ความคิดเห็นที่ 1 กำเนิดยาโคบต้นสายเลือดของอิสราเอลและเอซาวพี่ชาย(ตามพระคัมภีร์เดิมของชาวคริสต์) ก่อน ที่อิชมาเอลพี่ชายของอิสอัคจะหายหน้าไปจากประวัติศาสตร์ของพระคัมภีร์เดิม ของชาวยิวและคริสต์  ได้มีการกล่าวถึงเชื้อสายของอิชมาเอล(อิสมาเอล)ดังนี้                                                            เชื้อสายของอิชมาเอล ปฐม กาล 25:12-18  ฉันขอย่อให้ฟังนะเพราะเป็นเพียงประวัติศาสตร์ของฝ่ายยิวคริสต์ด้านเดียว  ต่อไปนี้เป็นบรรดาบุตรของชายของอิชมาเอล  ตามลำดับกำเนิดคือ เนบาโยธบุตรหัวปีของอิชมาเอล เคดาห์ อัดบีเอล  มิบสัม มิชมา ดูมาห์ มัสสา ฮาดัด เทมา เยทูร์ นาฟิช และเคเดมาห์  ได้กล่าวไว้ในวงเล็บว่าของข้อที่17 ว่า (อายุอิชมาเอล  คือ หนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดปี  ท่านสิ้นใจและเขาฝังท่านร่วมอยู่กับบรรพบุรุษของท่าน) ข้อ 18 พวกเขาอาศัยอยู่ตั้งแต่เมือง ฮาวิลาห์ จนถึง เมืองชูร์ ซึ่งอยู่หน้าอียิปต์ไปทางทิศเมืองอัสซีเรีย                                                    กำเนิดของเอซาว และยาโคบ ปฐมกาล 25 :20  อิสอัคมีอายุได้สี่สิบปี  เมื่อท่านได้ภรรยาคือ เรเบคาร์บุตรหญิงของ เบธูเอล คนอารัมชาวเมืองปัดดาอารัม.......... 21  อิสอัค อธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อภรรยาของท่าน เพราะนางเป็นหมัน พระเจ้าประทานตามคำอธิษฐานของท่าน  เรเบคาร์ภรรยาของท่านก็ตั้งครรภ์ 24   เมื่อกำหนดคลอดของนางมาถึงแล้ว ก็มีลูกแฝดอยู่ในครรภ์ของนาง 25  คนแรกคลอดออกมาตัวแดงมีขนอยู่ทั่วตัวไปหมด เขาตั้งชื่อว่า เอซาว 26  ภายหลังน้องของเขาก็คลอดออกมา มือมือของเขาจับซ่นเท้าของเอซาวไว้  เขาจึงตั้งชื่อว่า ยาโคบ (แปลว่าเขาจับซ่นเท้า หรือ เขาหลอก) เมื่อนางคลอดลูกแฝดนั้น อิสอัคมีอายุได้หกสิบปี เอซาวขายสิทธิ์บุตรหัวปี ปฐมกาล 25:27      เมื่อเด็กทั้งสองโตขึ้นแล้ว เอซาวก็เป็นพรานมือแม่นเป็นชาวทุ่ง ฝ่ายยาโคบเป็นคนเงียบๆอยู่กับบ้าน 28        อิสอัครักเอซาว เพราะท่านรับประทานเนื้อที่เขาล่ามา แต่นางเรเบคาร์รักยาโคบ 29        วันหนึ่งขณะที่ยาโคบต้มอาหารอยู่  เอซาวกลับมาจากทุ่งหิวจัดอดอยาก 30      เอซาวพูดกับยาโคบว่า  "ขอให้ข้ากินของแดงนั้น เพราะเราหิวจัด" 31      ยาโคบว่า "ขายสิทธิ์บุตรหัวปีให้ฉันก่อนซี" 32      เอซาวว่า  "ดูซิ ข้ากำลังจะตายอยู่แล้ว สิทธิบุตรหัวปีจะเป็นประโยชน์อะไรแก่ข้า 33      ยาโคบว่า "สาบานให้ฉันก่อน"  เอซาวจึงสาบานให้และขายสิทธิบุตรหัวปี ของตนแก่ ยาโคบ 34       ยา โคบจึงให้ ขนมปังและถั่วแดงต้มแก่เอซาว เขากินและดื่มแล้วลุกไป ดังนั้น เอซาวก็ดูหมิ่นสิทธิบุตรหัวปีของตน ปฐมกาล 26:34  เมื่อเอซาวอายุได้สี่สิบปี ท่านรับ ยูดิธบุตรหญิงของเบเออรี คนฮิตไทต์ และบาเสมัทบุตรหญิงของเอโลนคนฮิตไทต์เป็นภรรยา 35    หญิงเหล่านั้นทำให้อิสอัคและเรเบคาร์ขมขื่น จากคุณ : atiw1000 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:29:04

