ความคิดเห็นที่ 1 หลวงพ่อสด เรียนกรรมฐาน จากวัดพลับ มาก่อนครับ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 55 12:08:30 จากคุณ : กระบี่นางฟ้า เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 12:08:15

ความคิดเห็นที่ 2 ...พวกธรรมกาย  เริ่มต้นผิด  กับการหลงนิมิต  จึงมีแนวคำสอนผิดๆออกมาเรื่อยๆ ยิ่งนานยิ่งเลอะเทอะเขละขละกู่ไม่กลับ   พวกนี้มีนิสัยส่วนลึกชอบในเรื่องความมีชื่อเสียง  ลาภสักการะ  ความเป็นใหญ่  บริวารมากๆ  เป็นต้น ทำนองนั้น ... ไม่สนใจการทำลายกิเลสเพื่อพ้นทุกข์จริงๆ ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่สืบเนื่องถ่ายทอดสืบๆมาแต่โบราณ   จึงต้องการแสดงความแปลกแยก สอนหลักธรรมผิดๆ ฉีกแนวใหม่ๆออกไปให้ดูน่าสนใจ เพื่อล่อเหยื่อเอาคนโง่ๆทางหลักธรรมเข้าไปเป็นสาวก  โดยที่คนโง่ๆทางธรรมะพวกนั้น อาจจะเป็นคนรวยหรือมีชื่อเสียงหรืออื่นๆ ฯ ...โชคดีแล้วที่คุณเจ้าของกระทู้ไม่หลงทางไปกับพวกนี้  เป็นบุญเก่าที่ดีมากๆ ... เพราะส่วนมาก หลงเข้าไปในวังวนพวกนีั้แล้วจะงมงายไปเลย  หลุดออกมายากมากๆ  จะยิ่งจมลึกๆๆลงไป จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 12:27:51

ความคิดเห็นที่ 3 วิชาเหมือนสินค้า    อันมีค่าอยู่เมืองไกล ต้องยากลำบากไป           จึงจะได้สินค้ามา จงตั้งเอากายเจ้า              เป็นสำเภาอันโสภา ความเพียรเป็นโยธา         แขนซ้ายขวาเป็นเสาใบ นิ้วเป็นสายระยาง             สองเท้าต่างสมอใหญ่ ปากเป็นนายงานไป          อัชฌาสัยเป็นเสบียง สติเป็นหางเสือ                ถือท้ายเรือไว้ให้เที่ยง ถือไว้อย่าให้เอียง            ตัดแล่นเลี่ยงข้ามคงคา ปัญญาเป็นกล้องแก้ว        ส่องดูแถวแนวหินผา เจ้าจงเอาหูตา                 เป็นล้าต้าฟังดูลม ขี้เกียจคือปลาร้าย            จะทำลายให้เรือจม เอาใจเป็นปืนคม              ยิงระดมให้จมไป จึงจะได้สินค้ามา               คือวิชาอันพิสมัย จงหมั่นมั่นหมายใจ            อย่าได้คร้านการวิชา จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 12:42:21

ความคิดเห็นที่ 4 ตามความเห็นของผม....ผมว่าวิชาธรรมกายเป็นแค่เพียงสมถะภาวนาแค่นั้น ยังไม่ถึงขั้นวิปัสสนา เพราะยังติดยึดในนิมิตอยู่ ที่เขาว่าเข้าไปในเมืองนิพพานไปเจอพระพุทธเจ้าและพระสาวกอรหันต์ทั้งหลาย เป็นเรื่องตลกสิ้นดี เพราะมันขัดกับความหมายของนิพพานที่ว่าไม่มีการมาไม่มีการไป ไม่ตั้งอยู่ในสถานที่ใดๆ ฯลฯ จากคุณ : swinger (swinger) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 14:49:14

