ส่วนคำถามของจขกท. สังฆทานเป็นชื่อของเจตนาในการถวาย โดยผู้ถวายอุทิศแด่สงฆ์ ไม่ได้เจาะจงพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง
ในพระไตรปิฎกมีตัวอย่างมากมายที่บุคคลจะถวายสังฆทาน แล้วขอให้สงฆ์จัดพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง (หรืออาจจะมากกว่าหนึ่งรูปก็ได้) ในหมู่สงฆ์ ไปรับภัตตาหารที่บ้าน นั่นแหละเป็นสังฆทาน
สังฆทานไม่ขึ้นอยู่กับจำนวนพระภิกษุสงฆ์ แม้พระภิกษุรูปเดียวก็เป็นสังฆทานได้ ถ้าผู้ถวายมีใจมุ่งว่า พระภิกษุนั้น เป็นหนึ่งในหมู่สงฆ์
เหตุที่สังฆทานมีผล มีอานิสงส์มาก เพราะผู้ถวายต้องมีใจกว้างขวาง มองพระภิกษุที่มารับ เป็นตัวแทน หรือเป็นหนึ่งในสงฆ์ ไม่ใช่มองในนามพระ ก. พระข.
ผู้ใดทำใจให้มองภิกษุรูปหนึ่ง เป็นตัวแทนสงฆ์ได้ ผู้นั้นแหละชื่อว่าทำสังฆทาน แม้ภิกษุรูปเดียวมารับก็เป็นสังฆทาน
จะยกตัวอย่างให้ได้ศึกษา ดังเรื่องต่อไปนี้ มาจากอรรถกถาทักขิณาวิภังคสูตร กล่าวไว้ว่า
------------------------
ก็บุคคลได้เตรียมไทยธรรมด้วยคิดว่าเราจักให้ทักขิณาถึงสงฆ์ ไปวิหารแล้วเรียนว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอท่านจงให้พระเถระรูปหนึ่งเจาะจงสงฆ์เถิด. ลำดับนั้น ได้สามเณรจากสงฆ์ย่อมถึงความเป็นประการอื่นว่า เราได้สามเณรแล้ว ดังนี้. ทักขิณาของบุคคลนั้นย่อมไม่ถึงสงฆ์. เมื่อได้พระมหาเถระแม้เกิดความโสมนัสว่า เราได้มหาเถระแล้ว ดังนี้ ทักขิณาก็ไม่ถึงสงฆ์เหมือนกัน. ส่วนบุคคลใดได้สามเณร ผู้สมบทแล้ว ภิกษุหนุ่ม หรือเถระ ผู้พาลหรือ บัณฑิต รูปใดรูปหนึ่งจาก สงฆ์แล้ว ไม่สงสัย ย่อมอาจเพื่อทำความยำเกรงในสงฆ์ว่า เราจะถวายสงฆ์.ทักขิณาของบุคคลนั้นเป็นอัน ชื่อว่าถึงสงฆ์แล้ว.
ได้ยินว่า พวกอุบาสกชาวสมุทรฝั่งโน้น กระทำอย่างนี้. ก็ในอุบาสกเหล่านั้น คนหนึ่งเป็นเจ้าของวัดเป็นกุฏุมพี คิดว่า เราจักถวายทักขิณาที่ถึงสงฆ์ (จึงไปที่วัด) เรียนว่าขอท่านจงให้ภิกษุรูปหนึ่ง. อุบาสกนั้น ได้ภิกษุทุศีลรูปหนึ่ง พาไปสู่สถานที่นั่งปูอาสนะผูกเพดานเบื้องบน บูชาด้วยของหอม ธูป และดอกไม้ ล้างเท้าทาด้วยน้ำมัน ได้ถวายไทยธรรมด้วยความยำเกรงในสงฆ์ ดุจทำความนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า.
ภิกษุรูปนั้น (ในภายหลัง) มาสู่ประตูเรือนว่าท่านจงให้จอบเพื่อประโยชน์แก่การปฏิบัติวัดในภายหลังภัต. อุบาสกนั่งเขี่ยจอบด้วยเท้าแล้วให้ว่า จงรับไป.
มนุษย์ทั้งหลายได้กล่าวกะเขานั้นว่า ท่านได้ทำสักการะแก่ภิกษุนี้แต่เช้าตรู่เทียวไม่อาจเพื่อจะกล่าว บัดนี้ แม้สักว่า อุปจาระ (มรรยาท) ก็ไม่มี นี้ ชื่อว่าอะไรดังนี้.
อุบาสก กล่าวว่า แน่ะคุณ ความยำเกรงนั้นมีต่อสงฆ์ ไม่มีแก่ภิกษุนั้น.
---------------------
จึงสรุปได้ว่า
ถวายแก่พระรูปเดียวก็เป็นสังฆทาน ถ้าใจมุ่งอุทิศแด่สงฆ์ ยำเกรงในสงฆ์ เห็นพระภิกษุหรือแม้สามเณรก็ตาม เป็นหนึ่งในหมู่สงฆ์ แต่ถ้าเห็นผู้ที่มารับว่า "เราได้สามเณรมารับ", "เราได้พระผู้พรรษามากมารับ" อย่างนี้ไม่เป็นสังฆทาน
ตามเรื่องที่ยกมา อุบาสกคนหนึ่งได้พระภิกษุผู้ทุศีล แต่ใจไม่ได้คิดแม้แต่นิดเดียวว่า "เราได้พระทุศีลมา" คิดแต่ว่าได้ภิกษุหนึ่งในหมู่สงฆ์มา จึงถวายทานด้วยความนอบน้อมและเคารพในสงฆ์ ส่วนในภายหลัง ภิกษุนั้นมาในฐานะบุคคล อุบาสกจึงได้แสดงอาการอย่างนั้น เพราะเมื่อเช้าเขายำเกรงในสงฆ์ จึงทำด้วยความเคารพ แต่ตอนนี้ภิกษุนั้นไม่ได้มาในฐานะสงฆ์ แต่มาในฐานะพระภิกษุทุศีล อุบาสกจึงแสดงกิริยาดังกล่าว
แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 55 10:16:59