ความคิดเห็นที่ 1 เอ ? ว่าแต่ ในมุมมองของ เหล่าพุทธมามกะจ๋า เนี่ย ถ้า เอี้ยพูดได้ ในนิทานหลอกเด็ก เอ๊ย ใน พุทธชาดก เป็นเรื่อง โกหกสตอเบอร์แหล๋ มีแต่ข้อเท็จ บ่มี ข้อจริง พวกน้อง ๆ นู๋ ๆ ทั้งหลาย จะทำใจยอบรับ กับ สิ่งที่รู้ กันได้ไหมเอ่ย ? แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 55 21:40:09 แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 55 21:34:58 จากคุณ : ยื้มล็อกอินป๊ะป๋า มาโพสเจ้าค่ะ (ป๊ะป๋าหมาน) เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 20:11:06

ความคิดเห็นที่ 2 ปอลิง อืม... ช่วงนี้ นู๋บี ถ้าจะโดนลูกเสือลูกตะเข้ มัน ทำคุณไสย ใส่ อ่ะเจ้าค่ะ เลยโดนคนใจร้ายยยย ย้ายกระทู้ เด้งไปอยู่ ห้องนอกเรื่อง มา 3 ดอกส์ รวดดดด แระ เฮ้อออ นี่ ก็ม่ะรู้ว่า  กาทู้นี้ จะ โดนอีก ดอกส์ ป่ะ ถ้ายังไง แควนขับ ก็ ช่วยกันอธิษฐาน ขอพรจากเจ้าแม่กาลี คอย ให้ กาทู้นี้ของนู๋บี แคล้วคลาด จาก การโดนคุณไสย ด้วยนะเจ้าคะ นู๋บี กั๊ว กัวววววว  ม่ะอยากโดนอัปเปหิ ให้ไปอยู่ ที่กระท่อมน้อยปลายนา อีกแระ เพราะที่นู่น มัน เหง๊า  เหงาาาาาาาาาาาาา  อะซิก...อะซิก.. แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 55 21:02:22 แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 55 20:51:26 แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 55 20:41:24 แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 55 20:37:28 จากคุณ : ยื้มล็อกอินป๊ะป๋า มาโพสเจ้าค่ะ (ป๊ะป๋าหมาน) เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 20:33:02

ความคิดเห็นที่ 3 ปัญหา มันเกิดมาจาก คนที่ ไม่เชื่อว่า ชาติก่อนชาติหน้ามีจริง น่ะครับ (คือ เห็นว่าตายแล้วสูญ) แล้วก็ เห็นว่า การบำเพ็ญบารมีของ พระพุทธเจ้า ตลอด ๔ อสงไขย แสนมหากัปป์ นั้นไม่มีจริง แล้วก็ นำไปสู่ การพยายามกล่าวให้เห็นว่า เรื่อง ชาดก และประวัติของพระโพธิสัตว์ ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแสดงไว้ เป็นเพียง เรื่องแต่งนิยาย ---------------------------------------------------------------------------------- ทีนี้ ก็เอาจุดที่เป็นประเด็นอ่อนไหว เช่น นำเรื่องโคธชาดกมาอ้าง ทั้งๆที่ ชาดก อื่นๆ ก็มีเช่น เมื่อครั้งพระองค์เสวยพระชาติเป็น พญาช้างฉัททันต์ หรือ พญาหงส์เป็นต้น   อย่างนี้ก็จะไม่เอามาพูด   แต่ไปยก เรื่อง โคธชาดก (พญาเอี้ย) มาพูด เพราะ ในภาษาไทย นั้น เอาคำนี้มาไว้ใช้ เป็นคำหยาบคายดูหมิ่นคนอื่น  ใครเชื่อว่าเอี้ยพูดได้ เป็นคนโง่อย่างมาก เรื่องราวมันก็มีแค่นี้แล..... ---------------------------------------------------------------------------------- โคธชาดก http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2012/09/Y12601009/Y12601009.html มหาหงสชาดก http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=28&A=1349&Z=1597 ฉัททันตชาดก http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=27&A=9415&Z=9524 จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 21:10:34

ความคิดเห็นที่ 4 กรณีสัตว์ พูดได้นั้น เป็นเฉพาะในกรณีของมหาบุรุษ มีพระโพธิสัตว์เป็นต้น ไม่ใช่ว่า สัตว์ทุกตัวทั่วไปจะ สนทนาเป็นภาษามนุษย์ได้ ดังตัวอย่างใน มหาหงสชาดก ความว่า        [๒๐๓] นายพรานได้ฟังคำสุภาษิตของสุมุขหงส์นั้น  แล้วขนลุกชูชันนอบน้อม                          อัญชลีแก่สุมุขหงส์แล้วถามว่า เราไม่เคยได้ฟังหรือไม่เคยได้เห็นนกพูด                          ภาษามนุษย์ได้  ท่านแม้จะเป็นนกก็พูดภาษาอันประเสริฐ เปล่งวาจา                          ภาษามนุษย์ได้  พระยาหงส์ตัวนี้เป็นอะไรกับท่านหรือ ท่านพ้นแล้วทำไม                          จึงเฝ้าหงส์ผู้ติดบ่วงอยู่ หงส์ทั้งหลายพากันละทิ้งไปหมด เพราะเหตุใด                          ท่านจึงยังอยู่ผู้เดียว. (ส่วน หงส์ตัวอื่น ที่ไม่ใช่ พระโพธิสัตว์นั้น ก็คงสนทนา กันด้วยภาษาของสัตว์เหล่านั้น เท่านั้น  ไม่ใช่ว่า หงส์ตัวอื่นๆทั่วไปจะสนทนาภาษามนุษย์ได้ เหมือนอย่างพระโพธิสัตว์)  [๒๔๗]     หงส์เหล่านั้น เห็นพระยาหงส์ทั้งสองผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีโรคกลับมาถึง จึง                           พากันส่งเสียงว่า เกเก ได้เกิดเสียงอื้ออึงขึ้น หงส์ผู้มีความเคารพนาย                           เหล่านั้นได้ปัจจัยมีปีติโสมนัส  เพราะนายหลุดพ้นกลับมา  พากัน                           กระโดดโลดเต้นเข้าไปห้อมล้อมโดยรอบ. http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=28&A=1349&Z=1597 -------------------------------------------------------------------------------- และ ในชาดกต่างๆ นั้น จะแสดงไว้ว่า เป็นอดีตชาติของพระพุทธองค์ เมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ ดังที่แสดงใน ฉัททันตชาดก ในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗  ความว่า  [๒๓๕๑] พระศาสดาได้บรรลุสัมโพธิญาณแล้ว มีพระอานุภาพมาก ได้ทรงทำการแย้ม                          ในท่ามกลางบริษัท ภิกษุทั้งหลายผู้มีจิตหลุดพ้นดีแล้ว พากันทูลถามว่า                          พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมไม่ทรงทำการแย้มให้ปรากฏ เมื่อไม่มีเหตุ?                          พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ท่านทั้งหลายจงดูนางกุมารีสาวคนนั้น นุ่งห่ม                          ผ้ากาสาวพัสตร์ ประพฤติอนาคาริยวัตร นางกุมารีคนนั้นแล เป็นนาง-                          สุภัททาในกาลนั้น เราตถาคตเป็นพญาช้างในกาลนั้น......... http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=27&A=9415&Z=9524 จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 21:16:37