ความคิดเห็นที่ 5 มันคงจะแปลก หากหลวงปู่สดค้นพบวิชชาธรรมกายโดยไม่มีอะไรที่เชื่อมโยงได้เลย แต่มันจะไม่แปลก หากในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา มีเรื่องที่เชื่อมโยงกันได้อยู่ด้วย แม้ว่าจะไม่ได้รับการยอมรับจากคนบางกลุ่มเพียงเพราะคิดว่านี่สำนักเรา นั่นสำนักเขา นี่อาจารย์เรา นั่นอาจารย์เขา นี่นิกายเรา นั่นนิกายเขา ทั้ง ๆ ที่ก่อนแยกนิกาย ล้วนก็เป็นพุทธด้วยกันทั้งสิ้น ภาพประกอบ: พระพุทธรูปโบราณของมหายาน แสดงที่สถิตของธรรมกายเป็นปริศนาธรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในตรีกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามคติของมหายาน จากคุณ : พักผ่อน เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 15:59:45

ความคิดเห็นที่ 6 รูปไม่ขึ้น จากคุณ : พักผ่อน เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 16:00:06

ความคิดเห็นที่ 7 ผมว่าประหลาดๆ ในส่วนที่บอกว่า มีกายอรูปพรหม น่ะครับ เพราะผมก็งงว่าอรูปพรหมคือพรหมไม่มีรูป (ก็คือกายที่เขาบอกนั่นแหละ) แต่ธรรมกายบอกว่ามี พอถามไถ่ประเด็นนี้ ก็ตอบไปโน่นเลย บอกว่า อมนุษย์หมายถึง ไม่ใช่มนุษย์ ดังนั้น อรูปพรหม หมายถึง ไม่ใช่รูปพรหม แปลตามความหมายของเขาก็คือ อรูปพรหม เป็นพรหมมีรูป แต่ไม่ใช่รูปพรหม งงไหมครับ  เขาก็ตอบไปได้ของเขาแบบนี้เหมือนกันนะ จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 19:46:46

ความคิดเห็นที่ 8 ผมว่าคนที่ได้วิชาธรรมกายในห้องศาสนาคงไม่มี หรือมีก็ไม่แสดงตัวครับ เท่าที่อ่านดู การกำหนดดวงแก้ว แล้วค่อยๆเลื่อนไปในแต่ละฐาน สมาธิระดับนั้นถึงระดับอุคคหนิมิต ถ้าทำให้คล่องขนาดเลื่อนไปในแต่ละฐานได้นานๆ ผมว่าอาจต้องถึงปฏิภาคนิมิต และคล่องอาโลกสิณ(กสิณแสงสว่าง)พอ ซึ่งนิมิตระดับนี้เป็น ฌาน4 ไปเรียบร้อยแล้ว ดังนี้วิชานี้เหมือนกับอาโลกสิณขั้นสูงเลยนะครับ สมาธินั้นน่าจะอยู่ในระดับเส้นแบ่งของรูปฌานก่อนถึงอรูปฌาน การจะพิสูจน์วิชานี้ไม่ใช่ทำเพียงเล็กน้อยแล้วก็เลิกนะครับ ผมคิดว่า ถ้าลองทำสมาธิได้ถึงฌาน4 แล้วไปฝึกกสินแสงจากนั้นจึงฝึกวิชานี้ ผมศรัทธาหลวงปู่สด และเชื่อว่า วิชานี้ใช้ได้จริงเพียงแต่กำลังเรายังไม่ถึงเท่านั้น เพียงแต่คนที่ควรแก่การศรัทธาบัดนี้ท่านไม่อยู่แล้ว ฝึกไปก็ซักถามใครได้ลำบาก ดังนั้นฝึกเรื่องอื่นที่มีครูบาอาจารย์คุม ชัวร์กว่าครับ จากคุณ : DBM999 เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 19:48:15

ความคิดเห็นที่ 9 ก็บอกแล้ว  อย่าไปหลับตานาน  หลับนานๆก็ให้นอน  แล้วทีนี้มันก็แยกไม่ออกว่า  ฝัน หรือ นิมิต  พอสะดุ้งตื่น ก็ จินตนาการออกมาเป็นเรื่องเป็นราว เหอๆๆ                 " จินตนาการ  สำคัญ กว่าความจริง " จากคุณ : โยนกระเบื้องล่อหยก เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 21:58:15

