ความคิดเห็นที่ 1 อ้อ ในฐานะที่เปิดประเด็นขึ้นมาเสี้ยม เอ๊ย เปิดประเด็นขึ้นมาถก ขอ อนุญาต ยกมือแสดงความคิดเห็น เป็นคนแรก โดย อ้างอิงจากประสบการณ์ และ องค์ความรู้ที่มีอยู่นะเจ้าคะ สำหรับตอนนี้ อิฉันเลือกหม่ำมื้อเดียว โดยเลือกหม่ำมื้อเช้า ในวันปกติ หรือไม่ก็ ก่อนเที่ยงในวันหยุด ( ตามแต่จะตื่น+ สะดวก ฯลฯ ) เพราะ เมื่อ พิจารณาจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ แล้ว มื้อเช้า เค้าว่า บำรุงสมอง ร่างกายต้องการใช้น้ำตาลไปให้พลังงาน ในการทำนู้นนี่นั่น ขาดแล้ว เดี๋ยวจะเป็นโรคเอ๋อ ที่สำคัญถ้าไม่มีอาหารลงไปในกระเพาะ ในมื้อเช้า การบีบรัดตัวของกระเพาะจะไปเอาอุจจาระกลับเข้ามาย่อยซ้ำ สารที่ย่อยจะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด ทำให้ร่างกายได้รับสารพิษจากอุจจาระ (แทนที่จะเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์) แถม เท่าที่เคยสังเกต พวกที่ไม่กินมื้อเช้า เช่น พวกที่ ไดเอทลดความอ้วน กลิ่นปากจะแรงมั่ก ๆ ดังนั้นเพื่อสุขภาพตัวเอง และ เป็นการป้องการป้องกัน การ ก่อมลพิษแก่คนรอบข้าง นู๋บีก็เลย เลือกกินมื้อเช้าคร้าาาา ส่วน มื้อเที่ยง บำรุงกำลัง อันนี้ ตัดทิ้งได้ เพราะไม่ได้มีอาชีพใช้แรงงาน ไปขนอิฐขนปูนที่ไหน ส่วนใหญ่ก็นั่งทำงานอยู่แต่ในห้องแอร์เย็น ๆ คอยยิ้มหวาน ๆ จ่ายยาให้คนไข้เท่านั้นเอง ดังนั้น กินแค่มื้อ เช้าก็ มีแคลอรี่ เหลือเฟือ พอใช้ทั้งวันแล้ว ที่สำคัญ งดมื้อเที่ยงไปซะได้ ก็ดี ก็จะได้มีเวลา นอนกลางวัน ( เซียสต้า ) มากขึ้น อันจะเป็นการช่วยผ่อนคลายสมอง ไปในตัว ด้วย ( เท่าที่ทดลองทำดูแล้ว ผลออกมาน่าพอใจนะ ลุกไปทำงานตอนบ่ายแล้วรู้สึกเฟรชชี่ มว๊ากกกก ) ส่วนมื้อเย็น ตำราเค้าว่า บำรุงกาม อ่ะค่ะ กินไปก็ไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์ เพราะกลางคืนเป็นเวลาพักผ่อนหลับนอน ไม่ค่อยมีการเผาผลาญแคลอรี่ เอาใช้ พลังงาน ไปทำกิจกรรมอะไร เท่าไร ( ถ้าไม่ได้ใช้พลังงานไปทำกิจกาม กับใคร อ่ะนะ หุหุ ) หนำซ้ำบางที เอนจอยอีทติ้ง กินเข้าไป จนเกินพอดี ก็เป็นการสะสมแครอรี่ส่วนเกิน ทำให้เสียสุขภาพได้อีกตะหาก ด้วยเหตุผลดังกล่าวมานี้ อิฉันจึงตัดสินใจ เลือกกินมื้อ เดียวตอน เช้า อ่ะค่ะ อ้อ อีกอย่าง การงดมื้อเย็น มันช่วยทำให้การฝึกเจริญสติ มีประสิทธิภาพ มากกว่า การงดมื้อเช้าด้วย เพราะ ตอนเช้ามันมี งานนู่นนี่นั่น มาทำ พอจิตเรา วุ่นวายจดจ่อมีสมาธิ อยู่กับงาน มันก็จะแอ๊บแบ๊ว ลืมหิวไปได้แบบเนียน ๆ โดยไม่จำเป็นต้องฝึกฝนจิตให้แยกเวทนาทางกาย ออกจาก เวทนา ทางใจ เลยอ่ะ แต่ถ้างดมื้อเย็น มันเป็นช่วงเวลาที่เราไม่มีการงานอะไรแระ มีเวลาฟุ้งซ่านสารพัด ได้มากขึ้น 55555 ก็เรยทำให้การฝึกเจริญสติต เรื่องการอดทนอดกลั้นกับความหิว มันฝึกได้เข้มข้น กว่าตอนเช้า อ่ะ แต่ที่น่าขำก็คือ พอ ฝึกแยกเวทนาทางกาย( ความอยากอาหาร+ความหิว ) ก๊ะ เวทนาทางใจ ( ความทุกข์ใจจากสภาวะหิว สภาวะอยาก ) ได้อย่างชิล ๆ แระ แทนที่ จะเห็นใจเพื่อนมนุษย์ ผู้หิวโหย อ่ะนะ เปล๊าาาาาา อิฉันดันกลายเป็นคนสวยใจดำซะงั้น เนี่ย พอ มองเห็น คนไข้เบาหวาน ที่น้ำตาลสูงปรี๊ดๆ มาบ่นประมาณ ว่า เห็นใจป้า ด้วยเต๊อะ ก็ป้าหิวนิ เรยสวาปามแยะไปหน่อย น้ำตาลมันเลยขึ้นจร้าาาาาาา เฮ้อออ พออิฉันฟังแล้ว แทนที่จะนึกสงสาร เพราะเคยมีความรู้สึกทุกข์ทรมานเพราะความหิว( อยาก ? )แบบนั้นมาก่อน อิฉัน ดันทะลึ่งคันปากยิบ ๆ อยากจะชวนป้าแกมาหัดเจริญสติปัฏฐาน 4 เป็นบ้า เผื่อว่า น้ำตาลป้าแกจะได้ลด ๆ ลงมามั่ง จะได้ไม่เสี่ยงเป็นเบาหวานขึ้นตา เหอะ ๆ แหะ ๆ ฝอยซะยาวอีกตามเคย อืม...ไม่ทราบว่า ทั่นผู้อ่าน ท่านอื่น มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องช่วงเวลา ที่เหมาะสมในการงดอาหาร ยังไงมั่งคร้าา มา แชร์กันหน่อยจิคร้าาาาาาาาา เผื่ออิฉันจะได้ ข้อมูลอะไรใหม่ ๆ อาจจะปิ๊งไอเดียแจ่ม ๆ เจ๋ง ๆ เอามาปรับปรุง เปลี่ยนแปลง การถือศีล 6 ของตัวเอง เป็นการต่อยอดเพิ่มเติมอ่ะค่ะ แหะ ...แหะ... จากคุณ : ยื้มล็อกอินป๊ะป๋า มาใช้เจ้าค่ะ (ป๊ะป๋าหมาน) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 19:48:48