ความคิดเห็นที่ 2 ยาโคบได้คำอวยพรของอิสดัค(ตามพระคัมภีร์เดิมของยิวและคริสต์) 27:1  เมื่ออิสอัคตามัว ท่านก็เรียกเอซาวบุตรของท่านมา 2  ท่านว่า "ดูเถิด  พ่อแก่แล้ว พ่อไม่รู้วันตายของพ่อ 3  เจ้าจงเอาอาวุธของเจ้า       คือ ธนูและคันธนูออกไปที่ท้องทุ่งหาเนื้อมาให้พ่อ 4  จัดเตรียม อาหารมาให้อย่างที่พ่อชอบนั้น  และนำมาให้พ่อกินเพื่อจะได้อวยพรแก่เจ้าก่อนพ่อตาย" 5  เมื่ออิสอัคพูดกับเอซาวบุตรชายนั้น  นางเรเบคาร์แอบฟังอยู่..... 6  นางจึงพูดกับยาโคบว่า "แม่ได้ยินพ่อของเจ้าพูดกับพี่ชายของเจ้าว่า 7  จงนำเนื้อมาให้พ่อและจัดอาหารอร่อยมาให้พ่อกิน  และเราจะอวยพรเจ้าต่อพระพักตร์พระเจ้าก่อนพ่อตาย 8  เพราะฉะนั้น  ลูกเอ๋ย จงฟังคำของแม่ตามที่แม่สั่งเจ้า 9  ...........นำแพะดีๆสองตัวมาให้แม่ แม่จะปรุงอาหารอร่อยให้พ่อเจ้าอย่างที่ท่านชอบ 10   และเจ้าจะต้องนำไปให้พ่อเจ้ารับประทานเพื่อว่าพ่อจะอวยพรเจ้าก่อนท่านสิ้นชีวิต" 11  ยาโคบพูดกับเรเบคาร์มารดาของตนว่า "ดูเถิด.....เอซาวพี่ของฉันเป็นคนขนดก และฉันเป็นคนเกลี้ยงเกลา 12   พ่อของฉันคลำตัวฉัน  และเห็นว่าฉันหลอกลวงท่าน..... 14   ....มารดาของเขาจึงได้จัดอาหารอร่อยอย่างที่พ่อเขาชอบนั้น 15    แล้วเรเบคาร์นำเสื้ออย่างดีที่สุดของเอซาว บุตรชายคนโตของนาง ซึ่งอยู่กับนางในเรือนมาสวมให้ยาโคบบุตรคนเล็กของนาง 16   เอาหนังแพะหุ้มมือและที่คอที่เกลี้ยงเกลาของเขา 18  เขาจึงเข้าไปหาบิดาและพูดว่า  "พ่อครับ"  และท่านว่า "พ่ออยู่นี่ลูกเอ๋ย เจ้าคือใคร" 19  ยาโคบตอบบิดาของตนว่า "ลูกคือ เอซาวบุตรหัวปีของพ่อ  ลูกทำตามที่พ่อสั่งแล้ว  เชิญลุกขึ้นนั่งรับประทานเนื้อที่ลูกหามาเถิด  เพื่อพ่อจะได้อวยพรแก่ลูก" 20   แต่อิสอัคพูดกับลูกของตนว่า "ลูกเอ๋ย เจ้าทำอย่างไรจึงพบมันเร็วนัก" เขาตอบว่า "เพราะว่าพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของพ่อทรงบันดาลให้ลูก" 22   ยาโคบจึงเข้าไปใกล้อิสอัคบิดา อิสอัคคลำตัวเขาแล้วพูดว่า "เสียงเป็นเสียงยาโคบ แต่มือเป็นของเอซาว" 23   ท่านก็จับผิดไม่ได้  เพราะมือเขามีขนดกเหมือนมือของเอซาวพี่ชายของเขา ท่านจึงอวยพรแก่เขา 25    ท่านจึงว่า "นำแกงมาให้พ่อ  พ่อจะกินเนื้อที่บุตรชายของพ่อหามา  แล้วอวยพรแก่เจ้า  "ยาโคบจึงนำมาให้ท่าน  ท่านก็รับประทาน  ยาโคบนำเหล้าองุ่นมาให้ท่านและท่านก็ดื่ม 27  เขาจึงเดินเข้าไปใกล้และจุบท่าน  และท่านก็ดมกลิ่นที่เสื้อของของเขา และอวยพรเขาว่า...... 29   "ขอให้ชนชาติทั้งหลายรับใช้เจ้า  ขอให้เจ้าเป็นนายเหนือพี่น้อง  และบุตรชายมารดาของเจ้ากราบไหว้เจ้า  ผู้ใดสาปแช่งเจ้า ก็ขอให้ผู้นั้นถูกสาป และผู้ใดอวยพรเจ้าก็ขอให้ผู้นั้นได้รับพร" 30    พออิสอัคอวยพรยาโคบเสร็จ และยาโคบออกไปพ้นหน้าบิดา  เอซาวพี่ชายก็กลับมาจากล่าเนื้อ 31  เขาเตรียมอาหารอร่อยนำมาให้บิดา...... "ขอพ่อลุกขึ้นรับประทานเนื้อที่ลูกชายหามา  เพื่อจะได้อวยพรลูก" 33  พอได้ยินดังนั้นอิสอัคก็ตัวสั่น พูดว่า "ใครเล่าที่ไปล่าเนื้อ  แล้วนำมาให้พ่อกินหมดแล้ว ก่อนที่เจ้ามาถึงและพ่ออวยพรเขาแล้ว  เป็นที่แน่ใจว่าเขาได้รับพร" 34   เมื่อเอซาวได้ยินดังนั้นก็ร้องออกมาเสียงดังด้วยความขมขื่น  และพูดกับบิดาว่า "คุณพ่อครับ ขออวยพรผมด้วย" 35   แต่ท่านพูดว่า "น้องเจ้ามาหลอกพ่อ เอาพรของเจ้าไปเสียแล้ว" 36   เอซาวพูดว่า "เขามีชื่อว่า ยาโคบ ก็ถูกต้องแล้วมิใช่หรือ เพราะเขาหลอกฉันสองหนเข้าแล้วนี่  เขาเอาสิทธิบุตรหัวปีของฉันไปและคราวนี้  เขาเอาพรของฉันไปอีกด้วย " แล้วเขาพูดว่า "พ่อมิได้สงวนพรไว้ให้ฉันบ้างหรือ" 37  อิสอัคตอบว่า "พ่อตั้งให้เขา เป็นนายเหนือเจ้า และมอบพี่น้องของเขาให้เป็นคนใช้เขา ทั้งพืชและเหล้าองุ่นพ่อก็จัดให้เขา ลูกเอ๋ย ลูกเอ๋ย