ตัวอย่าง http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=15&id=2003 อาระเบียเป็นประเทศที่ไม่มีรัฐบาล กลุ่มชนเผ่าต่างประกาศตนเป็นใหญ่ เป็นอิสระไม่ขึ้นกับใคร ไม่มีกฎหมายนอกจากกฎหมายป่า การแย่งชิง การปล้นสดมภ์ เผาทรัพย์สินและฆาตกรรมผู้ที่อ่อนแอเป็นประจำวัน ชีวิตทรัพย์สมบัติ และเกียรติยศขึ้นอยู่กับโชคชะตา ต่างเผ่าต่างทำการรบพุ่งกันอยู่เสมอ เหตุการณ์แม้แต่เพียงเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะเป็นชนวนสงครามรบพุ่งกันใหญ่โต ซึ่งบางครั้งทำให้เกิดสงครามระหว่างประเทศลุกลามเป็นเวลาหลายสิบปี ที่จริงแล้ว ชนเผ่าเบดูอิน (บัดฺวี) ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องปล่อยชนเผ่าอื่นไปทั้ง ๆ ที่เขามีสิทธิที่จะฆ่าและปล้นได้ ไม่ว่าศีลธรรม วัฒนธรรมและอารยธรรมในด้านใดก็ตามที่มีอยู่ในเวลานั้น เป็นสิ่งที่ยังป่าเถื่อนและโง่เขลาอยู่มาก และแถบจะแยกไม่ออกว่าสิ่งใดสุจริตและสิ่งใดทุจริต สิ่งใดถูกกฎหมายและสิ่งใดขัดต่อกฎหมาย สุภาพหรือไม่สุภาพ ชีวิตและการกระทำของพวกเขาหมกมุ่นอยู่ในกามารมณ์ การพนัน และการเสพของมึนเมา การช่วงชิง การปล้นสะดม และการฆาตกรรมเป็นคติประจำใจและกิจวัตรประจำวัน เขาอาจจะยืนเปลือยกายอยู่ต่อหน้ากันโดยปราศจากความละอายเลยแม้แต่น้อย แม้แต่สตรีก็สามารถเปลือยกายได้ในพิธีเวียนรอบกะอ์บะฮ์ สิ่งหนึ่งที่เห็นได้จากความเชื่อถืออันโง่เขลาของชนเหล่านี้ คือการฝังบุตรสาวทั้งเป็นถ้าไม่มีใครยอมเป็นบุตรเขย เขาจะสมรสกับมารดาเลี้ยงเมื่อบิดาถึงแก่กรรม ชนอาหรับเหล่านี้เป็นคนป่าเถื่อนในทุก ๆ ทาง แม้แต่ในการปฏิบัติภารกิจประจำวัน เช่นการกินอยู่ การแต่งกายและการทำความสะอาด นี่คือสภาพของผู้คนในยุคสมัยก่อนอิสลาม แต่เมื่ออิสลามมาถึง ยุคสมัยแห่งความรู่งโรจน์ของมนุษยชาติก็มาถึง ในระยะเวลาไม่ถึง 50 ปี จากคนป่าเถื่อนไร้อารยะธรรม กลายเป็นดินแดนที่มีอารยธรรมสูงที่สุดในโลกได้ครับ คนดำจากที่เป็นทาส เป็นทรัพย์สินของนาย สามารถเป็นเจ้าเมืองได้ ผู้ปกครองอารณาจักร อยู่ภายใต้กฎหมาย ศาสตร์ทุกด้านเจริญไปอย่างรวดเร็ว นี่แหละ การปรับปรุงเปลี่ยนสังคม แบบที่ไม่เคยไม่มี และไม่มีศาสนาใด ทำได้แบบนี้เลย ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ หากจะมีความเข้าใจผิดอันมากมายของชาวตะวันตกเกี่ยวกับอิสลามแล้วละก็ มันก็คือการไม่ยอมรับรู้ว่าวัฒนธรรมและอารยธรรมของเราเป็นหนี้บุญคุณโลกอิสลามขนาดไหน มันคือความบกพร่องที่ผมคิดว่ามาจากประวัติศาสตร์ที่เรารับมรดกมา โลกอิสลามในสมัยกลางซึ่งกว้างใหญ่ไพศาลครอบคลุมดินแดนเอเชียกลางไปจนถึงริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นโลกที่นักปราชญ์และนักวิชาการรุ่งเรืองที่สุด แต่เป็นเพราะเรามักมองอิสลามว่าเป็นศัตรูกับโลกตะวันตก เป็นวัฒนธรรม, สังคม, และระบบความเชื่อของคนแปลกหน้า เราก็เลยมักเพิกเฉยและลบล้างความเกี่ยวพันอันยิ่งใหญ่ที่อิสลามมีต่อประวัติศาสตร์เราเสีย
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฏราชกุมารอังกฤษ, สุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด
จากคุณ |
:
Carroth
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ต.ค. 55 20:23:50
|
|
|
|