ความคิดเห็นที่ 1 เคยถามพระอาจารยฺ์เหมือนกัน ท่านตอบว่าให้จด ก็ดีเหมือนกัน อะไรไม่จำเป็นก็ไม่ต้องจำก็ได้ สัญญาไม่เที่ยงหนอ จากคุณ : Mateo2000 เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 21:50:10

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นเหมือนกันค่ะ T T รอคำตอบจากคนอื่นค่ะ จากคุณ : องค์หญิงตัวร้าย เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 21:51:35

ความคิดเห็นที่ 3 คุณ Mateo200 : เราก็อยากเขียนใส่โพสอิทไปติดให้มันรู้แล้วรู้รอด  ไม่มีสติเลยค่า >< จากคุณ : BeautyDiet เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 22:12:38

ความคิดเห็นที่ 4 จดบันทึก   ฝึกสติให้อยู่กัยตัวบ่อยๆ  ทานใบแปะก้วย. จากคุณ : คนรักศีล เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 22:29:56

ความคิดเห็นที่ 5 ปรับความเข้าใจความหมายของคำว่า "สติ"กันก่อนไหมครับ ที่  จขกท.พูดถึงว่า ลืมนั่นโน่นนี่  แล้วบอกว่าตัวเองไม่มี "สติ" สิ่งที่  จขกท. เรียกว่า "สติ" นั้น แท้จริงในทางพุทธศาสนา เรียกว่า "สัญญา" ครับ มันเป็นความจำได้  หมายรู้น่ะครับ  ฉนั้นจังสอดคล้องกับที่  จขกท. หลงๆ  ลืมๆ  ไงครับ ส่วน "สติ" ในทางพุทธศาสนา  ท่านหมายถึง "สติปัฏฐาน"  น่ะครับ ซึ่งสติปัฏฐานนี้มีแต่ในพุทธศาสนา (เท่านั้น)  ซั่งเป็นการเจริญสติรู้กาย รู้ใจเพิ่อการพ้นทุกข์ ไม่ใช่วิธีการแก้ความหลงลืม (สัญญา) ไม่เที่ยงนะครับ แล้วที่สำคัญเราทุกคนก็หนีไม่พ้นสัญญาไม่เที่ยงเหมือนกันทุกคนน่ะครับ ส่วนการทำสมาธิ ถ้าสมาธิคือ "ความตั้งมั่นของจิต" ไม่ใช่อาการสงบนิ่งอยู่กับอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง ถ้า จขกท. จับหลักได้แม่น  แล้วปฏิบัติสม่ำเสมอ  ก็จะช่วยเบาเทาปัญหาขี้หลงลืมได้มาก จากคุณ : ทองทา เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 22:33:42

ความคิดเห็นที่ 6 ฝึกและเตือนตัวเอง ให้ทำอะไรทีละอย่างครับ ผมเคยเห็นพี่คนนึง เวลาเธอวางของไว้ เธอต้องเอามือตบๆ บริเวณที่วางของนั้น เพื่อเตือนตัวเอง ก็นับเป็นอุบายอย่างหนึ่ง จากคุณ : สู่ฝัน...อันยิ่งใหญ่ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 22:56:46