พ่อจะให้อะไรเจ้าได้อีกเล่า" 38  เอซาวพูดกับบิดาว่า "พ่อครับ พ่อมีพรแต่เพียงพรเดียวเท่านั้นหรือ  พ่อครับ ขออวยพรลูก ขออวยพรลูกด้วยเถิด"  แล้วเอซาวก็ตะเบ็งเสียงร้องให้ 39  อิสอัคบิดาเขาจึงตอบว่า "ที่อาศัยของเจ้าจะอยู่ห่างความสมบูรณ์ของแผ่นดิน และห่างจากน้ำค้างจากฟ้าเบื้องบน 40  แต่เจ้าจะมีชีวิตอยู่ด้วยดาบ และเจ้าจะรับใช้น้องชายเจ้า แต่เมื่อเจ้าสลัดหลุดไปได้  เจ้าจะหักแอกของเขา ออกจากคอของเจ้า" จากคุณ : atiw1000 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:29:50

ความคิดเห็นที่ 3 ความฝันของยาโคบ(ยะกู๊บ)และการแต่งงานของเขา(จากพระคัมภีเดิมของชาวยิวคริสต์) ภาพการฝันของ ยาโคบตามจินตนาการของชาวคริสต์ เรื่องที่ยาโคบหลอกพ่อให้เอาพรของเอซาวมาอวยพรให้ตนนั้น เอซาวโกรธมากถึงกับตั้งใจจะฆ่ายาโคบน้องชายของเขาเสีย เรเบคาร์ผู้เป็นมารดาล่วงรู้เรื่องนี้ดีจึงได้หาทางออกในเรื่องนี้แก่ยาโคบ ปฐมกาล 27:43   ....ลูกเอ๋ยจงฟังคำแม่ หนีไปหาลาบันพี่ชายของแม่ที่เมือง ฮาราน 44     และอยู่กับเขาชั่วคราว จนกว่าควาเกรี้ยวกราดของพี่ชายของเจ้าจะคลายลง 45    .....แล้วแม่จะส่งคนไปพาเจ้ากลับมาจากที่นั่น  แม่ไม่อยากสูญเสียลูกสองคนในวันเดียวกัน 46     เรเบคาร์พูดกับอิสอัคว่า "ฉันเบื่อชีวิตของฉันเหลือเกิน  เพราะหญิงฮฺตไทต์ ถ้ายาโคบยาโคบแต่งงานกับหญิงฮิตไทต์ หญิงดินแดนนี้ ชีวิตฉันจะเป็นประโยชน์อะไรแก่ฉันเล่า" ปฐมกาล  28:1    แล้วอิสอัคก็เรียกยาโคบมาอวยพรให้ และกำชับเขาว่า "อย่าแต่งงานกับหญิงคานาอาน 2    และไปเมืองปัดดานอารัม  ไปยังบ้านเบธูเอลบิดาของแม้เจ้า  ที่นั่นจงแต่งงานกับบุตรหญิงคนหนึ่งของลาบันพี่ชายแม่ของเจ้า 4   ขอพระองค์(พระเจ้า)ทรงประทานพรของอับราฮัมแก่เจ้า และแก่เชื้อสายของเจ้าด้วย  เพื่อเจ้าจะได้กรรมสิทธิ์ดินแดนซึ่งเจ้าอาศัยอยู่นี้  ซึ่งพระเจ้าทรงประทานแก่อับราฮัม" ฝ่ายเอซาวนั้นเห็นว่าบิดาและมารดาของตนนั้น คาดหวังกับยาโคบในการที่จะให้เขาได้แต่งงานกับเชื้อสายเดียวกัน ซึ่งตัวเขาได้ไปแต่งงานกับคนฮิตไทต์  อันนำความผิดหวังและข่มขื่นแก่บิดมารดา   ปฐมกาล 28:8   เมื่อเอซาวเห็นว่าหญิงคานาอัน ไม่เป็นที่พอใจอิสอัคบิดาของตน 9   จึงไปหาอิชมาเอลและรับ มาหะลัท   บุตรหญิงของอิ ชามเอลบุตรชายอับราฮัม น้องสาวของ เนบาโยท มาเป็นภรรยา นอกเหนือภรรยาซึ่งเขามีอยู่แล้ว                                                                ความฝันของยาโคบที่เบธเอล ปฐมกาล 28: 10     ยาโคบออกจากเมืองเบเออร์เชบาเดินทางไปยังเมือง ฮาราน   11   เขามาถึงที่แห่งหนึ่ง   และพักอยู่ที่นั่นในคืนนั้น เพราะดวงอาทิตย์ตกแล้ว  เขาเอาก้อนหินห้อนหนึ่งมาหนุนศรีษะ  แล้วนอนลงที่นั่น 12   เขาฝันว่า มีบันไดอันหนึ่งตั้งขึ้นบนแผ่นดินโลก ยอดถึงฟ้าสวรรค์  ทูตทั้งหลายของพระเจ้ากำลังขึ้นลงอยู่บนนั้น 13   พระเจ้าประทับยืนอยู่เหนือบันไดและตรัสว่า "เราคือ เยโฮวาห์พระเจ้าของอัยราฮัมบิดาของเจ้า และพระเจ้าของอิสอัค แผ่นดินซึ่งเจ้านอนอยู่นั้นเราจะให้แก่เจ้าและเชื้อสายของเจ้า 14   เชื้อสายของเจ้าจะเป็นเหมือนผงคลีบนแผ่นดิน  เจ้าจะแผ่กว้างออกไปทิศตะวันตกและทิศตะวันออก  ทางทิศเหนือและทิศใต้   บรรดาพวศ์พันธุ์ของมนุษย์บนโลกจะได้รับพรเพราะเจ้า  และเพราะเชื้อสายของเจ้า 18   ยาโคบขึ้นแต่เช้า เอาก้อนหินซึ่งใช้หนุนศรีษะ  