ความคิดเห็นที่ 5 สำหรับผมเอง ไม่เกี่ยวกับรู้หรือไม่รู้ เรียกว่าไม่ได้สนใจดีกว่า เก็บแต่สาระที่เรื่องนั้นสอน ได้ฟังนิทานอีสปมาตั้งแต่เด็ก ก็ไม่เคยถามใครว่าจริงหรือไม่เสียที จากคุณ : สู่ฝัน...อันยิ่งใหญ่ เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 22:32:25

ความคิดเห็นที่ 6 กรณีโคธชาดกนี่ ผมเคยเอามาใช้สอนนักเรียนอยู่บ่อย ๆ ว่า การใช้คำด่าว่าตัวเงินตัวทองนั้นไม่เข้าเรื่อง และผู้ถูกด่าก็ไม่ควรโกรธ เพราะสิ่งที่ชั่วร้ายไม่ใช่สัตว์ติรัจฉาน แต่เป็นการกระทำทุจริตทางกาย วาจา ใจ ต่างหาก  ถ้าจะด่าจะตำหนิกัน ก็ควรด่ากันที่ความประพฤติชั่ว ประพฤติเลวทราม การเอาชื่อสัตว์ต่าง ๆ มาด่ากันนั้น ไม่มีสาระอะไร และผู้ถูกด่าก็ไม่ควรโกรธ คล้าย ๆ กับมีคนมาพูดชื่อพ่อชื่อแม่ของเรา  เราก็ควรคิดเสียใหม่ว่า ลูกนายกก็ถูกหนังสือพิมพ์ขึ้นชื่อพ่อชื่อแม่เขาทุกวัน เขาก็ไม่เห็นไปด่าหนังสือพิมพ์ว่าล้อชื่อพ่่อชื่อแม่ของเขา ส่วนที่จขกท.ถามว่า "เอ ? ว่าแต่ ในมุมมองของ เหล่าพุทธมามกะจ๋า เนี่ย ถ้า เอี้ยพูดได้ ในนิทานหลอกเด็ก เอ๊ย ใน พุทธชาดก เป็นเรื่อง โกหกสตอเบอร์แหล๋ มีแต่ข้อเท็จ บ่มี ข้อจริง พวกน้อง ๆ นู๋ ๆ ทั้งหลาย จะทำใจยอบรับ กับ สิ่งที่รู้ กันได้ไหมเอ่ย ? " ผมก็อยากทราบเหมือนกันว่า จขกท.มีวิธีไหนที่จะพิสูจน์ว่าเรื่องในชาดกไม่ใช่เรื่องจริง? ถ้ามี ก็ช่วยเอามาพิสูจน์หน่อย แล้วผมจึงค่อยตัดสินใจอีกที ดีไหมครับ? แต่ที่จริงผมเองก็ไม่ค่อยสนใจกับเรื่องนี้เท่าไหร่ เพราะผมตั้งความปรารถนาจะเป็นพระโพธิสัตว์ หากชาติใดชาติหนึ่งในระหว่างแห่งการสร้างบารมีธรรม จะมีโอกาสได้เกิดเป็นพญาโคธาโพธิสัตว์บ้างหรือเปล่า แล้วจะพูดได้ไหม  ก็คงเป็นเรื่องดี จะได้เป็นการพิสูจน์ด้วยตัวเองไปเลย  ดีไม่ดีตายในชาตินี้ เกิดชาติหน้าได้เสวยพระชาติเป็นพญาโคธาโพธิสัตว์ แล้วจขกท.ยังไม่ตาย  ผมอาจจะคลานไปหาจขกท.แล้วพูดให้จขทก.ฟังเลยก็น่าจะดีนะครับ หรือจขทก.คิดว่ายังไง? แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 55 23:28:21 แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 55 23:26:28 แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 55 23:24:12 แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 55 23:23:22 จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 55 23:21:47

