ความคิดเห็นที่ 1 คิดมาก ก็ไหว้พระสวดมนต์ทุกวัน แค่นั้นและ ส่วนเรื่องรับขัน อะไรเนี่ย ก็อย่าใส่ใจ มันไม่มีอะไรหรอก จากคุณ : muk_22 เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 08:42:56

ความคิดเห็นที่ 2 ใจไม่รับ  ไม่เชื่อ ไม่สนใจ  นั่นคือทิ้งไปแล้ว   สบายใจได้ ... ว่างๆก็ไปหาพระแล้วปฏิญญาณตนเป็นพุทธมามกะซ้ำอีกที  รับพระรัตนตรัยกลับมานับถือเต็มที่อย่างเดียว แค่นั้น...หมดปัญหา .. จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 08:46:11

ความคิดเห็นที่ 3 เลิกไปหาหมอดูเถอะครับ  แล้วหันมาสวดมนต์ไหว้พระ ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยไว้ทุกวันดีกว่าครับ จากคุณ : เอกเขนกนอกบ้าน เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 09:32:44

ความคิดเห็นที่ 4 ทิ้งทั้งขันธ์ ทิ้งทั้งหมอดู สวดมนต์บท อิติปิโสฯ แล้วจะสบายใจ . .ถ้าไม่กล้าทิ้งขันธ์ ด้วยตัวเองก็ไปกราบพระที่วัดและขอให้ท่านรดน้ำมนต์ให้แค่นี้ขันธ์ก็ไปเองไม่ต้องมาถือให้เมื่อยอีกต่อไป เพราะฟังจากความเชื่อของคุณขนาดถึงกับทำงานไม่มีความสุข แสดงว่าที่บ้านคุณเชื่อเรื่องพวกนี้มากๆ .ที่บ้านผมเอง(อีสานใต้บางครอบครัว)ก็จะมีลักษณะแบบรับตั้งแต่เด็กๆตามความเชื่อของพ่อแม่ตกทอดกันมา แถวบ้านเขาเรียกว่า โจม .แต่ก็ไม่มีอะไรต้องมากังวล หรือ ต้องปฎิบัตินอกเหนือจากคนทั่วไป อย่าไปเชื่ออะไรมาก จากคุณ : greeram (greeram) เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 09:57:37

ความคิดเห็นที่ 5 ตาม ที่ทุกท่านแนะนำเลย เริ่มเลย เอา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ  ทำใหม่ ทำจิต ให้ มีสติ อยู่กับ ปัจจุบัน  ทิ้งของเก่า ออกจากจิต ไม่เวียนไป กังวลกับเรื่องเก่า  ให้จิตใหม่ อยู่กับ ทาน ศีล ภาวนา เพื่อ ศีล สมาธิ ปัญญา จากคุณ : การบูร (Camphor) เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 09:59:59

ความคิดเห็นที่ 6 เราก็เคยรับขันธ์ นานเป็นสิบๆปีแล้ว ไม่ได้บูชาเทพนางฟ้ากุมารอะไร   ชีวิตการงานทั่วๆไปของคนเราก็ต้องเกิดแบบเจ้าของกระทู้บ้าง เราว่าปกติอะ อย่าคิดมากอย่าเอามาผูกกัน ไหว้พระสวดมนต์ทุกวัน ใส่บาตรบ้าง ทำทานบ้าง ยึดพระรัตนตรัยไว้ แบบข้างบนว่านั่นหละจ้า. เรื่องผ้ายันต์ ไม่รู้จะแนะนำไง แต่ถ้าเป็นเรา จะเอาไว้ใต้ฐานพระ. แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 55 10:15:58 จากคุณ : โอยสะลา. (โอยสะลา) เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 10:12:20