ความคิดเห็นที่ 2 การไม่กินมากเกินไปเป็นสิ่งดี แต่การอดอาหารไม่แนะนำ ยิ่งอดน้ำยิ่งแล้วใหญ่ จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 20:00:50

ความคิดเห็นที่ 3 ผม เป็นมุสลิม นะครับ ผมไม่ขอเปรียบเทียบละกัน แต่ชี้ให้เห็นลักษณะการถือศีลอดของ อิสลาม นะครับ ถือศีลอดในอิสลาม จะถือตั้งแต่ แสงเงินแสงทองขึ้นจับท้องฟ้า จนถึงพระอาทิตย์ตกดิน ในเดือน รอมดอน เดือนอาหรับ ตามจันทรคติ อิสลามสนับสนุน ให้ทานอาหารก่อนและใกล้ๆเวลา แสงเงินแสงทองขึ้นในยามเช้า นัยเพื่อตุนพลังงานไว้ใช้ในการทำงานในช่วงกลางวัน ในช่วงกลางวันที่ถือศีลอด งดการบริโภคทุกชนิด ไม่เว้นแม้แต่น้ำเปล่า นอกจากนั้น ยังต้องงดจากการทำบาปทั้งมวล ไม่ว่า บาปเล็ก หรือ บาปใหญ่ เช่น ห้ามมองต่างเพศด้วยความเสน่หา นินทาคนอื่น เป็นต้น เมื่อถึง ตอนพระอาทิตย์ตกดิน ก็สนับสนุนให้ทานอาหารทันที โดยเริ่มจากอาหารเบาๆเช่น อิทผาลัม นมสด เป็นต้น จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 20:11:29

ความคิดเห็นที่ 4 ในช่วง เวลากลางคืน ก็สนับสนุนให้ทำกิจกรรมทางศาสนา เช่นการอ่าน พระคัมภีร์ อัรกุรอ่าน ตามมัสยิด ก็มีการละหมาดร่วมกัน เรียกว่า ละหมาดตารอแวะห์ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 20:18:59

ความคิดเห็นที่ 5 ระยะ เวลาในการถือศีลอด คือ 29 ถึง 30 วัน แล้วแต่ ในปีนั้น จะมีการพบเห็นดวงจันทร์ หรือไม่ ในช่วง เดือน นี้ มุสลิมทุกคน ไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็กแดง คนแก่ ผู้หญิง จะต้องบริจาค อาหารหลักของท้องที่ นั้นๆ ประเทศไทย รับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก ก็ต้องบริจาคข้าวครับ จำนวนที่ต้องบริจาค ประมาณ 2.5 กิโลกรัม ต่อ คน โดยบริจาคให้กับผู้ยากไร้ครับ จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 20:25:16

ความคิดเห็นที่ 6 เราเป็นมุสลิมค่ะ ไม่ทราบว่าการถือศีลแบบพุทธเป็นอย่างไร ขอเล่าถึงการการถือศีลอดในอิสลามแล้วกันค่ะ คล้าย ๆ คุณ ghanee.s ซึ่งไม่ใช่ อดแต่อาหารและน้ำ แต่ต้องไม่ทำบาป(ปกติก็ห้ามค่ะ แต่พอถือศีลอดแล้วมันจะยิ่งรู้สึกว่าต้องควบคุมตัวเองมากกว่าปกติ) และเมื่อถึงเดือนถือศีลอดทีไร...ที่ชอบก็คือครอบครัวได้ทานอาหารตื่นมาทานอาหารตอนเช้ามืดและละศีลอดตอนเย็นร่วมกัน บางทีก็มีเพื่อน ๆ คนรู้จักมาละศีลอดร่วมด้วย  แล้วก็ไปละหมาดร่วมกันต่อ   รวมทั้งสนับสนุนการบริจาคและทำความดีอื่น ๆ ในช่วงนี้มากเป็นพิเศษ จากคุณ : เดอะลิง เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 20:28:30

