อ่านเรื่องนี้ดูค่ะ อาจมีประโยชน์นะ
---------
ธรรมโอวาท พระอาจารย์พุธ ฐานิโย
วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา
เด็กพุทธเด็กคริสต์ภาวนาร่วมกัน
เด็กพุทธภาวนา พุทโธ เด็กคริสต์ภาวนา เยซู จิตสงบเหมือนกัน
หลวงพ่อได้ข้อมูลที่จะนำมาเล่าสู่ท่านทั้งหลายฟัง เพื่อเป็นแนวทางพิจารณา
โรงเรียนอัสสัมชัญเขานำเด็กนักเรียนมัธยม ระดับ ม.๔ ม.๕ ไปฝึกสมาธิ
ที่วัดวะภูแก้ว อำเภอสูงเนิน
เด็กที่ไปฝึกสมาธินั้นมีทั้งเด็กชาวคริสต์ เด็กชาวพุทธ หรือบางทีอาจจะมีเด็กอิสลามปนไปด้วย พอถึงเวลาจะปฏิบัติสมาธิ ก็มีการไหว้พระสวดมนต์กันตามขนบธรรมเนียม แล้วมีการกราบ มีการไหว้ แล้วก็มีการสวดมนต์ ก่อนอื่นก็ให้คำเตือนเด็ก ๆ ทั้งหลายว่า
พระเจ้าของแต่ละบุคคลอยู่ที่ใจของตน ๆ ถ้าผู้ใดมีพระเจ้าอยู่ในใจ
กราบลงที่ใดก็ถูกพระเจ้าของตัวเอง เด็กกราบหมดทุกคน
ที่นี้พอถึงเวลาสวดมนต์
เอ้า! ชาวพุทธสวด อิติปิโส สวากฺขาโต สุปฏิปนฺโน
ชาวคริสต์สวดมนต์ตามแบบฉบับของศาสนาของตนเอง
ทีนี้ชาวพุทธเราก็สวดอิติปิโส ของเขาก็สวดตามสูตรของเขา
สวดไปที่ตรงโน้นบ้างตรงนั้นบ้างตามที่เขาเรียนมา
พอถึงเวลานั่งสมาธิภาวนา ชาวพุทธภาวนา พุทโธ
ชาวคริสต์ภาวนานึกถึงพระเจ้าของตัวเอง แล้วเด็กทุกคนก็นั่งสมาธิร่วมกัน
ทั้งเด็กชาวพุทธ ชาวคริสต์
พอปฏิบัติสมาธิผ่านไปประมาณชั่วโมงเศษ ๆ พอลงให้พัก
เด็กชาวพุทธกับเด็กชาวคริสต์ก็หันหน้าเข้ามาคุยกัน แล้วมาถามกันว่า
เธอภาวนาระลึกถึงพระเจ้าของเธอ จิตของเธอเป็นอย่างไรบ้าง
เด็กชาวพุทธถามเด็กชาวคริสต์
เขาก็บอกว่า
ฉันภาวนานึกถึงผู้แทนพระเจ้าของเรา คือพระเยซู
ฉันก็บริกรรมภาวนา เยซู ๆ ๆ พอบริกรรมภาวนาไปมันมีอาการเคลิ้ม ๆ
เหมือนกับจะง่วงนอน เสร็จแล้วจิตก็วูบลงไปนิ่ง สว่าง รู้ ตื่น เบิกบาน
มีความสุข ความสบาย มีปีติ กายเบาจิตเบา กายสงบจิตสงบ มีปีติ
มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ถึงในชีวิตไม่เคยพบกับความสงบ
และความสุขอย่างนี้เลย แล้วเธอล่ะ เธอเป็นชาวพุทธเธอภาวนาอะไร
ดิฉันก็ภาวนาพุทโธ ๆ ๆ ของฉัน เพราะพระเจ้าของฉันก็คือพระพุทธเจ้า
ฉันก็นึกถึงพระเจ้าของอัน
เมื่อเธอนึกถึงพระเจ้าของเธอแล้วจิตของเธอเป็นอย่างไร
เด็กชาวพุทธก็บอกว่า
ในเมื่อนึกถึงพระเจ้าของฉันคือพุทโธ ๆ จิตของฉันก็สงบลง
พอสงบลงไปแล้ว ก็รู้ ตื่น เบิกบาน สว่างไสว
อ้าว! ทำไมมันเป็นเหมือนกัน
เด็กก็เลยเกิดความสงสัย พอเสร็จแล้วก็มาถาม
แล้วต่างคนก็ต่างเล่าความเป็นไปของจิตของตนเองให้อาจารย์ฟัง
อาจารย์ท่านก็บอกว่า
คำที่เรานึกบริกรรมภาวนาอยู่นั้นมันเป็นแต่เพียงคำพูด
เป็นแต่เพียงอารมณ์จิต
เราท่องบริกรรมภาวนาเพื่อให้จิตลงบเป็นสมาธิ เมื่อจิตสงบเป็นสมาธิแล้ว
สมาธิเป็นสัจธรรมมีหนึ่งเดียว
ใครจิตสงบเป็นสมาธิแล้วจะเป็นแตกต่างกันไม่ได้
ต้องเป็นอย่างเดียวกัน คือจิตสงบนิ่ง รู้ ตื่น เบิกบาน มีปีติ
มีความสุขออย่างเดียวกันหมด ไม่มีแตกต่างอันนั้นคือสัจธรรมความจริง
ที่นี้เด็กชาวคริสต์ก็บอกว่า
เอ้า! ถ้าอย่างนั้นพระเจ้าของเธอ กับพระเจ้าของฉันก็องค์เดียวกันซิ
ถ้าว่าโดยคุณธรรมก็เป็นองค์เดียวกัน คือ จิตรู้ ตื่น เบิกบานเหมือนกัน
แต่ถ้าโดยชื่อ โดยภาษาสมมติ บัญญัติแล้วก็เป็นคนละองค์
นี่ข้อมูลที่ได้มาจากเด็กต่างศาสนาแต่ไปทำสมาธิภาวนาร่วมกัน
ในขณะเดียวกัน สถานที่แห่งเดียวกัน อาจารย์เดียวกันสอน
คืออาจารย์จันทร์ เขมสิริ อดีตเจ้าอาวาสวัดวชิราลงกรณ์
ท่านไปควบคุมราชการอยู่นั้น
เพราะฉะนั้น ในเมื่อเรามาอาศัยข้อมูลดังที่กล่าวนี้ ถ้าพิจารณาให้ซึ้งแล้ว
คำบริกรรมภาวนาแต่ละอย่างนั้นเป็นแต่เพียงอารมณ์จิต
เป็นแต่เพียงสิ่งรู้ของจิต สิ่งระลึกของสติ
ใครจะบริกรรมภาวนาแบบไหนอย่างไรก็ได้
เพราะฉะนั้น หลวงพ่อไปเทศน์ที่ไหน
เพื่อแก้ข้อข้องใจบรรดานักปฏิบัติทั้งหลาย
มักจะไปข้องใจอยู่ว่าภาวนาพุทโธดีไหม สัมมาอรหังดีไหม
หรือยุบหนอพองหนอดีไหม แล้วก็ข้องใจกัน ตัดสินใจไม่ลง
ไม่ทราบว่าจะเอาแบบไหน
ดังนั้นจึงได้เล่านิทานเกี่ยวกับการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าให้ฟังก็มาย้ำกันอยู่ตรงนี้