ความคิดเห็นที่ 1 กระทู้นั้น ความคิดเห็นที่ 17 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน คคห 14 คห. 11 หนังสือเล่มหนึ่งไม่ทราบว่าจะ เข้าข่าย คำว่า "หนังสือของ พ่อครู" หรือไม่ ? ไม่ใช่ครับ  แต่พระที่ท่านนั้น รำลึกถึง ก็เป็นที่เคารพอย่างสูงของหลายๆท่านในที่นี้นะครับ ^^^^ (๑) ตกลง "พระ"  ท่านใดนั้น "นับเป็นศิษย์ ของ ท่านนั้น"  "(คือท่าน)ที่เสนอคำว่า" "ฐิติภูตัง" --- ใช่หรือไม่ครับ คุณ P2wichai (๒) "ท่านใดนั้น" "เป็นผู้" "บัญญัติ" คำว่า "ฐิติภูตัง"  ใช่หรือไม่  ? จึงเกิด ผล คือ --แต่พระที่ท่านนั้น รำลึกถึง ก็เป็นที่เคารพอย่างสูงของหลายๆท่านในที่นี้นะครับ -- --- ใช่หรือไม่ครับ คุณ P2wichai จากคุณ : เซนเถรงาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) [Bloggang] เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 06:27:24 [แก้ไข] จบความนำ (กระทู้นี้) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 06:28:29

ความคิดเห็นที่ 2 ประเด็น (๑) พระพุทธภาษิตใดบ้าง ตรัส คำว่า "ฐิติ" ไว้ (๒) ข้อที่ ๑  ทรงหมายความว่า? (๓) พระพุทธภาษิตใดบ้าง ตรัส คำว่า "ภูตา หรือ ภูตัง" ไว้ (๔) ข้อที่ ๓  ทรงหมายความว่า ****************************************************** จากความจำ (สุตมยปัญญา ที่เนื่องกับ  พระพุทธภาษิตแปลไทย สำนนวนแปล ท่านพุทธทาสฯ) (๑) พระพุทธภาษิตใดบ้าง ตรัส คำว่า "ฐิติ" ไว้ --- ตรัส วิญญาณฐิติ ๔ --- ตรัส วิญญาณฐิติ ๗  อายตนะ ๒ (๒) ข้อที่ ๑  ทรงหมายความว่า? ---  ดูพระบาลีแปลไทย เหล่านั้นเอง เช่น วิญญาณฐิติ ๔ --- ขนฺธ สํ ๑๗/๖๗/๑๐๖-๑๐๗ ท้ายพระสูตรตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย  ผู้ใด จะพึงกล่าวอย่างนี้ว่า เรา(ตถาคต) จักบัญญัติ ซึ่งการมาการไป การจุติ (เคลื่อน) การอุบัติ (เกิดแบบหนึ่ง  ที่ ต่างจากคำว่า ชาติ) ความเจริญ ความงอกงาม  และความไพบูลย์  ของ วิญญาณ  (ที่ตรัสว่า วิญญาณ ฐิติ ๔ อย่าง (รูป เวทนา สัญญา สังขาร)  พึงเห็นว่า เหมือน ดิน นันทิราคะ พึงเห็นว่าเหมือนน้ำ  วิญญาณที่ประกอบด้วยปัจจัย  พึงเห็นว่าเหมือนกีบ พืชสด ทั้งห้า ที่กระทำอุปมาไว้ฯ) โดยนเว้นจากรูป เว้นจากเวทนา เว้นจากสัญญา และเว้นจากสังขาร ดังนี้นั้น นี่  ไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้เลย จบความนำ (โดยย่อ)   วิญญาณฐิติ ๔ จาก --- ขนฺธ สํ ๑๗/๖๗/๑๐๖-๑๐๗ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 06:37:17