ความคิดเห็นที่ 7 น่าจะมี 2 วิธี (แต่พิมพ์ไป 4กรณี) 1. ถ้าไม่เจริญ"สติ" คือ ระลึกรู้ทุกขณะกริยาที่ส่งออกไป โดยต้องหมั่นระลึกรู้บ่อยๆ สร้าง"ตัวรู้" แบบหลวงพ่อหลวงพี่รุ่นใหม่ท่านเน้นกัน เพราะคนยุคนี้ป้ำๆเป้อๆกันหนักมาก 2. ก็ต้องทำอะไรให้มันช้าๆ มากๆ เคี้ยวข้าวช้าๆ เอื้อมหยิบ ค่อมตัวนั่ง ก้าวย่าง เอี้ยวตัว หันหน้ามอง ค่อยๆทำ ค่อยๆขยับ แบบภาพสโลโมชั่น ซัก2อาทิตย์ (ถ้า1เดือนมีเวลา ช้าลงแค่ 2-3 ชม./วัน ก็เดือนหนึ่ง) (ถ้าไปพวกคอร์ส/แคมป์ภาวนา มีเวลาช้าลงใน 1 สัปดาห์ตลอดทั้งวัน ก็2อาทิตย์พอ) 3. หรือหมั่นทวน"สัญญา" คือ เรียกความทรงจำที่เราคิดว่า มักลืมบ่อยๆ เช่น ออกจากรถลืมล็อครถ ลืมปิดไฟ ลืมกุญแจบ้าน พอพ้นรถ พ้นประตูบ้าน เตือนตัวเองให้คลำกระเป๋า เดินกลับไปมองรถ มองไฟ โดยมากฝึก "ตัวรู้" ของหลวงพ่อเกจิครูบาอาจารย์(ที่ท่านย่อมาจากสติปัฎฐาน)ฝึกตัวเดียว ได้ครบนะ เพราะเกือบทุกข้อต้องใช้ "สติ" ระลึก เตือน นึกทวน ฯลฯ แต่โจทย์คงยากเอาการเหมือนกัน เพราะสมองผู้หญิงใช้ระบบ multi tasking (คิด2-3เรื่องในเวลาเดียวกันได้) 4. ถ้าจะใช้ยาแรงอย่าง "อานาปานสติ" ในกรรมฐาน๔๐ ก็หนักไปทางสมาธิเข้มข้นเลย พุ่งใจไปที่ลมหายใจเข้า-ออกตลอดวัน ตลอดเวลา ทานอาหารน้อยๆ จะได้จับแรงลมได้หนักหน่อย (ถือโอกาสไอเดทไปในตัว) แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 55 23:24:28 แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 55 23:23:02 จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 55 23:16:34

ความคิดเห็นที่ 8 การสวดมนต์  นั่งสมาธิ  ช่วยให้มีสติได้ครับ พอนั่งสมาธิติดต่อกันไปสักพัก ลองเตือนตนเองในใจ ให้เสียงดังอยู่ในใจเสมอๆ ว่า อย่าลืมกุญแจ อย่าลืมปิดไฟ   เมื่อสติและสมาธิดีขึ้น พอจะลืม สติส่วนนี่้ที่มันเก็บอยู่ในใจมันจะออกมาเตือนเองครับ ส่วนกระจกหลัง ผมว่าทำเป็นความเคยชินจะดีกว่า จากคุณ : DBM999 เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 01:06:48

ความคิดเห็นที่ 9 สมาทานศีล ๕  พัฒนาสติ จากคุณ : คุณหนูขาวมณี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 04:58:42

