อัสลามมุอะลัยกุมฯ
คุณจิมและคุณghanee.s
ผมขอเสริมความคิดเห็นของ Shaykh Imran Hosein ในเรื่อง ดอกเบี้ยกับหลักการของอิสลามอีกเล็กน้อย เพื่อให้ ทราบถึงเหตุผลที่ว่า "ทำใมอิสลามถึงต่อต้านระบบอัตราดอกเบี้ย" ในทุกๆรูปแบบ ก่อนที่จะกล่าวเพิ่มเติมถึงเรื่อง ธณาคารอิสลาม
คำว่า ริบา ( ربا ) หรือ ดอกเบี้ย ตามความเป็นจริงหมายถึงการเพิ่มจำนวน หรือ จำนวนเงินเพิ่มเติมที่เก็บ มากกว่า และสูงกว่าเงินต้นทุนที่ให้เป็นเงินกู้, ซึ่งเรียกว่า เงินดอกเบี้ยหรือผลประโยชน์ที่ได้รับจากเงินกู้, มันเป็นทำผิดกฎจริยาธรรม หรือการใช้อำนาจการเงินที่ทำทารุณกรรมต่อผู้ที่อ่อนแอและยากจน,ดังนั้นการกินดอกเบี้ยหรือการจ่าดอกเบี้ยจึงเป็น ธุระกรรมที่ต้องห้ามอย่างเคร่งครัดตามหลักการของอิสลาม, พระเจ้าได้กำหนดวิถีทางการใช้จ่ายในทางของพระองค์สำหรับสวัสดิการของสังคมมนุษย์ ไว้ใน เรื่องการการทำกุศลทาน ซะกาตซึ่งให้ความพอใจทั้งผู้รับและผู้ให้,สำหรับผู้รับที่มีความต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง,มันถือว่าเป็นบาปถ้าเราไม่แบ่งส่วนที่เกินความต้องการของเราเพื่อเป็นกุศลทานต่อผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจากเรา
เมื่อการให้ตามวิถีทางของพระเจ้า,เพื่อเป็นของขวัญโดยไม่มีการเรียกร้องสิ่งใด, สำหรับผู้ที่พระเจ้าได้ให้แก่เขาอย่างเพียงพอแล้ว,เขาผู้นั้น อย่างน้อยที่สุดก็ควรให้ยืมต่อผู้ยากจนที่มีความต้องการความช่วยเหลือโดยไม่คิดดอกเบี้ยเมื่อผู้ยืมนำเงินต้นมาใช้คืน,ทั้งนี้เพราะว่าการกินดอกเบี้ย คล้ายกับว่าเป็นการถูกชัยตอนล่อลวงให้เราสับสน,และเป็นประหนึ่งการขุดหลุมฝังศพของตัวเอง
ตามความเป็นจริงแล้ว,การทำธุรกรรมในการกินดอกเบี้ยเป็นองค์ประกอบของการที่ทำให้ผู้คนตกเป็นทาสและเป็นการทำทารุณกรรมต่อผู้ยากจน,ทั้งนี้เพราะว่าบุคคลที่ตกอยู่ในสภาพของผู้ที่ต้องการ ความช่วยเหลือ ไม่สามารถจะจ่ายคืนมากกว่าจำนวนที่เขาได้รับมาแต่เริ่มแรก,ดังนั้นอิสลามจึงได้ห้ามการกินดอกเบี้ย
ในการทำธุรกรรม การกินดอกเบี้ยทั้ง ผู้ให้กู้ยืมและผู้รับจะประสบกับความทุกข์ทรมาณ, ผู้ให้กู้ จะเกิดความโลภในผลกำไรทางวัตถุมากขึ้นเรื่อยๆ,จนตัวเองกลายเป็นผู้ที่ขาดน้ำใจแห่งความมีเมตตากรุณาและเป็นบุคคลที่เห็นแก่ตัว, สำหรับผู้ที่ได้รับเงินกู้ก็จะกลายเป็นคนฟุ่มเฟือยและทำลายครอบครัวของเขาเอง, สถานการณ์สมมติ นี้จะขัดกับวัตถุประสงค์ที่แท้จริงตามหลักการของศาสนาอิสลาม, ที่ต้องการที่จะจัดตั้งสถาบันที่มี ความยุติธรรมและให้สวัสดิการที่มุ่งเน้นในการจัดระเบียบสังคม,โดยที่ไม่มีสิ่งล่อใจในการ กินดอกเบี้ย, มีแต่การให้ความช่วยเหลือทางวัตถุ เฉพาะผู้ที่มีความต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง เช่นระบบ "กองทุนบัยตุลมาล" ตามที่คุณจิมได้อธิบายไว้ในที่นี้
อัลกุรอานชี้ให้เห็นว่า ธุรกรรมการค้าต่างกับธุรกรรมการกินดอกเบี้ยนั้นต่างกัน
ในทางตรงกันข้ามการทำธุระกรรมการค้า ที่เป็นธุรกรรมร่วมกันซึ่งทั้งสองฝ่ายมีความพอใจร่วมกัน, ทั้งสองฝ่ายต่างก็หวังในผลกำไรและยอมเสี่ยงต่อการขาดทุนร่วมกัน, ถ้าในธุระกรรมการค้าที่มีความต้องการความช่วยเหลือทางด้านการเงิน, โครงสร้างของความสัมพันธ์ในธุระกรรมการค้าสามารถที่จะมีความแตกต่างออกไปโดยจัดในรูปแบบ ของ หุ้นส่วนหรือในรูปแบบที่มีการแบ่งผลกำไรและรับผิดชอบในการขาดทุนร่วมกัน
บรรดาผู้ที่กล่าวว่าการกินดอกเป็นไม่แตกต่างจากการทำการค้าขายนั้น, ในวันแห่งการฟื้นคืนชีพในปรโลกเขาจะลุกขึ้นมาในสภาพของความเป็นคนวิกลจริตประดุจดั่งการลุกขึ้นของผู้ที่ถูกชัยฏอนผลักล้มสะเปะสะปะด้วยการเข้าสิงของมัน
การห้ามกินดอกเบี้ยนั้นมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่บัญญัติ นี้ถูกประทานมา,ดอกเบี้ยที่ผู้ให้กู้ได้เก็บรวบรวม ไว้ก่อนที่จะประกาศใช้ข้อห้ามนี้ได้รับ อนุญาตให้พวกเขาเก็บไว้ได้
สำหรับการทำธุรกรรมธนาคารได้มีคำแนะนำบัญญัติศาสนา ควรจะปฏิบัติตามโดยการ กำหนดค่าใช้จ่ายของธนาคารและค่านายหน้าและผลกำไรในรูปแบบคงที่หรือตามที่ตกลงกันไว้หรือที่เป็นเงินปันผลที่แท้จริง ระหว่างธณาคารกับลูกค้าของธณาคาร