ความคิดเห็นที่ 7 สวดมนต์ บทพุธคุณต่างๆช่วยได้นะ มีเรื่องจะเล่านิดหน่อยคล้ายๆกันแต่เป็นพี่สาวของผม ก็ทำนองคล้ายๆกัน มีญาติสนิทเป็นหมอดู แกทักว่ามีองค์ให้ไปรับขันธ์แล้ว ปฎิบัติธรรมสวดมนต์ หน้าที่การงานอะไรต่างๆมันจะดีมันจะง่ายขึ้น ด้วยความเป็นญาติสนิทบวกกับปัญหาการงานการเงิน ตอนนั้นก็ไปรับ พอรับได้ไม่กี่วันแกก็เริ่มสวดมนต์ แรกๆก็ไม่ได้สนใจอะไร เว้นระยะไปประมาณ 7-8 เดือนได้ แล้วมีมีวันหนึ่งเอะใจยังไงไม่รู้อยากไปแอบฟังว่าพี่สาวเราสวดถูกรึเปล่า สวดได้รึเปล่า แต่เมื่อเงี่ยหูฟังข้างประตู เสี่ยงที่ได้ยินมันอะไรไม่รู้ เป็นเสียงสวด แต่สวดเร็วมากและฟังดูมันไม่เหมือนบทสวดมนต์ภาษาบาลีของพุธเลย ก็เลยลองถามว่าสวดอะไรแกบอกว่า สวดมนต์ของพุธนั่นแหละ แต่พอสวดได้ไม่ถึงนาที เหมือนบังคับปากตัวเองไม่ได้มันสวดออกมาเป็นแบบนี้เอง เราก็เริ่มสงสัยละว่าไม่ใช่ละเพราะว่าตั้งแต่รับขันธ์มาเห็นมีแต่ทรงกับทรุด ไม่เห็นจะเจริญเลยแถมไม่พอสวดอะไรก็ไม่รู้อีก ก็เลยพยายามบอกว่ามันไม่ใช่ละแกก็เถียงบอกเทวดามาสวด เถียงมาเถียงไปต่างๆนาๆมาจนเอาตอนเรื่องสวดและปฎิบัติแล้วไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น ผมก็เลยท้าว่าลองสวดบทอาฎานาฏิยปริตร ดูไหมสวดด้วยกัน ถ้ายังสวดภาษาอะไรไม่รู้แทรกเข้ามาได้อีกก็ยอมพี่สาวไป แต่ปรากฎว่าตอนสวดด้วยกัน ไม่มีซักครั้งเลยที่บทสวดแปลกๆแทรกเข้ามาได้ และตั้งแต่พี่สาวสวดอาฎานาฏิยปริตร จนคล่องพร้อมกับสวดบทพุธคุณอื่นๆ ผมก็ไม่เคยได้ยินเสียงสวดมนต์แปลกๆอีกเลย ส่วนขันธ์เหรอครับก็ขอขมาละก็เอาไปทิ้งน้ำปิง จากคุณ : iceactive เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 10:23:19

ความคิดเห็นที่ 8 แนะนำให้เอาขันธ์นอกตัวอะไรนั่นไปทิ้งที่วัด เพื่อความสบายใจ แล้วสมาทานศีล5 ตลอดชีวิต สวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิเป็นประจำ รับรองว่าชีวิตการงานและครอบครัวคุณจะดีขึ้น โดยไม่ต้องไปพึ่งหมอดูที่ไหนเลย จากคุณ : Up_To_You เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 10:45:42

ความคิดเห็นที่ 9 เอาอะไรที่รับมานั้นไปเผาทิ้ง แล้วสวดอาฏานาฏิยปริตต์ หลังจากนั้นก็สมาทานไตรสรณคมน์ ถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 11:34:51