ความคิดเห็นที่ 7 ผมก็อยากทราบเหมือนกันว่า จขกท.มีวิธีไหนที่จะพิสูจน์ว่าเรื่องในชาดกไม่ใช่เรื่องจริง? ถ้ามี ก็ช่วยเอามาพิสูจน์หน่อย แล้วผมจึงค่อยตัดสินใจอีกที ดีไหมครับ? แหม๊ ? พวกพุทธมามกะจ๋า เนี่ย เข้าใจ  หาตรรกะ โหลยโท่ย มาเบี่ยงเบน ประเด็น จังเรยเน๊าะ  อืม...เอางี้ ถ้าคุณ กระทู้ถาม โดยใช้ ตรรกะไร้สาระ แบบนี้ อิฉัน ก็จะถาม กลับมั่งว่า  คุณเชื่อและศรัทธา ในเรื่อง รามยณะ แล ตำนาน พุทธอวตาร ไหมล่ะ ? ถ้าเชื่อ อิฉันคงไม่มีอะไรจะเถียงด้วยหรอกนะ แหะ ๆ แต่ถ้า ทั่นไม่เชื่อ ตำนานเรื่อง พุทธอวตาร ขึ้นมาวันใด อิฉันก็จะใช้ ตรรกะ แบบเดียวกันนี้ ย้อนถามมั่งได้ป่ะ ว่า อิฉันก็อยากทราบเหมือนกันว่า คุณมีวิธีไหนที่จะพิสูจน์ว่า เรื่องพุทธอวตารไม่ใช่เรื่องจริง? ถ้ามี ก็ช่วยเอามาพิสูจน์หน่อย แล้วจึงค่อยให้  เลดี้เฟิร์ส อย่างอิฉัน ถ่อสังขารไำปพิสูจน์เป็น ลำดับต่อไป ว่าเรื่อง โคธชาดก มัน สตอเบอร์แหล๋ น่ะ อิอิ ล้อเล่นจร้าาา เอาเป็น ว่า เรื่อง เอี้ยพูดได้นั้นน่ะ มันเป็น อะไรที่ ไร้สาระ เกินกว่า ที่อิฉันจะเจียดเวลา ไปให้ ความสำคัญ  กับมัน จนต้อง มานั่งหลังขดหลังแข็ง  ออกแบบการทดลองกำหนดตัวแปรต้น ตัวแปรตาม และ ตัว แปรควบคุม ตามหลักวิทยาศาสตร์ เพื่อค้นหาความจริง ว่ะ สมณะโคดมของคุณไม่ใช่ คนสำคัญ ขนาดน้านน ตอนเป็นเอี้ย เนี่ย จะพูดได้ หรือ ไม่ได้ ก็ช่างหัวมัน จิค๊าาา ขืนมัวแต่สนใจ ไปพิสูจน์เรื่องของบุรุษที่ไร้ประโยชน์ คนนั้น อิฉันก็ เสียเวลาจู๋จี๋ก๊ะหนุ่ม ๆ หมดอ่ะ ดิ อิอิ แถมไอ้เรื่อง เอี้ย ๆ พรรณนี้ มันก็ ใช่ว่าจะ พิสูจน์ กันได้ ง่าย ๆ เหมือนการ ปักตะไคร้ พิสูจน์ ผังผืด พรรมจรรย์ นี่หว่า เอาเป็นว่า ตอนนี้ นู๋บี ยังขี้เกียจจะหาวิธี พิสูจน์คร้าาา ไอ้ครั้นจะ รอให้ตัวเอง ตาย 5 ไปเกิดเป็น พญาเอี้ยโพธิสัตว์ เหมือน ใครบางคน ก็ไม่ไหว อ่ะจร้าาาา เพราะว่า อิฉันมันชอบแนว ปัจเจกพุทธะ ทะลุธรรมมะ ด้วยตัวเองงงงงงง อ่ะคร้าา ดังนั้น  ใครรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อน กลัวว่า สถานะอันสูงส่ง ของ ทั่นเอี้ยโพธิสัตว์ จะเสียเครดิต ก็ให้มันไป คิดค้น วิธีพิสูจน์ แล้วออกแบบการทดลองเอาเองดิ ว่า ไอ้ชาดกเรื่อง เอี้ย ๆ ที่เล่าสืบต่อกันมาเนี่ย มันเป็นเรื่องจริง เรื่อง อะไร จะต้องให้ คนนอก อย่างอิฉัน ไปเป็น องครักษ์ พิทักษ์สมณะโคดมล่ะคร้าา มันไม่ใช่หน้าที่ ของ อิฉันนี่หว่า แล้วที่สำคัญ  อย่าลืมว่า การจะตั้งคำถาม อะไรสักอย่าง ในรูปแบบ ประโยค อีฟ คอร์ส อ่ะนะ ต้องอย่าลืมว่า  มันเป็นการ สมมุึติ แฟคเตอร์ต่าง ๆ ขึ้นมา เพื่อ ดูว่า ในสถานะการณ์ ที่เต็มไปด้วย แฟคเตอร์ ที่เซตไว้ นั้น คนถูกถาม จะ ใช้ภูมิกึ๋น ภูมิธรรม  ที่มี มาโยนิโส เพื่อตอบสนองต่อ คำถามเหล่านี้ ยังไง ? ( โดยดูจากคำตอบที่ เขาตอบออกมา ) ไม่ใช่ว่า พอคนถาม เขาถามด้วย การสร้างสถานะการณ์จำลองขึ้นมา แต่ สถานการณ์นั้น ๆ มันดันทำให้เรา รู้สึกขุ่นมัว ไม่พึงใจ เราก็ ทำท่าจะกินหัว คนถาม แทนที่จะ ตอบคำถาม ซะงั้น งี้ ถ้าแถวบ้านอิฉัน เขาเรียกว่า แถ อ่ะนะ อืม...แต่ถ้าใช้ ศัพท์ทางจิตวิทยา ให้ดูมีคลาส ขึ้นมาหน่อย ก็เรียกว่า โปรเจคชั่น อิอิ ดังนั้น อิฉัน ถามอะไร ก็ ตอบ ๆ ไป ให้มันตรงคำถามตรงประเด็น หน่อยเด๊ะ แมร่ง จะมัวมาเล่นตัว ทำท่ากระทั่ว แกล้งมาตั้งแง่ แถไปถามยิบถามย่อย ในเรื่องจุก ๆ จิก ๆ  แหม๊ ทำเป็น อิพวกผู้หญิงเรื่องมาก ไปได้ กลัวอะไร กับ คำตอบที่มี ให้กับ ตัวเองหรือไง ? ไม่อยากให้ ใครเห็น ศรัทธา ที่อาจจะบิดเบี้ยวไป เมื่อ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ไม่เป็นไป ตามที่คาดหวังใช่ไหม ? ไม่สำคัญหรอกว่า อิฉันจะพิสูจน์ ยังไง แต่ สิ่งสำคัญ ก็คือ  ถ้า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ มันขัดแย้งกับ ความเชื่อ ความศรัทธาของคุณ ขึ้นมา คุณจะทำยังไง ? และจะเลือกเดินต่อไปในทางไหน ? คำตอบที่คุณตอบมา นั่นแหล่ะ คือ สิ่งที่บ่งบอก ระดับ ศรัทธาจริต และ จะเป็นตัวกำหนด ชะตาชีวิตของคุณ ในภายภาคหน้า ว่าจะทำยังไง เมื่อเผชิญกับ วิกฤติศรัทธา เป็นนักปฏิบัติสายศรัทธาจริตจ๋า หรือว่า สายปัญญา แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 01:07:04 แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 01:04:24 จากคุณ : ยื้มล็อกอินป๊ะป๋า มาโพสเจ้าค่ะ (ป๊ะป๋าหมาน) เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 00:57:57

ความคิดเห็นที่ 8 อย่างที่บอกแหละ น่าสงสาร และน่าสมเพช (อันนี้แถมให้) จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 05:11:12

ความคิดเห็นที่ 9 อีกอย่างหนึ่ง เหตุผลที่ใครเป็นอย่างไร สำหรับผู้ที่มีศรัทธาในศาสนาจะมีอยู่เหตุผลเดียวคือ "เป็นผู้ทำกรรมดี(หรือชั่ว)มาแต่ชาติปางก่อน" แต่ถ้าเรานำเรื่อง"เอี้ยพูดได้"ไป ถามนักชีววิทยา ก็อาจได้รับคำอธิบายเรื่องสมองและระบบประสาท ความสามารถ ในการเรียนรู้ รวมถึงอวัยวะที่ควบคุมการเปล่งเสียง ฯลฯ ปัจจุบันเรื่องราวต่างๆได้มีการอธิบายโดยหลายๆศาสตร์ประกอบกัน การที่จะเชื่อว่า ยังมีคนเชื่อคำอธิบายในทางศาสนาอย่างเต็มเปี่ยมด้วยศรัทธาเหมือนสมัยโบราณ ก็ออกจะยากสักหน่อย โดยเฉพาะในสายตาของ จขกท. ต้องขอโทษด้วยครับ ที่เขียนออกนอกประเด็นที่ถาม จากคุณ : สู่ฝัน...อันยิ่งใหญ่ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 05:41:56

ความคิดเห็นที่ 10 ที่ผมถามว่า คุณจขกท.มีวิธีอย่างไรที่จะพิสูจน์ว่าไม่ใช่เรื่องจริง ก็เพราะคุณจขกท.พูดเองว่า ""เอ ? ว่าแต่ ในมุมมองของ เหล่าพุทธมามกะจ๋า เนี่ย ถ้า เอี้ยพูดได้ ในนิทานหลอกเด็ก เอ๊ย ใน พุทธชาดก เป็นเรื่อง โกหกสตอเบอร์แหล๋ มีแต่ข้อเท็จ บ่มี ข้อจริง พวกน้อง ๆ นู๋ ๆ ทั้งหลาย จะทำใจยอบรับ กับ สิ่งที่รู้ กันได้ไหมเอ่ย ? "" ผมก็เลยจำเป็นต้องรู้ก่อนว่า "การที่ข้อความในชาดกนั้นจะไม่ใช่เรื่องจริง มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน"   ถ้าสมมติว่าผมเชื่อว่าเรื่องในชาดกเป็นเรืองจริง แต่จขกท.ไม่เชื่อ จขกท.ก็น่าจะบอกให้ผมทราบว่า จขกท.คิดว่าอย่างไร  ระหว่าง ๑. คิดว่า ทุก ๆ คน จะต้องไม่เชื่อเหมือนคุณจขกท.ว่าเรื่องในชาดกไม่ใช่เรื่องจริง  - ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็จะได้หาวิธีมาพิสูจน์ว่าเรื่องในชาดกไม่ใช่เรื่องจริงอย่างนั้น ๆ ๒. คิดว่า "อยากจะรู้แค่ว่าถ้าชาวพุทธที่เชื่อว่าเรื่องในชาดกเป็นเรื่องจริง แต่ปรากฏว่าเรื่องเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องจริง จะทำอย่างไรกันต่อไป" อันนี้ผมว่าคงต้องย้อนกลับไปดูต้นตออยู่อีกนั่นเองว่า "แล้วทำอย่างไรล่ะ เราจึงจะรู้ว่า เรื่องในชาดกไม่ใช่เรื่องจริง หรือ ทำอย่างไรเราจึงจะประจักษ์ได้ว่าเรื่องในชาดกไม่ใช่เรื่องจริง?" คนที่ควรจะตอบ น่าจะเป็นจขกท.มากกว่า เพื่อให้พวกผมได้รู้ประจักษ์ว่า อ้อ นี่นะ เรื่องในชาดกตรงนั้น ๆ  นะ มันไม่ใช่เรื่องจริง แล้วคุณคิดว่าอย่างไร ก็คุณบอกเองว่า "จะทำใจยอมรับกับสิ่งที่รู้ได้ไหมเอ่ย"  แต่คุณยังไม่ได้บอกเลยว่า "แล้วจะทำยังไงผมถึงจะรู้ว่ามันจริงหรือไม่จริง?"   ก็ผมยังไม่รู้เลยนี่ เอ้อ แล้วจะให้ผมทำยังไงผมถึงจะบอกได้ว่าจะทำใจยอมรับอะไรต่าง ๆ อย่างนั้น ๆ เท่าที่ผมอ่านดู คล้าย ๆ กับจขกท.กำลังบอกว่า ถ้าเรื่องในชาดกไม่ใช่เรื่องจริง ชาวพุทธจะทำใจยอมรับไม่ได้  แต่ปัญหาที่จขกท.กำลังน่าจะเจออยู่ก็คือ ชาวพุทธเชื่อเรื่องในชาดก  ดังนั้นเขาจึงไม่มีปัญหากับประเด็นที่จขกท.กำลังถาม ดังนั้นจขกท. น่าจะถามตัวเองให้ชัดก่อนว่า คำถามเนี่ย ต้องการจะเห็นคำตอบแบบไหน เช่น ๑. ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง ชาวพุทธยอมรับได้หรือไม่?  เช่น อาจจะยอมรับว่าชาดกไม่ใช่เรื่องจริง  แต่คำสอนของพระพุทธเจ้าในส่วนอื่น ๆ นั้นเป็นจริง   ๒. ถ้าชาดกไม่ใช่เรื่องจริง แล้วคำสอนทั้งหมดในพระไตรปิฎกก็ล้วนไม่จริงไปทั้งหมด และเราก็ไม่ควรเชื่อหรือนับถือพระพุทธเจ้าอีกต่อไป ๓. ถ้าชาดกไม่ใช่เรื่องจริง แต่เพราะตัวคาถาในชาดกนั้นเป็นพุทธพจน์  เป็นไปได้หรือไม่ว่า พระอรรถกถาจารย์ท่านนำเอาเนื้อหาทำนองนิทานเสริมเข้าไป แล้วมีคาถาที่เป็นพุทธพจน์ใส่เข้าไปในตัวละครเหล่านั้นด้วย  ชาวพุทธก็จะยอมรับว่า เอ้อ ในนิทานชาดกนี่ก็มีส่วนที่ไม่จริงเฉพาะในเรื่องของนิทานนะ  แต่ว่าตัวคาถานั้นเป็นพุทธพจน์ และมีเนื้อหาเป็นคติธรรม อย่างเรื่องโคธชาดกนี่ คาถาของพญาตัวเงินตัวทองโพธิสัตว์ ก็กล่าวตำหนิฤาษีโกงที่คิดจะฆ่า และกินเนื้อของตัวเงินตัวทอง โดยไม่ได้นึกถึงเพศภาวะความเป็นฤาษีของตนเอง เป็นคนสำรวมแต่ภายนอก แต่ข้างในนั้นเน่าใน รกชัฏ วุ่นวาย เต็มไปด้วยกิเลส แล้วก็คิดว่า เอ้อ เอาเรื่องพญาตัวเงินตัวทองโพธิสัตว์นี่เก็บไว้ในลิ้นชักก่อนนะ แต่ตัวคาถานี้เป็นคติธรรมดีแท้ เป็นพุทธพจน์โดยตรง  เราก็นำเอามาเป็นหลักปฏิบัติได้ ผมว่ามันมีแนวทางการยอมรับไม่ยอมรับได้หลายอย่างนี่นะ ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร แต่ส่วนตัวผมก็เห็นว่า ถ้าหากมีข้อพิสูจน์ สมมติว่า เรามีไทม์แมชชีนจะย้อนเวลาไปดูว่ามีเรื่องอย่างนั้น  ๆ ไหม ในชาดก แล้วเราก็ประกาศว่า นี่ เรื่องชาดกเป็นเรื่องจริง หรือ ไม่ใช่เรื่องจริง  หรือถ้าหากมีข้อพิสูจน์อย่างอื่น ๆ ที่บอกได้แน่ ๆ ว่า นี่นะ ชาดกนี่นะ ไม่ใช่เรื่องจริง ผมก็อาจจะยอมรับในลักษณะที่ ๓ ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรนี่ครับ ผมว่าจขกท.ไปอ่านความเห็นผมให้ชัด ๆ ดีกว่า ว่าผมต้องการอะไร แทนที่จะมาคิดว่า คนที่มาตอบทุกคน เขาจ้องจะกินเลือดกินเนื้อหรือกินคนตั้งคำถามเสียอย่างเดียว โดยไม่อ่านอะไรให้ชัดเจน อ้อ ที่คุณบอกว่า "ถ้า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ มันขัดแย้งกับ ความเชื่อ ความศรัทธาของคุณ ขึ้นมา คุณจะทำยังไง ? และจะเลือกเดินต่อไปในทางไหน ?" อันนั้นผมก็ได้บอกไปแล้วว่า งั้นก็ควรจะต้องมีข้อพิสูจน์ก่อนว่ามันเป็นข้อเท็จจริงประการใด ดังนั้น จขกท. เมื่อถาม ก็ควรจะมีความรับผิดชอบในคำถามของตนเอง เป็นสองประการครับ คือ ๑. ถ้าจขกท. ต้องการจะให้คนที่เชื่อนั้นทำอย่างไรออกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง จขกท. จะต้องมีข้อพิสูจน์ให้คนที่เชื่อนั้นยอมรับได้แน่นอนลงไป แล้วจึงค่อยถามว่า "แล้วคุณจะทำอย่างไรต่อไป" ๒. ถ้าจขกท.ไมได้ต้องการอะไรถึงขนาดนั้น เพียงแต่จะถามเฉย ๆ โดยไม่มีเหตุมีผล คล้าย ๆ กับถามขึ้นมาลอย ๆ ว่า "เอ้อ ถ้ามันไม่จริง แล้วคุณคิดจะทำอย่างไรต่อไป" ก็บอกมาให้ชัดไปเลย (อันนี้ดีหน่อยว่าจขกท.ได้ยืนยันมาแล้วว่าเป็นคำถามทำนอง If (ถ้า) โดยไม่ต้องการจะขอเป็นผู้พิสูจน์ใดๆว่าจริงหรือไม่จริง แค่อยากจะทราบความเห็นเฉย ๆ) ผมก็บอกว่า ผมก็เชื่อในลักษณะที่ ๓ อย่างที่ได้บอกไปแล้ว เรื่องก็มีเท่านี้ เอ... ไม่เห็นจะมีอะไรที่ดูเหมือนว่าผมไปกินหัวกินหางจขกท.ตรงไหนเลยนี่นา ก็พูดกันตามหลักการแท้ ๆ ส่วนเรื่องพุทธอวตาร หรือพุทธาวตารนี่ เอาไว้ช่วงเที่ยง ๆ ค่อยมาพูดถึงต่อ พอดีมีธุระ แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 12:18:49 แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 11:45:58 แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 10:30:31 จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 10:22:30

