ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าเป็นพระขีณาสพจริง พระรูปนั้นไม่มาทรงเจ้าแล้วมั่นใจได้ค่ะ จากคุณ : กอบัวสวรรค์ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 11:24:56

ความคิดเห็นที่ 2 คุณมาถูกทางตั้งแต่แรกแล้ว ท้ายสุดคุณก็โชคดี !!! ส่วนโชคดีเรื่องอะไรนั้้นไปคิดเอา !!! จากคุณ : เพียรระลึก เพียรรู้สึก เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 11:27:48

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าพระทรงเจ้า ใช้ดิรัจฉานวิชา หากินละเมิดพระธรรมวินัย ที่พระศาสดาบัญญัติ จากข้อมูล จขกท ข้างล่าง เอาเรื่อง ไหมล่ะ ถ้าเอาเรื่องก็ฟ้อง แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 55 13:10:21 แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 55 11:34:23 จากคุณ : กอบัวสวรรค์ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 11:28:33

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าคนทรงที่ว่า คือ ฆราวาส ก็แจ้งตำรวจจับเลย หมิ่นประมาท แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 55 11:37:02 จากคุณ : กอบัวสวรรค์ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 11:32:47

ความคิดเห็นที่ 5 เรียน ทุกๆท่าน      คนทรงในที่นี้ หมายถึง ชาวบ้านธรรมดาที่เปิดสำนัก โดยอ้างองค์ลงเป็นพระเกจิชื่อดัง........ซึ่งบ้านแฟนอ้างว่าเป็นพระที่นิพพานไปแล้วมาโปรด และแฟนเคยไปเข้าคอร์ด 9 วันในวัดชื่อดังในภาคใต้ เค้าบอกว่าช่วงที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ พระเกจิท่านนี้มาหาและอธิบายธรรม......มาบอกว่านั่งอย่างไรไม่ให้เมื่อย....นั่งแค่ 3 วัน ท่านก้อเสด็จมาหาแล้ว เล่นเอา งง กันไปเลยค่ะ ในทางโลก ฟังปุ๊บเราแทบอยากจะไปบุกถึงสำนัก เอาตำหนวกไปจับ กระทืบปากเสียๆของคนทรง ฟ้องแม่แฟนข้อหาหมิ่นประมาท ........... แต่ดีที่ยังหยุดเอาอารมณ์เอาไว้แค่ความคิด ในทางธรรม เราสังเวชเวทนาของกรรมที่พวกเขามี........... ด้วยเหตุนี้เราจึงมาตั้งกระทู้ หาคำตอบในสิ่งที่เราประสบพบเจอค่ะ จากคุณ : Miracles in my life เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 11:47:17

ความคิดเห็นที่ 6 การสิงสู่  การเข้าทรง ก็มีจริง แต่ไม่บ่อยนัก   ส่วนมากเป็นเรื่องหลอกลวงกินเงินกันมากกว่า  ..และสำคัญคือไม่มีสาระ  และไม่ใช่หลักการของศาสนาพุทธ  จะสนใจไว้สนุกๆ ก็ได้  เผื่ออาจจะเจอแบบที่มีการทรงจริงๆ  ซึ่งอาจจะทักทายอะไรได้จริง  ก็จะได้ฟังๆดูๆไว้สนุกๆ  เทียบเคียงกับความจริง ... แต่อย่าไปหลงงมงายกับมัน จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 11:52:19

ความคิดเห็นที่ 7 การทรงเจ้า พระพุทธเจ้าห้ามใว้ เป็นวินัย ยิ่งเป็นพระอริยะ จะยังมีชีวิตหรือสิ้นไปแล้ว ท่านก็ย่อมไม่ละเมิดครับ คนทรงแอบอ้างแน่นอน แต่เราเอาความหลักทางศาสนาในส่วนความเชื่อไปฟ้องในส่วนนี้ก็ไม่ได้ ฟ้องได้เฉพาะข้อหาที่ส่งผลกระทบต่อสังคมจังๆ เป็นรูปธรรม เช่นบุกรุก หลอกขายสินค้า ทำกิจกรรมที่แห่แหนขัดขวางถนนหนทาง จุดประทัดส่งเสียงดัง แบบนี้จะมีตัวช่วยเยอะ เรื่องที่ส่งผลกระทบต่อศีลธรรมก็ฟ้องได้ แต่ต้องเอาเรื่องที่สังคมเล่นด้วย มิฉะนั้นจะไม่ได้ผล หลักความเชือทางศาสนาก็ฟ้องได้เฉพาะบางเรื่องครับ เช่นพระดื่มสุรา ที่จริงผิดก็ไม่ถึงกับปาราชิก แต่สังคมไม่เอาแบบนั้น พอก็ฟ้องก็จะได้ผลชัด แต่เห็นด้วยกับ คห. 2 ไม่แนะนำให้ฟ้อง.. ให้เฟดตัวออกมาจะดีกว่า ที่ผ่านมาคุณรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็ดีตั้งเยอะแล้วนะ แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 55 12:25:06 จากคุณ : BlueDelphi เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 12:19:22