ความคิดเห็นที่ 10 ประเด็น --- >>ไม่มีสมาธิ ไม่มีสติเลยค่ะ<< (๑) พิจาณณาก่อนตอบ (เพื่อให้ถูกฝาถูกตัว จะได้ ไม่ กำกวม ฯลฯ) >>ไม่มีสมาธิ ไม่มีสติเลยค่ะ<<  กำหนด แบบไหน  เมื่อ อาสัย องค์ความรู้ของพระพุทธเจ้า  ตามที่ตรัสไว้ใน มูลปริยายสูตร มูลปริยายสูตร http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=12&A=0&Z=237 (๒) ถ้า เนื่องกับ กำหนดภูมินัยที่ ๑ ด้วยสามารถปุถุชน (ตามลิงค์) การแสดง คคห  ก็ ควร สอดคล้องกับ ที่ตรัสไว้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนในโลกนี้ ไม่ได้สดับ ไม่ได้เห็นพระอริยะ ไม่ฉลาดในธรรมของพระอริยะ ไม่ได้รับแนะนำในธรรมของพระอริยะ ไม่ได้เห็นสัตบุรุษ ไม่ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ ไม่ได้รับแนะนำในธรรมของสัตบุรุษ [^^^^ เหตุ ---- เพราะไม่มีสมาธิ ไม่มีสติ แบบอื่น / แต่ ไม่มีสมาธิไม่มีสติแบบ ปุถุชน หรือ? ผล ----- คือ รู้ ตามที่ตรัสว่า] ย่อมรู้ธาตุดินโดยความเป็นธาตุดิน ครั้นรู้ธาตุดินโดยความเป็นธาตุดินแล้ว ย่อมสำคัญธาตุดินย่อมสำคัญในธาตุดิน ย่อมสำคัญโดยความเป็นธาตุดิน ย่อมสำคัญธาตุดินว่า ของเรา ย่อมยินดีธาตุดิน (ด้วยพุทธสมาธิ พุทธสติ พุทะปัญญา พุทธสัมปชัญญะ  จึงตรัสว่า) ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร เรากล่าวว่า เพราะเขาไม่ได้กำหนดรู้. ฯลฯ คำสำคัญ (ที่ผมอ้างฯ) คือ คำว่า --- เพราะเขาไม่ได้กำหนดรู้.---- กล่าวคือ ท่าน จขกท ยังไม่ได้กำหนดรู้ ? (แต่ น่าจะ รู้อะไรมาบ้างแล้ว)  จึง ตั้งประเด็นว่า --- >>ไม่มีสมาธิ ไม่มีสติเลยค่ะ<< แล้ว ยัง  พรรณาความ (ด้วยอำนาจของ >>ไม่มีสมาธิ ไม่มีสติเลยค่ะ<< ) ไว้ ต่อมาว่า เรารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่มีสติ ชอบหลงๆลืมๆ เล็กๆน้อยๆ เช่น ลืมกุญแจไว้ที่รถ  ลืมไว้ที่หน้าประตู ลืมปิดไฟ  จะถอยรถลืมส่องกระจกหลัง ( ล่าสุดเกือบชน  โชคดีมากที่ยังไม่ชน ^^ ) แล้ว ตามด้วย อยากทราบว่าการสวดมนต์  นั่งสมาธิ  จะช่วยให้มีสติได้ไหมคะ หรือใครมีวิธีไหนช่วยแนะนำด้วยนะคะ  ขอบคุณมากค่า สรุป คคห คือ ข้อความข้างบน ข้างบน  ผมหมายความว่า? เข้าใจ คำว่า --- --- เพราะเขาไม่ได้กำหนดรู้.---- อย่างไรครับ เช่น เข้าใจ (ตนเองได้ว่า) (๑) ตนเองคือ จขกท >>ไม่มีสมาธิ ไม่มีสติเลยค่ะ<<   แล้ว จะ กำหนดรู้ "มีสมาธิ มีสติ"  จาก บุคคลใด ใน ห้องศาสนาี้... (๒) บุคคลใด ใน ห้องศาสนาี้ (ไม่ว่าใคร) -- มี ประสบการณ์ ซึ่ง --- สมาธิ สติ เฉกเช่น เจ้าชายสิทธัตถะ ก่อน อุบัติ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า? (ตามที่ผมอ้าง มูลปริยายสูตร) (๓) ท่าน จขกท  คิดว่า ไม่ว่า สมัยไหนๆ ---- จะมีใคร มีความรู้ ประสบการณ์ "สมาธิ สติ"  เท่าเทียม พระพุทธเจ้า ที่ตรัสสอน ภิกษุ ไว้ ตาม หลักฐาน คือ ตามที่พระเถระครั้งปบมสังคายนา รักษา ตามที่ตรัสไว้ ฯ --หรือ ? (๔) ตกลง เจตนา ตั้งกระทู้ กระทำ เจตนา ด้วยกาย คือ ใช้นิ้วพิมพ์ ฯ ปรากฎ ตัวหนังสือ ฯว่า  --- หรือใครมีวิธีไหนช่วยแนะนำด้วยนะคะ  ขอบคุณมากค่า --- คือ เหตุ --เกิด ผล --- เช่น เพราะ เหตุคือ  คำแนะนำ  ที่ ใครใด ก็ตามเสนอ --- เกิด ผล คือ ---- ความ มีคุณค่า (กำหนด คำว่า คุณค่า ---ที่ ความรู้ ประสบการณ์ --- ที่เมื่อ ท่าน จขกท อ่านแล้ว ชอบใจ เอาไปปฏิบัติ เกิด ผลอันน่าชื่นใจ ตามมา) -- คือ ความมีสมาธิ สติ ที่ ถูกต้องชอบ สอดคล้องกับ ปัญญา ๓ ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ฯ) จบความนำ ที่เนื่องกับ >>ไม่มีสมาธิ ไม่มีสติเลยค่ะ<< ****************************************************** แสดง คคห อ่าน คคห ข้างบนแล้ว สอบทานกับ "สัญญาเก่าๆ ในอดีต - สัญญา ได้แก่ ความรู้สึกประเภท "หมายรู้ได้"---- ที่เนื่องกับ สมาธิ สติ ที่ พอมีประสบกาาณ์จาก อานาปานสติสมาธิภาวนา (แบบอายนาปานสติ ๑๖) พบว่า สมาธิ สติ ตามที่ เสนอกันนั้น น่าจะ สอดคล้องกับ สภาวะธรรม ตาม "มูลปริยายสูตร" --ตามลิงค์ --- ข้อ ---กำหนดภูมินัยที่ ๑ ด้วยสามารถปุถุชน ที่สำคัญ ด้วยสามารถ (ขั้น) ปุถุชน  นั้น ในสมัยพุทธกาล   เช่น อาจารย์ของเจ้าชายสิทธัตถะ ก่อนตรัสรู้ คือ ท่าน ๒ ดาบส -- สอนการเจริญอรูปฌานที่ ๓ --รูปฌานที่ ๔ --ก็ ยังเนื่องด้วย ----- สมาธิ ด้วย สติด้วย ที่ น่าจะ สูงกว่า แบบ ที่  คคห ใดนั้น  เสนอไว้ รวมทั้ง คคห นี้ด้วย (หรือไม่ พิจารณาเอง) สรุป ถ้า ใคร ที่แสดงตน เป็น ชาวพุทธ ฯ ผู้สนใจ ที่จะ พัฒนา สมาธิ สติ ให้ เจริญยิ่งๆ ขึ้น เสนอว่า เมื่อ เข้ามา ที่ห้องศาสนานี้แล้ว --- อย่าประมาท --- ฯลฯ หมายเหตุ การแสดง คคห ข้างบน -- น่าจะเนื่องกับ นิยามคำว่า --- DOS  -- ที่แปล (ในที่นี้) ว่า ---Don't deny of service --- (DOS = พุทธทาส (ที่ไม่ใช่ แค่ ท่านพุทธทาสภิกขุ ฯ) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 07:10:53