ความคิดเห็นที่ 10 #ความคิดเห็นที่ 6   ถ้ามีองค์พระอยู่ในท้องผู้ที่ภาวนาได้ ในท้องขององค์พระนั้นก็จะต้องมีองค์พระอยู่ในท้องเหมือนกัน ถ้าเป็นอย่างนี้มันก็เป็นไม่มีที่สิ้นสุด แล้วมันจะไปจบที่ไหน จากคุณ : swinger (swinger) เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 22:52:10

ความคิดเห็นที่ 11 เดินตามวิชชาสาม วิชชาแปด  พระพุทธเจ้า  ทุกประการ รับรองเล่นหุ้นไม่เจ๊ง แบบบักซาตาน จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:07:46

ความคิดเห็นที่ 12 ไปจบเมื่อหยุดได้สนิท หมดกิเลส เหมือนแยกอะตอม  คุณว่า หน่วยเล็กที่สุดของอิเลกตรอนแค่ไหน จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:10:01

ความคิดเห็นที่ 13 ปฏิภาคนิมิต ก็ไปอุปปจาระ อัปปนา ธรรมสามฝ่ายก็ตรงตามบทสวด  กุศล  อกุศล  อัพยากฤต จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:15:32

ความคิดเห็นที่ 14 หยุดคือตัวสำเร็จ  วิสังขารเกิด สังขารก็ดับ  ปฏิจจสมุทแบาทก็ขาด จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:16:59

ความคิดเห็นที่ 15 ผมเข้าใจนะ ว่าเป็น 1 ในสายวิชชา3 การจับนิมิตรให้กลายเป็นสมาธิขั้นนิ่ง ไปจนถึงทำให้ละเอียดที่สุด ทางคัมภีร์พุทธกล่าวไว้ สำหรับพุทธหัดใหม่ให้ตรงทาง ควรเริ่ม กสิณ๑๐ ป้องกันอาการเขว แต่สำหรับ "ของเก่า"บางกลุ่มบางคน ชำนาญการเข้าสมาธิ ระหว่างหน้าผากบ้าง , แบบจักรา (อินเดียโบราณ) , แบบนักพรตจีน (เคลื่อนลมภายใน) บางคนเขาก็ขมีขมันแข็งขัน มุ่งมั่นไม่ฟังใคร แต่เขาปฏิบัติจริงจังนะ ว่าเขาไม่ได้เลย เชื่อไว้ก่อนว่า "จุดหมายเขา คือ ละกิเลส" เหมือนพุทธสายอื่นๆ แต่วิธีเข้าสมาธิเขา เพ่งได้สมาธิกว่ากับ "ของเดิม"เขา คงมีจุดที่การบริกรรมองค์สมาธิ ปรับให้สอดรับกับกรรมฐาน๔๐ในทางพุทธละครับ เพราะในท้ายที่สุด บูรพาจารย์สด ได้ชื่อว่า เป็น 1 ในเกจิอาจารย์พระพุทธศาสนาของประเทศไทยรูปหนึ่ง จะฮือฮาเสียหน่อย ตรงมีปลวกไชยบูลย์ไปเกาะบูรพาจารย์สดท่านหากิน สร้างกำไรระดับหมื่นล้านแสนล้าน(ใส่ชื่อตัวเอง) (จริงๆพระเครื่อง หลวงพ่อสดท่านองค์หนึ่งเช่ากันที่เลข 6 หลักนะ) ----------- ส่วนเรื่องภาคขาว ภาคดำ มีทุกประเทศครับ แนวการเข้าถึงศาสนา โดยอิงเทพนิยายแนวแฟนตาซี มีฝั่งขาวที่สุด ฝั่งดำที่สุด บริวารทั้ง2ฝั่ง ห่ำหั่นกัน มีชนะมีแพ้ ปฏิบัติมากๆ อ่านเยอะๆ นำเข้าไปสู่สัทธรรมทางพุทธเราได้หมดทุกสายครับ "พระพุทธศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเปิดกว้างสำหรับคนทุกกลุ่ม ทุกหมู่ชน อยู่แล้ว" แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 55 00:30:43 แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 55 00:21:01 จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 55 23:29:34

