ความคิดเห็นที่ 1 เวลา"มีอะไร"มากระทบ ถ้ามองว่าเป็นโอกาสดีที่จะ ได้ทดสอบตัวเอง ก็ดีไป น่าจะมีกำลังใจต่อสู้ขึ้น สำคัญกว่านั้นคือ พอปฏิบัติแล้วรู้สึกว่ามัน"ไม่มีอะไร" เกิดขึ้นเลยนี่สิ ที่มักทำให้ท้อใจกัน จากคุณ : สู่ฝัน...อันยิ่งใหญ่ เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 17:55:19

ความคิดเห็นที่ 2 อยู่เฉย ๆ สักพักกำลังใจก็คืนมาแล้วครับ มันไม่ไปไหนหรอก เราก็ยังเป็นเรา พร้อมจะเดินหน้า แม้จะเดินอย่างช้า ๆ ใจเรายังอยากจะเดินทางนี้ ฝักใฝ่ทางนี้ อย่างไรเสียมันก็จะเดินทางนี้ จากคุณ : ปัญญาประดิษฐ์ เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 18:11:22

ความคิดเห็นที่ 3 แชร์ประสบการณ์ตัวเองนะคะ เวลาท้อ จะเป็นประเภท เพราะไปอ่านของคนอื่นๆ ที่เค้าทำมานานแล้ว ไปได้ไกลกว่าเราโขแล้ว บวกกับวันนั้นตัวเองนั่งสมาธิไม่ได้สมาธิ จิตไม่รวมเลย ยิ่งคิดเตลิดไปใหญ่ แล้วเราก็จะเกิดอาการท้อขึ้นมา วิธีที่เราจะสลัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไป ก็คือ เวลาเรานั่งสมาธิ ให้เรารู้กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ในสมาธิ อย่าไปคิดบังคับ หรือจินตนาการ ให้เราได้จิตรวมแบบนั้นๆ คือขอใ้ห้ลืมสัญญาเก่าๆ เช่น ก่อนหน้านี้ เคยนั่งได้สงบนิ่ง ลืมไปเลยค่ะ รู้แค่ตรงหน้า แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตา ตั้งสติ พิจารณา รู้แล้วก็ละ รู้แล้วก็ละ อีกอย่างที่ช่วยได้มากคือ พยายามอย่าคิดอะไรที่เกินจากตัวเราออกไปค่ะ มันช่วยให้เรานิ่งได้ดีมากเลยค่ะ จากคุณ : =U_U= PoRpLe เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 18:14:14

ความคิดเห็นที่ 4 เราจะหยุดพัก ถ้านึกถึงแล้วเกิดอาการท้อก็จะท่องคำว่าอุเบกขา ติดต่อกันไปเรื่อยๆแล้วไปทำอย่างให้สบายใจซักสองสามอาทิตย์ จากนั้นมาเริ่มวิเคราะห์ใหม่ถาม ตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถ้าเราไม่ทำแบบที่ทำไป เราจะทำแบบไหนได้อีก ผลของแต่ละแบบจะเป็นยังไง และเราจะทำอะไรต่อไป พอได้คำตอบแล้วก็ลงมือทำ จากคุณ : kaws เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 18:22:10

ความคิดเห็นที่ 5 ผมจะคิดถึงทุกข์ในการเกิด แก่ เจ็บ ตาย การเรียน เราท้อครั้งนี้ถ้าเราไม่เพียรเราก็ต้องท้ออีก ไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ เดี๋ยวความเพียรมันก็มา จากคุณ : Mateo2000 เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 18:42:52

ความคิดเห็นที่ 6 "  มีสิ่งที่มากระทบใจเรามาก ๆ จนทำให้ท้อถอยกับการทำความเพียร "      สิ่งทั้งหลายที่ผ่านอายตนะ 6 มากระทบภายในใจ จนเกิดความทุกข์ เกิดความคิดท้อถอยขึ้น  สิ่งต่าง ๆ  เหล่านั้น เป็นของร้อน เป็นสิ่งที่ไม่ควรไปยึดมั่นใด ๆ เลย  มันเกิดดับ ๆ ตลอดเวลา         สิ่งที่ช่วยได้มาก คือ การปลูกศรัทธาขึ้นมาให้มาก ให้แข็งแรง  เจอสิ่งใดกระทบต่อทางเดินเพื่อ มรรคผล นิพพาน อย่าได้หวั่นไหว  การศึกษาและปฏิบัติตามหลักธรรม พละ 5 ช่วยได้มาก เพราะพละ 5 คือ กำลังของจิตของใจ ค่ะ จากคุณ : ใบไม้และขุนเขา เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 19:09:23

ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อใดที่โดนเรื่องมากระทบใจหนักๆ  รู้สึกมีทุกข์มาก  โดนกดดันในใจอย่างแรง  ...  ก็ควรตั้งหลักใจดีๆ  ตั้งสติดีๆ  อย่าเผลอปล่อยกิริยาอาการ คำพูดใดๆที่ไม่ดีออกมาตามอารมณ์ ...  เช่น  ท่องบริกรรม  พุทโธๆๆๆๆ...  กำกับใจไปเรื่อยๆๆ   ท่อง อัดๆๆๆลงไปเรื่อยๆ  ....ผ่านไปสักระยะหนึ่ง  จิตใจจะฟื้นคืนกลับมาสภาพเดิมอย่างคาดไม่ถึง   ต่อจากนั้นก็เอาเรื่องที่มากระทบนั้นมาแยกแยะพิจารณา หาข้อมูลเหตุผล ปัจจัยประกอบต่างๆของเรื่องนั้นๆ  เพื่อหาทางแก้ไขต่อไป... จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 19:23:53

ความคิดเห็นที่ 8 การที่เรารู้สึกท้อถอยก็เพราะจิตเราจมไปกับอารมณ์ที่้ท้อถอย  ต้องเรียกสติให้กลับคืนมาไม่ไปแช่ในอารมณ์ เช่นไปอาบน้ำเย็นๆ โดยสังเกตุถึงสายน้ำเย็นๆที่กระทบผิวกาย เมื่อรู้สึกสดชื่นขึ้นก็รักษาใจที่ผ่องใสนั้นไว้ ได้นิดนึงก็ยังดี หรือฝึกสติระลึกรู้การกระทบสัมผัสต่างๆให้เย๊อะๆ ทำได้ทั้งยืน เดิน นั่ง นอน รู้ร่างกายที่ กระทบเช่นเท้ากระทบพื้นก็รู้สึก นั่งก็รู้สึกถึงก้นที่สัมผัสเก้าอี้ นอนก็รู้สึกทั่วแผ่นหลังที่สัมผัสที่นอนแล้วให้ ความรู้สึกแผ่ขยายไปทั้งกาย  พอสติเกิดแล้วเดี๋ยวมันก็หลุดจากอารมณ์ท้อถอยได้เองครับหันมาเน้นทำสติให้ มากๆเข้าไว้.... แต่มีวิธีอีกมากมายที่ทำให้หลุดจากอารมณ์เหล่านี้ เช่นไปคุยกับเพื่อน ดูหนัง ฟังเพลงแบบนี้ก็หลุดจาก อารมณ์ท้อๆได้เช่นกัน^^ จากคุณ : ล้าน5 เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 19:39:46

ความคิดเห็นที่ 9 ปล่อยให้ว่าง  อย่าคิดมาก อย่ายึดติด  อย่าตั้งความหวังมากเกินไป ท่องไว้ว่า  " ช่างมัน ๆ ๆ ๆ ๆ " จากคุณ : มีดกรีดใจ เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 20:06:44

ความคิดเห็นที่ 10 ทุกอย่างมีเกิดก็ต้องดับไป คิดแบบนี้ ความทุกข์ สุข ความท้อถอยต่างๆ อยู่กับเราได้ไม่นานหรอกคะ จากคุณ : anindita เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 20:45:14

ความคิดเห็นที่ 11 จขกท.เองค่ะ ขอบคุณทุกๆ ท่านที่เข้ามาแนะนำค่ะ สำรวมในกาย วาจานั้นยากแล้ว การสำรวมใจนั้นยากยิ่งกว่า จะพยายามพลิกกลับขึ้นมาให้ได้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 55 21:12:13 จากคุณ : คิตตี้พุงกลม เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 20:55:34

ความคิดเห็นที่ 12 เวลาที่จิตถูกอะไรกระทบ แล้ว จิตเกิดอาการต่างๆนานา 1.ให้รู้ทันเลยว่า "นั่นไง" "กิเลสแสดงตัว" "ให้รู้ทันมัน" แล้วกายใจจะเบาขึ้น นี่เป็นวิธีปฏิบัติแบบ วิปัสสนากรรมฐาน 2.แล้วต่อมา เมื่อเห็นกิเลสมันไม่ใช่ตัวเรา กระเพื่อมหวั่นไหวไม่เที่ยงเป็นทุกข์ หรือดับไปเป็นอนิจจัง 3.ก็ให้รู้ทันต่อไปว่า นี่เอง แม้กิเลสใดๆก็ไม่เที่ยง อะไรๆก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวเราของเรา ทุกสิ่งล้วนดับไปหมดทั้งสิ้น ดังนี้แล้ว  จิตจะค่อยๆเกิดปัญญา จนถอดถอนความเห็นผิด ปล่อยว่างและละกิเลสได้เองครับ แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 55 21:39:05 แก้ไขเมื่อ 31 ต.ค. 55 21:38:00 จากคุณ : เมฆน้อยคอยดาว เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 21:36:44