ความคิดเห็นที่ 3 วิญญาณฐิติ ๗  อายตนะ ๒ --พระบาลี  มหา  ที ๑๐/๘๑-๘๓/๖๕ ตรัสแก่พระอานนท์ ท้ายพระสูตร ตรัสไว้ว่า อานนท์ ในบรรดา วิญญาณฐิติ ๗ (ต้องไม่ขัดกับ วิญญาณฐิติ ๔ ด้วย ใช่หรือไม่?) และ อายตนะ ๒ (ได้แก่ อสัญญีสัตตายตนะที่หนึ่ง เนวสัญญานาสัญญายตนะ ที่สอง ---- รวมเป็นองค์เก้า) นั้น วิญญาณฐิติประเภทที่หนึ่ง อันใด มีอยู่ คือ สัตว์ทั้งหลาย มีกายต่างกัน มีสัญญาต่างกัน ได้แก่ มนุษย์ทั้งหลาย เทวดาบางพวก (ดู ท้าวสักกะจอมแห่งเทวดา ที่มาทูลถาม ปรินิพพานในทิฏฐธรรม) และ วินิบาตบางพวก จบความนำ (โดยย่อ)   วิญญาณฐิติ ๔ จาก --- ขนฺธ สํ ๑๗/๖๗/๑๐๖-๑๐๗ อานนท์ ผู้ใด รู้ชัดวิญญาณฐิติที่หนึ่งนั้น (ได้แก่ พระอรหันต์ ในธรรมวินัยนี้ ""สมัยพุทธกาล"" ที่เนื่องกับ นิพพานธาตุ ๒ + อาการตาม จูฬสุญญตสูตร  (-- สมัยนี้ ยกไว้ก่อน  เพื่อความไม่ประมาทฯ) ) รู้ชัดการเกิด (สมุทัย  ไม่ใช่ คำว่า อุบัติ และหรือ ชาติ) แห่งสิ่งนั้น (วิญญาณฐิติประเภทที่หนึ่ง) รู้ชัดความดับ (อุตถังคมะ /ไม่ใช่ นิโรธ) แห่งสิ่งนั้น รู้ชัดรสอร่อย (อัสสาทพ / ไม่ใช่ เวทนา) แห่งสิ่งนั้น รู้ชัดโทษอันตำทราม (อาทีนวะ) แห่งสิ่งนั้น และ  รู้ชัด อุบายเป็นเครื่องออก (นิสสรณะ) แห่งสิ่งนั้น  (คือ อริยมรรคมีองค์ ๘) ดังนี้แล้ว ควรหรือหนอที่ผู้นั้น (พระอรหันต์ ที่ผ่าน อนาคามี ฯ) จะเพลิดเพลินยิ่งซึ่ง วิญญาณฐิติที่หนึ่ง นั้น? พระอานนท์  "ผู้ โสดาบัน" ทูลตอบว่า ข้อนั้น  เป็นไปไม่ได้ พระเจ้าข้า จบความ (โดยย่อ) วิญญาณฐิติ ๗  อายตนะ ๒  มหา  ที ๑๐/๘๑-๘๓/๖๕ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 06:56:17

ความคิดเห็นที่ 4 วิญญาณฐิติ ๗  อายตนะ ๒  (ต่อ) มหา  ที ๑๐/๘๑-๘๓/๖๕ ท้ายพระสูตร  ตรัสว่า อานนท์ (ผู้โสดาับันฯ) เมื่อใด ภิกษุรู้แจ้งชัดตามที่เป็นจริง ---- ดู จูฬสุญญตสูตร  ด้วย ซึ่งความเกิด (สมุทัย) การดับ (อัตถังคมะ) รสอร่อย (อัสสาทะ) โทษอันต่ำทราม (อาทีนวะ) และอุบายเป็นเครื่องออก (นิสสรณะ) แห่ง วิญญาณฐิติ ๗เหล่านี้ และแห่งอายตนะ ๒ เหล่านี้ด้วย    ------> <--- ตรงนี้คือ เจโตวิมุตติ ? หรือไม่? แล้ว (พิจารณาที่ตรัส------> <--- ตรงนี้คือ ปัญญาวิมุตติ? หรือไม่?) เป็น ผู้ หลุดพ้น (จาก ธรรมเหล่านั้น) เพราะ ความไม่ยึดมั่น อานนท์  ภิกษุ (เช่นนี้แล) เรา ตถาคตกล่าวว่า  เป็น ปัญญาวิมุตติ ************************************************** หมายเหตุ วิญญาณฐิติ  ประเภทที่ ๗ ๗  อานนท์  สัตว์ (ผู้ข้องกับ ขันธ์ทั้ง ๕ อันเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน -- ตรัสไว้ จากความจำ) ทั้งหลาย เพราะก้าวล่วงเสียซึ่ง วิญญาณณัญจายตนะ (อายตนะเช่นนี้ เนื่องกับ อรูปฌาน ใช่หรือไม่?)  เสียได้   โดยประการทั้งปวง  (คือ พระอนาคามี  ในธรรมวินัยนี้ ใช่หรือไม่?) เข้าถึง  อากิญจัญญายตนะ  มีการทำในใจ (เพ่ง ตามที่ ทรงปฏิบัติมาก่อนตรัสรู่ ว่า) "อะไรๆ ไม่มี" ดังนี้ นี้ คือ วิญญาณฐิติ  ประเภทที่ ๗  (ขัดกับ วิญญาณฐิติ ๔  ได้หรือไม่ หนอ?) จบความ "ผู้ปัญญาวิมุตติ" ตาม พระพุทธภาษิต --- มหา  ที ๑๐/๘๑-๘๓/๖๕ ที่เนื่องกับ วิญญาณฐิติ ๗ อายตนะ ๒ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 07:10:04

