได้ทำให้มันพินาศ  เหลือไว้เพียงรูปปั้นตัวใหญ่สำหรับพวกเขา  หวังว่าพวกเขาจะได้กลับไปถามมัน"-                               (เขาได้ทุบรูปปั้นขนาดกลางและขนาดเล็กจนหมด  และเหลือรูปปั้นใหญ่ไว้เพียงรูปเดียว  แล้วเอาขวานไปแขวนไว้ที่คอ  เพื่อจะให้เป็นหลักฐานยืนยันแก่พวกเขา) -"พวกเขากล่าวว่า "ใครทำเช่นนี้กับพระเจ้าของเรา  แท้จริงเขาผู้นั้นอยู่ในหมู่ผู้อธรรมอย่างแน่นอน"- -"พวกเขากล่าวว่า "เราได้ยินเด็กหนุ่มคนหนึ่ง  กล่าวตำหนิรูปปั้นเหล่านี้เขามีชื่อว่า อิบรอฮีม"- -"พวกเขากล่าวว่า  "พวกเจ้าจงนำเขามา  ท่ามกลางสายตาของประชาชนหวังว่าเขาทั้งหลายจะได้เป็นพยาน"-                                (เพื่อนำตัวมาลงโทษต่อหน้าประชาชน  และเพื่อจะได้เป็นบทเรียนแก่ผู้อื่นด้วย) -"พวกเขากล่าวว่า   "เจ้าเป็นผู้กระทำเช่นนี้กับพระเจ้าของเรากระนั้นหรืออิบรอฮีมเอ๋ย"- -"เขากล่าวว่า  "แต่ว่าพระเจ้าองค์ใหญ่ของพวกนี้ต่างหากเป็นผู้กระทำมัน  พวกเจ้าถามพระเจ้าเหล่านั้นซิ  หากพวกมันพูดได้"- -"ดังนั้น เขาจึงหันกลับมา  คิดถึงตัวของพวกเขาเอง  แล้วกล่าวขึ้นว่า  "แท้จริงพวกเจ้านั่นแหละเป็นผู้อธรรม"- -"ครั้นแล้วศรีษะของพวกเขาก็ก้มลงมา(อยู่ในสภาพที่คอตก) แล้วกล่าวว่า "เจ้า(อิบรอฮีม) ก็รู้ดีอยู่แล้วว่า  รูปปั้นเหล่านั้นพูดไม่ได้"- -" เขากล่าวว่า "พวกเจ้าเคารพภักดีสิ่งอื่นนอกจากอัลเลาะฮ์  ที่มันไม่ให้คุณแก่เจ้าและไม่ให้โทษแก่พวกเจ้าแต่อย่างใดเลยกระนั้นหรือ"- -"เป็นที่น่ารังเกียจแก่พวกเจ้า  และสิ่งที่พวกเจ้าเคารพบูชาอื่นจากอัลเลาะฮ์  พวกเจ้าไม่มีสติปัญญาหรือ"- -" พวกเขากล่าวว่า "จงเผาเขาเสีย  และจงช่วยบรรดาพระเจ้าของพวกเจ้า (แก้แค้นแทนรูปปั้น)  หากพวกเจ้าจะกระทำเช่นนั้น"-                                                           (อัลกุรอาน 21  /58-68)                         นักอรรถาธิบายอัลกุรอานกล่าวว่า พวกเขาได้รวบรวมฟืนเป็นเวลาถึง หนึ่งเดือน สำหรับใช้เผาอิบรอฮีม  ข่าวนี้กระจายไปทั่วเมือง  แล้วพวกเขาก็ขุดหลุมใหญ่ใส่ฟืน  เปลงไฟลอยกระพือสูงขนาดนกบินผ่านเหนือบริเวณนั้นจะไหม้ตกลงมาเพราะความร้อน แล้วพวกเขาก็จับอิบรอฮีมผูกกับเครื่องยิงเข้าสู่กองไป                         -"พวกเขากล่าวว่า "จงสร้างสถานที่แห่งหนึ่ง(เตาเผา)สำหรับเขา  แล้วโยนเขาเข้าไปในไฟที่ลุกโชน"-                                                                         (อัลกุรอาน 37/97) จากคุณ : atiw1000 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 15:05:41

