|
เพิ่มเติมข้อมูล
มีพุทธพจน์ที่ตรัสแสดงเวทนา ไว้ใน ฉฉักกสูตร ดังนี้
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลอาศัยจักษุ(ตา)และรูป (ย่อมต้อง)เกิดจักษุวิญญาณ ความประจวบของธรรมทั้ง ๓ เป็นผัสสะ(การกระทบสัมผัสขององค์ชีวิต), เพราะผัสสะเป็นปัจจัย ย่อม(ต้อง)เกิดความเสวยอารมณ์(เวทนา) เป็นสุขบ้าง(สุขเวทนา), เป็นทุกข์บ้าง(ทุกขเวทนา), มิใช่ทุกข์มิใช่สุขบ้าง(อทุกขมสุขหรืออุเบกขาเวทนา)
[ที่หมายความสำคัญยิ่งว่า เมื่อมีการผัสสะกันแล้ว ย่อมต้องเกิดเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่งใน ๓ ขึ้นเป็นธรรมดาหรือตถตา]
เขา(บุคคล)อันสุขเวทนาถูกต้องแล้ว ย่อมไม่เพลิดเพลิน ไม่พูดถึง ไม่ดำรงอยู่ด้วยความติดใจ จึงไม่มี ราคานุสัย นอนเนื่องอยู่
อันทุกขเวทนาถูก ต้องแล้ว ย่อมไม่เศร้าโศก ไม่ลำบาก ไม่ร่ำไห้ ไม่คร่ำครวญทุ่มอก ไม่ถึงความหลงพร้อม จึงไม่มี ปฏิฆานุสัย นอนเนื่องอยู่
อันอทุกขมสุขเวทนาถูกต้องแล้ว ย่อมทราบชัด ความตั้งขึ้น ความดับไป คุณ โทษ และที่สลัดออกแห่งเวทนานั้น ตามความเป็นจริง จึงไม่มี อวิชชานุสัย นอนเนื่องอยู่
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อที่บุคคลนั้นละราคานุสัยเพราะสุขเวทนาบรรเทา, ละปฏิฆานุสัยเพราะทุกขเวทนา, ถอนอวิชชานุสัยเพราะอทุกขมสุขเวทนา, ยังวิชชาให้เกิดขึ้นเพราะละอวิชชาเสียได้ แล้วจักเป็นผู้กระทำที่สุดแห่งทุกข์ในปัจจุบันได้ นั่นเป็นฐานะที่มีได้ ฯ."
(ฉฉักกสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔/๘๒๓)
จากคุณ |
:
ต่อmcu
|
เขียนเมื่อ |
:
31 ต.ค. 55 11:57:24
|
|
|
|
|