ความคิดเห็นที่ 5 (๓) พระพุทธภาษิตใดบ้าง ตรัส คำว่า "ภูตา หรือ ภูตัง" ไว้ (๔) ข้อที่ ๓  ทรงหมายความว่า ******************************************************** ตรัส คำว่า "ภูตา หรือ ภูตัง" ดู  "อาหาร ๔" --  นิทาน สํ ๑๖/๑๔/๒๘-๒๙ ภิกษุทั้งหลาย อาหาร (อาหาโร แปลว่า เหตุ ) ๔ อย่างนี้  มีอยู่   (เป็นปัจจัยให้เกิด - สมุทัย ซึ่ง ผล คือ) เพื่อความตั้งอยู่ได้ของ สัตว์ผู้เกิดแล้วบ้าง (ภูตสัตว์) บ้าง เพื่ออนุเคราะห์สัตว์ ผู้กำลังแสวงหาที่เกิด (สัมภเวสีสัตว์) บ้าง อาหาร ๔  ได้แก่ (๑) อาหารที่ ๑   - เหตุที่ ๑ คือ คำข้าว (๒) อาหารที่ ๒   - เหตุที่ ๒ คือ ผัสสะ (๓) อาหารที่ ๓   - เหตุที่ ๓ คือ มโนสัญเจตนา (เจตนาคือกรรม แล้วกระทำกรรมทาง มโน คือ มโนกรรม) (๔) อาหารที่ ๔   - เหตุที่ ๔ คือ วิญญาณ  (เนื่องกับ วิญญาณฐิติ ๔ และหรือ วิญญาณฐิติ ๗ อายตนะ ๒  ไหม? พิจารณาเอง) จบความ (โดยย่อ) ว่าด้วย "ภูตา"  หรือ "ภูตัง" จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 07:18:04

ความคิดเห็นที่ 6 ที่มาของ คำว่า "ฐีติ ภูัตัง" หนังสือเล่มหนึ่ง (ไม่ทราบว่าจะ เข้าข่าย คำว่า "หนังสือของ พ่อครู" หรือไม่ฯ" คือ "รำลึกวันวาน" ฯ หน้า ๖๙                          ข้อความ (ผิด ตก ยก เว้น) --- เปรียบเหมือนฐิติภูตัง คือ จิตดวงเดิมที่มีอยู่ เป็นอยู่  แต่ถูกห่อหุ้มด้วยอวิชชา ตัณหา อุปาทาน เมื่อชำระด้วย ศีล สมาธิ ปัญญาแล้ว  เป็นฐิติญาณณัง จิต คือ ผู้รู้ว่าสูญจากอาสวะ และรู้ว่าสูญจากอาสวะก็เป็นบรมสุข พ้นจากทุกข์ทั้งปวง ดังคำว่า นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ  พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง เป็นคู่กันกับ นิพฺพานํ ปรมํ สุญฺญํ ******************************************************* ^^^^ ผมยังหาไม่พบ นึกไม่ออกว่า "พระพุทธเจ้าตรัสไว้ พระเถระครั้งปฐมสังคายนา รักษา ตามที่ตรัสมา"  คำว่า "ฐีติ (ฐิติ) ภูตัง" ไว้  ใน พระไตรปิฎก ฯ เล่มใด ท่านผู้รู้ใด ทราบ เสนอด้วย เป็น วิทยาทาน  ฯ                          ------ >"ฐีติภูตัง" <----- ปรากฎในเล่มที่? หน้า ? ข้อ ? จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 07:22:49