ความคิดเห็นที่ 16 พวกธรรมกาย งี่เง่า  โง่เขลา  อ้างว่าหยุดอะไรต่างๆได้   แต่ไม่เคยหยุดความงี่เง่า หลอกลวง ในใจของตนได้สักที ...   อ้างว่า เห็นกายนั่นกายนี่  ผ่านไปทีละกายๆๆ ... ก็ทำไมไม่ย้อนทวนมาดูตัวรู้ที่ไปเห็นภาพนิมิตกายต่างๆนั่นละ ?   ใคร ตัวอะไร  ที่เป็นตัวผ่านไปเห็นกายต่างๆนั่น ...  ทำไมไม่ย้อนมาดูตัวนั้น ?  ไปสนใจอะไรกับสิ่งไร้สาระคือ ภาพนิมิตกายต่างๆทั้งหลายนั่น ?? แล้วก็ไปหลง ทั้งยังชักจูงให้คนอื่นๆหลงตามไปเกี่ยวกับภาพนิมิตกายต่างๆเหล่านั้น อ้างว่าเป็นถึงระดับวิชา คือ วิชาธรรมกาย ...  งี่เง่า สุดๆ  .. / ไม่เคยมีในตำราไหนบอกมาก่อนว่า  มีวิชาธรรมกาย   ..อ้างเอาเองมั่วๆ หลอกลวงคนโง่ทั้งหลาย แบบไม่ละอาย ... วิชา มี ๘ ประการ  ก็ไม่มีวิชาไหนเรียกว่าวิชาธรรมกาย   จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 00:48:49

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบความเห็นที่ 10 ถ้าศึกษาจากคำสอนของหลวงปู่สดวัดปากน้ำผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ท่านก็กล่าวว่าในองค์พระมีองค์พระเรื่อยไปไม่รู้จบ และในขณะที่ท่านกล่าว ยังไปไม่สุดขององค์พระในองค์พระ แต่ทุกครั้งที่เข้าไป ความรู้ ความบริสุทธิ์ จะมากขึ้น อย่างที่เราเห็นว่าท่านทำเพียงแค่นี้ แต่กิตติศัพท์ท่านขจรขจายไปมากมายว่าศักดิ์สิทธิ์เกิน ท่านว่าหากไปถึงที่สุดเมื่อไร เมื่อนั้นทุกคนไม่ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย อันนี้ตอบตามหลักฐานทางวิชาการนะครับ จากคุณ : พักผ่อน เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 01:20:20

ความคิดเห็นที่ 18 เล่นหุ้นแล้วยิ่งหลง  กลับไปอ่านข้อ 14 ตัวเองชอบแนววัดป่า แต่ก็ไมม่ในตำรา ยอมรับได้ เกียจวัดพระธรรมกาย  ก็อย่าพาลโง่ไม่เลิก ย้อนไปดูผู้รู้ ไม่มีในตำรา เปนแคอุบายของวัดป่า   ถ้ามีก็เอามาดูสิ เดินตามวิชชาสาม วิชชาแปดมันจะผิดได้ไง ได้ผลเหมือนกัน  ตัวอักษร ไม่ต้องเหมือนก็ได้ เจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิต ตำรายังบอกว่าผิด เลิกปากบอน แล้วไปเล่นหุ้นเถิด จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 07:42:17

ความคิดเห็นที่ 19 สมัยก่อนมีคนชื่ออ้ายชิ ฝึกธรรมกาย  แต่อวดดีไปฝึกเอง ผิดทาง เผลอไปเพ่งจ้องจนเครียด แทนที่จะหยุดใจ  กลับไปเพ่งจ้อง จนหลงวิปลาส หลงเข้าใจผิดเรื่องนิมิต พระพุทธเจ้า ยังสอนพระอนุรุธกำหนดนิมิต แต่อ้ายชิ โดนโลภะกิเลสเข้าแทรก สุดท้าย ไปฝึกแนววัดป่า เลยพาลด่าวิชชาธรรมกาย ที่ฝึกในอดีตยังไม่ผ่านขั้นอนุบาลเลย แล้วหลงเข้าใจผิดไปเอง แก้ไขเมื่อ 04 พ.ย. 55 08:22:53 จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 08:21:06

