|
ขออนุญาตตอบ คห. 8 (ตามความเข้าใจส่วนตัวของผม)
สมาธิ คือ ความตั้งมั่นของจิต คนละเรื่องกับความสงบ แต่ความสงบก็เป็นตัวล่อให้เกิดสมาธิประเภทสมถะได้
ลักษณะของสมาธิสองแบบ 1. รู้ในอารมณ์เดียวด้วยใจที่ตั้งมั่น เช่น ตั้งมั่นในความสงบ , ตั้งมั่นในแสงสว่าง , ตั้งมั่นในความว่าง ฯลฯ (ทางสู่สมถะ) 2. รู้ลักษณะของอารมณ์ต่างๆหลายๆอารมณ์ที่มากระทบจิตด้วยใจที่ตั้งมั่นและเป็นกลางแล้วเห็นลักษณะของความไม่เที่ยงในอารมณ์ต่างๆนั้นเป็นไตรลักษณ์ (ทางสู่วิปัสสนา)
ตัวอย่างสมถะ ตั้งมั่นรู้ความสงบ นำความสงบมาเป็นอารมณ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หลับตาไม่รับรูป หาที่สงัดสันโดษไม่รับเสียง กลิ่น รส สัมผัส... แต่พอมีอะไรมากระทบเช่น เสียงดัง กลิ่นต่างๆ ลืมตามาเห็นภาพ ก็ออกจากสมาธิทันที (ถ้ายังอยู่ในฌาณระดับที่รับรูปเสียงกลิ่นได้)
ตัวอย่างวิปัสสนา ตั้งมั่นรู้ทุกอารมณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แล้วเห็นทุกอย่างเป็นไตรลักษณ์(เห็นนะไม่ใช่คิด) เช่น รู้ว่าดีใจ รู้ว่าไม่พอใจ รู้ว่าเฉยๆ รู้ว่าสุข รู้ว่าทุกข์กาย รู้ว่าทุกข์ใจ รู้ว่าอยาก รู้ว่าไม่อยาก รู้ว่าว่าง รู้ว่าฟุ้ง รู้ว่าบลาๆๆๆ คือใช้สติตั้งมั่นอยู่ที่รู้เป็นสำคัญ ไม่ใช่จะทำเพื่อสงบ ไม่ใช่จะทำเพื่อฟุ้ง ไม่ใช่จะทำเพื่อให้มันคงอยู่นานๆ ไม่ใช่จะทำให้เพื่อให้มันดับไป แต่เพื่อรู้ว่ามันเป็นของมันอย่างนั้น รู้ว่ามันชั่วคราว รู้ว่ามันผ่านมาแล้วผ่านไป สมาธิแบบนี้ทำได้ทั้งวัน ไม่เลือกอารมณ์ มาแบบไหนก็รู้อย่างที่มันแสดง
ส่วนที่ว่า ห้ามคิดเรื่องอื่น แค่นั่งนิ่งๆพุทธโท ทำให้ใจสงบบังคับให้ไม่ฟุ้งซ่าน นั่นแค่สมถะ ยังไม่ได้เข้าวิปัสสนาเลย สมถะเป็นสมาธิเอาไว้พักผ่อนสำหรับผู้ที่เจริญปฏิบัติวิปัสสนา
แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 55 00:33:48
แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 55 00:32:05
จากคุณ |
:
temjung99
|
เขียนเมื่อ |
:
15 ต.ค. 55 00:23:03
|
|
|
|
|