|
แนวทาง วิปัสสนายานิก หรือ วิปัสสนาขณิกสมาธิ (วิปัสสนาล้วน) มีแนวทางดังนี้
การเจริญสติปัฏฐานหมวดพิจารณาอิริยาบถ ๔ จากพระไตรปิฏก อรรถกถา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=29201
เนื้อความตามพระบาลีที่ยกมานี้ มีคำอธิบายอย่างย่อ ๆ ดังต่อไปนี้ คำว่า คจฺฉนฺโต วา คจฺฉามีติ ปชานาติ แปลว่า " เดินอยู่ ก็ดี ก็ย่อมรู้ชัดว่าเดินอยู่ " ดังนี้ ก่อนอื่น พึงทราบว่า คำว่า " ปชานติ " ที่แปลไปก่อนว่า " รู้ชัด " ในที่นี้ มีความหมายพิเศษเฉพาะเรื่องอยู่ จำต้องอธิบาย หากไม่อธิบายศัพท์นี้ก่อน ก็ย่อมมองไม่เห็นว่า การสอนให้พิจารณาอิริยาบถนี้ เป็นการปฏิบัติธรรมอย่างไร เพราะใคร ๆ ในเวลาที่เดิน ก็ย่อมรู้ชัด คือรู้แน่แก่ใจว่าตนเดินอยู่ ในเวลาที่ยืน ในเวลาที่นั่ง หรือในเวลาที่นอน ก็ย่อมรู้ชัดว่า ยืนอยู่ นั่งอยู่ หรือนอนอยู่ คนวิกลจริตเสียสติเท่านั้น ที่ในเวลาเดิน ก็ไม่รู้ว่าเดินอยู่ อย่าว่าแต่มนุษย์เลย แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน มีสุนัขเป็นต้น มันทรงกายอยู่ในอิริยาบถคือท่าทางนั้น ๆ ความรู้อย่างนี้ มีอยู่แก่สัตว์ทั้งหลายตามปกติ ไม่ใช่ความรู้ที่ต้องอบรมทำให้เกิดขึ้น แต่ความรู้ของผู้ปฏิบัติสติปัฏฐานหมวดนี้ เป็รความรู้ที่ต้องอบรมทำให้เกิดขึ้น เป็นไปเพื่อถอนความเข้าไปถือเอาว่าเป็นสัตว์ ที่เรียกว่า สัตตูปลัทธิ เป็นไปเพื่อทำกิเลสให้สิ้นไป เป็นไปเพื่อความพ้นจากทุกข์ทั้งปวงในที่สุด เพราะฉะนั้น จึงกล่าวคำว่า " ปชานาติ " นี้ มีความหมายพิเศษ จำต้องมีคำอธิบาย
คำว่า " ปชานาติ " เป็นคำกิริยา ที่แปลว่า " รู้ชัด " เป็นการแปลไปก่อนเพื่อป้ปงกันคำพูดเยิ่นเย้อ หรือฟังไม่รื่นหูเท่านั้น ความจริงท่านให้ความหมายของศัพท์ไว้ดังนี้ " ปกาเรหิ ชานาติ ปชานาติ " แปลว่า " รู้โดยประการทั้งหลาย ชื่อว่า ปชานาติ " หมายความว่าในสิ่งที่ควรรู้นั้น มีประการอะไร ๆ ที่ควรรู้สักกี่ประการก็ตาม ก็ย่อมรู้สิ่งนั้น โดยประการทั้งหมดนั้น
ในเวลาที่เดินอยู่ ประการที่ควรรู้ในอิริยาบถเดิน มี ๓ ประการคือ ๑. โก คจฺฉติ - ใครเดิน, นี้ก็เป็นประการหนึ่งที่ควรรู้ ๒. กสฺส คมนํ -- การเดินเป็นของใคร, นี้ก็เป็นประการหนึ่งที่ควรรู้ ๓. กึ การณา คจฺฉติ -- เพราะเหตุไรจึงเดิน, นี้ก็เป็นประการหนึ่งที่ควรรู้
ประการแรก โก คจฺฉติ -- ใครเดิน, มีอรรถาธิบายว่า อาการเดิน ท่าทางที่เดิน เป็นเพียงอาการของรูปธรรมเท่านั้น รูปนั่นแหละเดิน หามีสัตว์ บุคคล หญิง ชาย ในอาการเดินนั้นไม่ การพิจารณาเห็นตามความเป็นจริงอย่างนี้ เป็นไปเพื่อการถอนทิฏฐิ คือความเห็นผิดว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคลผู้เดิน ประการที่ ๒ กสฺส คมนํ -- การเดินเป็นของใคร มีอรรถาธิบายว่า การเดิน คือ อาการที่เดิน ท่าทางที่เดิน ไม่ใช่ของสัตว์ ไม่ใช่ของบุคคล ไม่ใช่ของหญิง ไม่ใช่ของชาย ตลอดจนไม่ใช่ของผู้ปฏิบัติ ไม่ใช่ของพระโยคี ไม่ใช่ของพระกรรมฐาน เพราะว่าอย่าว่าแต่สัตว์ บุคคล หญิง ชายเลย