ตั้งขึ้นเป็นเสาศักดิ์สิทธิ์  และเทน้ำมันบนยอดเสานั้น 19   เขาเรียกสถานที่นั้นว่า เบธเอล (ที่ประทับของพระเจ้า)แต่ก่อนเมืองนั้นชื่อ ลูส                                                        ยาโคบรับลาบันเพื่อได้ราเชลและเลอาร์มาเป็นภรรยา ปฐมกาล  29:16  ลาบันมีบุตรสองคน  พี่สาวชื่อ เลอาร์ น้องสาวชื่อ ราเชล 17  นางสาวเลอาร์นั้นเซื่องซึม แต่ราเชล นั้นสละสลวยและงามน่าดู 18   ยาโคบก็รักนางราเชล เขาบอกลาบันว่า "ฉันจะรับใช้การงานให้ท่าน เจ็ดปี เพื่อได้ราเชลลูกสาวคนเล็กของท่าน" 20   ยาโคบรับใช้อยู่เจ็ดปีเพื่อได้นางราเชล เห็นเป็นเหมือนน้อยวันเพราะเขารักเธอ 21   ยาโคบบอกลาบันว่า "เวลาที่กำหนดก็ครบแล้ว ขอภรรยาของฉันเถิดฉันจะเข้าไปหาเธอ" 23   ครั้นเวลาค่ำ ลาบันก็พา เลอาร์บุตรีมามอบให้แก่ยาโคบ และยาโคบก็เข้าหาเธอ 25   (ลาบันยกศิลปาห์สาวใช้ของตนให้เป็นสาวใช้ของเลอาร์) 26   พอรุ่งขึ้นยาโคบก็เห็นว่า เป็นนางเลอาร์ จึงกล่าวแก่ลาบันว่า "ทำไมลุงทำกับฉัน เช่นนี้ ฉันรับใช้ลุงเพื่อได้ราเชลมิใช้หรือ ทำไมลุงจึงล่อลวงฉันเล่า" 27   ลาบันตอบว่า "ในเมืองนี้ไม่มีธรรมเนียมที่จะยกน้องสาวให้ก่อนพี่หัวปี 28    ขอให้คบเจ็ดวัน ของหญิงนี้ก่อน แล้วเราจะยกคนนั้นให้ด้วย เพื่อตอบแทนที่เจ้าจะได้รับใช้ลุงอีกเจ็ดปี 29   ยาโคบก็ยอม  และรอจนครบเจ็ดวันของนาง แล้วลาบันก็ยกราเชลบุตรีให้เป็นภรรยา 30  (ลาบันยกบิลฮาห์สาวใช้ของตนให้เป็นสาวใช้ของราเชล) 31  ฝ่ายยาโคบก็เข้าไปหาราเชลด้วยเขารักราเชลมากกว่า เลอาห์ เขาจึงรับใช้ลาบันต่อไปอีกเจ็ดปี จากคุณ : atiw1000 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:30:36

ความคิดเห็นที่ 4 "กำเนิดคำว่าอิสราเอล" สาเหตุที่ยาโคบได้รับชื่อใหม่เป็น อิสราเอล(ตามพระคัมภีร์เดิมของชาวคริสต์) เมื่อครบกำหนดอีกเจ็ดปีแล้วยาโคบก็ยังรับใช้ลาบัน พ่อตาต่อไปอีก หกปี รวมทั้งสิ้น ยี่สิบปี  แล้วยาโคบก็พาบุตรภรรยาพร้อมทั้งทรัพย์สมบัติและฝูงปศุสัตว์ที่เขาสร้าง หอบหิ้นกันออกเดินทางเพื่อกลับมาหาอิสอัคบิดาของเขาเพื่อกลับมาตั้งรกราก ใหม่ที่บ้านเกิด ในช่วงระหว่างการเดินทาง พ่อตาก็ตามมาทวงสมบัติบางส่วนเกิดเรื่องขัดแย้งกัน แต่สุดท้ายก็จบตกลงกันได้โดยดี ซึ่งมีการสร้างกองหินเอาไว้เป็นพยานว่า ต่างฝ่ายจะไม่ล่วงล้ำกองหินเขตแดนนั้นเข้าไปทำอันตรายกันอีกโดยขอให้พระเจ้า มาเป็นพยาน ฉันจะขอข้ามไปเพราะยือยาวพอควร แต่ขอข้ามมาที่เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางนี้ คือ การต่อสู้ของยาโคบกับบุรุษหนึ่งที่บริเวณที่เรียกว่า  เปนีเอล  ตามพระคัมภีร์เดิมดังนี้                                                 ยาโคบได้ชื่อใหม่เป็นอิสราเอล ปฐมกาล  32: 22   กลางคืนนั้นเอง ยาโคบก็ลุกขึ้นพาภรรยาทั้งสอง สาวใช้ทั้งสอง (ซึ่งภรรยา ของยาโคบได้ยกให้เป็นภรรยาของยาโคบด้วย)  และลูกสิบเอ็ดคน ข้ามแม่น้ำ ยับบอก 23      ยาโคบส่งครอบครัวข้ามลำธารไป และส่งทรัพย์สมบัติทั้งหมดข้ามไปด้วย 24      ยาโคบอยู่ที่นั่นแต่ผู้เดียว  มีบุรุษหนึ่งมาปล้ำกับเขาจนเวลารุ่งสาง 25     เมื่อบุรุษนั้นเห็นว่าเอาชนะยาโคบไม่ได้ ก็ต้องที่ข้อต่อสุโพกของยาโคบ ขณะปล้ำสู้กัน  ข้อต่อสะโพกของยาโคบก็เคล็ด 26        บุรุษนั้นจึงว่า "ปล่อยให้เราไปเถิด เพราะไกล้สว่างแล้ว " แต่ยาโคบตอบว่า " ข้าพเจ้าไม่ยอมให้ท่านไป  