ความคิดเห็นที่ 7 เรียน จขกท.นะครับ ^_^ และขออนุญาตคุณ ghanee.s ครับ ผมขออนุญาตเพิ่มเติม คห.3 นะครับ เกี่ยวกับการถือศีลอดในทัศนะอิสลามกับการแพทย์ ซึ่งเขียนบทความเรื่องนี้โดย นพ.มุหัมมัดดาวูด อับดุลลอฮฺ(เจ๊ะเลาะ) - มุหัมมัด ดาวูด อับดุลลอฮฺ ครับ 1. ระยะเวลาการถือศีลอด การถือศีลอดจะใช้ระยะเวลาในการละเว้นจากสิ่งต้องห้ามโดยเฉลี่ยประมาณ 13 ชั่วโมงต่อวัน  ซึ่งโดยปกติเราทุกคนมีการอดอาหารอยู่แล้วครั้งละ10-12 ชั่วโมง  คือหลังอาหารเย็น(ค่ำ)จนถึงการกินอาหารในวันเช้าใหม่และในการตรวจวินิจฉัยโรคบางอย่าง เช่นการเจาะเลือดผู้ป่วยก็ต้องอดอาหารเป็นระยะเวลา 10-12 ชั่วโมง  เช่นกัน  ดังนั้นจะเห็นว่าระยะเวลาของการถือศีลอดไม่ขัดต่อหลักการตามธรรมชาติที่อัลลอฮฺกำหนด(สุนนะตุลลอฮฺ)หรือหลักทางการแพทย์แต่อย่างใด แต่จะมีความแตกต่างกันอยู่ที่ช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืน  ซึ่งการถือศีลอดยึดเอาช่วงเวลากลางวันเป็นหลัก ก็เพราะมีจุดประสงค์ที่มากกว่าการอดอาหารทั่วไปนั้นเอง 2. การเปลี่ยนแปลงในร่างกาย การถือศีลอดจะทำให้ร่างกายต้องขาดพลังงานจากสารอาหารและต้องสูญเสียน้ำจากการขับถ่ายออกจากร่างกาย  การสูญเสียน้ำมากกว่า  2%  ของน้ำหนักตัวจะทำให้รู้สึกกระหายน้ำ  และเมื่อระดับในน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือดและเซลล์ลดลงก็จะทำให้รู้สึกหิว ซึ่งจะเกิดอาการหลังจากการอดไปแล้วประมาน  6  - 12 ชั่วโมง  ซึ่งเรียกนี้ว่าระยะหิวโหย ระดับน้ำตาลกลลูโคสและน้ำลดที่ลดลงจะกระตุ้นเซลล์ประสาท(นิวรอน) บริเวณฮัยโปทาลามัส(Hypothalamus)ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นศูนย์ควบคุมความหิว ศูนย์อิ่มและศูนย์กระหายน้ำ   สำหรับคนที่มีร่างกายปกติมีเจตนาอย่างแน่วแน่และมีความเชื่อมั่นต่อบทบัญญัติของอัลลอฮฺแน่นอนจะไม่ทำให้เขาถึงขั้นมีอาการหน้ามืดหรือหมดสติไป  เพราะระบบต่างๆ ในร่างกายจะช่วยประสานงานกันโดยอัตโนมัติเพื่อที่จะรักษาสมดุลให้เกิดขึ้นในร่างกาย ในระยะแรกร่างกายจะเริ่มมีการสลายพลังงานในรูปของไกลโคเจนที่เก็บสะสมไว้ในตับและกล้ามเนื้อ   โดยมีฮอร์โมนกลูกากอนจากตับอ่อนมาช่วยในปฏิกิริยาเคมีนี้จะได้น้ำตาลกลูโคสเพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานต่อไป  ส่วนต่อมหมวกไต(Adrenal Gland)ในส่วนใน(Medulla) ก็จะถูกกระตุ้นให้หลั่งเอพิเนฟริน( Epinephrine )เพิ่มมากขึ้น และมีผลทำให้เซลล์อื่นๆใช้พลังงานลดน้อยลงด้วย ถ้าพลังงานที่ได้รับจากการสลายไกลโคเจนไม่เพียงพอ ก็จะสลายพลังงานสำรองในรูปของไขมัน ซึ่งกรดไขมันอิสระออกมาสู่กระแสเลือดและจะถูกเปลี่ยนไปเป็นกลูโคสเพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานต่อไป ส่วนการรักษาดุลน้ำและเกลือแร่ก็เป็นหน้าที่ของ Hypothalamus เช่นกันที่จะกระตุ้นให้ต่อมใต้สมองได้หลั่งฮอรโมน  Vasopressin หรือ  ADH จะมีผลทำให้ไตมีการดูดซึมน้ำกลับมาใช้เพิ่มมากขึ้นจึงทำให้ปัสสาวะน้อยลงและมีสีเข้มมากกว่า 3. การละศีลอด เมื่อเวลาละศีลอด อิสลามให้เรารีบละศีลอดก่อนที่จะดำรงการละหมาดและแนะนำให้ละศีลอดด้วยลูกอินทผลัมหรือด้วยน้ำ มีรายงานจากท่านอะนัส บิน มาลิก เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ กล่าวว่า “ปรากฏว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ละศีลอดด้วยอินทผลัมที่สุกงอมก่อนที่จะไปละหมาด ถ้าไม่มีอินทผลัมที่สุกงอมก็จะแก้ด้วยอินทผลัมที่แห้ง   ถ้าหากไม่มีอินทผลัมที่แห้งก็จะจิบน้ำหลายจิบ”  (บันทึกโดย อะหมัด, อบู ดาวูด, อิบนุ คุซัยมะฮฺ  และอัต-ติรมิซีย์) ในลูกอินทผลัมมีอะไรหรือ ? จากการวิจัยทางด้านโภชนาการทำให้เราทราบว่า ในลูกอินทผลัมที่สุกงอมนั้นประกอบด้วย น้ำตาลฟรุกโตส น้ำ วิตามิน และแร่ธาตุ โดยเฉพาะน้ำตาลฟรุกโตสจัดเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานแก่รร่างกายชนิดหนึ่ง  มีการดูดซึมบริเวณลำไส้เล็ก โดยวิธี  Facilitate diffusion ซึ่งไม่ต้องใช้พลังงาน  ส่วนน้ำตาลกลูโคสและกาแลกโตสนั้นจะดูดซึมแบบ  Secondary Active ซึ่งต้องอาศัยทั้งตัวพาและพลังงาน ดังนั้นในสภาวะที่ร่างกายกำลังอ่อนเพลียจากการขาดพลังงานและน้ำ ลูกอินทผลัมน่าจะเป็นผลไม้ที่ดีชนิดหนึ่งสำหรับผู้ที่ถือศีลอด ส่วนผลไม้ชนิดอื่นๆ ที่มีรสหวานก็สามารถทานได้(แต่ไม่ใช่ซุนนะฮฺ) ในทางตรงกันข้ามถ้าละศีลอดด้วยน้ำเย็นหรืออาหารหนักและอิ่มมากจนเกินไปก่อนจะไปละหมาดแทนที่เราจะได้พลังงานกลับคืนมาอย่างเร็ว เรากลับต้องเสียพลังงานไปเนื่องจากเลือดจะถูกส่งไปยังกระเพาะอาหารและลำไส้เพิ่มมากขึ้น ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองน้อยลง(สมองต้องการนำตาลกลูโคสประมาณ  40 % จากทั้งหมด)  จึงทำให้มีอาการมึนงง เวียนศรีษะ อ่อนเพลีย แน่นหน้าอกและง่วงซึมได้ มีนักวิชาการอเมริกาคนหนึ่งชื่อนายแพทย์  Allan  Cott ได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า “ Why Fast?” (ทำไม่ต้องถือศีลอด) ซึ่งเป็นผลจากการวิจัยของเขาจากหลายๆ ประเทศ  เขาได้สรุปถึงเคล็ดลับของการถือศีลอดไว้  10 ข้อ ดังนี้ 1.         to feel better  physically  and   mentally = ทำให้รู้สึกว่ามีสุขภาพและจิตใจที่ดีขึ้น 2.         to look  and  feel  younger = ทำให้มองเห็นและรู้สึกอ่อนเยาว์ขึ้น 3.         to clean  out  the  body =  ทำให้ร่างกายสะอาดสะอ้าน 4.         to lower  blood  pressure  and  cholesterol  levels = ช่วยลดความดันโลหิตสูง  และระดับคอเลสเตอรอลในเลือด 5.         to get  more  out  of  sex = ช่วยลดความรู้สึกอารมณ์ใคร่ (เซ็กส์) 6.         to let  the  body  health  itself = ช่วยให้ร่างกายบำบัดตนเอง 7.         to relieve  the   tension = ช่วยลดความตรึงเครียด 8.         to sharp  the  sense = ช่วยให้สติปัญญาเฉียบแหลม 9.         to again control  of  ourselves = ทำให้สามารถควบคุมตนเองได้ 10.      to  slow  the  aging  process = ช่วยชะลอความชรา ปล.อาจจะยาวหน่อยนะครับ หวังอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์ต่อ จขกท นะครับ ^_^ จากคุณ : พญานรสิงห์ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 20:35:46