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่เชื่อครับ จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 12:50:26

ความคิดเห็นที่ 9 ครอบครัวนั้นค่อนข้างไปทางมิจฉาทิฐิ คุณมาถูกทางแล้ว อย่าได้สนใจ อยู่ให้ห่างไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวอีกดีที่สุด ปล่อยวางความแค้นที่เกิดในใจคุณ เพราะมันจะเผาใจเราเอง ทำให้จิตเป็นอกุศล ไม่ยังประโยชน์ใดๆเลย ถือว่าเมตตาเค้าไปเถอะค่ะ เค้าน่าสงสารที่มีมิจฉาทิฐิเช่นนั้น ถ้าเป็นแบบนี้ตลอดชีวิต ชาตินี้ทั้งชาติเค้าก็หมดหวัง ในเรื่องการพ้นทุกข์แน่นอน และยังเสียโอกาสสะสมบารมี ส่งผลให้พระนิพพานยิ่งไกลออกไป ต้องเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารยาวนานขึ้น  แค่นี้เค้าก็ได้รับผลของกรรมที่มากมายแล้วโดยคุณไม่จำเป็นต้องไปตามล้างแค้นให้เป็นบาปกรรมติดตัวเลย สิ่งที่แม่แฟนคุณทำ ไม่สามารถทำให้คุณซึมเศร้าเครียดลงกระเพาะได้ ถ้าคุณไม่เปิดรับให้สิ่งนั้นเข้ามาทำร้ายใจคุณเอง :) จากคุณ : สติไม่มาปัญญาช้อปเกิด เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 13:05:45

ความคิดเห็นที่ 10 เชื่อว่ามีเทวดา เชื่อว่าคนดีมีเทวดารักษา คนทรง?? มีอยู่จริง คนหลอก มีมากกว่า!! ถ้าห่มเหลือง แล้วเข้าทรงอีก อันนี้ไม่ไหว มีอเวจีเป็นที่ไป บุคคล บอกเป็นร่างทรงพระพุทธเจ้า อันนี้เพลียจริงๆ... แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 55 13:22:20 จากคุณ : เด็กวัดจันทร์ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 13:19:21

ความคิดเห็นที่ 11 ใครที่ศึกษาพุทธสายตรง  จะไม่มีทางเชื่อเรื่องทรงเจ้าเด็ดขาด      แม้จะรู้ว่ามีอมนุษย์อยู่ ก็คงไม่ทำให้หวั่นไหวหรอกครับ      แม้คนทรงผี จะอ้างว่าเป็นพระที่มรณะมา ก็เป็นแค่การหลอกลวงเท่านั้น หาความจริงไม่ได้เลย      หากพบเจอให้วางใจเสีย อย่าคลุกคลี่ด้วยเป็นการดี..ครับ จากคุณ : นะโม (กลุ่มพุทธบุตร) เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 13:20:25

ความคิดเห็นที่ 12 พุทธไม่ได้สอนให้ เชื่อเรื่องผี เทวดา พระเจ้า เจ้าเข้าทรง หรือกราบไหว้รูปปั้นใดๆ เราทุกคนตายไปเเล้วคือจบ ไม่มีสวรรค์ ไม่มีนรก จากคุณ : mce เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 13:51:57

ความคิดเห็นที่ 13 พระอรหินต์ ไม่มาโปรดสัตว์ด้วยวิธีแบบนี้หรอกครับ บอกตรงๆว่า ถ้าคนทรงเจ้านั้นไม่ได้หลอกชาวบ้านด้วยตัวเองก็แปลว่าได้ว่า คนทรงเจ้าคนนั้นแหล่ะ โดนอะไรบางอย่างหลอกเขาอีกทีว่าตนเองเป็นพระเกจิที่นิพพานไปแล้วมาขอเข้าทรง เทวดาเองก็มีทั้งดีทั้งร้ายครับ เพราะเทวดาเองก็มีกิเลสอยู่เหมือนกัน บางรายก็ชอบแกล้งคนเล่นเหมือนกันนะ จากคุณ : Generals เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 14:24:10