ความคิดเห็นที่ 10 อยากรู้เรื่องบทสวดนี้ เลยไปหามในเนตดู ประวัติบทสวดตามนี้ค่ะ ดูแล้วน่าจะดีนะคะ สวดมนต์แล้วจิตใจจะได้เบาสบาย พระราหู (อาฏานาฏิยปริตร) พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย  ปาฏิกวรรค และสุมังคลวิลาสินี              อรรถกถาทีฆนิกาย  ปาฏิกวรรค อาฏานาฏิยปริตร เป็นปริตรที่ท้าวจาตุมหาราชผูกขึ้นที่อาฏานาฏานคร อันเป็นหนึ่งในจำนวนเทพนคร ๑๑ แห่งที่ถูกนิรมิตขึ้นในอากาศของเหล่าเทวดาในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา พระปริตรนี้จึงถูกเรียกว่า อาฏานาฏิยปริตรตามชื่อเทพนครที่ผูกขึ้นนั้น ท้าวจาตุมหาราชผูกปริตรนี้ขึ้น เพื่อใช้เป็นเครื่องป้องกัน          เหล่าอมนุษย์บางพวกที่ไม่หวังดีต่อพระสงฆ์สาวกของ   พระพุทธองค์ ที่ไปบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ตามป่าเขาลำเนาไพร เมื่อไม่มีอะไรป้องกัน    เหล่าอมนุษย์ที่ไม่เลื่อมใสก็จะรบกวนเบียดเบียนทำให้เกิดความลำบาก           ท้าวมหาราชจึงได้แสดงเครื่องป้องกันรักษาชื่อ อาฏานาฏิยรักษ์นี้ไว้ อาฏานาฏิยรักษ์นี้มีอานุภาพ ๒ ประการ คือ (๑) มีอานุภาพในการทำให้อมนุษย์ที่ไม่เลื่อมใส ให้เกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา  (๒) มีอานุภาพในการคุ้มครองป้องกันไม่ให้อมนุษย์ที่ไม่เลื่อมใส จับต้อง  สิงสู่  เบียดเบียน ประทุษร้าย  ทำให้ได้รับความลำบากเดือดร้อน สำหรับอาฏานาฏิยปริตรที่พระสงฆ์ใช้สวดในปัจจุบัน  เป็นบทย่อที่บุรพาจารย์ได้นำเอาคาถานมัสการพระพุทธเจ้าในอดีตที่ท้าวเวสวัณแสดงไว้เฉพาะพระพักตร์พระพุทธองค์  มาเป็นสัจกิริยาให้เกิดเป็นอานุภาพในการคุ้มครองป้องกันรักษาตามคำของท้าวจตุโลกบาล  ถ้า อมนุษย์ตนใดเบียดเบียนผู้ที่เจริญอาฏานาฏิยปริตรให้ได้รับความลำบาก อมนุษย์ตนนั้นก็จะได้รับการลงโทษจากเหล่าเทพทั้งหลาย จากคุณ : I know who am i เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 11:43:30

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นกระทู้แล้วแปลกใจ...ทิ้งขันธ์ของ จขทก..  ครับ แรก ๆ นึกว่า จะละสังขาร... เอาไปเอามา กลายเป็นร่างทรง...เฮอ...คิดไปซะำไกลเลย ไม่ขอออกความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนั้นครับ แต่ก็ขอบอกว่า จิต เป็น ของเรา  กายเป็นของเรา  อย่าทำอะไรให้ตัวเราลำบาก ผู้อื่นลำบาก ก็เป็นพอครับ หมั่นสวดมนต์ นั่งสมาธิ หาทางที่ถูก เิดินทางที่ควร มีพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะก็พอ  ไม่ต้องมีผีที่ไหนเป็นที่พึ่ง ครับ จากคุณ : นะโม (กลุ่มพุทธบุตร) เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 16:13:20

ความคิดเห็นที่ 12 โถท่าน พระพุทธเจ้าสอนให้ละขันธ์ ๕ แต่คนบางกลุ่มก็กลับไปรับขันธ์ ๕ มาอีก โดยเชื่อคำพูดขู่หลอกลวงของคนอื่น จากคุณ : bodymind เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 55 16:48:53

ความคิดเห็นที่ 13 เจอแบบเดียวกับเราเลยค่ะ  ตอนนี้กลุ้มใจมาก มีพระทักให้เอาขันธ์ไปลอยน้ำ  แต่แม่เราไม่เชื่อ เครียดมากเลย จากคุณ : เจ้าเหมียวยูนิฟ เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 55 11:07:28

ความคิดเห็นที่ 14 เอามาทิ้งที่นี่ก็ได้ค่ะ www.visudhidham.com บวช 9 วันค่ะ หมอดูนั่นเขารู้จริงเลยค่ะ คุณยังโชคดี  รีบดูแลตัวเองเสียค่ะ จากคุณ : chaosy เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 55 11:08:12

ความคิดเห็นที่ 15 เพื่อความสบายใจ แนะให้ไปหาพระที่วัด แล้วบอกท่านว่ารับขันธุ์มาแต่ขอยกเลืก ขอบูชาพระรัตนตรัยเป็นสรณะ จากคุณ : snoopy21 เขียนเมื่อ : 18 ต.ค. 55 11:34:20