นอกจากท่านจะอวยพรแก่ข้าพเจ้า" 28        บุรุษนั้นจึงว่า "เขาจะไม่เรียกเจ้าว่า ยาโคบต่อไป แต่จะเรียกว่า อิสราเอล เพราะเจ้าสู้กับพระเจ้าและมนุษย์และได้ชัยชนะ" 29      ยาโคบจึงถามบุรุษนั้นว่า "ขอท่านบอกข้าพเจ้าว่าท่านชื่ออะไร "แต่บุรุษนั้นกล่าวว่า "เหตุไฉนท่านจึงถามชื่อเรา" แล้วก็อวยพรยาโคบที่นั่น 30   ยาโคบจึงเรียกสถานที่นั้นว่า  "ปานีเอล" (แปลว่าพระพักตร์พระเจ้า) กล่าวว่า"เพราะข้าพเจ้าได้เห็นพระเจ้า แล้วยังมีชีวิตอยู่" 31   เมื่อยาโคบผ่าน เปนูเอล(พระคัมภีร์เดิมวงเล็บไว้ว่า (ชะรอยจะเป็น เปนีเอลนั่นเอง)  ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้ว เขาเดินโขยกเขยก เพราะเจ็บสะโพก 32    เหตุฉะนี้ คนอิสราเอลจึงไม่กินเส้นเอ็นสะโพกนั้นจนทุกวันนี้  เพราะพระองค์ทรงถูกต้องข้อต่อสะโพกของยาโคบตรงเส้นเอ็นสะโพก   หลากหลายจินตนาการของชาวคริสต์ในเรื่องการต่อสู้ของยาโคบในคืนที่เขาเปลี่ยนชื่อเป็น อิสราเอล จากคุณ : atiw1000 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:52:08

ความคิดเห็นที่ 5 การแก้แค้นในดีนาร์บุตรสาวยาโคบที่ถูกอนาจาร(จากพระคัมภีร์เดิมของชาวยิวและคริสต์ เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงการมีบุตรหลายคนในสังคมแห่งการ กสิกรรม  และปศุสัตว์ของผู้ที่อยู่ในทุ่งกว้าง ที่ต้องอยู่ท่างกลางผู้คนท้องถิ่นที่อยู่รายล้อมครอบครัวของยาโคบ ปฐมกาล 34:1   ฝ่ายดีนาร์ บุตรีของยาโคบกับนางเลอาร์นั้น  ออกไปเยี่ยมผู้หญิงในถิ่นนั้น 2  เมื่อเชเคม บุตรชายของคนฮาโมร์ คนฮีไวต์ ผู้เป็นเจ้าเมืองเห็นนางสาว ดีนาร์ ก็เอาไปหลับนอนทำอนาจาร 3   จิตใจของเชเคมก็ผูกพันอยู่กับดีนาร์บุตรีของยาโคบ  รักเธอพูดจาเล้าโลมเอาใจเธอ 4   เชเคมจึงพูดกับ ฮาโมร์ บิดาว่า  "ขอหญิงสาวนี้เป็นภรรยาของข้าเถิด" 6   ฮาโมร์บิดา ของเชเคม ก็ไปหายาโคบพูดจาปรึกษากัน 7   เมื่อพวกลูกยาโคบได้ยินข่าวนั้น ก็กลับมาจากนา ต่างก็เป็นเดือดเป็นแค้น ที่เชเคมสบประมาทพวกอิสราเอล โดยข่มขืนบุตรียาโคบ ซึ่งเป็นการผิดอย่างหนัก 8   ฮาโมร์ก็พูดจากปรึกษากับพวกเขาว่า "จิตใจเชเคมบุตรชายของเรานี้ผูกพันรักใคร่ลูกสาวของท่านมาก  ขอหญิงนั้นเป็นภรรยาบุตรชายของเราเถิด 9   และเชิญพวกท่านจบทำการสมรสกับพวกเรา  ยกบุตรีของท่านให้พวกเรา และรับบุตรีของเราให้พวกท่าน 10  พวกท่านจะได้อยู่กับพวกเรา  เราจะเปิดประตูเมืองนี้ให้ท่าน เชิญท่านอาศัยเป็นที่ค้าขาย และเชิญหาสมบัติในเมืองนี้ 11  เชเคมบอกบิดาและพวกพี่ชายหญิงนั้นว่า "เห็นแก่ข้าพเจ้าเถิด ท่านจะเรียกเท่าไรข้าพเจ้าก็จะให้....." 13  เพราะเหตุที่เชเคมทำลายความบริสุทธิ์ของ ดีนาร์ น้องสาว บุตรชายของยาโคบจึงหลอกเชเคมและฮาโมร์..... 14   โดยตอบว่า "เราจะยกน้องสาวของเราให้แก่คนที่ไม่ได้เข้าสุหนัตนั้นไม่ได้  จะเป็นที่อับอายขายหน้าแก่เรา 15  เราจะยอมก็ต่อเมื่อท่านถือตามเรา คือยอมเหมือนพวกเรา โดยให้ผู้ชายทุกคนเข้าสุหนัต 20  ฮาโมร์กับ เชเคมบุตรชายจึงออกไปที่ประตู บอกชาวเมืองว่า 21  คนเหล่านี้เป็นมิตรกับเรา ให้เขาอาศัยค้าขายในดินแดนนี้ เพราะดินแดนนี้กว้างขวางพอให่เขาอยู่ได้ เราจงรับบุตรีของเขาเป็นภรรยาของพวกเรา และยกบุตรีของเราให้เขา 22  พวกเขาจะยอมเป็นชนชาติเดียวกับเราได้  ตามเงื้อนไขนี้เท่านั้น  คือ พวกเราที่เป็นชายทุกคนจะยอมเข้าสุหนัตเหมือนเขา 24  ชาวเมืองก็เห็นชอบกับ ฮาโมร์และเชเคม ชาวเมืองที่เป็นชายก็เข้าสุหนัต 25   ครั้นอยู่มาถึงวันที่สาม คนเหล่านั้นกำลังเจ็บอยู่  บุตรสองคนของยาโคบ ชือ สิเมโอน และเลวี เป็น พี่ชายของลีนาร์ ก็ถือดาบเข้าไปในเมือง ฆ่าผู้ชายในเมืองนั้น 26 เขาฆ่า ฮาโมร์และเชเคมบุตรชายเสียด้วยดาบ และพาดีนาร์ออกจากบ้าน เชเคมไปเสีย 27  พวกลูกชายของยาโคบเข้าไปตามบ้านคนตาย และปล้นเมืองนั้น เพราะคนเมืองนั้นทำลายความบริสุทธิ์ของน้องสาว 29     เอาทรัพย์สมบัติไป และจับบุตรภรรยาของคนเหล่านั้นไปเป็นเชลย และริบของในบ้านเสียทั้งสิ้น 30   ฝ่ายยาโคบพูดกับ สิเมโอนและเลวีว่า  "เจ้าทำให้เราเดือดร้อน โดยทำให้เราเป็นที่เกลียดชังแก่คนถิ่นนี้  คือ คนคานาอัน กับคนเปริสซี  เรามีผู้คนน้อยนัก ถ้าพวกนั้นรุมโจมตีเรา ก็จะทำให้เราและครอบครัวพินาศสิ้น 31  แต่เขาตอบว่า"มันจะทำกับน้องสาวเราเหมือนหญิงเพศยาได้หรือ" จากคุณ : atiw1000 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:52:58

ความคิดเห็นที่ 6 พระเจ้าทรงอวยพรยาโคบที่เบธเอลและเปลี่ยนชื่อให้เป็น อิสราเอล(ตามพระคัมภีร์เดิมของชาวยิวและคริสต์) พระเจ้าทรงอวยพรยาโคบที่เบธเอล ปฐมกาล 35:1  พระเจ้าตรัสแก่ยาโคบว่า "ลุกขึ้นไปเบธเอล และอาศัยอยู่ที่นั่นทำแท่นบูชาพระเจ้าผู้สำแดงพระองค์แก่เจ้าเมื่อเจ้าหนีไป จากเอซาวพี่ชายของเจ้า" 2     ดังนั้นยาโคบจึงบอกครอบครัว และคนทั้งปวงที่อยู่ด้วยกันว่า "จงทิ้งพระต่างด้าวที่อยู่ท่ามกลางเจ้าเสียให้หมด ชำระตัว และเปลี่ยนเครื่องนุ่งห่ม" 3    ให้พวกเราไปเบธเอล  ที่นั่นข้าจะทำแนบูชาพระเจ้า ผู้ทรงตอบแทนข้าในวันที่ข้ามีความทุกข์ใจ และทรงอยู่กับข้าในสถานที่ทุกแห่งที่ข้าไปนั้น" 5     เมื่อเขายดเดินไป  หัวเมืองที่อยู่รอบข้างต่างมีความเกรงกลัวพระเจ้า ชาวเมืองจึงมิได้ไล่ตามบรรดาบุตรชายของยาโคบ 6      ยาโคบมาถึงตำบล ลูส(คือเบธเอล) ซึ่งอยู่ในแคว้นคานาอันทั้งตัวเขาและทุกคนที่อยู่กับเขา 9     เมื่อยาโคบออกจากปัดดานอารัม พระเจ้าทรงสำแดงแก่ยาโคบอีกและทรงอวยพรเขา 10   พระเจ้าตรัสว่า "เจ้ามีชื่อว่ายาโคบ  เขาจะไม่เรียกเจ้าว่ายาโคบต่อไป แต่จะมีชื่อว่า อิสราเอล "  ดังนั้นคนจึงเรียกเขาว่า อิสราเอล 12   ดินแดนนี้ที่เราให้แก่อับราฮัมและอิสอัคอแล้วเราจะให้แก่เจ้าและเราจะให้ ดินแดนนี้แก่เชื้อสายของเจ้าสืบต่อไป" 13   พระเจ้าเสด็จขึ้นไปจากยาโคบ ณ ที่ที่พระเจ้าตรัสแก่เขา 14    ยาโคบก็ปักเสาศักดิ์สิทธิ์ไว้ที่นั่น ที่พระเจ้าตรัสแก่ตน เป็นเสาหินศักดิ์สิทธิ์ เขาก็เอาเครื่องบูชาเทลงบนเสา และเทน้ำมันบนเสานั่น 15    ยาโคบเรียกตำบลที่พระเจ้าตรัสแก่ตนว่า เบธเอล จากบทที่ปฐมกาล35 :1-15  นี้ ฉันขอให้น้องไลลาอ่านให้ละเอียด แล้วกลับไปเทียบกับบทที่ปฐมกาล 32: 22-30   ที่ผ่านมาด้วยเพราะมีประเด็นในการเปลี่ยนชื่อให้ยาโคบใหม่เหมือนกัน  คือให้ใช้ชื่อ อิสราเอล ฉันไม่สามารถอธิบายใดๆได้ ขอให้น้องไลลาค่อยๆ เรียบเรียงเรื่องราว ระยะเวลาและสถานที่ให้ดี และถ้าไม่แน่ใจในการย่อของฉัน ก็ควรอ่านจากพระคัมภีร์เดิมต้นฉบับเองด้วย  สิ่งถัดมาคือ เก็บข้อสงสัยนี้ไว้เมื่อถึงจุดที่ฉันพูดถึงการรวบรวมพระคัมภีร์เดิมให้เป็น เล่มอย่างที่เรามีอยู่นี้จะได้มองภาพประเด็นที่ซ้ำๆกันในการเขียนได้ชัดเจน ขึ้น ตอนนี้ถ้าไม่อยากค้นมากก็ตามเรื่องไปก่อนละกัน                                                                     