ความคิดเห็นที่ 14 พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ [๔. ราชวรรค] ๑๐. กัณณกัตถลสูตร ...    “พระผู้มีพระภาคตรัสสภาพที่เป็นเหตุ  ทั้งตรัสสภาพอันเป็นผล  เทวดามีจริงหรือ พระพุทธเจ้าข้า”    “มหาบพิตร  เพราะเหตุไร  พระองค์จึงตรัสถามอย่างนี้ว่า  ‘เทวดามีจริงหรือ พระพุทธเจ้าข้า”    พระเจ้าปเสนทิโกศล  กราบทูลว่า  “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  ถ้าเทวดามีจริง เทวดาเหล่านั้นมาสู่โลกนี้หรือไม่มาสู่โลกนี้  พระพุทธเจ้าข้า” พระผู้มีพระภาคตรัสว่า  “มหาบพิตร  เทวดาเหล่าใดมีความเบียดเบียน  เทวดา เหล่านั้นมาสู่โลกนี้  เทวดาเหล่าใดไม่มีความเบียดเบียน  เทวดาเหล่านั้นไม่มาสู่โลกนี้ ขอถวายพระพร” ... จากคุณ : นายอิ่ม เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 14:29:45

ความคิดเห็นที่ 15 เทวตานุสสติ แปลว่า ระลึกถึงความดีของเทวดาเป็นอารมณ์ เทวดา แปลว่า ผู้ประเสริฐ ความประเสริฐของเทวดามีอย่างนี้.. องค์สมเด็จพระพิชิตมาร ทรงสอน"เทวตานุสสติ"เพื่อ?? ........................................................... เสด็จดาวดึงส์ ลำดับนั้น สมเด็จพระบรมศาสดา ทรงพุทธดำริว่า “พุทธประเพณีแห่งพระพุทธเจ้าในอดีตกาล เมื่อทำยมก ปาฏิหาริย์แล้ว เสด็จจำพรรษา ณ ที่ใด” ทรงพิจารณาด้วยอดีตตังสญาณก็เห็นแจ้งประจักษ์ว่า “เสด็จจำพรรษาใน ดาวดึงสพิภพ แล้วตรัสแสดงอภิธรรมปิฎกทั้ง ๗ ปกรณ์ ถวายในไตรมาส เพื่อกระทำการสนองพระคุณพุทธมารดา อีกประการหนึ่ง ความปรารถนาอันใดที่พระชนนีตั้งไว้แทบบาทมูลพระพุทธวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า “ขอให้นางได้ เป็นมารดาพระบรมครูเห็นปานดังพระพุทธองค์” ความปรารถนาอันนั้นก็สำเร็จสมประสงค์และพระชนนีมีพระคุณแก่ ตถาคตเป็นอันมาก ยากที่จะได้ตอบสนองพระคุณพระมารดา ดังนี้แล้วเสด็จลุกจากรัตนบัลลังก์ ขึ้นสู่ ดาวดึงสพิภพประทับนั่งเหนือกัมพลศิลาอาสน์ ภายใต้ปาริฉัตตรุกขชาติ อันเป็นธงแห่งดาวดึงส์เทวโลก... ................................................................ มีอยู่ชัดแจ้ง!! อ้าว พระเทวทัต ท่านกวักมือเรียกใครล่ะน่ะ ไม่ใช่ผมนะ เฟี้ยวววววว ไปก่อนล่ะครับ ไม่อยากลงอเวจี.... จากคุณ : เด็กวัดจันทร์ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 14:30:25