ความคิดเห็นที่ 13 มีอีกวิธีนึงครับ ผ่อนลมหายใจเออกยาวๆเร็วๆและหายใจเข้ายาวๆเร็วๆ ทำซักสามสี่ครั้งหรือมากกว่านั้น ทำแล้วลองมาสังเกตุที่ใจตัวเองน๊ะครับว่าหลุดจากอารมณ์ท้อหรือยัง ถ้าหลุดออกมาใจก็ปรกติแล้วครับ.... จากคุณ : ล้าน5 เขียนเมื่อ : 31 ต.ค. 55 21:41:31

ความคิดเห็นที่ 14 ส่วนใหญ่เราจะน้อมนำคำสอนของครูบาจารย์ที่เราเคารพนับถือมาเป็นแรงผลักดันค่ะ ท่านสอนว่าเสมอ "ทำธรรมเป็นหน้าที่ หน้าที่คือทำ"  และ  "ทำเพื่อละออก ไม่ใช่เพื่อเอาเข้า" "หน้าที่เราคือ เพียรสร้างเหตุ เมื่อสร้างเหตุให้ดี ผลที่ดีย่อมตามมา" เราท่องจนขึ้นใจ ไม่มีท้อค่ะ มีแต่ทำกับทำ จากคุณ : Tarocchi เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 02:21:45

ความคิดเห็นที่ 15 มองว่าเป็นเรื่องธรรมดาของโลก มีเจริญ ก็ต้องมีเสื่อม วันก่อนอาจนั่งสมาธิได้ดี จิตสงบนิ่งได้ดีเยี่ยม มาอีกวัน ฟุ้งซ่านมากมาย ไม่มีสมาธิเลย แบบนี้ถือว่าเป็นธรรมดา อย่าไปยึดติดว่ามันต้องดีแบบเดิมทุกวัน อย่าไปยึดติดว่าจะนั่งเพื่อให้เกิดสมาธิให้ได้ เพราะสิ่งต่างๆ ถ้าจะเกิดก็เกิดเอง เสื่อมก็เสื่อมเอง เราควบคุมอะไรไม่ได้เลย เพราะมันไม่่ใช่ของเรา เมื่อคิดแบบนี้ได้แล้ว ถึงเราจะไม่ได้บุญจากสมถภาวนา แต่เราก็ได้บุญที่เกิดจากวิปัสสนาภาวนาแทน จากคุณ : snoopy21 เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 55 11:08:53

ความคิดเห็นที่ 16 อุบายที่ใช้สู้กับความท้อถอยที่ใช้อยู่นะครับ เลือกใช้เอาตามแต่จะคิดได้ ณ ขณะนั้น 1. ทวนกระแส- ท้อเมื่อไรให้ฮึดทำ สวนทางกับอารมณ์ท้อ 2. โคตรโชคดี- นึกถึงครูบาอาจารย์รุ่นเก่า กว่าท่านจะได้วิชามา ลำบากมาก แล้วเราล่ะ 3. ทำไปเรื่อยๆ- ทำความเพียรให้เหมือนกับกิจวัตรประจำวัน ทำทุกวันเหมือนกินข้าว ต่อให้ท้อก็ทำ 4. บารมี- ทุกครั้งที่ทำความเพียร อย่างน้อย ได้วิริยะบารมี ขันติบารมี เป็นรางวัล 5. สมาธิเพิ่ม- ทุกครั้งที่ทำความเพียร พุทโธ คำแรกพลังสมาธิก็เพิ่มแล้ว ถึงมองไม่เห็นแต่มีแน่ เชื่อครู 6. สมาธิลด- ไม่ทำก็ลด ลดมากๆที่ทำมาก่อนหน้านั้นก็ขาดทุนแย่ อันที่จริงเมื่อฝึกสมาธิถึงขั้นจิตเกิดความสบายแล้ว ปัญหาเรือ่งท้อนี้จะน้อยลงไปเองครับ จากคุณ : DBM999 เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 00:47:28

ความคิดเห็นที่ 17 ให้คิดว่า ใช่.. มันล้มเหลว แต่มันช่วยไม่ได้ และมันผ่านไปแล้ว เดินหน้าต่อไป จากคุณ : กุหลาบแวร์ซาย เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 55 00:56:07

ความคิดเห็นที่ 18 ไปถูบ้าน ซักผ้า หรือดูทีวี หลับสักตื่น   ฟื้นขึ้นมา ก็ลืมหมดแหละ ตื่นแล้วก็ทำต่อไป จากคุณ : chaosy เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 08:46:04