ความคิดเห็นที่ 8 ประโยชน์ที่คาดหวังว่าจะได้ 1.เป็นการขัดเกลาตนเอง สอนให้รับรู้ถึงความหิวโหยที่คนยากไร้ต้องประสพ เพื่อจะได้มีใจเพื่อแผ่ให้กับคนที่ด้อยกว่า 2.ฝึกฝนความอดทน ต่อกิเลสของตนเองในการที่ละเว้นต่อบาป และทนทานต่อสิ่งเร้า ภาวะที่หิวโหยคือความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ ถ้ามีจิตใจมีความเข้มแข็งสามารถที่จะทนทานต่อความหิวโหยได้ จิตใจอันเข้มแข็งนี้จะเป็นพื้นฐานในการอดกลั้น ต่อสิ่งอื่นที่จะทำบาปได้ 3.ในภาวะหิวโหย ต้องไม่ทำให้งานในความรับผิดชอบเสียหาย นี้คือบททดสอบพลังใจ การวางแผนที่ดี เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า ในเมื่อสามารถรักษาความรับผิดชอบในภาวะวิกฤติได้ ในภาวะปกติไม่ได้หิวโหยย่อมสามารถทำได้เช่นกัน 4.เพื่อยกระดับความศรัทธา ในการทำตามคำสั่งใช้แห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 20:38:06

ความคิดเห็นที่ 9 ประโยชน์ทางอ้อมที่ได้รับ อันนี้จากที่ประสพกับตนเองเลยครับ 1. สุขภาพแข็งแรงขึ้นครับ ผลการตรวจสุขภาพประจำปีของผม ถ้าตรวจหลังเดือนถือศีลอด ทุกอย่างดีมาก โดยเฉพาะไตรกลีเซอราย โคเลสเตอรอล หรือ ระดับน้ำตาล อยู่ในค่าปกติหมด 2. ถ้าทานอาหารตามปกตินะครับ ไม่ตะบี้ตะบันเพราะหิวมาทั้งวัน น้ำหนักจะลดลง 3- 5 กิโลกรัม ตอนสมัยผมวัยรุ่น อาจตะบี้ตะบันกินได้ แต่พอตั้งแต่อายุ 30 ขึ้นมา ทำไม่ได้ครับ ตอนละศีลอด กินได้กับ อินทผาลัม กับอาหารนิดหน่อย พยายามทานมากแต่ทานไม่ลง ไม่ทราบคุณพญานรสิงห์ กับคุณ เดอะลิงเป็นเหมือนกันไหมครับ 3. โรคกระเพาะ หายเลยครับ เหตุผลนึงของการเป็นโรคกระเพาะ คือทานอาหารไม่เป็นเวลา แต่พอมาถือศีลอด แบบอิสลาม ทานตรงเวลาเปะ และในช่วงกลางวัน กระเพาะก็ได้หยุดทำงานจิงๆ เพราะไม่มีอะไรไปรบกวน แม้แต่น้ำเปล่า จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 20:50:39

ความคิดเห็นที่ 10 อันนี้ความเห็นผมนะ มันคนละเหตุผลกัน การถือศีลอดกับ กาลรักษาศีลข้อกาลวิโภชนานั้น ศีลสองข้อนี้เกิดต่างสถานที่เกิดต่างจากความเป็นจริง ต่างเหตุต่างผลที่เป็นบูรณาการกัน จะว่าอันใดอันหนึ่งได้ประโยชน์สูงสุดคงว่าไม่ได้ จากคุณ : อนุมัติตามที่ขอ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 20:52:08

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณ คุณ พญานรสิงห์ กับคุณ เดอะลิงที่เข้ามาเสริมนะครับ เพื่อนๆมุสลิมถ้ามีอะไรเพิ่มเติม ลองโพสดูนะครับ จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 20:52:34

ความคิดเห็นที่ 12 ผมเพิ่งตรวจสุขภาพประจำปีเมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมาครับ ผลเลือด ปอด หัวใจ ทุกอย่างร่างกายปกติดีครับ อัลฮัมดุลิลาฮ์ ส่วนเรื่องน้ำหนักหลังจากถือศีลอด น้ำหนักผมลด 3 กิโลกรัม อาการเดียวกับคุณ ghanee.s เลยครับ เพราะตอนละศีลอด ผมทานอินทผลัม+น้ำ แล้วรู้สึกอยู่ท้อง และรีบละหมาด แต่ในเวลาถือศีลอดเห็นอะไรอยากซื้อหมดทุกอย่างเลย ฮ่าาา เรื่องแปลกอีกเรื่องคือ ผมยังไม่เคยเห็นผู้ป่วยโรคกระเพาะ(มุสลิม)มารักษาโรคกระเพาะในเดือนรอมฎอนเลยครับ แอบแปลกใจเล็กน้อย หรืออาจทานยาอยู่ที่บ้านผมก็ไม่แน่ใจ ^_^ อีกเรื่องที่เห็นได้ชัดเจนคือ ผมมีสติมากขึ้นในเดือนถือศีลอด สมองแล่นเลยครับ จากคุณ : พญานรสิงห์ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:03:32

ความคิดเห็นที่ 13 จุดมุ่งหมายการถือศีลอดของอิสลาม  เพื่อระลึกถึงตอนที่นบีมูฮัมหมัดกำลังทำสงคราม ต้องอดอาหารบางครั้ง   ในช่วงที่กำลังต่อสู้อย่างทรหดในครั้งนั้น จุดมุ่งหมายอดอาหารในเวลาวิกาลของพุทธ เพื่อลดละกิเลส จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:18:09

ความคิดเห็นที่ 14 คคห ที่ 13 ของ คุณ โขตาน สอดคล้อง กับ คคห ที่ 8 ใน ของผม แสดงให้เห็นว่า ภาระหน้าที่แม้ในยามสงคราม ก็ไม่อาจปฏิเสธเป็นข้ออ้างในการ ยกเว้นในการถือศีลอด ไปได้ ในยามสงครามก็ ต้องลด ละ เลิกกิเลส เนื่องจาการถือศีลอดโดยไม่มีข้อยกเว้น โดยภาระหน้าที่ของทหารในยามสงครามจะต้องไม่เสียหายด้วยเช่นกัน นี้คือการฝึกฝนทางร่างกายและจิตใจให้มีคุณภาพที่ดี ด้วยกับการถือศีลอดในแบบฉบับ ของอิสลาม ที่เน้นการ เป็นคนดี ในทุกๆมิติครับ แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 55 21:30:49 จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:29:10