ความคิดเห็นที่ 16 อ่านแล้วถอนใจ คือไอ้ทรงเจ้าน่ะ ไม่ใช่ความเชื่อ เขาทำกันได้จริงๆ แต่มันไม่ใช่ทั้งแนวทางและหลักการของศาสนาพุทธ มันศาสนาผีต่างหากล่ะ พระพุทธเจ้าไม่สอนเรื่องนี้ และไม่หนับหนุน มีแต่แสดงให้เห็นโทษ และที่ว่าพระอรหันต์จะมาเข้าทรงได้น่ะ มันไม่ใช่ความจริง คือวิสุทธิเทพเขาไม่ทรงกันหรอกนะ มนุษย์สกปรกจะตาย สมมติถ้ามีจริง ท่านมีวิธีอื่นสอน ไม่มาเข้าทรงสอนหรอกนะ  และดูที่เนื้อหาสิ  พระอรหันต์ที่ไหนมาสอนให้คนนั่งสมาธิโดยไม่เมื่อยยย กร๊ากก... แยกส่วนนะ ครูอาจารย์ที่คุณกล่าวถึงว่านับถือ ก็เป็นพระสุปฏิปันโน เราก็นับถือท่านไป ศึกษาคำสอนท่านไป ไม่ต้องไปบอกใครก็ได้ ส่วนครอบครัวแฟน ก็ไม่ต้องไปต่อปากต่อคำด้วย เด๋วเราจะโดนซะเอง เขาเห็นเราเป็นอริ เด๋วทำอะไรไม่ดีกับเราจะยุ่งอ่ะสิ คือแนะนำยาก ธรรมไม่เสมอกัน ปัญญาไม่เสมอกัน เขางม เราหงาย เถียงกันมีแต่เสียเปรียบนะ ให้เราทำในส่วนตนให้ดี มีอะไรกระทบก็เอาคำสอนหลวงพ่อมิตซูโอะ มาใช้เลย ศีลให้สมบูรณ์ ทำทานตามกาล  ภาวนาทุกวัน สวดมนต์ทุกวัน ให้ธรรมะท่านจัดสรรให้เราเองดีกว่าค่ะ จากคุณ : chaosy เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 14:48:13

ความคิดเห็นที่ 17 อ่าน คห.16แล้วนึกออก( คือวิสุทธิเทพเขาไม่ทรงกันหรอกนะ มนุษย์สกปรกจะตาย ) ใช่ครับ มนุษย์สกปรก(กายหยาบ) เทวดาจึงบังคับอยู่ข้างนอก ไม่ได้เข้าสิง ปล.อันนี้พูดถึงของจริงนะ จากคุณ : เด็กวัดจันทร์ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 15:15:13

ความคิดเห็นที่ 18 คิดง่าย ๆ ด้วยตัวคุณเองแหละ ไม่ต้องพึ่งหลักธรรมหรือคำแนะนำใด ๆ ทั้งสิ้น  ผู้ที่เป็นอรหันต์หรือบรรลุหลักธรรมชั้นสูง หรือก่อนเสียชีวิตเป็นพระมหากษัตริย์มาก่อน  มีหรือที่ท่านจะเข้าประทับทรงในตัวมนุษย์ที่มีแต่สิ่งโสโครก ชวนสะอิดสะเอียน  แม้แต่ตัวเราเอง เพียงแค่เสลดในลำคอยังบ้วนทิ้งเลย  ถ้าคุณเป็นผู้มีบารมีสำเร็จแล้ว  คุณจะไปประทับทรงมนุษย์หรือ จากคุณ : EDSAK เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 15:16:49

ความคิดเห็นที่ 19 ขอนอกเรื่อง เท่าที่เคยเห็นมาคนทรงในไทย มักจะทรงเจ้าพ่อเจ้าแม่เฉพาะ  น้อยรายมากๆที่เป็นคนทรงที่ทรงวิญญาณทั่วไปเช่นทรงวิญญาณผู้เสียชีวิต จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 15:44:53

ความคิดเห็นที่ 20 “......ในเมื่อเราฟังแล้ว  มีอารมณ์อาฆาตทันที...... ......ตอนนี้เราพยายามหาเรื่อง  เพื่อให้เรามีความเมตตา......” สภาวะ  ของ  จิต  ประกอบด้วย  ......อาฆาต  พยาบาท  ผูกเวร......  ประการหนึ่ง สภาวะ  ของ  จิต  ประกอบด้วย  ......อดทน  อดกลั้น  ขันติ  เมตตา......  ประการหนึ่ง ผู้ปฏิบัติ  จะได้รับสภาวะ  ของ  ธรรม  และ  สภาวะของ  จิต  อันเป็นกุศล  แตกต่างกัน ท่านเจ้าของกระทู้ต้อง  พยายาม  ......อดทน  อดกลั้น  ตั้งมั่นอยู่ใน  ขันติ...... ทำซ้ำอยู่อย่างนั้น  เพื่อจะไม่นำตนเอง  เข้าสู่สภาวะ ของธรรมที่เรียกว่า  ......อกุศล......   ถ้าสนใจจะศึกษา  และ  ฝึกปฏิบัติ  ......เมตตา......  ลองอ่านจาก  link  ด้านล่างนะครับ อาจจะมีประโยชน์บ้าง   http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12693704/Y12693704.html ขอให้เจริญในเมตตาครับ จากคุณ : สัมมาทิฏฐิ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 15:49:52