ความคิดเห็นที่ 11 อาการนี้ผมก็เป็นครับ  พยายามหาทางระงับยับยั้งอยู่ อย่างน้อยให้ทรงๆ ไว้ไม่เสื่อมถอยเร็วเกินไปนักก็ยังดี  แต่ก็เหมือนว่ายากจริง ๆ กับการใช้ชีวิตในสังคมที่เร่งรีบสับสนวุ่นวายในยุคปัจจุบัน     คิดว่าส่วนหนึ่งอาจจะมาจากปัญหาสุขภาพของเราเองด้วยก็ได้  เป็นเรื่องของสังขาร เคยฟังหลวงตามหาบัวฯ ท่านเทศน์ ได้ยินท่านพูดบ่อยๆ สัญญาความจำมันหดเข้าๆ ทุกทีเมื่อกี้พูดอะไรไปก็ลืมแล้ว ฟังเทศน์ของท่านแล้วก็ทำให้นึกย้อนมาถึงตัวเองว่าเราอายุขนาดนี้ยังหลงๆ ลืมๆ ขนาดนี้  ตอนแก่นี่จะขนาดไหนนะ  สังขารมันไม่เที่ยงจริง ๆ จากคุณ : time wait for no one เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 08:33:18

ความคิดเห็นที่ 12 ลองดูครับ พอมีสติบ้าง แล้วใช่ว่าจะไม่ลืมนะครับ แต่เราจะรู้ว่า ทำไมถึงลืม ตอนที่ลืม เราคิดอะไร ทำอะไร พลาดอะไร สติจะช่วยให้เราสามารถพิจารณา ไตร่ตรอง และ ปรับปรุงแก้ไขได้ต่อไป จากคุณ : นายไวรัส เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 08:45:49