ความคิดเห็นที่ 15 ปกติ กินอาหารยามวิกาล มันไม่ค่อยดีอยู่แล้ว เจอมากับตัวเลย กินไก่อบอะไรซักอย่าง มันด้วย เป็นโปรตีนล้วนด้วย GERD กำเริบทันที แสบไปทั้งทรวง ทรมานโคดๆๆ ตอนนั้น Gaviscon ยังไม่มีขายเด้อ ทั้วๆไปก็ ตอนกลางคืนเป็นช่วงร่างกายพักผ่อนซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ถ้ากระเพาะลำไส้ยังต้องทำงานอีก มันก็เหมือนได้ทำ OT ฟรีๆ ไม่ได้ตัง อิอิ และลำไส้จะทำงานเคลื่อนตัวได้ดีถ้ามีการเคลื่อนไหวของร่างกาย ตอนกลางคืนนอนนิ่งๆมันก็อาจเคลื่อนไหวไม่ดี ย่อยไม่สะดวก และแน่นอน หลังกินอาหารถ้าอยู่ในท่านอนก็อาจเป็น GERD ได้ ในด้านของการปฏิบัติภาวนา เราว่าดี เพราะไม่ต้องเสียเวลาวุ่นวายกับการเตรียมอาหาร และการกิน และช่วงเย็นเรามักจะมีเวลาว่างใช่ไหมล่ะ ถ้ากินเยอะ ก็ง่วงอีก ความขี้เกียจเข้าครอบงำ ปฏิบัติไม่ได้ จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:30:43

ความคิดเห็นที่ 16 ขออนุญาตชี้แจง คห.13 คุณโขตาน นะครับ ^_^ การถือศีลอดของอิสลามนั้น ไม่ใช่เื่พื่อระลึกถึงตอนที่นบีมุฮัมหมัด (ศล.)กำลังทำสงครามครับ  แต่เพราะอัลลอฮ์ทรงมีรับสั่งให้มุสลิมปฎิบัติ และนั้นคือเหตุผลของมุสลิม คือนอบรับคำบัญชาจากพระผู้เป็นเจ้าครับ  และนี้คือโองการที่พระองค์ดำรัสไว้ จากคุณ : พญานรสิงห์ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:31:03

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่ตอบในมุมศาสนาแล้วกันครับ  เอาเท่าที่เคยอดมาแล้ว การอดช่วงเช้าจะโหยเพลียมากกว่า  มากกว่า เพราะแน่ละ อย่างที่  จขกท. บอกคือ สมองจำเป็นต้องได้สารอาหาร ถ้าทำงานใช้ความคิดนี่ ขาดมื้อเช้าไม่ได้เลยครับ ความดัน จะต่ำ มือสั่น เพราะเมื่อก่อนไม่ทานมื้อเช้า ซัดแต่กาแฟ ตอนนี้มาอดมื้อเย็น ตอนนี้ก็งดพวกแป้งครับ กินแต่ผักผลไม้ เส้นใย สลัด   ถ้าอดทั้งวันช่วงเช้า  ผลจะทำให้ร่างกาย ลดเมตาบอลิซึ่มเข้าไปอีก...   การไม่ทานยามวิกาลเพื่อพัก ระบบการเผาดีครับ อดแบบพุทธหรือทานมื้อเดียวเช้า สามารถทำได้ต่อเนื่องครับ แต่การอดแบบอิสลาม ไม่แน่ใจว่าทำได้ตลอดหรือ  สำหรับ ผมไม่อดแบบไหน เอาแบบสายกลาง ทานแต่พอเพียง กินแค่พอ ให้ร่างกายมีพลังใช้ไปวัน ๆ จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:36:56

ความคิดเห็นที่ 18 อืม... ขออนุญาต สรุปคำถามในกระทู้ ของตัวเองอีกครั้งเจ้าค่ะ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน อิฉันเชื่อว่า การ บัญญัติ ข้อกำหนดต่าง ๆ ทางศาสนาทั้งของพุทธและอิสลาม ล้วน มีที่มาที่ไป ตามเหตุปัจจัย ทั้งสิ้น อาทิเช่น ทำไมห้ามกินหมู ทำไมอนุญาตให้มีเมียสี่คน ทำไมต้องสวมฮิญาบ ทำไมห้ามแต่งหน้า ทำไมจะแบ่งแตงโมให้เมียทั้งสี่คน ก็ต้องแบ่งให้เท่า ๆ กัน และ ต้องแบ่งจากลูกเดียวกันเท่านั้น ฯลฯ ทั้งหลางทั้งปวงเหล่านี้ มันเก็ทและ เคลียร์ อะนะ รู้ที่มาที่ไป ตามเหตุปัจจัย ของประวัติสาสตร์ และสภาพแวดล้อมของประเทศอันเป็น ต้นกำเนิดของศาสนานี้ แต่ที่ ยังคาใจ และ ไม่มีใครเคยบอกได้เก็ทสะเทือนก็คือ ทำไมถึงเลือกที่จะ อดมื้อเช้า และเที่ยง แทนที่จะเป็นมื้อเย็น และ ที่อยากจะเปรียบเทียบ ก็คือ การงดมื้อเช้า กับ เที่ยง ก๊ะ การงดมื้อเย็น งดมื้อไหน มีผลกระทบต่อสุขภาพ ( ข้อดีข้อด้อย ) ตามหลักวิทยาศาสตร์ มากกว่ากัน อาทิ ผลต่อ ประสืทธิภาพการทำงานของสมอง ผลต่อการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ก็เลยตั้งกระทู้ ถามอะคร้าาาาา ก็อย่างที่บอกแหล่ะ ว่า อิฉันมันพวกเปอร์เฟคชั่นนิสต์ ที่นิยมแต่ความสมบูรณ์แบบ และ ให้ความสำคัญกับทุกสิ่งรอบ ๆ ตัว จากประโยชน์ ใช้สอย อ่ะเจ้าค่ะ ก็เลยอยากจะรู้ว่า การงดอาหาร สไตล์ไหน มันจะยังประโยชน์ ( ให้กับ สุขภาพทั้งทางร่างกาย และ จิตใจ ) ของอิฉัน มากที่สุด ปอลิง แท้งกิ๋ว สำหรับทุก ๆ ความเห็นเจ้าค่ะ  จากคุณ : ยื้มล็อกอินป๊ะป๋า มาใช้เจ้าค่ะ (ป๊ะป๋าหมาน) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:45:18

ความคิดเห็นที่ 19 การถือศีลอด ตามคำสั่งห้ามใช่คือเดือนรอมดอน ส่วนท่านที่อยากเก็บคำแนนก็มีครับ ถือศีลอด ทุกวันจัทร์ กับวันพฤหัส  บางท่านอย่าางเก็บมากๆก้มี ถือศีลอด 3 เดือน ก่อนเดือนรอมดอน และที่อดทั้งปีก็มีครับ ยกเว้นสองวันที่ไม่อด คือ วันตรุษ สองตรุษ นั่นเองครับ แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 55 21:51:21 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 21:50:00