ความคิดเห็นที่ 11 ที่สำคัญ ถ้า รู้ว่า เอี้ยพูดได้ ไม่มีอยู่จริง แล โคธชาดก เป็นเรื่อง โกหกสตอเบอร์แหล๋ อิฉัน ก็คงไม่มานั่งกัดชายผ้าห่ม ร้องไห้ อะซิก ๆ เป็นเผ่าเต่าหรอกนะ ก็จะร้องไห้ทำไมล่ะครับ ก็มันพูดได้จริงๆ ขนาดตั้งกระทู้นี่ก็ยังต้ังได้เลย แค่พูดทำไมจะพูดไม่ได้ 555 จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 11:57:35

ความคิดเห็นที่ 12 ขอต่อจากเมื่อครู่ จขกท.ได้ถามเอาไว้ว่า -------------------- อิฉัน ก็จะถาม กลับมั่งว่า   คุณเชื่อและศรัทธา ในเรื่อง รามยณะ แล ตำนาน พุทธอวตาร ไหมล่ะ ? ถ้าเชื่อ อิฉันคงไม่มีอะไรจะเถียงด้วยหรอกนะ แหะ ๆ แต่ถ้า ทั่นไม่เชื่อ ตำนานเรื่อง พุทธอวตาร ขึ้นมาวันใด อิฉันก็จะใช้ ตรรกะ แบบเดียวกันนี้ ย้อนถามมั่งได้ป่ะ ว่า อิฉันก็อยากทราบเหมือนกันว่า คุณมีวิธีไหนที่จะพิสูจน์ว่า เรื่องพุทธอวตารไม่ใช่เรื่องจริง? ถ้ามี ก็ช่วยเอามาพิสูจน์หน่อย แล้วจึงค่อยให้  เลดี้เฟิร์ส อย่างอิฉัน ถ่อสังขารไำปพิสูจน์เป็น ลำดับต่อไป ว่าเรื่อง โคธชาดก มัน สตอเบอร์แหล๋ น่ะ ---------------------------------------- ผมเองก็ไม่แน่ใจว่า วิธีพิสูจน์ของผมจะได้ผล หรือทำให้จขกท.ยอมรับได้หรือเปล่า และจะทำให้จขกท. ค่อยไปถ่อสังขารอะไรอย่างที่ว่านั่นรึเปล่านะครับ แต่ผมเห็นว่า เรื่องนี้น่าจะย้อนไปที่ตัวจขกท.เองกับคำพูดของจขกท. ที่ว่า  จขกท.ต้องการถามว่าถ้าเรื่องชาดกไม่ใช่เรื่องจริง จะยอมรับได้ไหม แล้วจะมีทางดำเนินต่อไปอย่างไร ซึ่งผมก็ถามว่า มีวิธีพิสูจน์อย่างไรหรือไม่ว่าชาดกไม่ใช่เรื่องจริง จขกท.ก็ยกเรื่องพุทธาวตารมาให้ผมพิจารณา ซึ่งความจริงแม้ว่าผมเองออกจะงง ๆ อยู่บ้างว่า "มันเกี่ยวอะไรกันตรงไหนว๊า..."  เพราะพุทธาวตาร เป็นความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ฮินดู แต่เรื่องชาดก เป็นเรื่องในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา จขกท.พูดเรื่องชาดกไม่น่าจะเป็นเรื่องจริง  ผมถามถึงข้อพิสูจน์ จขกท.กลับให้ผมช่วยพิสูจน์เรื่องพุทธาวตาร  ผมจึงยังงงอยู่ว่า  ไป ๆ มา ๆ มันแถไปถึงเรื่องนี้ได้ยังไงก็ยังไม่เข้าใจ ส่วนจขกท.จะหาว่าเป็นการโต้ตอบแบบตรรกะ เพราะผมใช้ตรรกะแถผิดพลาดเองตั้งแต่ต้น ก็ยังมองไม่ออกว่ามันจะเกี่ยวข้องกันอย่างไร   ซึ่งผมเห็นว่า อาจารย์สอนวิชาตรรกศาสตร์  และหลักสูตรที่ผมเรียนวิชาตรรกศาสตร์มา ท่านไม่ได้เคยสอนเรื่องนี้เอาไว้ ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันเป็นตรรกศาสตร์แขนงไหน อาจจะเป็นตรรกะศาสตร์แขนง Rhino Logic ก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อจขกท.ถามมา ผมก็ขอตั้งวิธีพิสูจน์อย่างนี้ พุทธาวตาร ไม่มีความเป็นเรื่องจริง ด้วยข้อสันนิษฐานดังต่อไปนี้ ๑. ตำนานเรื่องพระนารายณ์อวตาร  มีการเขียนขึ้นในยุคหลังจากที่เกิดการปฏิรูปศาสนาพราหมณ์ขึ้นมาเป็นศาสนาฮินดูแล้ว  แต่งเป็นรูปคัมภีร์ ชื่อ ภาควตปุราณะ*  ซึ่งแต่งเมื่อประมาณ พ.