บรรดาบุตรชายของยาโคบ ปฐมกาล 35:22   อยู่มาเมื่อ อิสราเอลอาศัยอยู่แคว้นนั้น รูเบนไปนอนกับนาง บิลฮาห์ ภรรยาน้อยของบิดา  อิสราเอลก็รู้เรื่องนี้  ฝ่ายบุตรชายของยาโคบมีสิบสองคน 23      บุตรชายนาง เลอาร์ ชื่อ รูเบน(เป็นบุตรคนหัวปีของยาโคบ) สิเมโอน เลวี ยูดาห์(จำคนนี้ให้ดีเพราะต่อมาเขาจะเป็นต้นเชื้อสายของยิว)  อิสสาคาร์ และเศบูลุน 24     บุตรของ ราเชล ชื่อ โยดซฟ และเบนยามิน 25     บุตรของบิงฮาร์สาวใช้ราเชลชื่อ ดานและนัฟทาลี 26    บุตรชายของนาง ศิลปาห์ สาวใช้ของเลอาห์ ชื่อกาดและอาเชอร์ คนเหล่านี้เป็นบุตรของยาโคบเกิดที่ ปัดดานอารัม ดำเนิน เรื่องเดินทางตามประวัติแห่งพระคัมภีร์เดิมมาถึงนี้ เราก็ได้ ค้นพบ คำว่า อิสราเอล ที่ชาวยิวและคริสต์   รับรู้กันตามคัมภีร์ของเขา แต่คำว่า ยิว เราเพียงแต่เริ่มได้เค้าลางมาบ้าง แต่ก็ไม่ชัดเจนนัก ต้องเดินทางกันต่อไปอีกซักหน่อยน่าจะเจอความชัดเจน  เราพักเรื่องจากพระคัมภีร์เดิมของชาว ยิวคริสต์ เกี่ยวกับเรื่อง ยาโคบหรือ อิสราเอลไว้ที่ตอนนี้ก่อน ตอนหน้าฉันจะมาพูดถึง ยาโคบหรือท่านนบี ยะกู๊บ ตามคัมภีร์และความเชื่อของมุสลิมเรา จากคุณ : atiw1000 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:55:21

ความคิดเห็นที่ 7 ยาโคบหรือนบียะกู๊บ(อ.ล.)ในมุมมองของอิสลาม สุสานของท่านนบีอิสหาก(อิสอัค)บิดาของนบียะกู๊บ  ในมัสยิดที่เมือง เฮโบรน ในอิสราเอล                                 กลับมาดูเรื่องของ ยาโคบหรือ นบียะกู๊บในทัศนะอิสลามเรากันบ้าง เนื้อเรื่องของท่านนบียะกู๊บ (ขอพระเจ้าทรงประทานสันติแด่ท่าน)หรือยาโคบ  ที่อัลกุรอานกล่าวถึงนั้นก็ยังคงเน้นตามหลักจุดมุ่งหมายเดิม ที่สะท้อนถึงการ เทิดเกียรติ์ของพระเจ้าองค์เดียว ที่ประทานทางนำจากพระองค์มาสู่มนุษย์อย่างเด่นชัด ยังคงอ้างอิงจากหลักการนับถือพระเจ้าองค์เดียวตามแนวทางของ นบีอิบรอฮีม(อ.ล.)ได้วางแนวทางไว้  ย้อนเรื่องซักนิดหนึ่ง ตามหลักการอิสลาม หลังจากที่ท่านนบี อิบรอฮีม(อับราฮัม) จากไป บุตรชายสองคนของท่านก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็น ศาสนทูตเผยแผ่ศาสนานี้ต่อไป คือ ท่านนบีอิสมาอีล(อิชมาเอล)ผู้พี่ ทำหน้าที่เทศนาสั่งสอนอยู่ที่ แคว้น หิญาซ ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ มักกะฮ์(อารเบีย)  และ ท่านนบี อิสหาก(อิสอัค)ก็ได้รับแต่ตั้งให้เป็นนบี(ศาสนทูต) เผยแผ่เทศนาอยู่ที่ แคว้น ชาม อันหมายถึงบริเวณที่มี ซีเรีย ปาเลสไตน์ คานาอัน(กันอาน) และโสโดม รวมอยู่ด้วยกัน ตามประวัติศาสตร์ของอิสลาม ได้กล่าวว่า ท่านนบีอิสหาก(อิสอัค)ได้สมรสกับหญิงหนึ่ง ในบริเวณแคว้นนั้น มีนามว่า ริฟเกาะห์  นางได้ให้บุตรกับท่านสองคน คนแรกชื่อ อิสส์(เอซาว) และคนที่สอง ชื่อ ยะกู๊บ(ยาโคบ) อัลกุรอานได้กล่าวถึงท่านนบี อิสหากไว้น้อยมาก แต่ก็ยืนยันในคุณงามความดีของท่าน และการเป็นนบี(ศาสนทูต) ที่มีคุณสมบัติและปฏิบัติหน้าที่อย่างครบถ้วน สมบูรณ์ ตามที่อัลเลาะฮ์ได้ทรงแต่งตั้งท่านมา ดังโองการต่อไปนี้ -" เราได้แจ้งข่าวดีแก่เขา (อิบรอฮีม)ว่า จะได้(ลูกชายคนหนึ่งคือ )อิสหาก เป็นนบีคนหนึ่งในหมู่คนดีทั้งหลาย"-                                                      (อัลกุรอาน 37/112) -"ครั้นเมื่อเขา(อิบรอฮีม) ปลีกตัวไปจากพวกเขา  และสิ่งที่พวกเขาเคารพบูชา