ยิ้มๆ....
ทุกคน ทุกท่าน กลัว ความไม่มีอะไร กลัวความมืด กลัวความว่างเปล่า ที่มีตนอยู่ (เน้น ที่มีตน ที่มีอัตตาตัวตนอยู่) เหมือนกันทั้งหมดทั้งสิ้น
แม้ผมก็ยังกลัว ที่เป็นเสมือนแบบเจ้าชายนิทรา เนื่องจากโรคสะโตรก(เส้นเืลือดอุดตันในสมองอย่างเฉียบพลัน) ตื่นขึ้นจากภวังค์ มีเพียงจิตที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ แต่ไม่สามารถรับรู้ร่างกาย ถูกขังอยู่อย่างนั้น ทำอะไรไม่ได้ ดิ้นรนอย่างไรก็ไม่สามารถรับรู้ร่างกายตื่นมาได้ ต้องสลดใจเสียใจในกรรมแห่งตนอย่างยิ่งยวดกลั่นเป็นน้ำตาในจิตนั้น จึงสามารถรับรู้ร่างกายตื่นขึ้นมาได้ ถึงสองครั้ง. แต่ภายหลังได้สติ เพราะการแนะนำในการสนทนาธรรม ในอินเตอร์ ให้ระลึกถึงพระรัตนตรัย ซึ่งตนเองก็เคยทำได้ เมื่อนานมาแล้ว ที่อยู่ในสภาวะผีอ่ำ แต่สภาวะนี้ยิ่งๆ กว่าสะภาวะผีอ่ำ จึงเตือนตนในขณะปกติว่า ต้องระลึกถึงพระรัตนตรัย เพราะสภาวะที่เ็ป็นนั้นได้เกิดกับตน ถี่ขึ้นและนานขึ้นไปตามลำดับ ดังนั้นเมื่อเกิดสภาวะนั้นอีก จิตก็ดิ้นรนพักใหญ่แต่ไม่สามารถตื่นมาได้
จึงน้อมจิตให้สงบ นิ่งเป็นหนึ่ง แล้วระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บุญชาในพระพุทธ ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ศรัทธาในพระพุทธ ในพระธรรม ในพระสงฆ์ จนจิตนั้นเกิดปีติขึ้น ปีติก็ค่อยมีกำลังแรงขึ้น กระจายขยายออกไปจากจิตยิ่งขึ้น จนเกิดประสาทรับรู้ร่างกายที่นอนอยู่ ตื่นเป็นปกติได้.
ทำเช่นนี้อยู่ 2 หรือ 3 ครั้ง หลังจากนั้นสภาวะที่เป็นก็จะน้อยลงและห่างๆ ออก จนหายไป.
แต่นิพพาน นั้นพ้น ไปจากนั้น ปรานิตยิ่ง ไม่เป็นตน พ้นจากสังขารเป็นวิสังขาร พ้นจากจิต พ้นจากมโนวิญญาณ พ้นจากมโนมายตนะ พ้นจากความเป็นตน พ้นจากตัวตนนั้น ไม่ปรากฏเป็นตัวตน สงบสันติยิ่งเสมือนรู้ แต่พ้นจากมโนมายตนะ ไม่เป็นอายตนะแบบชีวิตคือพ้นไปจากชีวิต .
แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 55 10:04:09
จากคุณ |
:
P_vicha
|
เขียนเมื่อ |
:
6 พ.ย. 55 12:05:53
|
|
|
|