ศ. ๑๔๐๐-๑๕๐๐  เพราะช่วงเวลานั้น ฮินดูต้องการแข่งและบดบังรัศมีของพระพุทธศาสนา จึงต้องแต่งเรื่องให้พระพุทธเจ้าเป็นอวตารหนึ่งของพระนารายณ์ ๒. แม้แต่ที่บอกว่ามีพุทธาวตาร อยู่ในตำนานอวตารพระนารายณ์สิบปางเองก็ตาม ก็ยังไม่ใช่เป็นหลักยุติแน่นอนลงไป  เพราะในอีกคัมภีร์หนึ่งของฮินดู ชื่อ ศังกรทิควิชยะ ก็ได้กล่าวไปอีกทำนองหนึ่งว่า ไม่ใช่ว่าพระวิษณุอวตารลงมาเป็นพระพุทธเจ้าหรอก แต่ลงมาสิงร่างพระพุทธเจ้า และสอนให้คนเลิกเชื่อถือระบบวรรณะ เลิกบูชายัญ ทำให้เทวดาไม่ได้รับเครื่องเซ่นสังเวย พวกเทวดาก็เลยไปร้องขอต่อพระศิวะให้ช่วย พระองค์ก็อวตารลงมาเป็นศังกราจารย์ เพื่อฟื้นฟูหลักธรรมในพระเวทให้กลับคืน   อันนี้ก็เท่ากับว่า มีการแข่งขันกันเองระหว่างศาสนาฮินดูสองสาย คือสายนับถือพระนารายณ์ และสายนับถือพระศิวะ ที่ต้องการโจมตีสายนับถือพระนารายณ์อีกที ก็แสดงว่าเรื่องพุทธาวตารในนารายณ์อวตาร แทนที่จะเป็นเรื่องยุติแน่นอนลงไปแล้วเป็นที่นับถือกันในหมู่ฮินดู  ก็กลายเป็นเรื่องแตกแยกเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายนับถือพระวิษณุก็ต้องการจะให้ผู้ที่นับถือฮินดูอยู่เดิม ไม่ไปศรัทธานับถือพระพุทธศาสนา เพราะเห็นว่าในเมื่อพระพุทธเจ้าก็ยังเป็นเพียงอวตารของพระนารายณ์ ก็นับถือพระนารายณ์ไปตามเดิม แถมที่อวตารลงมาก็ไม่ใช่ว่าจะดี แต่อวตารมาเพื่อหลอกพวกอสูร(ชาวพุทธ) ให้เลิกบูชายัญ จะได้ไม่มีฤทธิ์ เทวดาจะได้ปราบได้ง่าย   ส่วนอีกฝ่ายหนึ่ง คือฝ่ายนับถือพระศิวะ ก็ต้องการจะตีทั้งพุทธ และฮินดูวิษณุนิยมด้วย เลยด่ากราดไปหมดว่านี่แหละ พระวิษณุนี่ตัวดี มาสิงร่างพระพุทธเจ้า สอนให้คนกลายเป็นพวกนอกศาสนา ไม่มีวรรณะธรรม ไม่มีอาศรมธรรม  ต้องให้พระศิวะลงมาช่วยสอนใหม่อีกรอบ โดยลงมาเป็นศังกราจารย์ ในเมื่อเรื่องนี้มีแนวไม่ลงรอยกันแน่ชัด ก็เห็นได้ชัดอยู่เองว่าเป็นเรื่องแต่ง ไม่มีเค้ามูลแห่งเรื่องจริงอยู่ ผมเองเห็นว่าได้ตอบเรื่องพุทธาวตาร ในแง่การสันนิษฐานไปเท่าที่ความรู้จะเอื้ออำนวยแล้ว ทีนี้ก็จะขอรอฟังความเห็นของคุณจขกท. ต่อไป ---------------------------------- * มีข้อควรทราบว่า คำว่า ปุราณะ เป็นชื่อเรียกคัมภีร์ในหมวดตำนาน ของศาสนาฮินดู มีอยู่ ๑๘ คัมภีร์ ปุราณะเล่มแรก แต่งขึ้นเมื่อราว พ.ศ. ๘๕๐  แล้วก็แต่งกันต่อ  ๆ มาเรื่อย ๆ  ลงท้ายว่า น่าจะแต่งมาจนถึงประมาณ พ.ศ. ๒๐๕๐ ก็แสดงว่า "พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปตั้งเป็นพันปีแล้ว ฮินดูเพิ่งมาอ้างเอาพระนารายณ์ที่เป็นเทพเจเนอเรชั่นใหม่ ว่าเป็นต้นเดิม และอวตารลงมาเป็นพระพุทธเจ้า" แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 13:33:02 แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 13:23:06 แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 13:20:10 จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 13:17:30

ความคิดเห็นที่ 13 ท่านทั้งหลายปล่อยเธอคนนี้ให้เป็นภักษาเต่าปลาเถิด เกื้อยากเสียแล้ว ก็ปริยัตที่เธอมี แทนที่จะทำประโยชน์ตนให้เจริญ กลับเอามาใช้หักล้างคะคาน อันหาประโยชน์มิได้ เช่นนี้ท่านกล่าวว่าเป็น ปริยัตงูพิษ จงนิ่งเสีย ท่านผู้มีสติและปัญญา อย่าได้ตอบโต้เธอ คนนี้อีกเลย จากคุณ : เหนือฟ้าเหมันต์ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 13:43:28

ความคิดเห็นที่ 14 เป็นไงครับ จขกท. เจอคุณ chohokun เข้าไปหายเงียบไปเลยนะ หงายหลังเลยหละสิ รอคนอย่างคุณ chohokun นานแล้วครับ เพราะจขกท.รายนี้ชอบตั้งกระทู้แบบนี้ประจำ แล้วเนื้อหาก็วนเวียนแค่เรื่องเอี้ยนี่แหละ แล้วคำพูดคำจาก็ดูถูกเหยียดหยามคนอื่นแบบขวานผ่าซาก น่ารำคาญมาก ๆ จากคุณ : Davinciza เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 18:25:14