ความคิดเห็นที่ 21 จากความรู้ที่มีอยู่น้อยนิด และการตีความเพิ่มเติมเอง (ซึ่งอาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด) ตามคติพุทธ มีภพ ภูมิ วิญญาณ อมนุษย์ ฯลฯ และอีกมากมายหลายอย่างที่เหนือธรรมชาติและพิสูจน์ไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ของยุคเรา เพราะฉะนั้น เรื่องของ ผี วิญญาณ เทวดา ผมจึงตีความว่า ไม่ใช่สิ่งที่ถูกปฏิเสธว่าไม่มีจริงในทางพุทธครับ ดังนั้น เมื่อสิ่งเหล่านั้นไม่ถูกปฏิเสธว่าไม่มี หากจะว่าไปแล้ว จึงยอมรับได้ ว่าการทรงเจ้าเข้าผี มีอยู่จริง แม้แต่การแสดงอิทธิปาฎิหารย์ ก็ยังมีการอ้างถึงอยู่ในพระไตรปิฏก เพียงแต่ การทรงเจ้าเข้าผี ถูกตีว่าเป็นเดียรฉานวิชา เป็นสิ่งที่จะขวางทางสู่นิพพาน จึงไม่ใช่สิ่งที่ชาวพุทธ ควรจะไปใส่ใจให้ความสำคัญ หากไปมุ่งเชื่อและอาศัยเรื่องราวเหล่านั้นแล้ว แสดงว่า เขาไม่ได้ปฏิบัติตนตามพระธรรมคำสั่งสอน นอกจากนี้ ถึงแม้เดียรฉานวิชาอาจจะมีอยู่จริง แต่ว่า 1. คนที่อ้างว่ามีวิชา อาจจะไม่มีวิชาจริง 2. ถึงจะทำได้จริง ก็ไม่แน่ว่า สิ่งที่มาเข้าทรง จะเป็นองค์พระเกจิที่ล่วงลับ อาจจะเป็นสิ่งอื่นที่แอบอ้างชื่อท่านมาก็ได้ ในทางพุทธ ผมคิดว่ามีพระโพธิสัตว์ ที่ยังบำเพ็ญเพียร เพื่อรอวันที่จะบรรลุเป็นพุทธะ หรือ มีพระโพธิสัตว์ ที่ยังไม่ขอบรรลุเป็นพุทธะ ไม่เข้าสู่นิพพาน เพื่อหวังจะโปรดสัตว์ทั้งหลาย ให้พ้นจากทะเลทุกข์เสียก่อน แต่ผมยังไม่เคยอ่านเจอจากแหล่งอ้างอิงทีน่าเชื่อถือได้ ว่ามีพระโพธิสัตว์ หรือวิญญาณเกจิอาจารย์ ที่มาเข้าทรง เพื่อยุ่งกับเรื่องคุณไสย หรือดลบันดาลให้คนร่ำรวยนะ ถ้าให้คิดเอง ก็คงเพราะหากทำแบบนั้น ก็เหมือนจะส่งเสริมให้คนลุ่มหลงในเดียรฉานวิชา หรือมัวเมากับเรื่องทางโลกเพิ่มขึ้นครับ จากคุณ : lonely_nomad (Lonely Nomad) เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 16:51:32

ความคิดเห็นที่ 22 ผมมักแน่ะนำเพื่อน ๆ ให้ทดสอบโดย ใช้ธูปที่จุดไฟแดง ๆ จี่เลย  หากเป็นร่างทรง   จริง  ต้องไม่สะดุ้ง ไม่ร้อน       เริ่มโดยการจุดธูปเหมือนจะไหว้ร่างทรง พอเผลอ ก็จิ้มเลย  บอกว่าขอบูชาด้วยธูป  ที่ตัวท่าน   เท่าที่เคยเห็นสะดุ้งเพราะร้อน บาง คนถึงขนาดอุทานด้วยคำต่าง ๆ นา ๆ   แล้วออกจากร่างทรงเลย พอมาวันหลัง  พอร่างทรงเห็นเราอีกครัง พอเราจุดธูป เท่านั้นแหละ  ร่างทรงออก จากร่างเลย กลัวเราเอาธูปจิ้ม จากคุณ : Terawat เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 17:00:10