ความคิดเห็นที่ 20 อืม....ในด้านสุขภาพ เรารู้ว่างดมื้อเย็นน่ะดี แต่งด เช้า-กลางวัน มีข้อดีกว่าตรงไหน เราก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ เคยมีใครทำวิจัยเปรียบเทียบไว้บ้างหรือเปล่า จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:06:24

ความคิดเห็นที่ 21 ผมต้องประทานโทษ จขกท ด้วยนะครับ ให้ข้อมูลเยอะไป โดยไม่ตรงประเด็นตามที่ จขกท ต้องการ หากตามทฤษฎี ตำราที่ผมเรียนมานะครับ เขามีหลักการบริโภคง่ายๆ จำไว้ก็ดีครับ ^_^ มื้อเช้ากินอย่างราชา....มื้อเที่ยงกินอย่างคนธรรมดา....มื้อเย็นกินอย่างยาจก อธิบายง่ายๆก็คือ เน้นมื้อเช้าให้มากกว่ามื้ออื่นๆ และให้ทานมื้อเย็นให้น้อยที่สุด ซึ่งหลักตามวิถีพุทธผมไม่ทราบครับ เลยให้ข้อมูลได้เฉพาะหลักถือศีลอดของอิสลาม การถือศีลอดในแบบอิสลามนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่มุสลิมต้องตื่นมาทานอาหารก่อนพระอาทิตย์ขึ้น นั้นคือมื้อเช้า ส่วนมื้อเที่ยงคืองด ไม่ดื่ม ไม่กิน  มื้่อเย็นก็ทานปกติ ซึ่งถ้าเป็นคนที่เคร่งครัดจะทานในปริมาณน้อยเพราะต้องละหมาดตะรอเวียะ ใช้เวลาละหมาดเป็นชั่วโมง คล้ายๆกับการออกกำลังกายเลยครับ ซึ่งถ้าทานมากในช่วงละศีลอด จะง่วงนอน อึดอัดในเวลาละหมาดครับ ประมาณนี้อ่ะครับ ผมหวังว่าจะตรงประเด็นบ้าง ส่วนงานวิจัยลองกลับไปอ่าน คห.7 ของผมได้ครับ ^_^ จากคุณ : พญานรสิงห์ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:25:55

ความคิดเห็นที่ 22 ตอบ ป๊ะป๋าหมาน คห 18 ถือศีลอดของอิสลาม  ไม่ได้อดมื้อเช้านะครับ  แต่จะกินให้เร็วขึ้น   และเป็นมื้อที่อิสลามส่งเสริมอย่างมากให้ตื่นขึ้นมากินให้ได้ และมื้อเย็น  ก็กินหลังจากดวงอาทิตย์ตกไม่นาน  และกลางคืนก็มีการยืนละหมาด อย่างน้อยๆ ก็ครึ่งชั่วโมง (มีทั้งอิริยาบท  ยืน ก้ม  เงย  นั่ง   สลับๆกันไป)  อย่างปกติก็ 1 ชั่วโมง   อย่างเข้มๆก็ 2-3 ชั่วโมง  แล้วแต่จะเลือกตามสุขภาพของแต่ละคน ข้อสังเกตุเรื่องการถือศีลอดแบบอิสลามคือ   เป็นการปรับระบบย่อยอาหาร ที่ปกติแล้วจะทำงานกลางวัน หรือบางคนกินอาหารไม่เป็นเวลา  ใน 11 เดือนที่ผ่านมา  ให้หยุดพักในเวลากลางวัน (หยุดสนิทจริงๆ) หรือทำให้เรากินอาหารเป็นเวลาที่แน่นอนขึ้น (คือ ช่วงเช้า และช่วงเย็น)     ส่วนอาหารมื้อดึกกลางคืนนั้น ควรจะไม่ใช่มื้อหนักๆแล้ว  เพราะไม่อย่างนั้นมื้อเช้าเราก็จะไม่สามารถกินอะไรได้อีก เพราะมันยังอืดๆอิ่มๆอยู่ จากคุณ : abubilal เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:37:25

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้าเป็นคนที่เคร่งครัดจะทานในปริมาณน้อยเพราะต้องละหมาดตะรอเวียะ ใช้เวลาละหมาดเป็นชั่วโมง คล้ายๆกับการออกกำลังกายเลยครับ จากคุณ : พญานรสิงห์ โห จริงหรือคะนี่ ออกแนวคล้ายๆเล่นโยคะรึเปล่าคะ ^^ จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:44:10

ความคิดเห็นที่ 24 เรียน คุณแมวเก้าแต้ม ^_^ ท่าทางการละหมาด มีทั้งการยืน ก้มตัว ลุกนั่ง ทำอย่างนี้หลายๆรอบ ซึ่งมุสลิมบางท่านเคร่งครัดมากๆ ละหมาดตลอดทั้งคืนก็มีครับ ^_^ จากคุณ : พญานรสิงห์ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 22:51:26

ความคิดเห็นที่ 25 ละหมาดทั้งคืน โห เก่งจัง น่าจะคล้ายๆเดินจงกรมของทางพุทธนะคะ มีข้อมูลมั๊ยคะ ว่าเผาผลาญพลังงานกี่แคลอรี่ ไหนๆจะกระทู้สุขภาพแล้ว เผื่อสาวๆจะได้เอาไปใช้ประโยชน์ค่ะ จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:05:52

ความคิดเห็นที่ 26 เรียน คุณแมวเก้าแต้ม ผมรู้สึกเกรงใจ จขกท จังครับ พาลงทะเลซะงั้น ฮ่าาา การละหมาดยามค่ำคืน หรือ ละหมาดตะรอเวียะนั้น ถ้าเทียบกับการออกกำลังกายก็คงจะเป็น Relaxation Exercise ประมาณ โยคะ รำมวยจีน อ่ะครับ ผลที่จะได้รับจากการละหมาดไม่อาจที่จะเปรียบเทียบกับการบริหารชนิดต่างๆได้เพราะการละหมาดเป็นอิบาดะห์ ได้ผลบุญ การฝึกสมาธิด้านจิตใจ เสริมสร้างความเข้มแข็งทางด้านร่างกายและจิตวิญญาณมากกว่า แต่ก็น่าสนใจและศึกษานะครับว่าการละหมาดสามารถเผาพลาญพลังงานได้กี่แคลอรี่ ว่าแต่การเดินจงกรมมีข้อมูลไหมครับ ว่าเผาพลาญพลังงานได้เท่าไร? ^_^ จากคุณ : พญานรสิงห์ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:29:54

ความคิดเห็นที่ 27 เดินจงกรม เดินช้าหรือเร็วจะแล้วแต่เทคนิคค่ะ แต่โดยทั่วไปเดินช้า ความเร็วไม่เกิน เดินทอดน่อง เราไม่มีข้อมูลเหมือนกันค่ะ แต่ดูแล้วละหมาดน่าจะใช้พลังงานมากกว่านะ เพราะเคลื่อนไหวทั้งตัวเลย จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 55 23:50:05