ความคิดเห็นที่ 15 ชาดก ในบางส่วนก็ต้องยอมรับความจริงว่า แต่งขึ้นนะครับ.. เพราะถ้าไปอ่านหนังสืออื่นในชมพูทวีป  ก็มีเรื่องทำนองนี้คล้ายเหมือนกัน อาจจะมีการหยิบยืมกันไปมา... สิ่งเหล่านี้ ใครจะเชื่อ หรือไม่เชื่อก็ไปพิสูจน์ได้ยากอยู่ดี สนสิ่งที่เป็นคำสอนหลัก ๆ ดีกว่า ไม่ใช่ นิทานที่ บางคนแต่งเข้ามาเสริม ในสมัยนั้น คนเราใช้นิทาน เพื่อให้คนจดจำได้ง่ายครับ ลองดูสิครับ เด็ก ๆ เราก็ชอบฟังนิทานกัน แล้วก็จะจำง่ายกว่า กระต่ายกะเต่า  เราก็ต้องยอมรับว่า การเล่าเป็นนิทานเรื่องราว คนจะซึมซับง่ายกว่าอยู่แล้ว จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 18:40:51

ความคิดเห็นที่ 17 *** ผิดพลาดทางเทคนิค แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 22:58:12 แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 22:53:26 จากคุณ : ยื้มล็อกอินป๊ะป๋า มาโพสเจ้าค่ะ (ป๊ะป๋าหมาน) เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 22:05:40

ความคิดเห็นที่ 19 มนุษย์ใช้ภาษามนุษย์หลอกตัวเองเต็มประตูอยู่เช้าค่ำ แล้ววันนึงเค้าก็ถามโลกว่า สัตว์พูดภาษามนุษย์ได้ไหม อยากขำ กลิ้งเป็นลิงปากจู่ข้างบนนั่นจริงๆ ทำไม๊ มั่นใจในภาษาตัวเองขนาดนั้น จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 22:30:44

ความคิดเห็นที่ 20 อืม...ตะกี้ ผิดพลาดทางเทคนิค โพสแล้ว ตัวหนังสือบางส่วนมัน หายเกลี้ยง สงสัยจะติด โปรแกรมกรองคำ มั้ง เอิ๊ก ๆ ดังนั้น ขออนุยาด โพสใหม่  ล่ะกันเน๊าะ อ้อ แร้วเด๋วจามา เม้าท์มอย โตย นะจ๊ะ ( แต่ไม่รู้จะทันไ้ด้โพส วันนี้ไหม ) อืม...ที่ผ่านมาน่ะ ยี่ห้อ นู๋บี บัวเหล่าที่ 5 เนี่ย ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย อยู่แระ อิอิ แต่ตอนนี้ ขออนุยาด ไป ปั่น กระทู้ เพิ่ม ดีกรีฟามฮอท ก่อนน้าาา  หุหุ อ้อ ส่วน ข้อความล่าสุด ใน ลิ้งค์ เนี๊ยะ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=bsonjb&month=25-09-2012&group=1&gblog=13 เอามาฝากไว้ ให้ดูต่างหน้า ระหว่างชะเง้อคอยหา จร้าาา อิอิ       เฮ้ย ฟามเห็น 1 แจ่ม ว่ะ อิอิ เค้าว่าดูน้ำใจผู้หญิงให้ดูตอนที่ผู้ชายจน ดูน้ำใจผู้ชายให้ดูตอนที่มันรวย แล้วก็ ขอบใจ ที่อุส่า สะเดาะโซ่ล่ามขา แอบหนีปั๋วหนีลูก มาอวยพร เรื่อง แบรนด์ ๆ นี่ ๆๆๆ รู้แล้ว เหยียบไว้เรยน้าาาา อิตั้วเจ้นู๋บี มันอยากให้ ติดแบรนด์ ในเร็ววัน อาเหล่าม่า จะได้ ยอมลงรู กลับไปจำศีลในกะลา ซ้าที หาเรื่องอู้ จนจะออกพรรษา อยู่แระ หุหุ แต่ ม่ะรู้ ทำไม๊ ม่ะโดนแบรนด์ ซ้าที ก็ม่ะรู้ รู้แต่ว่า ทำแพทริก ที่ห้อง ศาสดา โดนย้ายกระทู้ไปอยู่ที่ขนำน้อยปลายนา มา 3 กระทู้รวด แระ เหอ...เหอ.. ว่าแล้ว ก็เอากาทู้ที่ถูกเนรเทศ มาอวด อิอิ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12780581/Y12780581.html http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12781963/Y12781963.html http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12783734/Y12783734.html พูดแล้วจาหาว่าคุย กาทู้สุดท้ายนี่แหล่มสุด โพสได้แค่ ไม่ถึง ครึ่ง ชม. ก็โดนย้ายซะแระ แหม๊ ? นู๋บีก็ว่า กาทู้มันก็เกี่ยวข้องก๊ะ ห้องศาสดา อยู่น้าา อุส่า โพสคำบาลี ตรึมเรยยยย ม่ะรู้ ใครอ่านแล้ว แสลงใจอะไร 5555 อ้อ ส่วนอันนี้ กาทู้ดราม่า ที่กะลังไปตบตี ก๊ะหนุ่ม ๆ ที่ห้องศาสดา อ่ะจร้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y12785076/Y12785076.html ว่าแต่ อิหม่ามี๊ ถือหางข้างใครเอ่ย ? ระหว่าง อิตา chohokun ก๊ะ อาเหล่าม่า ทั่นด๊อก เลคเตอร์ บอก มันถือหางข้างอาเหล่าม่า 10 เอา 1 ไอติมลุงบ้านหม้อ รึใครจะรอง !     โดย: อาเหล่าม่า พยายามจาหุ๊บบบบบบบบบบบบบบบบ (นู๋บี ) วันที่: 14 ตุลาคม 2555 เวลา:21:46:21 น.   แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 55 23:15:17 จากคุณ : ยื้มล็อกอินป๊ะป๋า มาโพสเจ้าค่ะ (ป๊ะป๋าหมาน) เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 23:09:42