ความคิดเห็นที่ 20 นี่ขนาดบอกหนทางที่ตรง  ถูกต้อง  ตรงจุดให้แล้ว  ยังรับไม่ได้อีก  ...ไม่รู้จะโง่ไปถึงไหน  พวกลัทธิจานบินหลอกลวง  ลวงทั้งตนเอง ลวงทั้งคนอื่นๆ  ...คงจะเวียนว่ายตายเกิดไปในวัฏฏะสงาสารไม่สิ้นสุด  เป็นวัฏฏขาณุยิ่งกว่าพวกนิตยมิจฉาทิฏฐิทั้ง ๓ นั่นอีก ... ก็ทำไมไม่รู้จักย้อนกลับมาดู ว่า ตัวอะไรที่เห็นนิมิตเปลี่ยนไปเรื่อยๆๆ  ตั้งแต่ตอนแรกนั่น   ของจริงอยู่ตรงนี้ต่างหาก   นิมิตต่างๆภาพกายต่างๆอะไรนั่นมันคือภาพลวง คือของปลอม  คือสังขารที่ตัวรู้ผู้ไปเห็นนั่นแหละสร้างสรรค์ปรุงแต่งขึ้นมา  ก็แค่นั้น  ไม่ใช่วิชงวิชาอะไรซะหน่อย  ไม่ใช่ของจริงอะไรเลย  หลงกันได้หลงกันดี   จะงี่เง่าไปอีกกี่ล้านโกฏิอสงไขยกัปล์    แต่ถ้าจะกล่าวว่า ลัทธิธรรมกาย คือ ลัทธิลวงโลก ..อันนี้คือของจริง จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 09:21:42

ความคิดเห็นที่ 21 คุณ จขกท ครับ บางครั้งบารมีเก่าของแต่ละคนไม่เท่ากัน การได้ญาณในหมื่นคนยังยากจะมี ใจเย็นๆครับ เขาทำกันขั้นละเป็น...ชาติ (เอาจำนวนออกเดี๋ยวหมดกำลังใจ) พระอริยะท่านรับรองหลวงพ่อสดครับ จากคุณ : อย่าด่าผมเลย (HeavenMoon) เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 09:31:02

ความคิดเห็นที่ 22 จากประเด็นของ จขกท. " อยากทราบว่า ที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง มีข้อพิสูจน์อะไรว่า ศาสนาพุทธในพระไตรปิฏก กับ เรื่องวิชาธรรมกาย อันไหนคือเรื่องจริงกันแน่ ที่พูดมานี้ผมหมายถึงวิชาธรรมกายทุกสาย ไม่ได้หมายถึงวัดพระธรรมกายอย่างเดียวนะครับ " ....................... ต้องจับจุดหลักสำคัญของ ศาสนาพุทธ ว่า พระพุทธเจ้าสอนเรื่องอะไรเป็นหลัก และเทียบเคียงพุทธพจน์เสมอ ๆ ตลอดเส้นทาง นั่นก็คือ ทุกข์ และความดับทุกข์ อริยสัจ๔ นิพพาน นี้เป็นหลักสำคัญ สรรพสิ่งทั้งหลายล้วน ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ อนัตตา ยึดมั่นในสิ่งใดสิ่งนั้นย่อมทำให้เกิดทุกข์ หากเราเรียนรู้ไปตามสายนั้นๆ แล้ว.. ยังยึดถือสิ่งหยาบๆ ไปจนถึงสิ่งที่ละเอียดเหมือนเดิม ยังไม่สามารถปล่อยวางได้ คือ ยังยึดมั่นถือมั่นในบุญ รูปนิมิต นามนิมิต.. ขันธ์ ๕ เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนหรือหนักกว่าเดิม และทุกข์มันก็จะมาจากตรงนั้น ทั้งทุกข์ชนิดหยาบ และทุกข์ชนิดละเอียด นั่นแสดงว่า เราคงจะต้องทบทวนอะำไรบางอย่าง ถึงเส้นทางที่กำลังอยู่ในจุดเริ่มต้น หรือจุดท่ามกลาง ว่ามันจะพาไปออกทางไหนหรือวกวนอยู่ที่เดิม ๆ ... จขกท. ทำถูกแล้ว ที่ตั้งคำถามและเดินจากวิธีนั้นออกมา จากคุณ : ซอนาย (nataraja) เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 12:54:49