ความคิดเห็นที่ 23 อัปมงคล ควรอยู่ห่างไม่ข้องแวะ เพราะ อเสวนา จ พาลานัง ไม่คบคนพาล เป็นมงคลข้อแรก ที่มีความสำคัญมากใน มงคลสูตที่มี 38 ประการ ในการที่บุคคลจะเกิดมงคลจะต้องเริ่มจากการไม่คบคนพาล ที่คุณบอกเล่ามาทั้งหมดจัดอยู่ในกลุ่มคนพาล รวมแฟนคุณด้วย ถ้าคุณอยากเกิดอัปมงคลแก่ชีวิตคุณจงคบค้าสมาคมต่อไปเถิด จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 17:26:00

ความคิดเห็นที่ 24 ดูไม่ยาก.........คนทรงถ้าแท้ จะไม่เอาประโยชน์จากเรา คนทรงปลอมดูง่าย....... เพราะการเป็นร่างทรงนั้น สังคมเพ่งเล็งก่อนแล้วว่า ปลอม แต่ถ้าที่ไม่ใช่คนทรงหลอกกัน ดูยาก เพราะเนียนเหมือนคนธรรมดาทั่วไป จึงหลอกคนได้ที่ละมากๆ เช่นพระที่เอาศาสนาบังหน้าเพื่อหากิน เต็มบ้านเต็มเมือง หรือคนในสังคมหลอกกัน จับผิดยาก สินเนื้อประดาตัวก็เยอะ ใครคิดเป็นคนทรงปลอมนั้นโง่ที่สุด หลอกได้ทีละไม่กี่คน สู้บวชพระหลอกดีกว่าหลอกได้นานกว่า และมีเกียรติด้วย จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 18:15:00

ความคิดเห็นที่ 25        เขื่อหรือไม่เชื่อไม่ใช่ประเด็นที่ต้องคิดครับ ........ ที่ต้องคิดคือ เป็นประโยชน์กับตนเองหรือไม่ เป็นประโยชน์กับผู้อื่นหรือไม่ เป็นไปตามพุทธโอวาทหรือไม่        ตถาคตเคยสอนให้ยึดมั่นในอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหารย์ หรือเปล่าครับ แต่.....แต่ ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่ามีอยู่ เพราะไม่เห็นประโยชน์ที่จะตอบ        เรามาว่าเรื่องเข้าทรงกันครับ ....... ไม่ว่าจะเป็นการระลึกชาติ การเห็นนิมิต การเข้าทรงลงของ ผู้ที่เข้าฌาณได้และเคยมีการบำเพ็ญบารมีด้านนั้น ๆ มาก่อนก็สามารถทำได้        สิ่งที่เกิดในปัจจุบันคือสิ่งที่กระทำเมื่ออดีต และอดีตก็มีย้อนไป เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี เป็นสิบปี เป็นชาติ  เมื่อเป็นเช่นนั้นตถาคตก็สอนไว้ว่าให้รับผลไปตามนั้น เพราะไม่มีใครหนีกรรมพ้น สิ่งที่ทำให้คือยอมรับ และหมั่นสะสมบารมี ความเป็นกรรมขาว กรรมดี เพียงแค่ศีล  5 ก็เพียงพอที่จะไม่ก่อกรรมดำใหม่แล้ว         จากคุณ : มรรคานุคา (KM911) เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 19:45:11

ความคิดเห็นที่ 26 ใครอยากเห็น  อยากพิสูจน์ให้ประจักษ์ด้วยตาว่า  การเข้าทรงมีจริงหรือไม่อย่างไร   ก็หาโอกาสไปเยี่ยมในงานต่อไปนี้ - งานเทศกาลตรุษจีน ที่จังหวัดนครสวรรค์  ให้ไปรอที่ศาลเจ้าชั่วคราวที่เขาปลูกเพื่อบูชาเจ้าพ่อเจ้าแม่ ตรงฝั่งที่ด้านที่ทีตรงข้ามกับศาลเจ้า(ที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา)  ตรงจุดที่แม่น้ำ ปิง วัง ยม น่าน มารวมกันนั่นแหละ  ...ไปรอแถวๆนั้นก่อนวันแห่หนึ่งวัน หรือในเช้ามืดของวันแห่   เพราะการเข้าทรงจะเริ่มช่วงเวลานั้น   ซึ่งอาจจะโดนใครสักคนหรือ ๒-๓ คน ที่เดินผ่านไปผ่านมา   อยู่ๆก็จะมีวิญญาณเจ้าพ่อเจ้าแม่มาเข้าทรง  ลงไปดิ้นพราดๆ  แล้วคนพวกนี้ก็จะถูกอัญเชิญไปร่วมขบวนแห่  มีการนั่งบนเก้าอี้ตะปู  เอาเหล็กแทงทะลุแก้ม  เชือดลิ้น  เชือดตามตัว  เป็นต้น ... พอแห่เสร็จ ตอนเย็น ๆ เมื่อวิญญาณเจ้าพ่อเจ้าแม่ออกไป  คนเหล่านั้น  จะล้มลงไปสลบเหมือดนานพอควร  เมื่องัวเงียตื่นขึ้นมา ก็จะไม่มีแผลอะไรเลย  และรู้สึกว่าตนเองหลับไป   จะไม่รู้เรื่องเลยว่าตนเองเคยโดนเข้าทรง  และไปเข้าในขบวนแห่มาก่อน - งานเทศกาลกินเจที่ภูเก็ต   ก็ทำนองเดียวกัน - งานเทศกาลของฮินดูบูชาเจ้าแม่กาลีที่ประเทศมาเลย์เซีย ก็ทำนองเดียวกัน - งานเปิดศาลเจ้า(ของจีน)ที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ   ... ถ้ารู้ว่าที่ไหนมีการเปิดงานศาลเจ้าที่เพิ่งสร้างเสร็จ  ก็หาโอกาสไปร่วม  อยู่ตั้งแต่เช้าจนสว่างอีกวัน   ตอนกลางคืนจะเห็นอะไรแปลกๆ จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 02:29:43