ความคิดเห็นที่ 21       เออ มีเรื่อง ขำ ๆ เกี่ยวก๊ะ กาทู้ ล่าซู๊ดดด มาเล่าโดย วันนี้ ขึ้นเวร ก๊ะ น้อง ด. ( ประธานชมรม คนร้ากกก พี่นู๋บี ) อ่ะ ครึ้ม ๆ ก็เรยเอา กาทู้เรื่อง เอี้ย ๆ มา เม้าท์มอย แล้ว ก็ถามต่อยอด มันไป ประมาณ ว่า แล้วถ้า สมุติ ตำนานพุทธอวตาร มันเป็นเรื่องจริง ขึ้นมา น้อง ด. จะ ทำยังไง ยังเลือกที่จะ นับถือศาสนาพุทธ อยู่ไหม ? ถ้า ความจริงที่รับรู้มา มันขัดแย้ง และ ไม่สอดคล้อง กับ ความเชื่อ ความศรัทธาที่แบกเอาไว้ น้อง ด. จะทำยังไง ? รู้ป่ะ มันตอบอิฉันว่า ไง ? มันตอบ ประมาณว่า มันก็คงจะ กัดฟันทู้ซี้ นับถือต่อไป และ จะพยามหาเหตุผลมาคัดง้าง เพื่อรักษา ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ของตัวเองเอาไว้ ( ก็ตามกลไกการป้องกันตัวเอง ตามหลักจิตวิทยา อ่ะนะ อิอิ ) แต่ ครั้นพอ อิฉันจี้ถามถึง เหตุผลของการกระทำ เพิ่มเติม ว่า ทั้ง ๆ ที่ ในสถานการณ์นั้น ด. ก็รู้ทั้งรู้แล้วนะ ว่า ตำนาน พุทธอวตาร มันมี จริง จริ๊งงงง แล้วไง๋ยัง จะนับถือ สมณะโคดม อีกฟระ มันเก๊าะเรย หัวเราะแหะ ๆ และยืดอกบอกตามตรงแบบง่าย ๆ สั้น ๆ ว่า มันยอมรับก็ได้ ว่ามันกำลัง แถ เจ้าค่ะ อิอิ ครั้นพอ อิฉันนึกครึ้ม ร่ายยาว เลคเชอร์ ถึง แนวคิด และ สิ่งที่ อิฉัน ตัดสินใจ เลือก ที่จะกระทำ เกี่ยวกับ กรณี ตำนาน พุทธอวตาร อันจริงแท้ นี้ ให้มันฟัง มั่ง หูยยยย รู้ป่ะ มันฟังแล้ว ก็มองหน้า อิฉันอย่างชื่นชมมากมาย ราวกับเป็น ปูชนียบุคล ก็ไม่ปาน ( แบ่บเดวก๊ะที่ ไอ้โซ๊ยตี๋ มันเคยชื่นชมไว้ ) เด๊ะ เยย อ่า แถมมันยังปลาบปลื้ม ในตัว ปูชนียบุคคล คนนี้ จนอดไม่ได้ ที่จะเอาไปโพทนา หั้ยชาวบ้านฟังอีก ด้วยน้าาาา ว่า ไม่ต้องไปหาพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบที่ไหนไกล ถ้า อยากเจอคนที่รู้แจ้งเห็นจริง ในเรื่องการปฏิบัติ ในโรงบาลนี้ก็มี เก๊าะ อิตั้วเจ้นู๋บี นี่แหล่ะ เป็นผู้ที่ปฏิบัติ แล้ว รู้แจ้งเห็นจริง พี่เค้า ภูมิสูง กว่า เรา และ พระบ้าน ๆ หลาย ๆ รูป แถวนี้ซะอีก โฮ่...โฮ่....ฟังแล้ว อาเหล่าม่ามัน หัวเราะก้ากกกก เฮ้ออ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า กะอีแค่ เสนอแนวคิด แบ่บตามใจฉัน ไปแค่เนี๊ยะ มันจะ ไปกระแทกต่อมศรัทธา ทำให้ ไอ้เจ้า ด. มัน ซาบซึ้งตรึงใจ ได้ซ้าขนาดนี้ นี่ก็ม่ะรู้ว่า มันจะอิน จนไปเปลี่ยนชื่อ ชมรมคนรักพี่นู๋บี ให้กลายเป็น ชมรมคน ชาบู ๆ เอ๊ย ศรัทธา พี่นู๋บี ไหม ? กรูล่ะเสียวโดนมัน เอาดอกไม้ธูปเทียนมาจุดธูปไหว้ ขอหวย จริงจริ๊งงง อิอิ ว่าแต่ อิหม่ามี๊ ลองทายซิ ว่า อิตั้วเจ้นู๋บีไปโชว์ภูมิกึ๋นภูมิธรรม อีท่าไหนน้อออ ทำไม ไอ้เจ้า ด. มาถึงกล้ามา ชาบู ๆ ยกให้เป็น ปูชะนี ยะบุคคล แหม๊ พูดแร้วจาหาว่า คุย เนี่ย มันยังบอกอีกน้าาา ประมาณว่า อยากจะให้ คนในห้องศาสดา ได้ มีโอกาสมาเห็นตัวตนที่แท้จริง ของพี่บี เหมือนผมจังเยยย หุหุ แหน่ะ ๆ อย่าเพิ่งเลี่ยนจนอยากอ้วก นะเจ้าคะ อิหม่ามี๊ขราาา นู๋บี เปล่ายกหางตัวเอง แล้ว แสร้ง สตอเบอร์แหล๋ น้าาาาา อิเจ้า ด. มัน พูดงั้นจิง ๆ อ่า ได้ยินเต็มสองหูเล๊ย ( แหม ๆ นู๋บีถือศีล 5 อยู่น้าาา ขี้โม้แค่ไหน ก็ขี้ตั๋ว บ่ได้ดอกคร้าา 555 ) อิอิ แร้ว เด๋วจามาฉะเหลย น้าาาา ว่า อิตั้วเจ้ มันไปพูดอิท่าไหน ทำคุณไสยใส่ ไอ้เจ้า ด. บยังไง ทำไมมันถึงหน้ามืด มาแอบปลื้ม เรา ซะขนาดนี้ หุหุ แต่ ตอนนี้ ขออนุยาด แวะไป ตั้งกาทู้ ใหม่ เพิ่มเติมดีฝ่า เพื่อว่า คนในห้องศาสดา อ่านแร้วจาได้ เกิดอาการ ซาบซึ้งตรึงใจแล้ว หลงซาเหน่ในตัว อิตั้วเจ้นู๋บี แบบเดวก๊ะที่ ไอ้เจ้า ด. มันกำลัง พบเห็น และ เป็นอยู่ หุหุ +++++++++++++++++++++++++++++++++ จำนวนผู้ชม 13052 ครั้ง จำนวนผู้ชม Profile 221 ครั้ง +++++++++++++++++++++++++++++++++     โดย: อาเหล่าม่า มันจาหุบได้ไหมเนี่ย ? เหอะ ๆ (นู๋บี ) วันที่: 14 ตุลาคม 2555 เวลา:21:56:29 น. จากคุณ : ยื้มล็อกอินป๊ะป๋า มาโพสเจ้าค่ะ (ป๊ะป๋าหมาน) เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 23:12:38

ความคิดเห็นที่ 22 ขอ อนุยาด แกว่งปากหาเท้า อิอิ : ) จากคุณ : ป๊ะป๋าหมาน เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 55 23:20:12

ความคิดเห็นที่ 23 ไร้สาระได้เสมอต้นเสมอปลายดีแท้ๆ จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 11:27:54

ความคิดเห็นที่ 24 เห็นชื่อนี้มา 2 ครั้ง ตั้งใจจะอ่าน อ่านได้ 2 บรรทัด ไป  ดีกว่า  เสียเวลา    เขียนหนังสือน่าจะให้เข้าใจ ง่ายๆ  จะดี กว่านี้นะค่ะ จากคุณ : honeybfit เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 55 12:58:59

ความคิดเห็นที่ 25 สัตว์พูดได้มีอยู่จริงนะเออ ... สมัยนี้ก็ยังมีอยู่ ไม่เชื่อดูคลิปนี่ อิอิ จากคุณ : sanchai0045 เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 55 08:39:36