------------------------------------------------------ เหตุผลในการกำหนดอิริยาบถ http://www.abhidhamonline.org/Ajan/book.htm
------------------------------------------------------- การเดินตามหลักของการเดิน http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=1779
ในหมวดอิริยาบถ ๔ อย่าง คือ การเดิน ยืน นั่ง หรือนอนนี้ ในพระบาลีมหาสติปัฏฐานสูตร พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า กาเย กายานุปสฺสี วิหรตี แปลว่า ผู้ปฏิบัติพิจารณาเห็นกายในกายเนืองๆ อยู่
อันนี้หมายความว่า คำว่า กาเย เป็นคำรวมกันอยู่ของการเดิน ยืน นั่ง หรือนอน
แต่เวลาจะใช้อิริยาบถ ๔ เราไม่ได้เอาใช้พร้อมกัน
เพราะความจริงมันใช้พร้อมกันไม่ได้อยู่แล้ว
ด้วยเหตุนี้ในพระบาลีจึงได้ทรงแยกออกมาพิจารณาทีละอิริยาบถ
ซึ่งตรงกับพระบาลีว่า กายานุปสฺสี ตัดบทออกเป็น กายํ และ อนุปสฺสี
ที่แปลว่า พิจารณาหรือดูกาย คือ
อิริยาบถที่กำลังปรากฏอยู่เนืองๆ
หมายความว่า ผู้ปฏิบัติจำเป็นต้องสังวรระวังอยู่ในอิริยาบถเนืองๆ เป็นอินทรีย์สังวรศีล มีสติตั้งมั่นอยู่ในท่าเดินนั้น และมีสัมปชัญญะรู้สึกตัวอยู่เสมอว่า การเดินเป็นอะไร
คือ เป็นรูปหรือเป็นนาม ถ้าเป็นรูปจะต้องรู้ด้วยว่าเป็นรูปอะไร
เพราะมีรูปอยู่ด้วยกันหลายรูป
อีกประการหนึ่ง การที่จะผลัดเปลี่ยนจากอิริยาบถหนึ่งไป หาอิริยาบถหนึ่งมิใช่อยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนไปตามใจชอบไม่ได้ ต้องมีความจำเป็นจึงต้องเปลี่ยน และจะต้องรู้ด้วยว่าจะเปลี่ยนไปทำไม เพื่ออะไร ถ้าจะไม่เปลี่ยนจะได้ไหม แม้ในอิริยาบถอื่นๆ ก็มีนัยอย่างเดียวกัน ความจริงตัณหาและทิฏฐิที่เป็นอนุสัยมันคอยนอนเนื่องอยู่ในความรู้สึก คือ
รู้สึกว่าเราเดิน การเดินเป็นเรา
อันนี้เพราะถูกความไม่รู้ปิดบังเป็นเจ้าเรือนอยู่ ถูกอวิชชาหุ้มห่ออยู่อย่างสนิท
ถ้าไม่มีวิชา คือ วิปัสสนามาเปิดขึ้นแล้ว
สัตว์ทั้งหลายจะไม่เห็นความจริงคือทุกข์ได้เลย เมื่อไม่เห็นความจริงก็หลุดพ้นจากทุกข์ไม่ได้
พูดถึงเรื่องการเดิน ๖ ระยะ เรื่องนี้มีแสดงไว้ในเขตของสัมมสนญาณ ซึ่งอยู่ในส่วนของมัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ คือ เมื่อเกิดปัญญาแล้วจึงเห็นเป็นระยะๆ แบบนั้น แต่ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติมาจัดทำกันขึ้นเองเหมือนอย่างที่กำลังทำอยู่ในทุกวันนี้
================================
คุณเฉลิมศักดิ์1 คะ ขอรบกวนช่วยสอนการเดินจงกรมหน่อยได้มั้ยคะเอาแนะนำคร่าวๆ หรือรบกวนของแหล่งข้อมูลเกี่ยวดินจงกรมก็ได้ค่ะ ------------------------------------------
การเดินก็เดินตามปกตินี้แหละครับ ไม่ต้องไปสร้าง ท่าเดินแบบใหม่ ขึ้นมาเพ่ง แต่ขอให้มี โยนิโสมนสิการ ตามพระไตรปิฏก อรรถกถา และพระวิปัสสนาจารย์ผู้ทรงความรู้ได้บรรยายไว้
แต่ถ้าเป็นการเดินสมาธิ สร้างอิริยาบถขึ้นมาเพ่งได้ครับ
จากคุณ |
:
เฉลิมศักดิ์1
|
เขียนเมื่อ |
:
9 พ.ย. 55 13:30:27
|
|
|
|
|