ความคิดเห็นที่ 13 เราก็พอๆ กับ จขกท เลย โคตรขี้ลืมอ่ะ ป้ำๆ เป๋อๆ มาก มักจำเหตุการณ์เมื่อวานกับวันนี้สลับกันเรื่อยเลย -_-" จากคุณ : snoopy21 เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 09:41:19

ความคิดเห็นที่ 14 คนมักลืมหลง เพราะในขณะที่กำลังทำอย่างหนึ่ง ก็ไปคิดๆๆ คิดอย่างอื่น คิดไปในอดีตมั่ง คิดไปในอนาคตเรื่องต่อๆไปมั่ง ร้อยแปดพันอย่าง   ^  ^   คุณ จขกท เป็นอย่างนี้มั้ย ที่คุณเป็นอยู่เพราะความเคยชิน จนรีบ รน ติดเป็นนิสัย ให้เปลี่ยนซะ ให้ช้าลง  แล้วทำตามที่แนะนำ   >> เวลาจะทำอะไร ให้ทำทีละอย่าง ไม่ต้องรีบร้อน ** ทำเรื่องตรงหน้าให้เสร็จเป็นอย่างๆไป ** จะปิดไฟ ก็ปิดไฟ ไม่ใช่ไปคิดเรื่องอื่นอยู่   ทำอย่างนี้ ไม่นานอาการหลงๆลืมๆ ก็จะดีขึ้น ส่วนเวลาอยู่ว่างๆ ให้รู้ลมหายใจไป  หายใจยาวๆ   หายใจเข้า รู้ หายใจออก รู้ หายใจสั้น รู้ หายใจยาว รู้ หายใจอย่างไร ก็รู้ รู้เป็นธรรมชาติ ไม่อึดอัด สบาย สบาย ทำอย่างนี้ จะลดอาการคิดซอกแซกติดต่อต่อเนื่องของคุณได้ แล้วไม่นาน สติ สมาธิคุณ ก็จะดีขึ้นเอง แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 55 10:14:28 จากคุณ : saengdaed เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:11:30

ความคิดเห็นที่ 15 กรอกลูกตา นิดๆนะ แบบ ซ้ายไปขวา เหลือกตา พยายามให้ปอดรับออกวิเจนมากๆครับ จากคุณ : HeavenMoon เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 13:00:07

ความคิดเห็นที่ 16 ปลูกศรัทธาให้เกิดมีขึ้นใน องค์สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ...  มี  "ตถาคตโพธิสัทธา" อย่างแน่นแฟ้น  ไม่หวั่นไหว   เชื่อมั่นในพระปัญญาการตรัสรู้ของพระองค์ท่าน  เชื่อว่า  "ธรรม" ที่พระองค์ท่านตรัสรู้และประกาศมาตลอด ๔๕ พรรษานั้น  เป็นของจริง   ประพฤติปฏิบัติตามแล้ว  ย่อมได้ผลจริง.... ตถาคตเกิดขึ้นแล้วในโลกนี้   เป็นอรหันต์ตรัสรู้ชอบด้วยตนเอง   ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ  ไปแล้วดี                     รู้แจ้งโลก  เป็นสารถีฝึกบุรุษ  ไม่มีสารถีอื่นยิ่งกว่า  เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์  เป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์. ตถาคตนั้น  กระทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้  พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก  พรหมโลก  หมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์  ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้ผู้อื่นรู้. ตถาคตนั้น แสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น  ไพเราะในท่ามกลาง  ไพเราะในที่สุด,                                           ประกาศพรหมจรรย์บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง  พร้อมทั้งอรรถะ  พร้อมทั้งพยัญชนะ. พระองค์ทรงตรัสสรรเสริญว่า อานาปานสติสมาธิ  เป็น   "ธรรมอันเอก"  และทรงอยู่โดยมากตั้งแต่สมัยครั้งยังเป็น "พระโพธิสัตว์"   และจิตของท่านก็หลุดพ้นจากอาสวะได้ด้วย  "อานาปานสติสมาธิ" .... ภิกษุ ท. ! แม้เราเองก็เหมือนกัน  ในกาลก่อนแต่การตรัสรู้  ยังไม่ได้ตรัสรู้  ยังเป็นโพธิสัตว์อยู่ ย่อมอยู่ด้วยวิหารธรรม  คือ อานาปานสติสมาธินี้ เป็นส่วนมาก. เมื่อเราอยู่ด้วยวิหารธรรมนี้เป็นส่วนมาก กายก็ไม่ลำบาก ตาก็ไม่ลำบาก และ  ....  จิตของเราก็  หลุดพ้นจากอาสวะ  เพราะไม่มีอุปาทาน. ภิกษุ ท. ! อานาปานสติสมาธินี้แล เป็นธรรมอันเอก  ซึ่งเมื่อบุคคลเจริญแล้ว  ทำให้มากแล้ว  ย่อมทำ สติปัฏฐานทั้ง ๔ ให้บริบูรณ์ ;    ( ---- >  ตอบโจทย์ ท่าน จขกท และ อานิสงส์สูงสุด ย่อมเกิดมีได้ ด้วย อานาปานสติสมาธิ  เช่นกัน ...) สติปัฏฐาน ๔ อันบุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมทำโพชฌงค์ทั้ง ๗ ให้บริบูรณ์; โพชฌงค์ทั้ง ๗ อันบุคคลเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมทำวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์ได้. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย !  การบรรลุธรรมอันเลิศ  ด้วยการกระทำอันเลวนั้น  ย่อมมีไม่ได้ ; แต่ว่า ...  "" การบรรลุธรรมอันเลิศ   ด้วยการกระทำอันเลิศนั้น   ย่อมมีได้ ""  แล... อานาปานสติสูตร http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=14&A=3924&Z=4181 จากคุณ : ปีติ ปราโมทย์ รื่นรมย์ยิ่งนัก (คนดู) เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 22:43:02