ความคิดเห็นที่ 23 โขตาน เอ็งนั่นแหละโง่ พระพุทธเจ้าสอนพระอนุรุธ และวิธีแก้ เมื่อนิมิตหายไป ในพระสูตรยังบอกว่า เจโตสมาธิไม่มีนิมิต ใช้ไม่ได้ ย้อนมาเจอผู้รู้ มันก็ต้องทำลายผู้รู้ ทำไมไม่บอกหมด แส่ไปยึดตัวผู้รู้อีก ไม่มีในพระไตรปิฏก  เพราะอุบายนี้เอาไว้แก้พวกนิ่งๆ ไปต่อไม่ได้  เปนอุบายพระป่า  พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนแบบนี้ แส่รู้ แต่รู้ไม่จริง จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 14:36:10

ความคิดเห็นที่ 24 ตัวผู้รู้ถูกทำลายไปแล้ว  ยังจะใหความสำคัญอีก พระพุทธรู้อะไรมากมาย เห็นเหตุล่วงหน้า ก่อนสอนธรรมะแต่ละวัน ก็เพราะมีนิมิต เปนฐานของญาณปัญญา เอ็งไปหาพระสูตร สอนทำลายนิมิตให้เจอสิ  มีแต่สอนให้ หยุดปรุงแต่ง แต่แส่จะวิ่งไปอรูป ไปฝึกด้วยตนเอง มันถึงบ้าไง แก้ไม่เปนนี่หว่า จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 14:43:04

ความคิดเห็นที่ 25 เวลาจะเอาคำสอนพระป่ามาใช้ ต้องดูบริบทด้วย ว่าคนปฏิบัติ ถึงไหนแล้ว ไม่ใช่ท่องจำมาใช้ แต่ใช่ผิดที่ผิดทาง จะเก่งกว่าพระพุทธเจ้าอีกนะ ผู้รู้ที่เอ็งเข้าใจกคือเกิดตอนจิตรวม กรือเอกัคตาจิตนั่นแหละ เมื่อจิตตั้งมั่น ไม่ปรุงแต่งแล้ว วิชชาสาม วิชชาแปดเกิดตอนนี้้ นินิตที่เกิดจากการปรุงแต่งมันคือจินตนาการ ยังเปนสังขาร มันใช้ไม่ได้ แต่นิมิตที่เกิดจากจิตตั้งมั่น เรียกว่าญาณปัญญา มันใช้ได้ทั้งโลกุตตระ และโลกียะ ถ้าปฏิบัติไม่เปน ก็ถามได้ จะสอนให้ฟรีๆ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 14:50:18

ความคิดเห็นที่ 26 พระพุทธเจ้าสอนวิธีแก้ เมื่อนิมิตหายไปกับพระอนุรุท แต่บักซาตาน แส่สอนให้ทำลายนิมิต ลัทธินี้น่ากลัวอะ พระพุทธเจ้ายังสอนว่า เจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิต ไม่ใช่ทาง ยังใช้ไม่ได้ เอ็งไปตั้งลัทธิใหม่  แสวงหาเงินจากตลาดหุ้นเถิด จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 15:00:08

ความคิดเห็นที่ 27 ใครเข้าใจเรื่องนิมิตผิดพลาด ค้นจากgoogle นิมิต  อนุรุทธ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 55 16:22:06