อื่นจากอัลเลาะฮ์แล้ว  เราได้ประทาน อิสหาก และยะกู๊บ ให้แก่เขา และแต่ละคนเราได้แต่งตั้งเขาเป็น นบี(ศาสนทูต)"- -"และเราได้ให้ความเมตตาแก่พวกเขา  และเราได้ทำให้พวกเขาได้รับการกล่าวขวัญที่ดี(ในหมู่มนุษย์)"-                                                        (อัลกุรอาน 19/49-50) ส่วนท่านนบียะกู๊บ(ยาโคบ)บุตรของท่านนบีอิสหากนั้น อัลกุรอานมิได้กล่าวถึงรายละเอียดในช่วงวัยเด็กและวัยหนุ่มของท่าน เพียงแต่รับรองคุณสมบัติที่ดีอย่างครบถ้วนของการเป็นนบีของท่าน ซึ่งอัลเลาะฮ์ได้แต่งตั้งดังที่ได้ยก โองการจากอัลกุรอานมาประกอบแล้ว ดังนั้นเรื่องที่ท่านโกหกหลอก บิดาของท่านต่างๆนาๆ  หรือการกระทำโดยใช่เลห์เหลี่ยมกลโกงต่อพี่ชายของท่าน ตามที่พระคัมภีร์เดิมของชาวยิวและคริสต์กล่าวถึงนั้น  เป็นสิ่งที่อิสลามยอมรับไม่ได้ เพราะขัดต่อคุณสมบัติของการเป็นนบีที่อัลเลาะฮ์ทรงเลือก  เพราะ พระเจ้านั้นไม่มีการผิดพลาดในเรื่องการเลือกใครให้เป็นนบีหรือเรื่องใดๆทั้ง สิ้น เราเป็นมุสลิมเราจะไม่เข้าไปคิดหรือสรุปสิ่งใดที่อัลกุรอานมิได้กล่าวถึง  ส่วนเรื่องราวที่มีจากคัมภีร์อื่นหรือข้อมูลหรือความคิดเห็นใดจากแหล่งอื่น ที่ผ่านเข้ามา เราเพียงแต่แค่รับรู้ว่าเขาคิดอย่างไรเท่านั้น  คราวนี้น้องไลลาคงเข้าใจนะว่า ทำไมฉันจึงย้ำเน้นตลอดเวลาว่าอย่าเอามาปนกัน  เพราะหลักการเชื่อการศรัทธาของเรานั้นมีหลายอย่างที่แตกต่างจากชาวคัมภีร์ใน ยุคก่อนที่อัลกุรอานจะถูกประทานลงมา  เพราะมุสลิมเราเชื่อว่าอัลกุรอานนั้นถูกประทานลงมาเพื่อแยกแยะสิ่งที่ถูกออก จากสิ่งที่ผิด มีโองการในอัลกุรอานที่ใช้คำว่า อิสรออีล(อิสราเอล) อยู่หลายโองการเช่น -"วงศ์วานอิสรออีล(อิสราเอล)เอ๋ย จงรำลึกถึงความโปรดปรานของข้า(อัลเลาะฮ์) ที่ข้าได้โปรดปรานแก่พวกเจ้า  และจงรักษาข้อสัญญาของข้าให้ครบถ้วน ข้าก็จะรักษาข้อสัญญาของพวกเจ้าให้ครบถ้วน  และเฉพาะข้าเท่านั้นพวกเจ้าจงเกรงกลัว"-                                                             (อัลกุรอาน 2/40) "คำว่า "อิสรออีล(อิสราเอล) " เป็นเหมือนนามสกุลของนบียะกู๊บ บุตรของท่านนบีอิสหาก......ชาวยิวนั้นสืบเชื้อสายจากท่านนบียะกู๊บ ซึ่งมีบุตรชาย 12 คน เพราะพวกเขาใช้นามสกุลของท่านเป็นชาติสกุลของพวกเขา  จนกระทั่งปัจจุบันนี้  ฉะนั้นคำว่า "วงศ์วานของอิสรออีล" จึงหมายถึงผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากท่านนบียะกู๊บ"                 (คำอธิบาย อัลกุรอาน ญุซ์(ภาค)ที่หนึ่ง โดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ น. 153) ต่อไปนี้เป็นรายชื่อของบรรดาบุตรของท่านนบียุกู๊บ(อ.ล.)ตามหลักฐานของอิสลามซึ่งเป็น สำเนียงของภาษาอาหรับ "การแต่งงานของท่านนบียะกู๊บกับหญิงหลายคน ทำให้ท่านมีบุตรชาย 12 คน       บุตรที่เกิดจากนาง ลัยอะห์(เลอาห์) มีหกคน คือ รออูมีน ลาวีย์ ยุฮูดา วัยซากัร สุบูลูน                    บุตรที่เกิดจากนางรอฮีล(ราเชล) มีสองคนคือ ยูซุฟ และ บินยามีน                   บุตรที่เกิดจากนางมะละฮา (บิลฮา)มีสองคน คือ ดาน และ นัฟตาลีย์                   บุตรที่เกิดจากนาง ศะละฟา (ศิลปาห์) มีสองคนคือ ญาด และอซีร์                                  (25 ศาสดา เล่ม2 โดย น. แห่งแมนไทย น. 81) จากคุณ : atiw1000 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:56:27