ความคิดเห็นที่ 7 คำนี้ไม่มีในตำรา   หลวงปู่มั่นท่านพิจารณาตามธรรมที่ท่านปฏิบัติจนรู้เห็น แล้วบัญญัติคำขึ้นมา ....หมายถึงอะไรอย่างหนึ่งที่เป็นแกนกลางในใจของสัตว์ทั้งหลาย จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 07:40:14

ความคิดเห็นที่ 8 แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 55 12:24:43 แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 55 12:22:40 แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 55 12:21:29 แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 55 12:20:58 แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 55 12:20:23 แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 55 12:19:02 แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 55 12:17:43 จากคุณ : โกวิทย์ (โกวิทย์) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 12:16:43

ความคิดเห็นที่ 9 เท่าที่ได้ไปอ่านฟังมาจากหลวงพ่อพุทธ..ซึ่งท่านได้กล่าวไว้ว่าหลวงปู่มั่น นั้นหมายถึง....ดังนี้ http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=mbTRS40-QvU เท่าที่ได้ไปค้นคว้าในพระไตรปิฏก...ไม่มีในพระไตรปิฏกครับ ซึ่งเท่าที่ผมปฎิบัติธรรมมา......ผมยังไม่เคยเห็นสภาวะธรรมที่เกิดในจิตแล้วไม่สามารถเทียบความหมายตามที่พระพุทธเจ้าสอนได้.... สภาวะธรรมที่เกิดในจิต...นั้นสามารถมีคำเป็นตัวอักษรตามที่พระพุทธเจ้าได้กล่าวแล้วทั้งสิ้น...หากเป็นสภาวธรรมที่มุ่งไปสู่นิพพาน... เพราะหากเอาความหมายตามที่หลวงพ่อพุทธได้บอกไว้ว่า ฐี ติคือ "ความตั้งเด่นอยู่ของจิต...อยู่ในสภาพที่สงบนิ่ง..เป็นกริยาที่ประชุมพร้อม ของอริยมรรค..ยังจิตให้บรรลุถึงความเป็นอุปติภาคโดยสมบูรณ์.............." พระ พุทธเจ้าก็นิยามไว้แล้วว่า....คือ....สมาธิ(ตั้งมั่น)..ปัญญา(รู้เห็นสภาพ จิตตามสภาวะตามความเป็นจริง).....(ดูให้ครบถ้วนให้ไปอ่านใน...มหาจัตตารีสก สูตร...ซึ่งได้อธิบายครบถ้วนแล้วว่าหากมรรคบริบูรณ์จะมีสภาวธรรมชื่ออะไร บ้างเกิดขึ้น) ซึ่งผมเดาว่า...เนื่องจากพระสายพระป่าในประเทศเราไม่ ได้อ่านค้นคว้าพระไตรปิฎกมากพอ..พอไปเจอสภาวธรรมจึงไม่สามารถนำคำในพระไตร ปิฏกมาพูดสอนได้..จึงบัญญัติคำใหม่ขึ้นมาครับ แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 55 12:26:48 แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 55 12:25:28 จากคุณ : โกวิทย์ (โกวิทย์) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 12:24:19

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณ    คุณ โขตาน       คุณ โกวิทย์ (โกวิทย์)    ที่เข้ามาชี้แจง คุณเซ็น จากคุณ : P2wichai เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:26:09

ความคิดเห็นที่ 11 เอาไปตั้งกระทู้ใหม่ คำว่า คำนี้ไม่มีในตำรา   หลวงปู่มั่นท่านพิจารณาตามธรรมที่ท่านปฏิบัติจนรู้เห็น แล้วบัญญัติคำขึ้นมา ....หมายถึงอะไรอย่างหนึ่งที่เป็นแกนกลางในใจของสัตว์ทั้งหลาย จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 07:40:14 [แก้ไข] ถูกใจ : cantona_z, P2wichai ^^^^ เพื่อ  สัมมาทิฏฐิ  "ตามที่พระพุทธเจ้าตรัส" ----- นะครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 55 07:44:11

ความคิดเห็นที่ 12 กระทู้ใหม่ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12773068/Y12773068.html#30 จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 09:45:12