ความคิดเห็นที่ 28 ความเห็นของผม จริง ๆ วิชชาธรรมกายมีส่วนที่เป็นทั้งสมถะ และวิปัสสนา แต่คนทั่ว ๆ ไป จะรู้จักแค่ส่วนที่เรียกว่า "18 กาย" ที่ไล่ตั้งแต่กายมนุษย์ ยันกายพระอรหัตต์ละเอียด จริง ๆ ตัวนี้ยังไม่เชิงว่าเป็นวิชชาธรรมกายทีเดียว เป็นแค่ intro to วิชชาธรรมกาย แต่คนจำนวนมาก เรียนเอาแค่ intro บางคนแค่อ่าน แล้วบอกว่าวิชชาธรรมกายมันมีแค่นี้ มันน่าตลกนะครับ ส่วนคนบางคนที่มองว่าวิชชาธรรมกายเป็นความถูกต้องหนึ่งเดียว ในขณะที่คนหลายคนที่มานั่งชี้ว่าวิชชาธรรมกายนั้นผิดแนวทางพระพุทธเจ้า ผมบอกอย่างนี้นะว่า การมาตัดสินถูกผิด ให้กับแนวทางปฏิบัติ ที่ตัวเองไม่เคยศึกษาและปฏิบัติจนรู้ลึกและรู้จริง ยังไงมันก็ผิดทั้งนั้นแหละ แต่ผิดมากผิดน้อยก็ว่าไปตามส่วน เพราะฉะนั้น เงียบ ๆ ปากไปยังง่ายกว่า ป.ล.ผมเห็นคนบ้า 2 คนนั่งเถียงกันในกระทู้นี้ น่าหัวเราะปนสังเวชนะ จากคุณ : ABP@BDZ เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 01:25:45

ความคิดเห็นที่ 30 เราตั้งใจแบบเดียวกับพระพุทธเจ้า ท่านตั้งอย่างไร ท่านทำอย่างไร ท่านสอนอย่างไร ท่านก็ สอนว่า ท่านสอนพวกเราให้อดใจ อดใจเวลาโลภหรืออภิชฌาเกิดขึ้น หยุดนิ่งเสีย อดใจความโกรธประทุษร้ายเกิดขึ้น นิ่งเสีย อดเสีย ไม่ให้คนได้ยิน ไม่ให้คนอื่นรู้กิริยาท่า ทางทีเดียว ไม่แสดงกิริยามารยาทให้ทะเลิกทะลัก แปลกประหลาดอย่างผีเข้าทีเดียว ไม่รู้ ทีเดียว นิ่งเสีย ประเดี๋ยวหนึ่ง ความโกรธประทุษร้ายหายไป ดับไป จากคุณ : aisukurimu10 เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 15:13:39

ความคิดเห็นที่ 31 "บุญ" น่ะได้...แต่เป็น "บุญที่เจือไปด้วยมิจฉาทิฏฐิ" เบื้องต้นมันอาจจะทำให้ท่านรู้สึก "สุขใจ...สบายใจ" แต่...ท่านจะไม่มีวันหลุดพ้นจากอัตตาที่ตัวท่านเองขนานนามให้กับมันว่า "ธรรมกาย" จากคุณ : นักศึกษาธรรมมะฝึกหัด (Arltenis) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 55 22:22:10

ความคิดเห็นที่ 32 16 สมกับเป็นสายรวมมิตรพุทธภูมิจริงๆ เยี่ยมครับ จากคุณ : cantona_z เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 01:16:03

ความคิดเห็นที่ 33 คุณ โขนตาน...............  ไปโกรธ ใครมา ครับ โกรธยังอยู่ แล้วจะพ้น ทุกข์ ได้อย่างไร ดับไฟ โกรธเสีย  ถ้าได้ วิชชาธรรมกาย จริงๆ....อย่างที่หลวงปู่สด ท่านสอน       อย่าว่า แต่ถูกหวย รวยหุ้น ได้ทอง ได้เงิน แบบชิงโชค เลย.....           ให้เอาทรัพย์สิน เงิน ทอง หมด ทั้งโลก มาแลก ก็...ไม่เอา จากคุณ : แผ่นดิน ผู้ชี้ ขุมทรัพย์ เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 05:39:57