ความคิดเห็นที่ 27 พวกที่เขาทรงเจ้ากันจริงจัง เช่นพวกที่เขากินเจในเทศกาลต่างๆ เท่าที่เห็นด้วยตาด้วยหูรู้จากระยะไกลๆ  เห็นเขาว่า ต้องถือศีล ต้องล้างตัวให้สะอาด แบบว่ามีกระบวนการพิธีกรรมเป็นม้าทรง มันไม่ใช่ว่าใครๆ ก็เป็นได้อ่ะนะ ศรัทธาต้องถึง กำลังจิตต้องมั่่นคงไม่กลัว  (ไม่งั้นร้อนแย่) เขาก็ต้องฝึกด้วยเหมือนกันน่ะ ตามตำนาน ตามหลักฐาน ที่อ่านศึกษามาบ้าง ชาติไหนๆ ก็มีคนทรง เรียกหมอผีก็มี ทำหน้าที่เป็นผู้สื่อระหว่างภพ  เขาก็ต้องมีกระบวนการเตรียมตัว มีสืบทอดกันทางสายเลือด หรือเป็นผู้มีคุณสมบัติพิเศษ ซึ่งก็ต้องรักษาศีล ต้องมีการจัดการร่างกายของตนเอง มีข้อห้ามข้อปฏิบัติในการรักษาตนเพื่อทำหน้าที่ เมื่อก่อนเราคิดว่าเป็นนาฏกรรมล้วนๆ  แต่ตอนหลังพอศึกษาแล้ว มัน ritual มันมีส่วนที่เป็นพิธีกรรม เป็นนาฏกรรม แล้วก็มีของจริงด้วย  ก็เหมือนศาสนาแหละ มีส่วนเปลือก แก่น และกระพี้  มันเป็นส่วนหนึ่งของโลกยุคโบราณน่ะ เราไม่ประมาทในธรรมของเขานะ พวกที่ถือผี ลัทธิบูชาผี เขาก็อาศัยการทรง ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เช่นของหาย เจ็บไข้ได้ป่วย มีปัญหาอะไร เขาก็พึ่งจิตวิญญาณที่มีอำนาจเหนือกว่า ผี หรือเทพเจ้า คือเขามีความเชื่อสืบทอดกันในท้องถิ่น อันนี้มันไม่ใช่พุทธอยู่แล้ว  ถ้าพุทธศาสนาเข้าไปถึง ความเจริญเข้าถึง เซเว่นเข้าถึง ความเชื่อพวกนี้ก็ค่อยๆ หมดไป หรือไม่ก็เปลี่ยนรูปไปแทน 555 ชนเผ่าบางเผ่า เลิกถือผี ไปถือคริสต์แทน เขาก็ไปขอให้พระเจ้าช่วยแทนไง     ส่วนพระของศาสนาพุทธ ถ้าไม่สามารถช่วยเขาได้ แบบให้คำปรึษาไม่ได้ บางทีชาวบ้านเขาไม่เอานะ คนไทยมีนิสัยชอบขอ มันแก้ยากค่ะ ก็แค่เปลี่ยนผู้ขอไปเท่านั้นเอง เราไม่ค่อยสอนคนของเราให้พึ่งตัวเองด้วยลำแข้งน่ะ ทีนี้พวกทรงที่เป็นของเดิม ถ้าติดอามิส เก็บเงิน ทำเพื่อผลประโยชน์ มันอยู่ไม่ได้หรอก โดยหลักการมันจะเสื่อม มันจะส่งผลเป็นอันตรายแก่ตนเองในที่สุด   พวกที่สิงมีผี กับพวกเทวดาชั้นล่างๆ มิจฉาทิษฐิเยอะไป  อันนี้มันอีกเคสแล้ว คือได้ยินว่าพวกเทพๆ ที่เขาตั้งใจทำความดีก็มี พวกที่หาประโยชน์จากขันธ์ของมนุษย์ก็มี ถ้ามีข้อมูลสักหน่อย ก็จะเห็นว่ามันมีความต่างกัน ไม่ได้เหมือนกันหมด พวกที่เป็นร่างทรง ของจริงทำเพื่อคนอื่นก็มี  ของจริงแต่ทำเพื่อตนเอง หรือหลงไปภายหลังก็มี   ของปลอมแท้ๆ ก็มากกกกกกก คือปลอมหมดเลย ปลอมทั้งแท่ง น่ะ Drama ล้วนๆ เยอะไป แต่ทั้งหมดที่พูดมา ยังไงก็มิจฉาทิฐิไง จะมิจฉามากหรือน้อยอีกเรื่องนึง พูดแล้วเหนื่อย..น่าเวียนหัว ในฐานะคนพุทธ ที่อยู่ในสังคมซับซ้อน เราไม่แนะนำให้เชื่อหรือไม่เชื่อ โดยไม่พิจารณาให้ดีซะก่อนนะ รู้สึกว่าเรื่องซับซ้อนอย่างนี้ ถ้าบอกว่าไม่เชื่อ แล้วไม่ดูแลตัวเอง เป็นเหยื่อเขา ก็โง่ เชื่องมงาย เป็นเหยื่อเขาต้องเสียเงินเสียทองอีก ก็โง่ยาวเลย ถ้าฉลาด อย่าไปยุ่ง ไม่ต้องไปพิจารณาเหตุผลใครถูกใครผิด อะไรเลย ถอยลูกเดียว ป้องกันตนเท่าที่ทำได้ค่ะ ที่สำคัญ ถ้ายังต้องผูกพันกะลูกเขา อย่าให้เขาเกลียดเป็นอันขาด  เราไม่ทันกิเลสของเรา ไปสู้กับเขา  ได้ไม่คุ้มเสียค่ะ เรายังว่าเราโชคดี มีบุญตรงไม่มีใครในครอบครัวสนใจทางนี้เลย  เคยเจอคนที่ครอบครัวชอบทางนี้ เห็นแล้วไม่รู้จะช่วยยังไง ได้แต่ปลอบใจลูกเขา แบบเอาตัวเองให้รอดก่อนแล้วกัน สติ และปัญญา เป็นที่พึ่งแท้จริงนะ แก้ไขเมื่อ 04 ต.ค. 55 04:51:47 จากคุณ : chaosy เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 04:50:18