ความคิดเห็นที่ 28 อืม...เพิ่งรู้นะเนี่ยว่า แท้จริงแล้วการถือศีลอดของอิสลาม ไม่ได้ งดมื้อเช้า เพียงแต่ เลื่อนเวลากินให้เร็วขึ้น เอ ? งี้ มันก็ไม่สัมพันธ์ กับ หลักนาฬิกาชีวิต อ่ะจิคะ ( นาฬิกาชีวิตบอกว่า เวลาที่เหมาะสมในการหม่ำมื้อเช้า คือ ประมาณ 7.00 - 9.00 น. มั้ง(ไม่ชัวร์ ) แต่ พระอาทิตย์คงขึ้นแล้วแหล่ะ จึงไม่น่าจะสอดคล้อง กับเวลากินมื้อเช้าของการถือศีลอด และ ถ้าการทำละหมาด คล้าย ๆ ไทเก้ก แสดงว่า ที่อิฉันเคย ด้นเดา เอาไว้ว่า ว่าการทำละหมาด คือการ ออกกำลังกาย นี่ก็เดาถูกวุ้ย แต่ถ้า เหมือนไทเก้ก ก็คงคล้าย ๆ กับสมถะกรรมฐาน  ในหมวด กายานุปัสนา สไตล์หลวงพ่อเทียนละมั้ง อาจจะ ได้ใช้ แคลอรี่ มากกว่า การเดินจงกรมก็จริงนะ เพราะเคลื่อนทั้งตัวเลย  แบบที่คุณแมวฯ ว่า แตอิฉันว่า มันคงยังไม่ใช่ เป็นการฝึกสติ ในรูปแบบของ วิปัสนากรรมฐาน มั้ง  ถ้าดูในระดับของคลื่นสมอง อิฉันชอบแนว วิปัสนาฯ มากกว่าสมถะนะ เพราะว่า สังเกตแล้ว สภาวะจิตหลังเสร็จจากการเดินจงกรมแล้ว มันจะ นิ่ง ดิ่ง ลึก มากกว่า  ส่วน สมถะ มันจะตัน ๆ ตื้บ ๆ ทึบ ๆ  ไม่ค่อยโล่งโปร่งสบาย เท่ากับ เวลาทำ วิปัสนา อ่ะ ปอลิง อ้อ เชิญถกกันตามสบายคร้าาา ไม่ต้องเกรงใจน้าาาาาาาาาาา  ถกกันเยอะ ๆ ยิ่งดี ( เรทติ้งจะได้วิ่ง ๆ)  อิฉันช้อบ ชอบบบบบ งิงิ   จากคุณ : ยืมล็อกอินป๊ะป๋า มาใช้เจ้าค่ะ (ป๊ะป๋าหมาน) เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 00:55:20

ความคิดเห็นที่ 29 อันที่จริงการถือศีลอดของอิสลาม คือ  การอดข้าวมื้อ เที่ยงเท่านั้น และการตื่นแต่เช้าเพื่อทานข้าว ก้ เป็นสิ่งที่ วัฒนธรรมไทยเราทำอยู่แล้วคือ ตื่นแต่ "ไก่โห่"  ทานข้าวทานปลาออกไปทำมาหากินหรือออกไปไร่ไปนา เรากำลังลืม วัฒนธรรมอันนี้ของเราเองแหละครับ อย่านอนตืนสาย อย่าเกียจคร้านการงาน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่านอนคอยวาสนา จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:24:21

ความคิดเห็นที่ 30 ส่วนเวลา ชีวิต ที่ท่าน จขกท บอก นั้น เราไปกำหนดปฎิทินตัวเราด้วยคำสั่ง ไปที่สมองว่าเราทำงาน 8  โมงเช้าเลิก 5  โมงเย็น นะครับ คนทำงานกลางคืน มื้อเช้าคือตี 4  นอนยาว ตืน บ่าย 2-3  มือ เย้น 4 ทุ่ม นาฬิกาชีวิต ยู่กับพฤติกรรมของ คน คนนั้นเอาเป็นมาตฐานไม่ได้ครับ   จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:30:00

ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อคุณ จขกท เปิดไฟเขียว ก็ขออนุญาตถามคุณพญานรสิงห์เพิ่มเติมว่า ตอนละหมาด คิดอะไร พูดอะไร บ้างคะ แล้วสติจับอยู่ที่ใด จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 08:24:42

ความคิดเห็นที่ 32 หลักการอิสลาม ไม่ได้ใช้ วิปัสนากรรมฐาน แต่เราจะใช้หลักสติปัญญาไคร่ครวญครับ การละหมาด 5 เวลา เป็นการย้ำเตือนมนุษย์ กลับมาเข้าใจสภาพของตนว่า ตนเองเป็นคนธรรมดา ไม่ได้ยิ่งใหญ่ ไม่ได้มีอำนาจใดๆ ผู้ที่มีอำนาจยิ่งใหญ่จริงๆคือพระเจ้า ดังนั้นมนุษย์ต้องทำดี ทำตามห้ามตามใช้ที่พระองค์สั่ง อย่าได้หยิ่งผยองหรือหลงตนเอง การที่ ละหมาด 5 เวลา ก็เป็นการย้ำเตือนตัวเอง วันละ 5 ครั้ง ส่วน ละหมาดที่มีท่าทาง ต่างๆ ทั้งยืน ก้ม กราบ ก็วิทยปัญญาของมัน เตือนให้รู้ว่า ต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา ต้องนึกพระเจ้าในทุกอริยาบถของชีวิต ต้องรำลึกถึงพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา จะได้ไม่ทำบาป จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 08:27:55

ความคิดเห็นที่ 33 การถือศีลอดก็เช่นเดียวกัน อิสลามก็ได้ใช้ให้มนุษย์ใช้หลักสติปัญญาใคร่ครวญ เมื่อตนเองรับรู้ถึงความหิวโหยแล้ว ก็ให้ใช้สติปัญญาใคร่ครวญถึงคนอื่น แล้วก็ต้องมาคิดว่าตนเองจะต้องทำอะไรต่อ ประโยชน์อื่นๆด้านสุขภาพเป็นผลพลอยได้ มิใช่เจตนารมย์หลักครับ จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 08:33:36