ความคิดเห็นที่ 7 สาเหตุที่อิบรอฮีม(อับราฮัม)ย้ายจากเมืองเออร์(Ur) ในอิรัคสู่ปาเลสไตน์(จากคัมภีรอัลกุรอานของมุสลิม) -"เรา(อัลเลาะฮ์)กล่าวว่า "ไฟเอ๋ยจงเย็นลง  และให้ความปลอดภัยแก่อิบรอฮีมเถิด"-       (อัลกุรอาน 21/69) -"ดังนั้นพวกเขาต้องการวางแผนร้ายแก่เขา  และเราได้ทำให้พวกเขาตกต่ำ"- -"และอิบรอฮีมกล่าวว่า  "ฉันจะไปหาพระผู้อภิบาลของฉัน แน่นอนพระองค์จะทรงชี้ทางนำให้แก่ฉัน"-                                                               (อัลกุรอาน37/98-99) -"ดังนั้น  ลูฏ ได้ศรัทธาต่อเขา  และเขา(อิบรอฮีม) กล่าวว่า แท้จริงฉันเป็นผู้อพยพไปหาพระผู้อภิบาลของฉัน  แท้จริงพระองค์คือผู้ทรงเดชานุภาพผู้ทรงปรีชาญาณ"-                                                                (อัลกุรอาน29/26) -"และเราได้ให้เขา (อิบรอฮีม) และลูฏ (โลท) รอดพ้นไปสู่แผ่นดินซึ่งเราได้ให้ความจำเริญในแผ่นดินนั้นแก่บรรดาชาติต่างๆ"-                                                               (อัลกุรอาน 21/71)                     (อิบรอฮีมอพยพจากอิรัคไปยัง ปาเลสไตน์และชาม(ซีเรีย) โดยหวังจะเผยแผ่ศาสนาที่เชื่อในพระเจ้าองค์เดียวอย่างบริสุทธิ์ที่นั่น)                       นั่นเป็นเรื่องราวบางส่วนในวัยเด็กของท่านที่มีอยู่ในอัลกุรอาน  จนถึงเหตุผลสำคัญที่ท่านตัดสินใจอพยพออกจากแผ่นดินเกิด  พร้อมด้วยลูฏหลานชายของท่าน  จนถึงเหตุผลสำคัญที่ท่านตัดสินใจอพยพออกจากแผ่นดินเกิด  พร้อมด้วยลูฏหลานชายของท่าน  ซึ่งเป็นแนวร่วมในทางนำที่อัลเลาะฮ์ได้ทรงประทานให้แก่ท่านนบีอิบรอฮีม                     "หลังจากที่ไฟเผาท่วมร่างอิบรอฮีมแล้ว  ผู้คนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน  โดยคิดว่าท่านคงถูกไฟเผาไหม้ไปหมดแล้ว  มาถึงตอนนี้ท่านรู้แล้วว่า  พ่อของท่านเป็นศัตรูต่ออัลเลาะฮ์อย่างชัดเจน                      หลังจากที่ท่านได้รับการช่วยเหลือจากการถูกเผาแล้ว  อิบรอฮีมและหลานชาย(ลูฏ,โลท)ก็ออกเดินทางไป  ปาเลสไตน์และได้แต่งงานกับนาง ซาเราะฮ์ (ซารายหรือ ซาราห์ในเวลาต่อมา)"                                   (ประวัตินบีในคัมภีร์อัลกุรอาน โดย บรรจง บินกาซัน  น. 35)                   นี่คือมุมมองจากข้อคิดเห็นในประวัติของอับราฮัมหรือท่านนบีอิบรอฮีม (ขอสันติจงมีแด่ท่าน) ตั้งแต่วัยเด็ก จนถึงการแต่งงาน ตามหลักฐานจากอัลกุรอานที่มุสลิมเชื่อ ส่วนพระคัมภีร์เดิมนั้นเริ่มเล่าประวัติของอับราฮัมตั้งแต่วัยแต่งงานเป็น ต้นไป  คราวหน้าเราจะกลับมาที่พระคัมภีร์ไบเบิลเดิมของชาวคริสต์ดูอีกครั้งว่าหลัง จากอพยพมาปาเลสไตน์แล้วท่านไปไหนต่อ จากคุณ : atiw1000 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 15:06:18

ความคิดเห็นที่ 8 อับราม(อับราฮัม)อพยพจากปาเลสไตน์ไปอียิปต์(จากพระคัมภีร์เดิมของชาวคริสต์) แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 15:09:24 จากคุณ : atiw1000 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 15:08:44

ความคิดเห็นที่ 9 กระทู้แบบนี้เราอยากอ่านนะคะ แต่มันยาวมาก น่าจะย่อความมาสักหน่อย จากคุณ : uyadas เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 15:32:51

ความคิดเห็นที่ 10 ตามอ่านจนตาลายครับท่าน กขกท ขอขั้นนิดหนึ่ง ในหลักการอิสลามแล้วเชื่อว่า อัลลอฮฺ คือพระเจ้าองค์เดียว ไม่ใช่แค่มนุษย์ผู้นับถือ ศาสนาใดๆยังรวมไปถีงสรรพสิ่งทั้งหลาย ตามอายะห์อัลกุรอ่านใน ซุเราะห์อัล-ฟาตีฮะ ความว่า بِسْمِ اللَّـهِ الرَّ‌حْمَـٰنِ الرَّ‌حِيمِ ﴿١ (1) ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตาเสมอ الْحَمْدُ لِلَّـهِ رَ‌بِّ الْعَالَمِينَ ﴿٢ (2)  การสรรเสริญทั้งหลายนั้น เป็นสิทธิของอัลลอฮฺผู้เป็นพระเจ้าแห่งสากลโลก الرَّ‌حْمَـٰنِ الرَّ‌حِيمِ ﴿٣ (3) ผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตาเสมอ مَالِكِ يَوْمِ الدِّينِ ﴿٤ 4) ผู้ทรงอภิสิทธิ์แห่งวันตอบแทน إِيَّاكَ نَعْبُدُ وَإِيَّاكَ نَسْتَعِينُ ﴿٥ (5)เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่พวกข้าพระองค์เคารพอิบาดะฮฺ และเฉพาะพระองค์ เท่านั้นที่พวกข้าพระองค์ขอความช่วยเหลือ اهْدِنَا الصِّرَ‌اطَ الْمُسْتَقِيمَ ﴿٦ ขอพระองค์ทรงแนะนำพวกข้าพระองค์ซึ่งทางอันเที่ยงตรง صِرَ‌اطَ الَّذِينَ أَنْعَمْتَ عَلَيْهِمْ غَيْرِ‌ الْمَغْضُوبِ عَلَيْهِمْ وَلَا الضَّالِّينَ ﴿٧ (คือ) ทางของบรรดาผู้ที่พระองค์ได้ทรงโปรดปราณแก่พวกเขา มิใช่ในทาง ของพวกที่ถูกกริ้ว และมิใช่ทางของพวกที่หลงผิด จากคุณ : senyuman เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:07:10