ความคิดเห็นที่ 17 เราก็เป็นโรคเดียวกับจขกท ค่ะ เป็นมาตั้งแต่เด็กเลย ตอนเด็กๆ เคยลืมใส่ กกน. ไปโรงเรียน พอโตมาเข้าห้องน้ำยังลืมกดชักโครก ลืมกุญแจบ้านไว้ที่แม่กุญแจ แบบพร้อมเปิด ขนาดรีเทนเนอร์ที่อยู่ในปากยังลืมหายบ่อยๆ เราใช้วิธีทำอะไรให้ช้าลง ไม่รีบร้อน ที่สำคัญการทำสมาธิและการเจริญสติบ่อยๆในชีวิตประจำวัน ช่วยได้แน่นอนค่ะ จากคุณ : ศรารัศมิ์ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 23:04:06

ความคิดเห็นที่ 18 1.ทำสิ่งต่างๆให้ช้าลง   2.ฝึกสติให้รู้ทัน ฝึกรู้สึกตัวในชีวิตประจำวัน ไม่ไหลคิดไปตามสิ่งที่เข้ามากระทบ สองอย่างนี้ช่วยได้ครับ แต่ไม่ 100% หรอก ความจำ (สัญญา) มันไม่เที่ยง 3.การทานยาและอาหารบำรุงสมองบางอย่างช่วยได้ครับ 4.การเปลี่ยนนิสัยช่วยได้ครับ เช่น มีวินัยในตัวเองมากขึ้น กินเช้าเยอะ เที่ยงปานกลาง เย็นน้อย นอนเร็วหัวค่ำรีบตื่นหัวรุ่ง ลดการงานลง แบ่งการงานเป็นชิ้นย่อยๆ และทำไปทีละขั้น ไม่กดดันตัวเองมากหรือหย่อนยานเกินไป ฝึกทำสิ่งที่ไม่เคยชินบ้าง เป็นการกระตุ้นการเรียนรู้ ช่วยทำให้ความจำดีขึ้นได้ครับ จากคุณ : BlueDelphi เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 22:25:58

ความคิดเห็นที่ 19 ขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านสำหรับคำแนะนำที่ดีมากมากเลยค่า ขออนุญาต bookmark ไว้อ่านบ่อยๆ นะคะ ขอบคุณอีกครั้งจากใจค่า จากคุณ : BeautyDiet เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 00:25:25