เราไม่น่าจะไปยึดคำตอบของใครแม้กระทั่งของตัวเราเอง ในสถานะการณ์หนึ่ง ๆ แม้แต่ความคิดของเรายังไม่เหมือนกันเลย ถ้าเรามี เราก้อาจเป็นร่มโพธิร่มไทร เป็นผู้ให้พักพิง เป็นผู้ให้ยืม เรียกว่าเป็นผู้ให้ก็น่าจะได้ ในทางกลับกัน ถ้าเราไม่มี เราก็อาจเป็นแอบแฝงซ่อนเร้น เป็นผู้ขอ เป็นผู้ขอยืม อะไรทำนองนี้
ผู้ให้ ถ้าคิดแบบเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ผู้ให้ย่อมมีความสุข ผู้รับย่อมความสุข ถ้าให้แล้วต้องคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องเอาคืน หรืออยากให้ผู้รับติดค้างบุญคุณ ผู้ให้ย่อมกระวนกระวายใจ แบบนี้เค้าน่าจะเรียกว่าให้ยืม โดยเอาบุญคุณติดตามตัวไว้ด้วย ดังนั้นผู้ให้ย่อมกระวนกระวายใจ จนกว่าจะได้คืน
ผู้ให้คาดหวังอะไร ย่อมรู้แก่ใจ และยอมรับความเสี่ยงนั้นแล้ว ผู้ขอหรือผู้รับ ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตามขอ ทั้งข่มขู่ ทั้งอ้อนวอน ทั้งจะเสนอผลตอบแทน ดังนั้นความคาดหวังย่อมมาพร้อมกับความผิดหวัง จนกว่าผู้ให้จะกระทำการที่เหนือกว่าผู้ขอจึงจะได้รับคืน ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างก็พึ่งพาอาศัยหวังผูกสัมพันธ์เพื่อความมั่นคงต่อไปในภายหน้า
ดังนั้นหากมีความผิดหวังและกลับต้องไปเป็นคนสันโดษ ลงโทษตนเองทำไม มันอยู่ที่เราที่จะต้องสมประสบการณ์ในการผูกสัมพันธ์กับคนต่อไป หากเรามัวคิดความผิดพลาดที่ได้ไว้ใจ เชื่อใจใครต่อใคร เราเชื่อหรือว่า คนอีกมากมายที่เราผูกสัมพันธ์ด้วยจะเป็นเช่นดังคนที่ทำให้เราผิดหวังดังนั้นทุกคน
จากคุณ |
:
jonathan w.
|
เขียนเมื่อ |
:
20 ต.ค. 55 10:30:52
|
|
|
|