ความคิดเห็นที่ 28 การที่ยังต้องใช้ร่างกายขันธ์คน  บังคนลงองค์  แท้จริงคือพวกผี เปรต อสุรกาย ที่อาศัยบนโลก  พวกนี้กำลังไม่พอต้องอาศัยร่างคนที่ยอมมาลง พวกเทพอีกระดับ จะไม่มาทำแบบนี้ เพราะกำลังมากพอแสดงได้เลย แต่ก็จะไม่มาสุงสิง  เกี่ยวข้องกับคนเพราะคนละภพกัน สรุป คนทรง ก็คือ คนที่พวกผีลงมาหากินเล่น หรือไม่ก็พวกเล่นละคร จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 06:46:58

ความคิดเห็นที่ 29 เชื่อว่า การเข้าทรงมีจริง ผีเข้ามีจริง แต่ไม่ศรัทธา เพราะการเข้าทรงหรือผีเข้า จะมีแต่พวกสัมภเวสีและเทพบางเหล่าเท่านั้นที่มาเข้า คนที่แอบอ้างพระอรหันต์ เท่ากับเปิดทางนรกให้ตัวเอง ส่วนคนที่เชื่อและนับถือ เป็นพวกไม่มีปัญญา ศึกษาศาสนาแบบลูบ ๆ คลำ ๆ ทำให้จิตใจหมกมุ่นในเรื่องที่ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ และพอกกิเลสตนให้หนาขึ้นด้วย จากคุณ : ประดับดาว เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 55 01:33:20