ความคิดเห็นที่ 34 อานิสงส์ของการเดินจงกรม ๕ ประการ ( อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต จังกมสูตร) อทฺธานกฺขโม โหติ – ทำให้เป็นผู้เดินทางไกลได้ทน ปธานกฺขโม โหติ – ทำให้เป็นผู้ทำความเพียรได้ทน อปฺปพาโธ โหติ – ทำให้เป็นผู้มีความไข้เจ็บน้อย อสิตํ ปีตํ ขายิตํ สายิตํ สมฺมา ปริณามํ คจฺฉติ – ทำให้อาหารที่กิน ดื่ม เคี้ยว ย่อยได้ดี จงฺกมาธิคโต สมาธิ จิรฎฺฐิติโก โหติ – สมาธิที่บรรลุในขณะเดินจงกรมตั้งแน่วแน่อยู่ได้นาน และการออกกำลังกายด้วยการเดินมีข้อดีหลายอย่าง ทำที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ ช่วยเผาผลาญไขมัน ทำให้กล้ามเนื้อขาแข็งแรง ฝึก balance ทำให้ไม่ล้มง่าย กระตุ้นการสร้างกระดูก ลดการเกิดกระดูกพรุน กระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 08:37:39

ความคิดเห็นที่ 35 ขออนุญาต ตอบ คคหที่ 31 ก่อนคุณพญานรสิงห์ นะครับ ผู้ละหมาด ต้อง รำลึกถึงพระเจ้าอยู่ตลอดการละหมาด ต้องคิดอยู่เสมอว่าพระเจ้ากำลังมองตนเองอยู่ตลอดเวลา สติต้องจับอยู่กับพระเจ้าตลอดเวลา การพูดขณะละหมาด ก็จะประกอบไปด้วย การพูดว่า พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่ หลายๆครั้งมากโดยเฉพาะในช่วงการเปลี่ยนอริยาบท มีการอ่านคัมภีร์ บท ฟาติหะห์ ซึ่งเป็นบทแรก ของคัมภีร์อั้ลกุรอ่าน ซึ่งจะเป็นบทที่รำลึกถึงพระเจ้า ขณะเดียวกันก็เป็นบทที่ขอพรต่อพระเจ้าให้อยู่ในหนทางที่เที่ยงตรง ประทานทางนำที่ถูกต้องให้กับมนุษย์ ไม่ได้เป็นหนทาง ของผู้ที่พระเจ้าโกรธกริ้ว หรือ หนทางของผู้ที่หลงผิด คำอ่านอื่นๆก็จะเป็น บทสรรเสริญพระศาสดา บทต่างๆในคัมภีร์แล้วแต่เราจะเลือก ที่สำคัญ สติต้องจับอยู่กับพระเจ้าเสมอ โดยที่ไม่ต้องเห็น ไม่ได้ยิน หรือ สัมผัสพระองค์ มาก่อนครับ จับพระองค์ด้วยกับความว่างเปล่า ที่จิตใจเรารับรู้ถึงการมีอยู่จริงของพระองค์ จากคุณ : ghanee.s เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 08:50:22

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณค่ะคุณ ghanee.s  ^^ จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 09:04:48

ความคิดเห็นที่ 37 เรียน..ท่านแมวเก้าแต้มครับ ^_^ ขอตอบในคำถามจาก คห.31 และเพิ่มเติม คห.35 ของคุณ ghanee.s นะครับ คำถาม....ตอนละหมาด คิดอะไร พูดอะไร บ้างคะ แล้วสติจับอยู่ที่ใด คำตอบ...ก่อนที่จะทำการละหมาดนั้น อิสลามมีบัญญัติให้มุสลิมทำความสะอาดร่างกายก่อน หรือที่เรียกกันว่า อาบน้ำละหมาด เพื่อชำระล้างร่างกายให้บริสุทธิ์ ก่อนที่จะเข้าเฝ้าพระผู้เป็นเจ้า(อัลลอฮ์) การละหมาดนั้น อย่างที่ผมบอกไว้ นั้นคือการเข้าเฝ้าอัลลอฮ์ ผู้ทรงสรรพสิ่ง และสร้างเราด้วย การเข้าพบผู้สร้างมันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆ ตอนละหมาดคิดอะไร...คิดถึงพระเจ้าครับ ให้เราคิดเสมอว่า เรากำลังอยู่ต่อหน้าพระพักต์ของพระองค์ พระองค์จ้องมองเราอยู่ กริยา ท่าทาง ของเราก็ต้องนอบน้อม ตอนละหมาดพูดอะไร...ในขณะละหมาดนั้น เรามีการอ่านโองการในพระมหาคัมภีร์อัลกรุอ่าน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่มุสลิมจะต้องจดจำ ท่องจำ รำเรียน พระมหาคัมภีร์ การอ่านนั้น ไม่ใช่แค่อ่าน แต่ต้องศึกษาถึงความหมายของโองการที่เราอ่าน ว่าอัลลอฮ์ต้องการบอกอะไรแก่เรา สติก็ต้องจำจออยู่กับความหมายของคัมภีร์ ซึ่งถ้าอ่านบางโองการถึงกับร้องไห้ก็มีครับ ขอบคุณมากครับ สำหรับบรรยากาศการเสวนาธรรม ซึ่งบรรยากาศอย่างนี้แหละครับ เป็นสิ่งที่ผมต้องการในห้องศาสนา แรกๆตอนเข้ามา ผมตั้งใจ อยากศึกษาคำสั่งสอนของศาสนาต่างๆ แต่มาเจอแต่กระทู้เพ่งโทษ ขอบคุณคุณแมวเก้าแต้มมากๆนะครับ ขอบคุณจริงๆ ^_^ แก้ไขเมื่อ 09 ต.ค. 55 16:31:13 จากคุณ : พญานรสิงห์ เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 13:37:57

ความคิดเห็นที่ 38 ตอบ แมวเก้าแต้ม คห 31   การละหมาด  ต้องมีสติ สิ่งที่คิดในขณะละหมาด หลักๆเลยก็คือ ความหมายของตัวบทคัมภีร์อัลกุรอ่านที่เรากำลังอ่าน , คิดถึงอิริยบทปัจจุบันว่ากำลังทำอะไร  และต่อไปคืออิริยาบทอะไร ,   คิดถึงสถานะของตัวเราในฐานะผู้เป็นบ่าวที่กำลังแสดงความเคารพ  แสดงความขอบคุณต่อพระผู้เป็นเจ้า , คิดถึงผลบุญของการละหมาดที่เรากำลังปฏิบัติ   อะไรประมาณนี้  และสุดท้ายที่สำคัญคือ  ต้องมีสติรู้ตัว เมื่อจิตใจเราไม่จดจ่อต่อการละหมาด  ต้องรีบดึงกลับมา สิ่งที่อ่านในละหมาด ก็มี  ตัวบทในคัมภีร์อัลกุรอ่าน และ คำสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า ตอบเสริมๆ พี่น้องที่ตอบไปแล้ว   ตอบกันหลายๆแบบ  อาจจะได้มุมมองที่รอบด้านมากขึ้น จากคุณ : abubilal เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 21:54:04