"พระราชปุจฉาธรรม" กับหลวงปู่พระอรหันต์ ทั้ง ๖ องค์
|
|
"พระราชปุจฉาธรรม ใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ"
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งเสด็จขึ้นครองราชย์ในปีพุทธศักราช 2489 ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการว่า "เราจะครอง แผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" จากวันนั้นจนถึงวันนี้ กว่า 57 ปีแล้ว ที่ทรงตั้งมั่นอยู่ในทศพิธราชธรรม อย่างมิเสื่อมคลาย ภาพเมื่อคราเสด็จออกผนวช ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ.2499 นั้น ยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำของพสกนิกรทั่วประเทศ อันแสดงให้เห็นว่าทรงมีพระราชศรัทธาตั้งมั่นในบวรพระพุทธศาสนา ที่สำคัญคือยังทรงใฝ่พระทัยในการศึกษาธรรมจนแตกฉาน ทั้งจากตำรับตำรา และจากการสนทนาธรรมกับพระเถรานุเถระอยู่เนืองๆ
"ธรรมลีลา"ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต นำส่วนหนึ่งของพระราชปุจฉาธรรม ที่ทรงมีกับพระเถระฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือและรู้จักกันดีในหมู่พุทธศาสนิกชน อันได้แก่ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่ดูลย์ อตุโล, หลวงพ่อเกษม เขมโก, หลวงพ่อสมชาย ฐิตวิริโย และหลวงพ่อพุธ ฐานิโย มาเสนอ ณ ที่นี้ ด้วยเห็นว่าจักเป็นประโยชน์สูงสุดแก่พุทธศาสนิกชนชาวไทย ในการน้อมนำไปประพฤติปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
จาก ธรรมลีลา
"พระราชปุจฉา กับ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร"
ณ วัดป่าอุดมสมพร อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร
พระราชปุจฉา : ทำอย่างไร ประเทศชาติประชาชน จะอยู่ดีกินดี มีความสามัคคีปรองดองกัน
หลวงปู่ฝั้น : ให้เข้าหาพระศาสนา เพราะศาสนาสอนให้ละชั่ว กระทำความดี ทำใจให้ผ่องใส
พระราชปุจฉา : คนส่วนมากทำดี คนส่วนน้อยทำชั่ว จะทำให้คนส่วนมากเดือดร้อนไหม ทำอย่างไรจึงจะแก้ไขได้
หลวงปู่ฝั้น : ขอถวายพระพร ทุกวันนี้คนไม่รู้ศาสนา จึงเบียดเบียนกัน ถ้าคนเรานึกถึงตนแล้วก็ไม่เบียดเบียนกัน เพราะต้องการความสุขความเจริญ คนอื่นก็เช่นกัน คนทุกวันนี้เข้าใจว่าศาสนาอยู่กับวัด อยู่ในตู้ ในหีบ ในใบลาน อยู่กับพระพุทธเจ้าประเทศอินเดียโน่น จึงไม่สนใจ บ้านเมืองจึงเดือดร้อนวุ่นวาย มองหน้ากันไม่ได้ ถ้าคนเราถือกันเป็นบิดามารดา เป็นพี่เป็นน้องกันแล้วก็สบาย ไปมาหาสู่กันได้ เพราะใจเราไม่มีเวร เวรก็ไม่มีใจ เราไม่มีกรรม กรรมก็ไม่มี ฉะนั้น ให้มีพรหมวิหารธรรม อย่างมหาบพิตรเสด็จมานี้ ทุกอย่างเรียบร้อยหมด
(จากหนังสืออนุสรณ์พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร)
จากคุณ |
:
wutthitham
|
เขียนเมื่อ |
:
วันเกิด PANTIP.COM 55 15:29:55
|
|
|
|